ความงาม, ของใช้ส่วนตัว
วัสดุก่อสร้าง, เครื่องมือและอุปกรณ์ช่าง
สวนและอุปกรณ์ในสวน
โน้ตบุ๊ก, PC, อุปกรณ์ไอที
ของใช้ในบ้าน, อุปกรณ์ในบ้าน
เครื่องใช้ไฟฟ้า
กล้อง
เครื่องสำอาง, สกินแคร์
สุขภาพ
อาหาร, เครื่องดื่ม
เครื่องใช้ในครัว
แฟชั่น
รองเท้า
นาฬิกา, เครื่องประดับ
แม่และเด็ก
เฟอร์นิเจอร์, อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน
งานอดิเรก
กิจกรรมกลางแจ้ง
DIY, เครื่องเขียน, อุปกรณ์สำนักงาน
กีฬา
สัตว์เลี้ยง
หนังสือ
เกม
รถยนต์, รถจักรยานยนต์, อุปกรณ์เสริม
ของขวัญ, ของฝาก
ท่องเที่ยว
สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, อุปกรณ์เสริม
เครือข่ายมือถือ
การลงทุน
เครดิตการ์ด, สินเชื่อ, ประกัน
ดนตรี, เครื่องเสียง
แอปพลิเคชัน, โปรแกรม
บริการ
เด็กจะมีพัฒนาการด้านภาษาตั้งแต่แรกเกิด ด้วยเสียงร้องไห้ การหัวเราะ รวมถึงการตอบสนองต่อเสียงเรียก และมีพัฒนาการมากขึ้นเมื่ออายุประมาณ 1 ขวบด้วยการพูดเป็นคำเดี่ยว เช่น พ่อ แม่ หม่ำ จากนั้นจะสามารถพูด 2 คำติดกันได้ตอน 2 ขวบ พร้อมทั้งมีคลังคำศัพท์เพิ่มมากขึ้นและสามารถสื่อสารตอบโต้ พูดเป็นประโยค เล่าเรื่องสั้น ๆ ได้เมื่ออายุ 3 - 4 ขวบ แต่หากบุตรหลานมีพัฒนาการช้าหรือไม่เป็นไปตามวัย ผู้ปกครองสามารถพาไปตรวจประเมินพัฒนาการ หาสาเหตุของการพูดช้าที่คลินิกหรือโรงพยาบาล โดยยิ่งเริ่มได้เร็วเท่าไร ยิ่งเป็นผลดีกับพัฒนาการของลูกค่ะ
หากผู้ปกครองกำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับคลินิกฝึกพูดให้บุตรหลานอยู่ ในบทความนี้เราได้รวบรวม 10 คลินิกกระตุ้นพัฒนาการ ฝึกพูด ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ซึ่งเป็นคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ ประกอบด้วยบุคลากรสหวิชาชีพที่มีประสบการณ์ พร้อมให้การช่วยเหลือ บำบัด และกระตุ้นพัฒนาการให้เด็กสามารถใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างปกติสุข พร้อมกันนี้เรายังได้รวบรวมข้อมูลวิธีการเลือกคลินิกกระตุ้นพัฒนาการมาฝากกันด้วยค่ะ
มายเบสท์ผลิตคอนเทนต์ใหม่ ๆ ทุกวันตั้งแต่ "เครื่องสำอางและสกินแคร์" "เครื่องใช้ไฟฟ้า" "สินค้าในชีวิตประจำวัน" ไปจนถึง "บริการ" เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีสุดตามสโลแกน "ให้ทุกการเลือกเป็นเรื่องง่าย" ผ่านผู้ใช้งานเว็บไซต์มากกว่า 3 ล้านคนต่อเดือน
สารบัญ
ภาษามีพัฒนาการร่วมกัน 2 ด้าน คือ การเข้าใจภาษาและการใช้ภาษา ผู้ปกครองสามารถเฝ้าสังเกตบุตรหลาน ว่ามีความเข้าใจภาษามากน้อยเพียงใด เช่น ลูกสามารถฟังคำสั่งได้เข้าใจหรือไม่ ชี้บอกอวัยวะได้ไหม หรือมีลักษณะที่ไม่สนใจคำพูดหรือคำสั่งของพ่อแม่เลย นอกจากนี้ต้องดูว่าลูกมีการใช้ภาษา ท่าทางหรือคำพูด เพื่อสื่อสารง่าย ๆ ได้หรือยัง ไม่ว่าจะเป็นการพยักหน้าตอบรับ การส่ายหน้าปฏิเสธ พร้อมทั้งสามารถพูดคำที่มีความหมายบอกความต้องการได้ เช่น หิว, หม่ำ, นม, พ่อ, แม่, ไป, มา, นอน เป็นต้น
