10 อันดับ บิ๊กไบค์ สําหรับมือใหม่ ปี 2023 น้ำหนักเบา ควบคุมง่าย

หนึ่งในรุ่นยอดนิยมของคนไทยจากแบรนด์ DUCATI ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ Desmodue รูปตัว L ที่โดดเด่นในเรื่องการระบายความร้อน และความจุกระบอกสูบที่สูงถึง 803cc ทำให้รถมีกำลังแรง แต่ยังประหยัดพลังงานด้วยระบบจ่ายน้ำมันเครื่องแบบหัวฉีด การขับขี่จึงเป็นไปอย่างลื่นไหล นอกจากนี้ Monster797 ยังมีเทคโนโลยีการออกแบบที่ให้ความสำคัญกับความสบายขณะขับขี่ จึงทำให้สามารถใช้ได้ทั้งในชีวิตประจำวันและการออกทริปเลยครับ

ทาง HONDA ได้ติดตั้งเครื่องยนต์แบบ 2 สูบ ที่มีความจุกระบอกสูบอยู่ที่ 745cc และมีกำลังสูงสุดอยู่ที่ 50 แรงม้า จึงทำให้ NC750X (DCT) ถือเป็นบิ๊กไบค์ที่มีพละกำลังเครื่องยนต์ค่อนข้างสูง และเหมาะสำหรับการขับขี่ท่องเที่ยวที่มีระยะทางไกล นอกจากนี้ ยังมีการออกแบบที่ดูดุดัน พร้อมกับกระจกกันลมขนาดใหญ่เพื่อลดแรงปะทะของลมขณะขับขี่ และไฟ LED ที่ช่วยในการมองเห็นตอนกลางคืน จึงทำให้การขับขี่ทั้งตอนกลางวันและกลางคืนเป็นไปอย่างราบรื่น

New MT-07 เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ถือว่าขายดีตลอดการของแบรนด์ YAMAHA เนื่องจากมีการติดตั้งเครื่องยนต์ขนาด 2 สูบ มีความจุที่ 689cc มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ช่วยให้อัตราการเร่งเป็นไปอย่างลื่นไหลตลอดการขับขี่ นอกจากนี้ ในปี ค.ศ. 2021 ทาง YAMAHA ยังได้ปรับดีไซน์ใหม่ให้มีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น และมีระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งถือว่าคุ้มค่ากับราคา จึงทำให้ New MT-07 2021 เป็นบิ๊กไบค์ที่ตอบโจทย์มือใหม่ในหลาย ๆ ด้าน

อีกหนึ่งบิ๊กไบค์ประเภท Naked ที่ระบายความร้อนได้ดี จึงเหมาะกับการขับขี่ในเมืองและการใช้ในชีวิตประจำวัน ตัวกระบอกสูบมีความจุถึง 649cc และระบบส่งกำลังถึง 6-สปีด ทำให้เครื่องยนต์มีความแรง แต่ยังอยู่ในเกณฑ์ควบคุมง่าย จึงเหมาะสำหรับนักบิดมือใหม่เป็นอย่างมาก นอกจากนี้ Kawasaki Z650 ถูกออกแบบมาให้ใช้เครื่องยนต์แบบคู่ขนาน ทำให้ในขณะขับขี่เครื่องยนต์มีพลังมากแต่ยังคงความนุ่มนวล รวมถึงยังช่วยประหยัดพลังงานอีกด้วย

YAMAHA XSR700 ถูกออกแบบโดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย มีเครื่องยนต์ 2 สูบ มีความจุกระบอกสูบอยู่ที่ 689cc ประกอบกับระบบโช้คแบบ Link-type Monocross ที่จะช่วยให้อัตราการเร่งไม่ติดขัด และเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมรถขณะขับขี่ อย่างไรก็ตาม ทาง YAMAHA ยังคงเอกลักษณ์พิเศษของมอเตอร์ไซค์ในยุคเรโทรอย่างไฟหน้าและหน้าปัดทรงกลม จึงทำให้ Yamaha XSR700 เป็นการผสมผสานระหว่างความวินเทจและความทันสมัยที่ลงตัว

