9 ไอเทมที่สายวาดรูปมือใหม่ไม่ควรพลาด

สิ่งที่สำคัญสำหรับการฝึกวาดรูปก็คือการฝึกฝนค่ะ สมุดสเก็ตช์จึงเป็นสิ่งที่เราควรเลือกเป็นอย่างแรก ความจริงแล้ว สมุดนั้นเราสามารถเลือกตามแบบที่เราชอบได้เลยค่ะ จะเล็กจะใหญ่ ปกแข็ง ปกอ่อน กระดาษ Greenread หรือธรรมดา สำหรับมือใหม่แล้ว สมุดที่แนะนำนี้ค่อนข้างตอบโจทย์ค่ะ อย่างแรกเลยคือเป็นสมุดริมลวด ฉีกได้แบบไม่ต้องคิดเยอะ ถ้าไสกาวก็กลัวสมุดจะแหก ถ้าแบบเย็บแม็กก็ต้องฉีกเป็นคู่ใช่ไหมล่ะคะ ดังนั้นสมุดฉีกกับสมุดริมลวดจึงเวิร์คสุด ๆ ค่ะ ขนาดก็พกได้สบาย ราคาก็ย่อมเยาด้วย

ปัจจัยการเลือกสมุดสเก็ตช์นั้น จันว่าราคาที่ไม่แพงเกินไปเป็นสิ่งสำคัญนะคะ เพราะว่าเราเพิ่งฝึกวาด ถ้าเกิดความรู้สึกว่า "นี่ฉันจะทำให้สมุดแพง ๆ เสียหรือเปล่า" ความกังวลใจนั้นจะเป็นอุปสรรคกับการฝึกวาดรูปค่ะ ดังนั้นเราควรเลือกสมุดที่ราคาสบายกระเป๋า จะฉีกทิ้งก็ไม่เสียดาย จะวาดอะไรเละ ๆ เทะ ๆ ก็ไม่เป็นไร เมื่อไหร่ที่มีแรงบันดาลใจก็สามารถวาดเก็บไว้ได้ทันทีจะดีกว่าค่ะ

ถ้าหากใครได้ดูเบื้องหลังการวาดการ์ตูน ก็คงจะได้ผ่านตาเจ้ากล่องไฟสารพัดประโยชน์มาบ้าง นี่เป็นอุปกรณ์หากินของนักวาดการ์ตูนมาช้านานค่ะ

สาเหตุที่นักวาดทั้งหลายต้องใช้กล่องไฟ ก็เพราะพวกเขาต้องการลอกลายภาพสเก็ตช์สู่กระดาษจริงเพื่อนำไปลงเส้น ถมดำ และผ่านกระบวนการต่าง ๆ ออกมาเป็นการ์ตูนที่เราได้อ่านกันต่อไป กระดานไฟเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้เราแก้ไขภาพสู่กระดาษจริงได้อย่างมั่นใจค่ะ มีหลาย ๆ ครั้งที่ภาพสเก็ตช์ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ในภาพเดียว ต้องเอาตรงนู้นมาประกอบตรงนี้ จะวาดใหม่ก็ได้ไม่ดีเท่าเก่าแล้ว จะทำยังไง ที่ง่ายที่สุดก็คือการลอกลายนั่นเอง กระดานไฟสมัยนี้แบนบางมากแถมยังราคาไม่แพง อาจจะเป็นอุปกรณ์ที่ค่อนข้างเฉพาะทาง แต่ถ้าได้ซื้อไปแล้ว ยืนยันได้เลยค่ะว่า จะได้ใช้อย่างคุ้มค่าแน่นอน

ส่วนหนึ่งที่มือใหม่มักเลือกสมุดราคาแพง ๆ มาฝึกวาดรูป นั่นก็เพราะเข้าใจว่าหลังจากวาดแล้ว จะวาดบนกระดาษแผ่นเดียวไปจนเสร็จงาน แล้วสมุดเล่มนั้นก็จะเต็มไปด้วยรูปสวย ๆ แต่ความจริงแล้ว มีนักวาดมือโปรหลายคนที่ขัดเกลารูปสเก็ตช์จนพอใจ ก่อนจะลงกระดาษวาดภาพจริง