สำหรับเด็กที่มีพัฒนาการด้านภาษาล่าช้า อายุ 1 ขวบแล้วยังไม่สามารถพูดเป็นคำที่มีความหมายได้ รวมถึงไม่สามารถแสดงท่าทางแทนคำพูดได้ หรือเมื่ออายุ 2 ขวบแล้ว แต่ยังพูดได้ไม่ถึง 50 คำ พร้อมทั้งไม่มองหน้าและไม่สบตา หากพบว่ามีอาการดังกล่าวสามารถพาบุตรหลานไปพบแพทย์เพื่อประเมินพัฒนาการ พร้อมตรวจหาสาเหตุการล่าช้าของพัฒนาการ เพื่อที่จะได้วางแผนในการกระตุ้นให้มีพัฒนาการสมวัยหรือใกล้เคียงวัยมากที่สุดค่ะ
การเลือกคลินิกจากความสะดวกในการเดินทางถือเป็นปัจจัยสำคัญ เพราะการทำกิจกรรมบำบัด โดยส่วนมากจะมีการนัดเป็นประจำหลายครั้งติดต่อกัน หากการเดินทางลำบากเกินไปจะทำให้เหนื่อยทั้งผู้ปกครองและบุตรหลาน แต่นอกจากการหาคลินิกละแวกใกล้เคียงแล้ว อย่าลืมตรวจสอบปัจจัยดังต่อไปนี้ร่วมด้วยนะคะ
คลินิกฝึกพูดจะมีทั้งรูปแบบที่เป็นคลินิก, ศูนย์กระตุ้นพัฒนาการและโรงเรียน จัดตั้งโดยบุคลากรทางการแพทย์ การเข้ารับบริการจะมีความสะดวกและเรียบง่าย ขั้นตอนไม่ยุ่งยาก บางครั้งอาจจะอยู่ในส่วนหนึ่งของโรงพยาบาลเอกชน นอกจากนี้ในโรงพยาบาลของรัฐบาลก็มีให้บริการเช่นเดียวกัน พร้อมทั้งสามารถใช้สิทธิรัฐสวัสดิการต่าง ๆ ได้ แต่อาจจะต้องวางแผนเรื่องเวลาเพื่อติดต่อขอรับบริการ เพราะโรงพยาบาลรัฐจะมีผู้ป่วยเข้าใช้บริการเป็นจำนวนมากค่ะ
โดยปกติแล้วผู้ที่จะเข้ารับบริการคลินิกฝึกพูด จะได้รับการประเมินมาจากแพทย์หู คอ จมูก, แพทย์พัฒนาการเด็ก, กุมารแพทย์ และจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น เนื่องจากปัญหาการพูดช้ามีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย การแก้ไขจึงต้องดูที่มาของปัญหาว่าเกิดจากปัจจัยใด
เด็กที่มีภาวะออทิสติกแท้จะพบว่ามีความบกพร่องในการสื่อสาร มีปัญหาในการตอบสนองทางอารมณ์ ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของโครงสร้างและสารเคมีในสมอง โดยไม่สามารถตรวจพบได้จากโครโมโซม จึงไม่สามารถรู้ได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์จนกว่าจะคลอด นอกจากนี้ในเด็กบางรายที่ไม่ได้มีความผิดปกติของสมองตั้งแต่เกิด แต่ขาดการกระตุ้นให้สื่อสารและไม่มีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น เนื่องจากผู้ปกครองปล่อยให้เด็กอยู่กับหน้าจอมากเกินไป สามารถนำไปสู่อาการภาวะคล้ายออทิสติกหรือออทิสติกเทียมได้เช่นกัน
สำหรับเด็กที่มีภาวะออทิสติกแท้และออทิสติกเทียมจะมีลักษณะอาการ ดังนี้ ไม่มองหน้าสบตา, ไม่หันตามเสียงเรียก, ไม่สามารถเล่นบทบาทสมมติตามอายุได้ รวมไปถึงไม่สามารถใช้ท่าทางบอกความต้องการได้ ชอบเล่นคนเดียวและไม่สนใจสิ่งแวดล้อม หากพบว่าบุตรหลานมีอาการตั้งแต่ 2 อย่างขึ้นไป ควรพาไปพบแพทย์เพื่อประเมินอาการ และส่งเสริมให้เกิดพัฒนาการด้านสังคมและภาษาที่เหมาะสมกับวัยค่ะ
