จดเลคเชอร์ให้น่าอ่าน สอบผ่านได้ง่าย ๆ ด้วยอุปกรณ์ 7 อย่าง

ปากกาหลากสีจะช่วยให้การจดเลคเชอร์มีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการนำมาจดในรูปแบบ Visual Language หรือก็คือการจดที่ใช้ 'ภาพ' เข้ามาร่วมกับ 'คำ’ นั่นเอง ตัวอย่างเช่น เมื่อได้ยินตัวเลขเยอะให้วาดแผนภูมิ เมื่อได้ยิน 'ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน' ให้วาด Framework เมื่อได้ยิน 'เหตุการณ์/ เรื่องราว' ให้วาด 'Timeline’

การจดลักษณะนี้แนะนำให้ใช้สีที่หลากหลายในการวาด เพราะจะทำให้เราสามารถจำเนื้อหาได้ลึกและยาวนานขึ้น ปากกา Staedtler Fineliner นั้น เหมาะที่จะใช้สำหรับการจดแบบนี้ เพราะมีสีสันสดใส สามารถระบายสีได้ในพื้นที่เล็ก ๆ มีรูปทรงสามเหลี่ยม จับง่ายถนัดมือ เนื่องจากมีถึง 10 สี จึงควรจะพกกระเป๋าไว้ใส่ปากกาด้วย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการสรุปสิ่งที่เรียน

ปากกาลูกลื่นหลากสีแบบนี้ก็สามารถใช้ในการจดในรูปแบบ Visual Language ได้เหมือนกัน โดยไม่ต้องพกปากกาสี ๆ หลาย ๆ ด้าม หากอยากจะวาดรูป สร้างแผนภูมิประกอบการจดเลคเชอร์ก็สามารถทำได้ในทันที เพียงแค่กดคลิกปากกาด้วยมือเดียวเท่านั้น เห็นไหมว่าง่าย สะดวกและประหยัดเวลามาก ๆ เลย

ปากกาแบบนี้ประกอบไปด้วยปากกาที่มีสีที่หลากหลายถึง 6 สี รวมอยู่ในเเท่งเดียว สะดวกมาก เพราะพกเพียงแท่งเดียวจบ เหมาะกับวันที่ออกไปเรียนข้างนอกโดยที่ไม่อยากพกอะไรมากนัก

เทคนิคการไฮไลท์โดยใช้ปากกาไฮไลท์หลายสีนั้น เริ่มจากการที่เราต้องกำหนดก่อนว่า แต่ละสีจะสื่อถึงอะไรในเนื้อหาที่อ่าน เช่น กำหนดให้สีชมพูเป็นชื่อคนที่ต้องจำ และกำหนดให้สีฟ้าเป็นของวันที่นั้น ๆ เป็นต้น โดยจะไฮไลท์แบบนี้ไปตลอดการอ่าน จะช่วยให้การอ่านจดจำของเรานั้นเป็นระบบมากขึ้น และสามารถย้อนกลับมาอ่านทวนอีกรอบได้แบบไม่งงด้วยนะ

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของสีในเชิงจิตวิทยาที่มีผลต่อความรู้สึกต่าง ๆ ของเราอีกด้วย เช่น สีฟ้ามีส่วนช่วยให้เรารู้สึกสงบ หรือสีเขียวที่ช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลาย โดยที่เราสามารถใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ มาจับคู่สีให้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการอ่านหนังสือของเราได้อีกด้วย ปากกาไฮไลท์ Stablio Boss เป็นปากกาไฮไลท์ที่มีโทนสีพาสเทล สีไม่ฉูดฉาดแสบตา แห้งไวและไม่ซึมไปด้านหลังของกระดาษ ลองหามาใช้ดู

การซื้อสติกเกอร์จะไม่ใช่สิ่งที่สิ้นเปลืองอีกต่อไป เเต่จะเป็นการกระตุ้นให้เราช่วยจำได้ง่ายขึ้นในรูปแบบนึง เพราะภาพในเชิงสัญลักษณ์ของสติกเกอร์จะช่วยทำให้เราสามารถจำได้ง่ายมากขึ้น ซึ่งเราสามารถนำสติกเกอร์มาร่วมกับการจดเลคเชอร์แบบ Visual Language ได้เหมือนกัน

