ฉีดฟิลเลอร์ ที่ไหนดี ปี 2025 ฉีด Filler สารเติมเต็มผิวหนัง

Juvederm เป็นยี่ห้อฟิลเลอร์เกรด Premium จากอเมริกาที่ใช้เทคโนโลยี Hylacross ซึ่งโดดเด่นด้านความยืดหยุ่น และ Vycross ที่โดดเด่นด้านการยกกระชับ โดยจะให้ผลลัพธ์ที่เรียบเนียนและอยู่ได้นาน 12 - 24 เดือน ทั้งยังมีเนื้อหลายแบบตั้งแต่เนื้อนิ่มไปจนถึงเนื้อแน่น ทำให้เติมเต็มได้ทุกจุด เช่น ใต้ตา ปาก ร่องแก้ม และปรับรูปหน้า ในราคาประมาณ 12,000 - 18,000 บาทต่อ 1 cc จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนานและคุ้มค่า ซึ่งมีคลินิกชั้นนำหลายแห่งเลือกใช้ เช่น Alpha Medical Clinic, First Clinic โดยมีรุ่นที่น่าสนใจ ดังนี้

• Juvederm Ultra Plus มีเนื้อนิ่มและฟูมาก เหมาะกับเติมร่องลึก เช่น ร่องแก้ม ขมับ หรือจะฉีดปากและคางก็ได้อีกด้วย

• Juvederm Voluma มีเนื้อแข็ง ฟูปานกลาง และยืดหยุ่นสูง เหมาะกับฉีดยกกระชับใบหน้า เติมแก้ม และส่วนคาง

• Juvederm Volift มีเนื้อนิ่มละเอียดกว่ารุ่น Ultra Plus เหมาะสำหรับผิวที่บอบบางและบริเวณที่ต้องการความเรียบเนียน เช่น ใต้ตา ร่องแก้ม

• Juvederm Volbella มีเนื้อนิ่มละเอียด เหมาะสำหรับฉีดฟิลเลอร์ปากและใต้ตาที่ต้องการความเป็นธรรมชาติสูง

• Juvederm Volite มีเนื้อละเอียดและเบาบาง ช่วยให้ผิวดูอิ่มน้ำได้ดี เหมาะกับฉีดเพิ่มความชุ่มชื้น (Skin Booster)

• Juvederm Volux มีเนื้อแข็งและยืดหยุ่นสูง ปั้นทรงได้ง่าย เหมาะสำหรับฉีดฟิลเลอร์คางและปรับกรอบหน้าให้คมชัด

Restylane เป็นฟิลเลอร์จากสวีเดนที่มีจุดเด่นเรื่องเทคโนโลยี NASHA ซึ่งช่วยให้ฟิลเลอร์คงตัวและยกพยุงผิวได้ดี กับเทคโนโลยี OBT ที่ให้ความยืดหยุ่นสูง โดยมีหลายรุ่นที่มีหลายขนาดโมเลกุลให้เลือก จึงตอบโจทย์ทั้งการฉีดริ้วรอยและพยุงผิวสำหรับปรับรูปหน้า แต่บางรุ่นอาจคงผลลัพธ์ได้สั้นกว่าแบรนด์ Juvederm เล็กน้อย จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นธรรมชาติ ในราคาประมาณ 10,000 - 15,000 บาทต่อ 1 cc ซึ่งแบรนด์นี้เป็นที่นิยมในคลินิกชั้นนำหลายแห่ง เช่น The Klass Clinic, Treesurang Clinic โดยมีรุ่นที่น่าสนใจ ดังนี้

• Restylane LYFT เนื้อแน่นที่สุดในแบรนด์นี้ เหมาะสำหรับเติมเต็มผิวชั้นลึกเพื่อยกกระชับผิวและปรับโครงสร้างใบหน้าให้ชัดเจน เช่น บริเวณแก้ม ขมับ หรือคาง

• Restylane Classic เนื้อแน่นและคงตัวดี ทำให้ปั้นทรงได้ง่าย เหมาะสำหรับฉีดร่องแก้มหรือร่องลึกอื่น ๆ ก็ได้

• Restylane Kysse เนื้อนิ่มและยืดหยุ่นสูง ซึ่งออกแบบมาสำหรับใช้ฉีดฟิลเลอร์ปากโดยเฉพาะ โดยจะช่วยเพิ่มความอวบอิ่ม และแก้ไขรูปทรงปากให้ดูเป็นธรรมชาติได้ดี

• Restylane Vital Light เนื้อละเอียดและบางเบา และโดดเด่นด้านการเติมความชุ่มชื้นให้ผิว จึงเหมาะสำหรับฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาหรือเติมริ้วรอยเล็ก ๆ บนผิวชั้นตื้นให้ดูเรียบเนียน

Belotero เป็นฟิลเลอร์จากสวิตเซอร์แลนด์ที่ผลิตแบบ Biofermented HA ซึ่งมีความปลอดภัยสูงและสลายได้เองตามธรรมชาติ และใช้ CPM Technology ทำให้เนื้อฟิลเลอร์เนียนละเอียด กลืนไปกับผิวได้ดี ไม่จับตัวเป็นก้อน จึงเหมาะสำหรับบริเวณที่ผิวบางหรือต้องแสดงสีหน้าบ่อย ๆ เช่น ใต้ตา ปาก โดยมีราคาประมาณ 10,000 - 16,000 บาทต่อ 1 cc และได้รับความไว้วางใจจากคลินิกชั้นนำหลายแห่ง เช่น iSKY Center, AIC Clinic โดยมีรุ่นที่น่าสนใจ ดังนี้