หลังจากตรวจประเมินแล้ว จะมีการส่งต่อไปยังคลินิกกระตุ้นพัฒนาการ ฝึกพูด เพื่อให้นักแก้ไขการพูดหรือนักเวชศาสตร์การสื่อความหมาย (Speech Therapist / Speech Pathologist) ฝึกด้วยการให้ผู้เรียนเริ่มจากการฝึกเปล่งลม การเคลื่อนไหวปาก ด้วยการเป่ากระดาษ เป่าฟองสบู่ หรือกิจกรรมที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวของลิ้น ร่วมกับการทำกิจกรรมบำบัดอื่น ๆ เพื่อพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กและกล้ามเนื้อมัดใหญ่ พร้อมการกระตุ้นให้เด็กมีความสนใจต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมมากขึ้นด้วยค่ะ
ความผิดปกติของการได้ยินเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้พัฒนาการล่าช้า แม้ความผิดปกติจะมีเพียงเล็กน้อย แต่หากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม สามารถส่งผลต่อพัฒนาการด้านภาษาได้ ซึ่งผู้ปกครองสามารถสังเกตพฤติกรรมของลูก ว่ามีการตอบสนองต่อเสียงเรียกหรือนิ่งเฉย รวมไปถึงอาการที่ไม่สนใจต่อเสียงดัง ไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ต่อเสียงพูดหรือเสียงดนตรี แต่กลับให้ความสนใจต่อแรงสั่นสะเทือน หากพบว่ามีอาการดังกล่าว ควรพาไปพบกุมารแพทย์ให้ตรวจวินิจฉัยหาความผิดปกติ เพื่อทำการรักษาให้สามารถกลับมาเป็นปกติค่ะ
สำหรับเด็กก่อนวัย 7 ขวบ ควรได้เล่นและทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับพ่อแม่หรือผู้คนรอบข้าง เพื่อให้เด็กได้มีการเรียนรู้ ฝึกทักษะการสื่อสาร รวมไปถึงพัฒนาการทางด้านอารมณ์และความรู้สึก แต่ในปัจจุบันเด็กบางคนถูกเลี้ยงดูด้วยเทคโนโลยีมากเกินไป เช่น ให้ดูจอมือถือหรือโทรทัศน์ตลอดเวลา จนเด็กไม่มีโอกาสได้เล่นซุกซนตามวัย ทำให้ขาดโอกาสในการเรียนรู้ ส่งผลต่อพัฒนาการด้านต่าง ๆ ล่าช้ากว่าวัยอันควรค่ะ
สถาบันกระตุ้นพัฒนาการ Mental Kids จะมีการประเมินแบบ Denver II ก่อนเรียน แล้วเริ่มเรียนด้วยการปรับพื้นฐานด้านร่างกาย พร้อมกับการปรับพฤติกรรม และปรับสมดุลของระบบประสาทให้มีความพร้อมสำหรับการสื่อสาร ซึ่งเป็นรูปแบบการสอนที่ออกแบบจากโปรแกรมของสถาบันเอง เหมาะกับเด็กที่มีปัญหาด้านการพูด นอกจากนี้ทางสถาบันยังใช้วิธีการจดบันทึกพฤติกรรม เพื่อนำมาประกอบการประเมินพัฒนาการ และวางแผนกระตุ้นในขั้นต่อไปอีกด้วย
Brain Kiddy เป็นสถาบันพัฒนาศักยภาพสมอง และเสริมสร้างทักษะการเรียนรู้ในเด็กปฐมวัย ที่ให้บริการฝึกกระตุ้นพัฒนาการด้านการพูดให้กับเด็กตั้งแต่ 2 ขวบขึ้นไป ด้วยการเล่นการทำกิจกรรมที่สนุกสนาน สอนโดยครูปฐมวัยและนักจิตวิทยาเด็ก ที่มีความเชี่ยวชาญ ผ่านการฝึกอบรมสำหรับการกระตุ้นพัฒนาการด้านภาษามาโดยเฉพาะ ผู้ปกครองที่พาบุตรหลานมาฝึกที่นี่ต่างให้ความเห็นว่าลูกมีพัฒนาการที่ดีขึ้น ทั้งในด้านภาษา สมาธิ และการปรับตัวเข้ากับสังคม โดยคอร์สที่ได้รับความนิยม คือ คอร์สเสริมพัฒนาการลูกพูดช้า (ฝึกพูด), คอร์สเตรียมความพร้อมก่อนเข้าเรียนและคอร์สพัฒนาศักยภาพสมอง เรียนพิเศษอนุบาล-ประถม