ตัวอย่างเช่น สติกเกอร์รูปหน้าโกรธใช้กับเรื่องสงครามระหว่างประเทศ สติกเกอร์คนป่วยใช้กับเรื่องโรคระบาดในอดีต สติกเกอร์รูปมนุษย์ต่างดาวใช้กับสูตรเคมี เป็นต้น เมื้อเราเห็นสติกเกอร์นี้เวลาอ่านก็จะช่วยให้เราสามารถจำได้ลึกและยาวนานขึ้น โดยที่สติกเกอร์ถ้ายิ่งหลากหลาย ก็จะใช้ได้ง่ายขึ้นและยังทำให้สมุดเลคเชอร์น่าอ่านมากขึ้นอีกด้วย

Sticky Notes ก็เป็นอีกอุปกรณ์การเรียนที่ช่วยให้เราจดเลคเชอร์ได้ดีขึ้น โดยเทคนิคที่เรามักจะใช้กับ Sticky Notes คือการช่วยขยายความในบางจุดของเลคเชอร์ในบางจุดที่เราต้องการจะขยายเพิ่มหรือในกรณีที่พื้นที่หน้ากระดาษเต็มแล้วอยากเขียนเพิ่ม Sticky Notes จะช่วยตอบโจทย์เราที่เดียว นอกจากนี้ยังลอกออกและแปะซ้ำได้หลายครั้งอีกด้วย

และอีกเทคนิค ถ้า Sticky Notes ที่เราซื้อมีหลายสี การแบ่งสีตามหัวข้อ จะช่วยให้การอ่านจดจำของเรานั้นเป็นระบบมากขึ้น อย่างเช่น สีเหลืองจะเขียนเกี่ยวกับชีวประวัติโดยย่อ, สีชมพูจะเขียน Website เพื่อไปหาข้อมูลเพิ่มเติม เป็นต้น

ฟิล์มอินเด็กซ์ หรือ กระดาษกาวขั้นหน้า เป็นอุปกรณ์ประกอบการจดเลคเชอร์ที่มีประโยชน์มากสำหรับเวลากลับมาอ่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องอ่านในเวลาที่เร่งรีบหรือสถานการณ์ที่จำเนื้อหาบางส่วนไม่ได้ ต้องกลับไปเปิดเลคเชอร์ดู

อุปกรณ์ประเภทนี้แหละจะเป็น Item ที่ช่วยให้เราหาประเด็นที่เราต้องการกลับไปอ่านหรือทบทวนได้อย่างรวดเร็ว ราวกับเป็นบรรณารักษ์ห้องสมุดที่ช่วยหาหนังสือให้ และยังเป็นการจัดระเบียบหัวข้อในสมุดเลคเชอร์อีกด้วย เราสามารถเขียนหัวข้อลงไปที่ฟิล์มและลบออกได้เมื่อเราไม่ต้องการ นอกจากนี้ยังสามารถติดซ้ำได้หลายครั้ง มีหลายสี เป็นตัวช่วยที่มีประโยชน์และใช้ได้คุ้มค่าเป็นอย่างยิ่ง

สมุดโน้ตเป็น Item พระเอกของการจดเลคเชอร์เพราะเป็นสิ่งที่เราจะต้องจดลงไป การที่เราใช้สมุดที่ไม่มีเส้น จะช่วยให้การจดเลคเชอร์ของเรา Freestyle มากขึ้น ไม่จำเป็นต้องอยู่ในกรอบของเส้นหรือตาราง ซึ่งสมุดโน้ตประเภทนี้เราสามารถเอามาประกอบกับการจดแบบ Visual Language ได้เช่นการทำการวาดภาพประกอบการจด การทำ Mind Map หรือ Frame Work

สมุดโน้ตไร้เส้นเล่มนี้ขนาด A5 พกง่ายและเนื้อกระดาษดี สำหรับการเลือกหน้าปกแล้วเเต่รสนิยมของผู้ใช้เลย