หลังจากที่จันลองผิดลองถูกซื้อกระดาษเป็นตั้ง ๆ มาลอง ก็มาจบกับกระดาษ Canson Watercolour รุ่นนี้ค่ะ ตามปกติ จันใช้สีมาร์คเกอร์ระบาย กระดาษที่ใช้จึงต้องหนากว่ากระดาษทั่วไป จะใช้กระดาษบาง ๆ อย่างกระดาษถ่ายเอกสารไม่ได้ กระดาษรุ่นนี้ใช้กับปากกามาร์คเกอร์แล้วอุ้มสีได้ดีเพราะเป็นกระดาษสีน้ำ ทำให้เกลี่ยสีให้เรียบเนียนได้ง่ายขึ้น มีด้านผิวเรียบให้ใช้ ทำให้เวลาสแกนแล้วภาพออกมาสวย ราคาอาจจะไม่ได้ถือว่าถูก แต่ก็ไม่ถือว่าแพงสำหรับกระดาษสีน้ำ

หากจะเลือกดินสอกดสักแท่ง เพื่อน ๆ ดูกันที่ตรงไหนคะ ดีไซน์ถูกใจ? ราคาไม่แพง? แท่งเหมาะมือ? ส่วนใหญ่แล้วก็จะเลือกจากปัจจัยเหล่านี้
ดินสอกด Mono Graph รุ่นนี้ได้รับรางวัล Reddot Award ปี 2016 เป็นดินสอใช้หัวโลหะยาวถึง 4 มม. ซึ่งยาวกว่าดินสอกดทั่วไปทำให้ลากเส้นกับไม้บรรทัดได้ดี ยางลบเป็นแบบหมุน ซื้อเปลี่ยนได้ นอกจากนี้การกดจะใช้แบบเขย่าก็ได้หรือกดที่ตัวเสียบก็ได้ และล็อคป้องกันไส้ออกมาได้ด้วย

สิ่งที่ชอบมาก ๆ ของดินสอรุ่นนี้ นอกจากยางลบที่ใช้ดีไม่เสียชื่อ Mono แล้ว ก็คือน้ำหนักของดินสอค่ะ ดินสอกดรุ่นนี้มีน้ำหนักที่ไม่เบาจนต้องเกร็งเวลาจับดินสอ และไม่หนักจนเมื่อยมือ สำหรับใครที่อยากได้ดินสอกดคิวท์ ๆ กว่านี้ Mono ก็จัดหนักเติมความน่ารักให้ในเวอร์ชั่น Sanrio ด้วยค่ะ เพราะแบบนี้ดินสอกดรุ่นนี้ถึงเป็นสิ่งที่จันว่ามือใหม่ขาดไม่ได้ เป็นทั้งดินสอและยางลบจบในแท่งเดียวเลยค่ะ

ไส้ดินสอเป็นอุปกรณ์เล็กๆ ที่สร้างความรำคาญใจได้อย่างยิ่งใหญ่ค่ะ เคยไหมที่ใช้ดินสอกด แล้วเขียนไป วาดไป ก็หักไป ทุกคนคงเคยเจอช่วงเวลาเหล่านั้นสินะคะ ส่วนตัวแล้ว จันเคยเป็นประเภทที่ใช้ไส้ดินสออะไรก็ได้ แล้วเจอปัญหาแบบนี้ ท้ายที่สุด พอได้ลองใช้ไส้ดินสอรุ่นนี้ ปัญหากวนใจก็หมดไปค่ะ

