10 เสาอากาศทีวีดิจิตอล แบบไหนดี ปี 2025 ภายใน ภายนอกอาคาร

ลักษณะการติดตั้งเสาอากาศทีวีดิจิตอลสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 รูปแบบ คือ เสาอากาศทีวีดิจิตอลแบบภายในอาคาร และเสาอากาศทีวีดิจิตอลแบบภายนอกอาคาร ซึ่งทั้งสองลักษณะนี้เหมาะกับสถานที่ใช้งานที่แตกต่างกันไป โดยตรวจสอบได้จากข้อมูลต่อไปนี้

สิ่งสำคัญอันดับแรกสำหรับการเลือกซื้อเสาอากาศทีวีดิจิตอลที่เหมาะสมกับพื้นที่ใช้งานของคุณ คือการตรวจสอบพื้นที่ครอบคลุมสัญญาณทีวีดิจิทัล ซึ่งก็คือตำแหน่งของสถานีกระจายสัญญาณหรือเสาส่งสัญญาณหลัก โดยคุณสามารถตรวจสอบแผนที่การส่งสัญญาณได้จากเว็บไซต์ DTT Service Area ที่จัดทำขึ้นโดย กสทช.

• ระยะห่างจากสถานีส่งสัญญาณ : หากพื้นที่ที่ต้องการใช้งานเสาอากาศทีวีดิจิตอลอยู่ห่างจากสถานีส่งสัญญาณไม่เกิน 15 กิโลเมตร สามารถใช้เสาอากาศทีวีดิจิตอลแบบภายในอาคาร แต่ถ้าหากมีระยะห่างเกินกว่า 15 กิโลเมตรขึ้นไป ควรเลือกใช้เสาอากาศทีวีดิจิตอลแบบภายนอกอาคาร

• ตำแหน่งของการรับสัญญาณ : ถึงแม้ว่าจะอยู่ใกล้สถานีส่งสัญญาณ แต่ถ้าหากพื้นที่ที่ต้องการใช้งานเสาอากาศทีวีดิจิตอลตั้งอยู่บริเวณที่มีสิ่งกีดขวางบดบังสัญญาณเป็นจำนวนมาก เช่น ตึกสูง ภูเขา ต้นไม้ รวมไปถึงตำแหน่งที่รับสัญญาณสูงกว่าตำแหน่งเสาส่งสัญญาณ ควรเลือกเสาอากาศทีวีดิจิตอลที่มีค่าเกนสูง เพื่อให้รับสัญญาณได้ดียิ่งขึ้น

ค่า Gain (เกน) คือค่าแสดงอัตราการขยายสัญญาณที่เสาอากาศทีวีดิจิตอลสามารถทำได้ โดยมีหน่วยวัดเป็น dBi (Decibel relative to isotropic) ซึ่งยิ่งมีค่ามาก ยิ่งส่งสัญญาณได้ไกลมาก แต่ความเข้มข้นของสัญญาณก็จะลดน้อยลงเช่นเดียวกัน ดังนั้น จึงจำเป็นต้องตรวจสอบค่า Gain ของเสาอากาศทีวีดิจิตอลให้สอดคล้องกับพื้นที่ติดตั้ง

• เสาอากาศทีวีดิจิตอลแบบภายใน : ส่วนใหญ่มีค่า Gain ตั้งแต่ประมาณ 2-8 dBi (หรือในบางรุ่นอาจไปถึง 10 dBi ถ้ามีภาคขยายสัญญาณ)

• เสาอากาศทีวีดิจิตอลแบบภายนอก : ส่วนใหญ่เป็นเสาก้างปลา อาจมีค่า Gain ตั้งแต่ 7–15 dBi หรือมากกว่าหากคุณอยู่ใกล้สถานีส่ง ไม่เกิน 15-20 กม. เสาอากาศที่ค่า Gain ไม่สูงมากก็เพียงพอ แต่ถ้าอยู่ไกลออกไปหรือมีสิ่งกีดขวางเยอะ ควรเลือกเสาอากาศที่มีค่า Gain สูง

นอกจากการตรวจสอบพื้นที่ครอบคลุมสัญญาณแล้วก็จำเป็นต้องตรวจสอบตำแหน่งติดตั้งของเสาอากาศทีวีดิจิตอลให้สอดคล้องกันด้วย อีกทั้งยังต้องคำนึงถึงขนาดของเสาอากาศและความยาวสาย ให้มีความพอดีกับพื้นที่ติดตั้ง