มีรักคลินิกให้บริการด้านอรรถบำบัด (Speech Therapy) ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมบำบัดที่หลากหลายของทางคลินิก โดยก่อนที่เด็กจะได้พบผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ ตัวผู้ปกครองเองจะต้องเข้ารับการสัมภาษณ์จากนักจิตวิทยา เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาของเด็กเสียก่อน หลังจากนั้นทางคลินิกจะทำการนัดเพื่อประเมินพัฒนาการทางภาษาของเด็ก แล้วจะเริ่มนัดทำกิจกรรมอรรถบำบัด เพื่อแก้ไขและกระตุ้นพัฒนาการด้านการพูดให้เหมาะสมกับปัญหาของแต่ละรายค่ะ
หากสังเกตเห็นพัฒนาการทางด้านภาษาของลูกล่าช้า สามารถพาเข้ารับการประเมินกับคลินิก Kids Plus ได้ นอกจากจะมีการตรวจประเมินแล้ว ที่นี่ยังมีการวางแผนกระตุ้นพัฒนาการ และฝึกทักษะด้านภาษาให้เหมาะสมกับช่วงวัย โดยใช้วิธีการสอนผ่านอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อให้กิจกรรมมีความสนุกสนาน เพลิดเพลินและเหมาะสมกับความสามารถของเด็กแต่ละคน พร้อมด้วยการออกแบบพื้นที่ให้มีความปลอดภัย รวมทั้งยังมีนักกิจกรรมบำบัดที่สามารถดูแลเด็ก ๆ ได้อย่างทั่วถึงด้วยค่ะ
คลินิกกระตุ้นพัฒนาการเด็ก Kidscovery Center ก่อตั้งโดยครูแนน ซึ่งเป็นนักกิจกรรมบำบัดในเด็ก ที่มีความเชี่ยวชาญและมีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง โดยคลินิกเปิดให้บริการเพื่อ บำบัด ฟื้นฟู และช่วยเหลือเด็กที่มีปัญหาพัฒนาการล่าช้า รวมถึงการตรวจประเมินพัฒนาการเด็กโดยกุมารแพทย์ สำหรับผู้ปกครองที่มีบุตรหลานพูดช้า สามารถเข้ารับบริการตรวจประเมิน และทำกิจกรรมบำบัดกับครูแนนและผู้เชี่ยวชาญของทางคลินิกได้ค่ะ
Growing Smart เป็นการรวมกลุ่มกันของทีมสหวิชาชีพและผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็ก เพื่อให้บริการกระตุ้นพัฒนาการแบบคอร์สส่วนตัวถึงที่บ้าน เหมาะสำหรับผู้ปกครองที่ต้องการความสะดวกเรื่องการเดินทาง รวมไปถึงต้องการให้ลูกผ่อนคลายความตึงเครียดด้วยการอยู่ในสถานที่คุ้นเคย นอกจากนี้ ที่นี่ยังใช้เวลาในการทำกิจกรรมบำบัดครั้งละ 2 ชั่วโมง รวมทั้งยังให้บริการประเมินพัฒนาการถึงที่บ้าน โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายด้วยค่ะ
เพื่อให้เด็กที่มีความบกพร่องด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเด็กออทิสติก, เด็กสมาธิสั้นและเด็กที่มีพัฒนาการล่าช้าไม่สมวัย สามารถอยู่ร่วมกับสังคมได้อย่างปกติสุข ทางศูนย์กระตุ้นพัฒนาการบ้านอุ่นรักจึงได้มีการวางพื้นฐานพัฒนาการแบบองค์รวม โดยแยกเป็น 3 กลุ่ม เริ่มตั้งแต่กลุ่ม Early Intervention, กลุ่มเตรียมความพร้อมก่อนเข้าโรงเรียน และกลุ่มเตรียมประถม เพื่อกระตุ้นพัฒนาการให้มีความเหมาะสมกับวัย พร้อมใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นให้ได้มากที่สุดค่ะ
ครูภู่เป็นพยาบาลวิชาชีพเฉพาะทางสาขาสุขภาพจิตและจิตเวช เปิดบ้านเพื่อรับกระตุ้นและส่งเสริมพัฒนาการเด็ก ที่มีปัญหาด้านพัฒนาการล่าช้ากว่าวัยอันควร หากผู้ปกครองมีความสงสัยสามารถพาบุตรหลานเข้ารับการประเมินพัฒนาการก่อนได้ โดยบ้านครูภู่จะให้คำปรึกษาและวางแผนการฝึกกระตุ้นพัฒนาการด้านต่าง ๆ รวมถึงกระตุ้นการพูด ให้น้อง ๆ มีความเข้าใจเกี่ยวกับภาษา และสามารถสื่อสารความต้องการของตนเองได้ พร้อมทั้งสามารถใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นได้ใกล้เคียงปกติมากที่สุด