พูดถึงไส้ดินสอ อีกเรื่องที่จะข้ามไปไม่ได้ก็คือความเข้มของไส้ค่ะ ตามปกติแล้วความเข้มของไส้จะเรียงจาก HB B 2B 3B ไล่ไปจนถึง 9B แล้วก็ EE (เข้มสุด) ถ้าเป็นงานร่างภาพลงกระดาษจริงเพื่อลงสีต่อไป ควรจะใช้ดินสอ HB ค่ะ เนื้อดินสอจะค่อนข้างฝืด สีออกเท่าอ่อน ๆ จึงเหมาะกับการร่างภาพก่อนลงสีเพื่อไม่ให้สีดำของเนื้อดินสอละลายไปกับสีที่เราระบาย ถ้าเราใช้ดินสอเข้ม ๆ อย่าง 3B หรือ 4B เวลาระบายสีตรงเส้นดินสอแล้วลากออกมา สีดำของเนื้อดินสอจะติดออกมาด้วยค่ะ อีกอย่างคือดินสอสีอ่อน ลบได้ง่ายกว่า ทำให้กระดาษไม่ช้ำ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราควรใช้ดินสอสีอ่อน ๆ เพียงอย่างเดียวนะคะ ดินสอเข้ม ๆ มีข้อดีที่เราเห็นเส้นได้ชัดเจน และใช้ไล่น้ำหนักตามน้ำหนักมือได้ กดเบาสีก็อ่อน กดหนักสีก็เข้ม ด้งนั้นในขั้นตอนการสเก็ตช์เราสามารถใช้ไส้ดินสอ 2B 3B หรือ 4B ก็ได้แล้วแต่ชอบ
ปล. ไส้ดินสอ 3B ขึ้นไปจะลื่นมาก ๆ ค่ะ จะเขียน จะวาดก็สนุกนะ

"จะระบายสีน้ำก็ใจร้อนเหลือเกิน แต่จะให้ระบายสีไม้ก็เมื่อยมือ สีเมจิคก็ชอบนะ แต่ระบายทับแล้วกระดาษขาด มีสีอะไรไหมนะ ที่รวมข้อดีของสามสีนี้ไว้ด้วยกัน"

คำตอบก็คือสีประเภท "Alcohol-Based Marker" ค่ะ อธิบายง่าย ๆ คือเป็นสีเมจิกเวอร์ชั่นที่มีสีมากมายถึง 300 สีและระบายทับได้โดยกระดาษไม่ขาด สีประเภทนี้จะเป็นสีที่หมึกมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์เป็นหลัก สามารถลงสีให้ได้โทนสีแบบสีน้ำก็ได้ หรือจะลงสีแบบกราฟิกที่ให้อารมณ์แบบงานจากคอมพิวเตอร์ก็ได้ ถ้าตัดเส้นด้วยสีไม้ก็จะได้อารมณ์แบบสีไม้เช่นกัน สีประเภทนี้ไม่ต้องรอแห้ง ไม่ต้องผสมสี สามารถลงทับกันเพื่อให้เกิดสีใหม่ ๆ ได้ค่ะ ตอนนี้ในท้องตลาดมียี่ห้อมากมายให้เลือก สิ่งที่จะต่างกันในแต่ละยี่ห้อ หลัก ๆ มีสองอย่าง คือความทนทานหัวของมาร์คเกอร์ และคาแรคเตอร์ของหมึก Copic เป็นมาร์คเกอร์ที่หัวมาร์คเกอร์ค่อนข้างทน สามารถเติมหมึกได้ ลงทุนสักแท่งแล้ว ไม่ต้องซื้อใหม่ได้อีกหลายปี คาแรคเตอร์ของสีจะมีความอ่อนโยน เม็ดสีไม่แน่นมาก ให้อารมณ์สีน้ำค่ะ แนะนำซื้อที่เป็นหัวพู่กัน (รุ่น Copic Sketch หรือ Copic Ciao) จะซื้อทีละแท่งหรือซื้อเป็นเซ็ตก็แล้วแต่เราเลือกได้เลยค่ะ

อีกหนึ่งทางเลือกนอกจาก Copic ที่แนะนำไปเมื่อสักครู่ก็คือสีมาร์คเกอร์ยี่ห้อ Touch สัญชาติเกาหลีค่ะ มาร์คเกอร์ยี่ห้อนี้เป็น Alcohol-based marker มาแรงที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในประเทศไทยและต่างประเทศ Touch มีสีให้เลิอกกว่า 204 สี คาแรคเตอร์ของสีจะแตกต่างจาก Copic ตรงที่ให้สีแน่น จัดจ้านกว่า ใครที่ชอบโทนสีแรง ๆ เนื้อสีแน่น ๆ น่าจะชอบค่ะ อย่างเช่น งานด้านแฟชั่นดีไซน์ คาแรคเตอร์ดีไซน์ หรืองานสถาปัตย์ที่อยากได้สีแน่นอิ่มเหมือนปริ้นท์จากคอมพิวเตอร์ ก็นับว่าเหมาะดีค่ะ

