10 อาหารลดคราบน้ำตาสุนัข ปี 2025 ไม่มีธัญพืช ลดการแพ้

อันดับแรกเลยขอแนะนำให้เลือกอาหารสุนัขสูตรที่ไม่มีส่วนผสมของธัญพืช เช่น ข้าวโพด ข้าวสาลี ข้าวโอ้ต ข้าวบาร์เล่ย์ ข้าวไรย์ ถั่วเหลือง เป็นต้น ซึ่งเป็นกลุ่มอาหารที่ให้พลังงานสูงจากแป้งและคาร์โบไฮเดรต จึงมีอัตราการดูดซึมน้ำตาลสูงและอาจไปกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ได้ ดังนั้น จึงควรมองหาอาหารสุนัขที่ปราศจากธัญพืช หรือสูตร Grain-Free ที่ส่วนใหญ่จะมีการระบุไว้บนบรรจุภัณฑ์ให้เช็กได้ง่ายอยู่แล้ว ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของอาการแพ้อาหารได้

นอกจากนี้ สารเติมแต่งในอาหารก็อาจทำให้สุนัขเกิดการแพ้ได้ง่าย หากสุนัขได้รับสารเติมแต่งมากเกินไป ก็จะขับออกมากับน้ำตา หรืออาจก่อให้เกิดการแพ้จนสร้างน้ำตามากกว่าปกติได้ ซึ่งวิธีง่าย ๆ คือควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีสารเติมแต่ง ทั้งการแต่งกลิ่น แต่งสี แต่งรส รวมถึงสารกันเสียด้วย โดยส่วนใหญ่แต่ละแบรนด์จะมีระบุไว้แล้วว่าเป็นสูตรปราศจากสารเติมแต่ง

นอกจากปัจจัยเรื่องโครงสร้างรูปหน้าของสายพันธุ์แล้ว การแพ้อาหารหรือปัญหาระบบทางเดินอาหารถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดคราบน้ำตาในสุนัขได้ ซึ่งเมื่อสุนัขได้รับสารที่แพ้ ร่างกายก็ผลิตน้ำตาออกมามากจนเกินไปจนเกิดเป็นคราบน้ำตา คล้ายกับคนที่มีอาการภูมิแพ้ 

ดังนั้น วิธีที่เจ้าของสามารถทำได้ง่าย ๆ คือ ควรเลือกอาหารสุนัขที่ตรงกับสายพันธุ์จะดีที่สุด เพราะจะได้รับสารอาหารที่ถูกออกแบบมาได้ครบถ้วนเหมาะสำหรับสายพันธุ์นั้น ๆ โดยตรง ทำให้ลดความเสี่ยงต่อการแพ้อาหารได้ในระดับนึง เช่น สูตรสำหรับพันธุ์ชิสุ สูตรสำหรับพันธุ์ชิวาวา สูตรสำหรับพันธุ์ปั๊ก หรืออาจเป็นสูตรสำหรับสุนัขพันธุ์เล็ก สุนัขพันธุ์กลางและพันธุ์ใหญ่โดยเฉพาะ เป็นต้น

นอกจากนี้ การที่สุนัขได้รับโปรตีนคุณภาพต่ำหรือได้รับสัดส่วนโปรตีนและไขมันที่สูงเกินไป จะส่งผลให้ระบบทางเดินอาหารไม่สมดุล ทำให้ร่างกายเกิดโปรตีนส่วนเกินและขับออกมาทางน้ำตา จนเกิดคราบน้ำตาและทำให้น้ำตาสีเข้มได้ ดังนั้น ขอแนะนำว่าผู้เลี้ยงควรหลีกเลี่ยงการให้อาหารสุนัขข้ามช่วงอายุ เพราะอาหารที่ออกแบบมานั้นจะเหมาะกับช่วงอายุที่แตกต่างกันทั้งในสุนัขพันธุ์เล็กและพันธุ์ใหญ่ 

แม้จะเลือกสูตรอาหารที่ตรงตามสายพันธุ์หรือช่วงอายุ แต่ขอแนะนำให้ตรวจสอบสัดส่วนของสารอาหารหลักให้เหมาะสมกับสุนัขด้วย โดยพิจารณาทั้งอายุ กิจกรรมในแต่ละวัน น้ำหนัก รวมถึงสภาพร่างกายของสุนัขโดยรวมด้วย โดยหลักการคร่าว ๆ ในการพิจารณามีดังนี้