บิ๊กไบค์ประเภท Sport แต่ถูกออกแบบให้เหมาะกับการขับขี่ในเมืองมากขึ้น โดยนำเอาดีไซน์ของรถมอเตอร์ไซค์รุ่นเก่าที่มีจุดเด่น คือ ไฟหน้าทรงกลมมาผสมกับดีไซน์รุ่นใหม่แบบบิ๊กไบค์ Sport ในสนามแข่ง ทำให้รุ่นนี้ดูสวย สะดุดตา อย่างไรก็ตาม CB650R ยังคงความจุกระบอกสูบที่ 649cc และระบบส่งกำลัง 6-สปีด ทำให้บิ๊กไบค์รุ่นนี้ยังคงความแรงของเครื่องยนต์เอาไว้ได้ดี นอกจากนี้ การออกแบบยังเป็นไปตามหลัก 3 เหลี่ยมด้านเท่า ทำให้มีความสมดุลเท่ากันตลอดทั้งคัน และยังง่ายต่อการควบคุมอีกด้วย

SUZUKI V-Strom650 มาพร้อมกับกระบอกสูบที่มีความจุถึง 645cc และระบบ Low RPM Assist ช่วยในเร่งการบิดคันเร่งขณะออกตัว นอกจากนี้ เนื่องจากรุ่นนี้มีความจุกระบอกสูบค่อนข้างแรง จึงมีระบบ Traction Control เพิ่มเข้ามา ซึ่งช่วยให้การควบคุมรถเป็นไปได้ง่ายมากขึ้น อีกทั้งยังมีดีไซน์เท่สะดุดตา มาพร้อมกับกระจกกันลม ทำให้มือใหม่สามารถนำ Suzuki V-Strom650 ไปออกทริปทางไกลกับเพื่อน ๆ ได้อย่างสนุกสนานและปลอดภัย

บิ๊กไบค์ประเภท Naked ที่นอกจากจะใช้ขับขี่ในเมืองได้สะดวกแล้ว ยังสามารถนำออกไปขับขี่เพื่อการท่องเที่ยวได้อีกด้วย เพราะ Rebel 500 มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 2 สูบ และมีความจุ 471cc ซึ่งถือว่าไม่มากไม่น้อยเกินไปสำหรับนักบิดมือใหม่ นอกจากนี้ ยังมีดีไซน์ที่คงเอกลักษณ์ความคลาสสิก ซึ่งก็คือรูปทรงของรถที่เรียกว่า สไตล์คัสตอมบ็อบเบอร์และไฟหน้าทรงกลม จึงทำให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสความล้ำสมัยของเทคโนโลยี และความเท่แบบคลาสสิกไปพร้อม ๆ กัน

รุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้สำหรับการขับขี่ทางไกล เหมาะสำหรับผู้ที่รักการท่องเที่ยว ด้วยความจุกระบอกสูบ 652cc ที่แข็งแรงทนทานและระบบส่งกำลัง 5-สปีด ทำให้บิ๊กไบค์รุ่นนี้มีกำลังเครื่องยนต์แรง นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับระบบจ่ายน้ำมันเครื่องแบบหัวฉีด จึงไม่ต้องกังวลกับปัญหาเปลืองน้ำมันและยังช่วยให้ขับได้ไกลขึ้น ไม่ต้องแวะเติมน้ำมันบ่อย ๆ อีกด้วย ในส่วนของการออกแบบ ทาง Kawasaki ได้ออกแบบตามหลักสรีระศาสตร์ จึงทำให้ขับขี่ได้อย่างสบายตัวแม้การเดินทางจะมีระยะทางที่ยาวไกล

Honda CBR500R เหมาะสำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มขับบิ๊กไบค์เป็นอย่างมาก เนื่องจากมีความจุกระบอกสูบอยู่ 471cc ซึ่งถือว่าไม่สูงเกินไป แต่ด้วยระบบส่งกำลังถึง 6-สปีดจึงไม่ต้องกังวลเลยว่า บิ๊กไบค์คันนี้จะไม่แรงเท่าคันอื่น ๆ นอกจากนี้ ด้วยดีไซน์แบบสปอร์ต จึงทำให้เมื่อขับขี่แล้วจะรู้สึกเหมือนเป็นนักแข่งในสนามเลยครับ เหมาะกับมือใหม่ที่ชื่นชอบความเร็วเป็นอย่างมาก อีกทั้งทาง HONDA ยังได้ผลิต CBR500R ออกมาถึง 3 สี นั่นคือ สีดำ สีแดง และสีขาวให้ได้เลือกตามใจชอบอีกด้วย