สำหรับผู้ปกครองที่อยู่ปทุมธานี หากต้องการพาบุตรหลานเข้ารับการตรวจประเมินพัฒนาการด้านต่าง ๆ สามารถเข้ารับบริการได้ที่คลินิกลูกรัก ซึ่งทางคลินิกจะให้บริการตั้งแต่การประเมินวินิจฉัยโดยแพทย์เฉพาะทาง พร้อมด้วยบริการฝึกกระตุ้นพัฒนาการด้านต่าง ๆ กับผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็ก โดยจะเน้นการทำกิจกรรมบำบัด เพื่อส่งเสริมให้เด็กมีความพร้อมครบทุกด้าน นอกจากนี้ยังให้บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป พร้อมด้วยบริการฉีดวัคซีนให้กับเด็กด้วยค่ะ
คิดดี้-เซนซี่ หรือ KISE มีทั้งหมด 3 สาขา โดยให้บริการกระตุ้นพัฒนาการเด็กด้านต่าง ๆ พร้อมด้วยบริการพัฒนาทักษะทางด้านภาษา ซึ่งเป็นโปรแกรมที่เหมาะกับเด็กที่มีปัญหาเรื่องการสื่อสาร โดยมีเจ้าหน้าที่ผู้มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์กว่า 12 ปี ทั้งนักจิตวิทยาการศึกษา, นักแก้ไขการพูด, นักกิจกรรมบำบัดและนักการศึกษาพิเศษ มุ่งเน้นการทำกิจกรรมกระตุ้นระบบประสาททั้ง 7 ด้วยบรรยากาศผ่อนคลายและเป็นกันเอง ช่วยทำให้เด็กปรับตัวได้ดีขึ้นค่ะ
สำหรับผู้ปกครองที่ต้องการกระตุ้นให้ลูกพูดด้วยตนเอง เราก็มีกิจกรรมซึ่งทำได้ง่าย ๆ ที่บ้านมาแนะนำกัน โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
แม้ว่าคลินิกหรือครูผู้ฝึกสอนจะมีความสำคัญในการกระตุ้นพัฒนาการของเด็ก แต่ผู้ที่มีบทบาทสำคัญที่สุด คือ ครอบครัว ซึ่งมีส่วนในการช่วยให้เด็กสามารถเติบโตได้อย่างมีคุณภาพ เนื่องจากเวลาฝึกที่คลินิก เพียงครั้งละ 1 - 2 ชั่วโมงต่อครั้ง ยังไม่เพียงพอในการแก้ไขปัญหาของลูก แต่ถือเป็นโอกาสที่ผู้ปกครองจะได้ศึกษาวิธีการกระตุ้นที่ถูกต้อง แล้วนำกลับมาฝึกต่อที่บ้านอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ค่ะ
mybest อาจได้รับค่าคอมมิชชั่นบางส่วนเมื่อกดซื้อสินค้าในเว็บไซต์
ข้อมูลสินค้าหรือบริการแต่ละรายการอ้างอิงจากเนื้อหาของผู้ผลิตและเว็บไซต์ e-commerce
ความงาม, ของใช้ส่วนตัว
วัสดุก่อสร้าง, เครื่องมือและอุปกรณ์ช่าง
สวนและอุปกรณ์ในสวน
โน้ตบุ๊ก, PC, อุปกรณ์ไอที
ของใช้ในบ้าน, อุปกรณ์ในบ้าน
เครื่องใช้ไฟฟ้า
กล้อง
เครื่องสำอาง, สกินแคร์
สุขภาพ
อาหาร, เครื่องดื่ม
เครื่องใช้ในครัว
แฟชั่น
รองเท้า
นาฬิกา, เครื่องประดับ
แม่และเด็ก
เฟอร์นิเจอร์, อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน
งานอดิเรก
กิจกรรมกลางแจ้ง
DIY, เครื่องเขียน, อุปกรณ์สำนักงาน
กีฬา
สัตว์เลี้ยง
หนังสือ
เกม
รถยนต์, รถจักรยานยนต์, อุปกรณ์เสริม
ของขวัญ, ของฝาก
ท่องเที่ยว
สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, อุปกรณ์เสริม
เครือข่ายมือถือ
การลงทุน
เครดิตการ์ด, สินเชื่อ, ประกัน
ดนตรี, เครื่องเสียง
แอปพลิเคชัน, โปรแกรม
บริการ