・ลูกสุนัข เป็นช่วงที่มีการพัฒนาโครงสร้างร่างกายและระบบภายใน จึงควรได้รับสัดส่วนโปรตีนประมาณ 28 - 30% ส่วนคาร์โบไฮเดรตและไขมันนั้นไม่มีเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดตายตัวจะถูกกำหนดด้วยพลังงานที่ลูกสุนัขควรได้รับในแต่ละวัน 

・สุนัขโตเต็มวัย เป็นวัยที่ใช้พลังงานในแต่ละวันค่อนข้างมาก จึงควรได้รับสัดส่วนโปรตีนประมาณ 20 - 23% ส่วนไขมันและคาร์โบไฮเดรตที่เป็นแหล่งพลังงานควรมีสัดส่วนประมาณ 300 - 350 kcal ต่ออาหาร 100 กรัม

・สุนัขสูงวัย ควรได้รับโปรตีนน้อยลงในสัดส่วนประมาณ 19 - 23% ส่วนพลังงานรวมจะขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และน้ำหนักตัว แต่จะน้อยลงกว่าสูตรโตเต็มวัย

ทั้งนี้ ผู้เลี้ยงควรให้ความสำคัญกับปริมาณการให้อาหารในแต่ละวันมากเป็นพิเศษ ซึ่งโดยส่วนใหญ่มักจะมีการกำกับไว้ที่ตารางการให้อาหาร (Feeding Guide) เพื่อให้สุนัขได้รับพลังงานที่ไม่มากเกินความจำเป็นจนมีภาวะน้ำหนักเกินได้ แต่ขณะเดียวกันก็ต้องเพียงพอเพื่อให้สุนัขไม่ขาดสารอาหารด้วย

การปรับอาหารให้มีโปรตีนคุณภาพสูงและย่อยง่ายโดยไม่มีธัญพืชถือเป็นปัจจัยหลักแล้ว ผู้เลี้ยงอาจมองหาอาหารสุนัขที่ช่วยดูแลระบบทางเดินอาหารเพิ่มเติม โดยแนะนำเป็นสูตรที่เสริมพรีไบโอติกส์ ซึ่งจะช่วยปรับสมดุลลำไส้ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และโพรไบโอติกส์ที่ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันและดูแลลำไส้ ทำให้ย่อยและดูดซึมสารอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ หากเป็นสูตรที่เสริมวิตามินซี วิตามินอีและซีลีเนียมก็จะยิ่งมีประสิทธิภาพเพราะเป็นสารต้านอนุมูลอิสระจึงช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันร่างกายได้ดี ซึ่งถ้าหากสุนัขมีภูมิคุ้มที่แข็งแรงแล้วก็จะช่วยลดความเสี่ยงในอาการแพ้ต่าง ๆ ได้ดีขึ้นด้วย

อาหารสุนัขเกรดโฮลิสติก (Holistic) และเกรดSuper Premium เป็นอาหารที่ถูกออกแบบมาให้มีโภชนาการที่เหมาะสมทั้งสารอาหารหลักและสารอาหารรองโดยจะเน้นไปวัตถุดิบจากธรรมชาติที่มีคุณภาพสูง อีกทั้งส่วนผสมแต่ละชนิดจะมีการคัดสรรเพื่อบำรุงสุนัขในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นการบำรุงสุขภาพผิวและขน เสริมสร้างกล้ามเนื้อและพัฒนาการ รวมทั้งช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญคือ ไม่มีสารเติมแต่งใด ๆ ที่ส่งผลต่อสุขภาพที่ดีของสุนัขในระยะยาว จึงถือเป็นอาหารเกรดสูงสำหรับสุนัข

จุดเด่นของอาหารเกรดนี้คือจะใช้วัตถุดิบอาหารเป็นเกรดเดียวกับมนุษย์ (Human-grade) ซึ่งเป็นเนื้อสัตว์แท้ ไม่มีการแปรสภาพเนื้อจากสารสังเคราะห์ จึงช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมได้ง่าย ไม่มีปัญหาการย่อยอาหาร จึงไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ ทำให้ลดการเกิดปัญหาคราบน้ำตาได้ดี 

ทั้งนี้ อาหารสุนัขทั้งสองเกรดนี้จะมีราคาสูงมากเมื่อเทียบกับอาหารเกรดมาตรฐานหรือแม้แต่เกรดพรีเมียม โดยส่วนใหญ่ราคาจะเพิ่มขึ้นประมาณ 20-30% แต่หากใครที่มีงบประมาณเพียงพอก็ถือเป็นทางเลือกที่ดีอย่างยิ่งเพราะถือว่าเป็นราคาที่คุ้มกับสุขภาพสุนัขที่แข็งแรงในระยะยาว