10 อันดับ ข้าวญี่ปุ่น ยี่ห้อไหนอร่อย ปี 2023 แบบพร้อมทาน ข้าวสาร พร้อมวิธีหุง

ข้าวญี่ปุ่น พันธุ์โคชิฮิคาริ หนึ่งในข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์ที่มีความเหนียวนุ่ม หุงขึ้นหม้อ จนกลายเป็นที่ยอมรับอย่างแพร่หลายทั้งในญี่ปุ่นและไทย โดยข้าวสายพันธุ์นี้ได้รับการปลูกที่จังหวัดนีงาตะ ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีนาข้าวจำนวนมากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น เอกลักษณ์ของข้าวพันธุ์นี้อยู่ที่ความนุ่มกำลังดี มีกลิ่นหอมน่ารับประทาน เหมาะสำหรับรับประทานคู่กับอาหารทุกประเภท

นอกจากนี้ ยังสามารถนำมาประกอบเมนูดงบุริ ข้าวปั้นหรือข้าวหน้าต่าง ๆ ได้ โดยแนะนำให้หุงด้วยอัตราส่วน ข้าว 1 : น้ำ 1.25 เพื่อให้ได้ข้าวที่สุกขึ้นหม้อและนุ่มละมุน จากเสียงรีวิวของคนที่ลองซื้อไปหุงรับประทานที่บ้านกล่าวว่าข้าวรสชาติอร่อย เหนียวนุ่มมากค่ะ

สำหรับบ้านไหนที่ชอบความคุ้มค่า ราคาประหยัด เพื่อตอบโจทย์บ้านที่มีสมาชิกในครอบครัวจำนวนมาก เราขอแนะนำข้าวญี่ปุ่นจาก Minori ที่ทางแบรนด์ได้เลือกใช้ข้าวใหม่ต้นฤดูสายพันธุ์ซาซานิชิกิที่มีความสดใหม่ เพราะทำการจำหน่ายทันทีหลังจากสีข้าวไม่เกิน 1 เดือน ทำให้ข้าวมีความเหนียวนุ่ม รับประทานง่าย และมีความร่วนในระดับหนึ่ง หลายบ้านนิยมนำมาใช้ทำเป็นซูชิหรือรับประทานคู่กับเมนูต่าง ๆ 

สัดส่วนของข้าวและน้ำที่เหมาะสมในการหุงนั้น แนะนำให้ใช้ ข้าว 1 : น้ำ 1.2 - 1.5 ถ้วย เพื่อให้ข้าวหุงขึ้นฟู เมื่อสุกแล้วควรปล่อยให้ข้าวระอุประมาณ 10 นาทีก่อนเปิดฝาหม้อ หลังจากนั้นให้ใช้ทัพพีซุยข้าวให้เข้ากัน ข้าวจะหอมนุ่มน่ารับประทานยิ่งขึ้น จากเสียงรีวิวของชาวเน็ตชื่นชอบที่ราคาไม่สูงมากจนเกินไปค่ะ

ข้าวญี่ปุ่นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่เป็นที่ขึ้นชื่อของข้าวจากจังหวัดนีงาตะ นั่นก็คือ สายพันธุ์โคชิอิบุกิ ซึ่งจุดเด่นของข้าวสายพันธุ์นี้นั้นอยู่ที่ความเหนียวนุ่ม หวานและหอมน่ารับประทานตามแบบฉบับของข้าวญี่ปุ่นแท้ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับใช้ทำซูชิหรือข้าวปั้น รวมถึงข้าวห่อสาหร่าย หรือใครที่ต้องการรับประทานเป็นข้าวสวยคู่กับเมนูต่าง ๆ เช่น ปลาซาบะย่าง, ปลาไหลย่าง หรืออื่น ๆ ก็เข้ากันได้เป็นอย่างดี

โดยทางแบรนด์แนะนำให้เก็บรักษาข้าวไว้ในตู้เย็นด้วยอุณหภูมิประมาน 15 - 20 องศาเซลเซียส เพื่อรักษาคุณภาพของข้าวไว้ให้ดีที่สุด ความคิดเห็นของชาวเน็ตกล่าวว่าข้าวรสชาติดี เมล็ดข้าวมีความใสสะอาด และที่สำคัญ เป็นข้าวชนิดที่ไม่ต้องซาวน้ำด้วยค่ะ