• ตำแหน่งติดตั้งเสาอากาศ : ไม่ว่าจะเป็นแบบภายในหรือภายนอก ต้องติดตั้งให้สูงกว่าพื้นดินไม่ต่ำกว่า 10 เมตร ถัดมาคือติดตั้งในบริเวณที่ไม่มีสิ่งกีดขวางหรือมีสิ่งบดบังให้น้อยที่สุด และควรหันเสาอากาศไปยังสถานที่ส่งสัญญาณ

• ขนาดของเสาอากาศ : ควรเลือกขนาดของเสาอากาศให้พอดีกับพื้นที่ติดตั้ง ไม่ใหญ่จนเกินไป ไม่เช่นนั้นแล้วจะติดตั้งไม่ได้ หรือมีประสิทธิภาพในการรับสัญญาณได้ไม่เต็มที่

• ความยาวสายเชื่อมต่อ : ตรวจสอบดูให้แน่ชัดว่าความยาวของสายเชื่อมต่อระหว่างทีวีและเสาอากาศนั้นเพียงพอหรือไม่ เมื่อวัดแล้วควรเพื่อความยาวไว้สักเล็กน้อย เพราะเมื่อติดตั้งจริงอาจจะมีการขดหรืองอสายตามมุมต่าง ๆ ที่อาจทำให้สายสั้นลง

ตัวขยายสัญญาณ หรือ Booster และ Amplifier คืออุปกรณ์ที่ช่วยขยายประสิทธิภาพการรับสัญญาณของเสาอากาศทีวีดิจิตอลให้ดียิ่งขึ้น หากคุณต้องการใช้งานเสาอากาศในพื้นที่ที่มีสัญญาณอ่อนหรือมีอุปสรรคในการรับสัญญาณ ควรตรวจสอบว่ามีตัวขยายสัญญาณหรือไม่

• เสาอากาศทีวีดิจิตอลแบบภายใน : เป็นที่รู้กันดีว่าแบบภายในมีประสิทธิภาพในการรับสัญญาณที่น้อยกว่าแบบภายนอก หากเป็นรุ่นที่ติดตั้งตัวขยายสัญญาณเพิ่มเข้ามา จะช่วยให้มีประสิทธิภาพในการรับสัญญาณที่ดีขึ้น 

• เสาอากาศทีวีดิจิตอลแบบภายนอก : แม้แบบภายนอกจะมีประสิทธิภาพในการรับสัญญาณที่ดีอยู่แล้ว แต่ในบางพื้นที่ที่ห่างไกลจากสถานีส่งสัญญาณ หรือมีสิ่งกีดขวางในการรับสัญญาณเป็นอย่างมาก การมีตัวขยายสัญญาณจะช่วยเพิ่มความเข้มข้นของสัญญาณได้ดียิ่งขึ้น

อีกหนึ่งสิ่งที่จะมองข้ามไปไม่ได้คือการตรวจสอบว่าเสาอากาศทีวีดิจิตอลที่คุณกำลังพิจารณาเลือกซื้ออยู่นั้น สามารถใช้งานร่วมกับทีวีของคุณได้หรือไม่ เพราะในปัจจุบันยังมีทั้งผู้ที่ใช้ทีวีอะนาล็อก ทีวีดิจิตอล และสมาร์ททีวี โดยมีข้อมูลที่ต้องตรวจสอบ ดังนี้

• ทีวีอะนาล็อก : หากคุณต้องการใช้งานเสาอากาศทีวีดิจิตอลร่วมกับทีวีอะนาล็อก จำเป็นต้องอาศัยอุปกรณ์ที่เป็นตัวกลางในการเชื่อมต่อเสาอากาศอย่างกล่องทีวีดิจิตอล ที่จำเป็นต้องเชื่อมต่อกับกล่องก่อน แล้วเชื่อมต่อจากกล่องเข้าทีวีอะนาล็อกทีวีอีกที ถึงจะสามารถดูช่องทีวีดิจิตอลได้

• สมาร์ททีวี : สำหรับสมาร์ททีวีต้องตรวจสอบว่าได้ติดตั้งจูนเนอร์ทีวีดิจิตอล (DVB-T2) มาให้ด้วยหรือไม่ ซึ่งรุ่นใหม่ ๆ ในปัจจุบันมักจะติดตั้งมาให้เรียบร้อย แต่ถ้าหากว่าไม่มีก็จำเป็นต้องใช้กล่องทีวีดิจิตอลเป็นตัวกลางในการรับสัญญาณเช่นเดียวกันกับทีวีอะนาล็อก