• Belotero Soft เนื้อละเอียดและนิ่มที่สุด เหมาะสำหรับฉีดรอยใต้ตาตื้น ๆ และริ้วรอยเล็ก ๆ ทั่วใบหน้า

• Belotero Balance เนื้อนิ่มปานกลาง เหมาะสำหรับฉีดฟิลเลอร์ปากให้ดูอวบอิ่ม และเติมร่องแก้มตื้น ๆ

• Belotero Intense เนื้อแน่นขึ้นมาจากรุ่น Balance เหมาะกับฉีดเติมร่องลึก เช่น ร่องแก้ม หรือฉีดปากที่ต้องการเพิ่มวอลลุ่ม

• Belotero Volume เนื้อแน่นและคงตัวสูงสุด เหมาะสำหรับเติมแก้มส้ม ขมับ หรือคาง เพื่อเพิ่มมิติให้ใบหน้า

• Belotero Revive เป็นรุ่นที่เน้นงานผิว เหมาะสำหรับเพิ่มความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นให้ผิวหน้า ทำให้ผิวดูอิ่มฟูและมีสุขภาพดี

• Perfectha ฟิลเลอร์จากฝรั่งเศสที่ใช้เทคโนโลยี E-Brid ซึ่งเด่นด้านยืดหยุ่นสูง ให้ความคงตัวและกระจายตัวได้ดี เหมาะสำหรับฉีดเติมเต็มร่องลึกและเพิ่มความชุ่มชื้นในผิว 

• Variofill ฟิลเลอร์จากเยอรมนีที่มีเทคโนโลยี Monophasic Particle Technology (MPT) ซึ่งเด่นด้านยืดหยุ่นสูงและปรับเข้ากับรูปทรงได้ดี นิยมใช้ฉีดเพิ่มสะโพกและบันท้าย

• Revanesse ฟิลเลอร์จากแคนาดาที่ใช้เทคโนโลยี Thixofix Cross-Linking ทำให้เนื้อฟิลเลอร์ปรับเข้ากับเนื้อเยื่อใต้ผิวได้ดี ซึ่งลดโอกาสการจับตัวเป็นก้อนและให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ 

• Definisse ฟิลเลอร์จากอิตาลีที่ใช้เทคโนโลยี XTR™ ซึ่งมีความละเอียด ลดการบวมพร้อมให้การยกพยุงและปรับรูปหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ 

• Neauvia ฟิลเลอร์จากอิตาลีที่มีส่วนผสมของสาร HA และสารบำรุงผิว ช่วยเติมเต็มและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้เหมาะกับยกกระชับใบหน้าไปพร้อมกัน

ฟิลเลอร์เกาหลีเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมอย่างสูง เพราะมีราคาที่เข้าถึงง่าย และมีคุณภาพที่ผ่านการรับรองมาตรานระดับสากลและไทยหลายแบรนด์ แต่อาจคงรูปได้ไม่นานเท่าฟิลเลอร์จากอเมริกาหรือยุโรป จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์ในราคาประหยัด แต่ยังคงมาตรฐานความปลอดภัย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้เริ่มต้นฉีด ซึ่งให้ผลลัพธ์นานประมาณ 6 - 9 เดือน และมีราคาประมาณ 6,000 - 9,000 บาทต่อ 1 cc โดยมีคลินิกชั้นนำหลายแห่งเลือกใช้ เช่น Gangnam Clinic, Vincent Clinic โดยมียี่ห้อยอดนิยมที่น่าสนใจ ดังนี้

• Neuramis ใช้เทคโนโลยี SHAPE ปรับโครงสร้างเจลกรดไฮยาลูรอนิกให้เนื้อฟิลเลอร์นุ่ม ยืดหยุ่นสูง ติดทนนาน และปลอดภัย มี 3 รุ่นที่นิยมใช้ เช่น Deep ที่ฉีดปั้นง่าย, Deep Lidocaine ที่มียาชาผสม 0.3% ช่วยลดความเจ็บปวดขณะฉีดได้ และ Volume Lidocaine เนื้อหนืดที่สุด เหมาะสำหรับริ้วรอยระดับมาก

• E.P.T.Q. ใช้เทคโนโลยี 2CM และ ZEEP ช่วยลดโอกาสการแพ้และเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะของโมเลกุล HA ซึ่งโดดเด่นเรื่องการปั้นทรงง่าย และมีหลายรุ่นให้เลือกใช้ ตั้งแต่เนื้อละเอียด (S100) ไปจนถึงเนื้อแข็ง (S500)

• Yvoire ผลิตด้วยเทคโนโลยี HICE ทำให้ฟิลเลอร์มีความคงตัวและยึดเกาะเนื้อเยื่อได้ดี ซึ่งช่วยลดผลข้างเคียงการเกิดฟิลเลอร์ไหลย้อยได้ โดยมีหลายรุ่น เช่น Classic Plus สำหรับผิวชั้นบน และ Contour สำหรับเติมเต็มในชั้นลึก

• Flore โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี HCCL™ และมีโครงสร้างแบบ 3D Max ทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีทั้งความแข็งและความยืดหยุ่น โดยมีรุ่น Flore Max ที่นิยมใช้ฉีดขึ้นทรงได้หลากหลายบริเวณ

• Volifil ใช้ 2 เทคโนโลยีอย่าง HCCL และ PP Process ทำให้มีเนื้อเนียนละเอียด สม่ำเสมอ และกระจายตัวได้ดี ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงต่ออาการบวมหลังฉีดได้ โดยมีรุ่น Deep ที่เนื้อหนาปานกลางและนิยมฉีดร่องแก้ม