ใครที่กำลังมองหาข้าวญี่ปุ่นแบบไม่ต้องซาวน้ำก่อนหุง วันนี้เราก็มีข้าวญี่ปุ่น สายพันธุ์ฮิโตะเมะโบเระ จากจังหวัดอิวาเตะถุงนี้มาแนะนำค่ะ โดยข้าวสายพันธุ์นี้เป็นข้าวสายพันธุ์ใหม่ที่พัฒนามาจากสายพันธุ์โคชิฮิคาริ มีจุดเด่นอยู่ที่ความหอมหวานตามสไตล์ข้าวญี่ปุ่น แถมยังนุ่มนานอีกด้วย ด้วยเหตุนี้ หลายคนจึงนิยมนำไปใช้ทำเมนูซูชิหรือข้าวปั้น เนื่องจากเมล็ดข้าวมีขนาดใหญ่ หุงแล้วมีความมันวาว และเหนียวนุ่ม

สัดส่วนที่เหมาะสมในการหุงข้าวยี่ห้อนี้อยู่ที่ ข้าว 1 : น้ำ 1.2 ซึ่งเมื่อหุงข้าวสุกแล้วให้รอระอุประมาณ 15 นาที จากเสียงรีวิวชื่นชอบที่ข้าวอร่อย ใช้ทำได้หลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นข้าวปั้น ซูชิ หรือรับประทานเป็นข้าวสวย รวมถึงโรยใส่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรับประทานก็ได้ค่ะ

พ่อบ้านแม่บ้านคนไหนที่ชอบข้าวญี่ปุ่นที่หุงง่าย สะดวกรวดเร็ว ไม่ต้องซาวข้าวก่อนหุง เราขอแนะนำข้าวญี่ปุ่น สายพันธุ์กิงกะโนะชิซึกุ ที่เพาะปลูกในจังหวัดอิวาเตะของประเทศญี่ปุ่น ตัวข้าวมีจุดเด่นอยู่ที่ความเหนียวนุ่ม รสชาติหวานเล็กน้อย หุงสุกแล้วมีกลิ่นหอม เหมาะสำหรับใช้หุงรับประทานคู่กับอาหารสไตล์ญี่ปุ่นเมนูต่าง ๆ หรือจะทำเป็นซูชิหรือข้าวปั้นรับประทานเป็นมื้อระหว่างวันก็ได้เช่นกัน

ที่สำคัญ ข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์นี้ยังไม่จำเป็นต้องซาวข้าวก่อนหุง สามารถหุงได้เลย ทำให้หลายคนชอบมาก จากความคิดเห็นของผู้ที่ได้ลองซื้อไปหุงรับประทานจริงกล่าวว่าข้าวมีความหวาน หนึบและนุ่ม อร่อยมาก อีกทั้งยังแนะนำให้เก็บรักษาในตู้เย็นเมื่อป้องกันไม่ให้มอดเข้ามาทำลายข้าวค่ะ

ยูคินโกะไม ข้าวสายพันธุ์ใหม่ส่งตรงจากเมืองนีงาตะถุงนี้ เป็นข้าวที่ได้รับการผสมผสานข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์ Domannaka และ Yukinosei เข้าไว้ด้วยกัน ทำให้ข้าวมีจุดเด่นอยู่ที่ความเหนียวนุ่ม เคี้ยวเพลิน ให้เนื้อสัมผัสที่ละมุนและมีความหวานของข้าว พ่อบ้านแม่บ้านหลายคนนิยมนำมาใช้ทำซูชิ ข้าวปั้น รวมถึงรับประทานเป็นข้าวสวยร้อน ๆ คู่กับเมนูต่าง ๆ เช่น แฮมเบิร์ก, ทงคัตสึ และอื่น ๆ อีกมากมาย

นอกจากนี้ เมื่อหุงสุกแล้วข้าวยังเรียงเป็นเม็ดสวย ไม่จับตัวติดกันเป็นก้อน จากเสียงรีวิวกล่าวว่าเป็นข้าวที่ค่อนข้างใหม่ รสชาติดี แต่ต้องระมัดระวังในการจัดเก็บ เพราะหากข้าวโดนความชื้นอาจทำให้คุณภาพลดลง รวมถึงหากวางไว้ใกล้อาหารที่มีกลิ่นแรงอาจทำให้ข้าวเหม็นได้ค่ะ

ไม่ว่าจะหุงรับประทานคู่กับอาหารญี่ปุ่น ทำซูชิหรือทำข้าวปั้นก็อร่อย ด้วยข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์ ฮิโตเมะโบเระจากเมืองอิวาเตะ ประเทศญี่ปุ่น ที่มีความอร่อยตามแบบฉบับของข้าวญี่ปุ่นแท้ ขึ้นชื่อในเรื่องของความหนึบหนับเหนียวนุ่ม ทั้งยังมีรสชาติหวานกำลังพอดี จึงเหมาะสำหรับนำมาทำหลากหลายเมนู โดยในการหุงข้าวให้นุ่มฟูขึ้นหม้อนั้น แนะนำให้ตวงข้าวด้วยสัดส่วน ข้าว 1 : น้ำ 1.25 ถ้วย เพื่อให้ข้าวสุกและนุ่มกำลังพอดี