จุดที่ดีอีกจุดหนึ่งคือหมึก Touch จะเรียบเนียนเมื่อแห้ง สมมติถ้าตอนที่เพิ่งลงสีใหม่ ๆ รู้สึกว่าไม่ค่อยเรียบจนถอดใจ แต่พอทิ้งไว้ให้แห้งสนิท สีจะเรียบเนียนอย่างน่าประหลาดใจ ต่างจาก Copic ที่ลงสีแล้วเห็นเป็นยังไง ก็จะออกมาเป็นอย่างนั้น ไม่เปลี่ยนแปลง ถ้ามือใหม่เกลี่ยไม่เนียนก็จะเป็นคราบได้ง่าย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สีมาร์คเกอร์แอลกอฮอล์ทุกยี่ห้อสามารถใช้ด้วยกันได้นะคะ ถูกใจสีไหนก็ซื้อสีนั้นมาใช้ได้เลย ไม่ต้องแบ่งแยกค่ายแต่อย่างใด ใครกังวลเรื่องความทนนั้น ไม่ต้องพูดถึง เก็บไว้ใช้ได้นานหลายปี สำหรับ Touch แนะนำแท่งสีขาวนะคะ จะเป็นหัวพู่กันค่ะ

หลังการลงสีแล้ว ก็จะมีหลาย ๆ จุดที่เราอยากจะเน้นเส้นเพื่อให้เห็นขอบชัดเจนขึ้น สิ่งที่จะช่วยเราได้ก็คือปากกาตัดเส้นกันน้ำค่ะ

สำหรับมือใหม่ที่อยากเริ่มวาดรูปอย่างจริงจังแล้ว Copic Multiliner เป็นปากกาตัดเส้นที่เป็นที่ชื่นชอบของนักวาดภาพทั้งมือใหม่ มือเก๋าค่ะ สีในเซ็ตเป็นสีกลาง ๆ ที่เหมาะจะตัดเส้นเพื่อให้งานดูซอฟต์ลง ไม่หนักหรือแข็งจนเกินไปอย่างสีดำค่ะ หัว 0.3 mm เป็นขนาดที่จันว่ากำลังดีเลยล่ะ ตัดเส้นในงานที่ใหญ่กว่า A5 ขึ้นไปก็เหมาะดี
หลังจากลงสีเสร็จแล้ว ลองดูขั้นสุดท้ายว่าจะตัดเส้นหรือไม่ตัดเส้น ไม่มีข้อบังคับตายตัวว่าควรตัดเส้นหรือไม่ค่ะ อยู่ที่ความชอบล้วน ๆ หรือถ้าใครชอบวาดก่อนค่อยลงสี ให้ทิ้งไว้สักครึ่งชั่วโมง เพื่อให้หมึกแห้งสนิทจริง ๆ แล้วค่อยลงสีนะคะ

ในการเก็บรายละเอียดหลังลงสี นอกจากการตัดเส้นแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่นักวาดมักจะทำกันเสมอก็คือการลงปากกาหรือหมึกสีขาวเพื่อให้เน้นจุดต่าง ๆ ให้มีความเป็นประกายค่ะ เพราะมีหลาย ๆ ครั้งที่ไม่ได้เว้นสีขาวเผื่อไว้ ดังนั้นการที่จะลงสีขาวในขั้นตอนสุดท้ายจึงเป็นเรื่องที่พบเห็นได้ตลอดเลยค่ะ บางคนจะใช้สีโปสเตอร์สีขาวในการทำประกาย แต่จันว่ามันยุ่งยาก สำหรับมือใหม่หัดวาด ปากกาสีขาวนั้นสะดวกกว่ากันเยอะค่ะ

ที่จะแนะนำให้ใช้ก็จะมียี่ห้อ Sakura รุ่น Gelly Roll กับ Uni-ball Signo หาซื้อได้ตามร้านเครื่องเขียนทั่วไปค่ะ ข้อเสียของปากกาสีขาว คือใช้ได้ไม่นานก็จะตัน หมึกไม่ค่อยออก เป็นเรื่องที่คงต้องทำใจ แต่มันขาดไม่ได้จริง ๆ นะคะ