ในส่วนของการเก็บรักษานั้น ควรเก็บที่อุณหภูมิประมาณ 15 - 20 องศาเซลเซียส หรือเก็บในตู้เย็นเพื่อป้องกันมอดและเพื่อยืดอายุการเก็บรักษาให้ยาวนานยิ่งขึ้น จากเสียงรีวิวชื่นชอบที่มีคู่มือวิธีการหุงข้าวให้ และตัวข้าวมีรสชาติดี มีลักษณะมันวาว และนุ่มมากค่ะ

ข้าวญี่ปุ่นแท้ ๆ ที่ส่งตรงมาจากฮอกไกโด ซึ่งเป็นเมืองที่มีธรรมชาติสวยงามและอุดมสมบูรณ์ที่สุดเมืองหนึ่ง ข้าวที่ได้ออกมาที่มีเมล็ดสวย รสชาติหวานหอมและมีความเหนียวนุ่ม เหมาะอย่างยิ่งสำหรับใช้ทำเมนูซูชิ ข้าวปั้น หรือจะรับประทานเป็นข้าวสวยร้อน ๆ คู่กับเมนูโปรดเมนูอื่น ๆ ก็ได้เช่นกัน โดยแนะนำให้ซาวข้าวประมาณ 30 วินาที 2 - 3 ครั้งจนน้ำใสก่อนนำไปหุง และใช้สัดส่วนน้ำและข้าวในปริมาณที่เท่ากันในการหุง

ในส่วนของการเก็บรักษา แนะนำให้เก็บในที่แห้งและเย็น รวมถึงหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดโดยตรง เพราะอาจทำให้ข้าวแห้งและแตกได้ รวมถึงไม่ควรวางไว้ใกล้อาหารที่มีกลิ่นแรง เพราะข้าวอาจดูดซับกลิ่นและมีกลิ่นเหม็นได้ จากความเห็นของชาวเน็ตกล่าวว่าหากหุงตามคำแนะนำที่บอกจะได้ข้าวที่นุ่มฟูกำลังพอดีเลยค่ะ

มาต่อกันที่ข้าวญี่ปุ่นจากแบรนด์คนไทยตราไก่แจ้ ที่ได้วางจำหน่ายข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์ซาซานิชิกิออกมาให้คนไทยที่รักการรับประทานข้าวญี่ปุ่นได้ลิ้มลองกันด้วยเช่นกัน โดยทางแบรนด์ได้คัดสรรเอาข้าวคุณภาพดีที่ปลูกอย่างเอาใจใส่และพิถีพิถันโดยชาวนาที่มากประสบการณ์ก่อนนำมาเข้าสู่กระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานและทันสมัย จนได้ข้าวญี่ปุ่นที่สะอาดและสดใหม่พร้อมใช้หุง

จุดเด่นของข้าวสายพันธุ์นี้อยู่ที่ความเหนียวนุ่ม เมล็ดสวย ซึ่งเมื่อรับประทานแล้วจะให้รสสัมผัสที่หนึบหนับตามสไตล์ข้าวญี่ปุ่นแบบเต็มคำ อีกทั้งยังมีกลิ่นหอม รับประทานเป็นข้าวสวยร้อน ๆ คู่กับอาหารเมนูอื่น หรือจะใช้ทำซูชิหรือข้าวปั้นก็อร่อยเช่นกันค่ะ

ในยุคปัจจุบันที่ทุกวันเต็มไปด้วยความเร่งรีบ อาจทำให้ใครหลายคนต้องการความสะดวกรวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลาในการหุงข้าว วันนี้เราก็มีข้าวญี่ปุ่นสำเร็จรูปจากแบรนด์โรซ่าพร้อมมาแนะนำกันด้วยค่ะ โดยข้าวญี่ปุ่นของทางแบรนด์ได้คัดสรรข้าวสายพันธุ์ดีมากใช้ผลิต หุงด้วยความพิถีพิถันจนได้เป็นข้าวญี่ปุ่นสำเร็จรูปพร้อมทาน บรรจุมาในหีบห่อที่แน่นหนาและสะอาด ช่วยให้คุณรับประทานได้อย่างวางใจ แถมยังสะดวกและพกพาง่ายอีกด้วย

เพียงแค่คุณฉีกฟอยล์ออกและอุ่นร้อนด้วยไมโครเวฟ 2 นาที หรืออุ่นในน้ำเดือดประมาณ 15 นาที ข้าวญี่ปุ่นก็จะร้อนพร้อมรับประทาน นอกจากนี้ ยังเก็บรักษาได้นานถึง 18 เดือนโดยไม่ต้องแช่เย็นหรือแช่แข็ง อย่างไรก็ตาม เมื่อเปิดรับประทานแล้วควรรับประทานให้หมดค่ะ