10 เครื่องเลเซอร์ขน ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 เครื่องกำจัดขน IPL

เทคโนโลยีในเครื่องเลเซอร์ขน ที่นิยมใช้กันในปัจจุบันมีอยู่ 2 ประเภทหลัก ได้แก่ IPL (Intense Pulsed Light) และ Diode Laser แม้จะทำงานบนหลักการเดียวกัน คือการส่งพลังงานแสงไปยังรากขนเพื่อให้เม็ดสีเมลานินดูดซับแล้วแปลงเป็นความร้อนทำลายรากขน แต่ทั้งสองเทคโนโลยีมีความแตกต่างในด้านชนิดของแสง ความลึกที่ลงไปในผิว รวมถึงความเหมาะสมกับสภาพผิวและเส้นขน ดังนี้

1. เครื่องเลเซอร์ขน IPL ใช้แสงความเข้มสูงที่มีช่วงคลื่นกว้างและผ่านการกรองเพื่อให้เหมาะกับการกำจัดขน จุดเด่นคือสามารถครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างในแต่ละครั้ง เหมาะสำหรับการใช้งานบนแขน ขา หรือบริเวณที่มีพื้นที่ใหญ่ อีกทั้งยังมีราคาที่เข้าถึงง่ายและมีรุ่นให้เลือกหลากหลาย จึงเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มค่าและเน้นใช้งานทั่วไป
2. เครื่องเลเซอร์ขน Diode จะใช้ความยาวคลื่นเดี่ยวประมาณ 800–810 นาโนเมตร ซึ่งสามารถลงลึกถึงรากขนได้ดีกว่า และมีความจำเพาะต่อเมลานินสูงกว่า IPL จึงมักให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนกับขนเส้นหนาและสีเข้ม เช่น หนวด เครา รักแร้ หรือแนวบิกินี่ อีกทั้งจำนวนครั้งที่ต้องใช้โดยรวมจะน้อยกว่า จึงเห็นผลเร็วกว่า แต่ข้อจำกัดคือราคาสูงกว่า IPL และมีตัวเลือกในตลาดน้อยกว่า

ทั้งนี้ โดยส่วนใหญ่แล้วเครื่องเลเซอร์ขนแบบ Diode จะเป็นเครื่องขนาดใหญ่ที่นิยมใช้กันในคลินิกหรือสปา ถ้าเป็นแบบพกพาจะมีขายแค่ในต่างประเทศ

การเลือกขนาดหัวยิงของเครื่องเลเซอร์ขนเป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการใช้งาน เพราะขนาดของหัวเลเซอร์จะกำหนดทั้งความแม่นยำและระยะเวลาที่ใช้ในการกำจัดขน หากเลือกไม่ตรงกับพื้นที่ที่ต้องการใช้งาน อาจทำให้การยิงแสงไม่ได้ผลเท่าที่ควรหรือใช้เวลามากเกินไป โดยมีวิธีการแนะนำขนาดหัวยิงให้เหมาะกับบริเวณที่ต้องการใช้งาน ดังนี้

1. สำหรับบริเวณใบหน้า บริเวณบิกินี่ และรักแร้ ควรเลือกขนาดหัวยิงเล็ก เนื่องจากพื้นที่เหล่านี้มีความโค้งเว้าและมีเส้นขนที่มักเข้มและหนา หัวเล็กจะช่วยให้ควบคุมทิศทางการยิงได้แม่นยำ ลดโอกาสการโดนผิวส่วนที่ไม่ต้องการ และสามารถจัดการกับขนที่ขึ้นในมุมแคบได้ดี
2. สำหรับบริเวณลำตัว แขน และขา ซึ่งเป็นพื้นที่กว้างควรเลือกขนาดหัวใหญ่ที่สามารถครอบคลุมพื้นที่ได้มากในแต่ละครั้ง ทำให้ลดเวลาในการทำและประหยัดจำนวนครั้งที่ต้องยิง อย่างไรก็ตาม ข้อควรระวังคือหัวใหญ่มีความแม่นยำน้อยกว่าหัวเล็ก หากใช้ในพื้นที่โค้งเว้าหรือมุมแคบอาจทำให้แสงครอบคลุมไม่สม่ำเสมอ

การเลือกเครื่องเลเซอร์ขนที่สามารถปรับระดับพลังงานและความเข้มของแสงได้ถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะผิวของแต่ละคนมีความทนทานแตกต่างกัน ทั้งยังขึ้นอยู่กับสีผิว ความหนาแน่นของเส้นขน และตำแหน่งที่ต้องการกำจัดขน หากเครื่องมีเพียงระดับพลังงานคงที่ อาจเสี่ยงต่อการเกิดการระคายเคืองหรือไม่เห็นผลลัพธ์ตามที่ต้องการ ที่สำคัญ การปรับพลังงานช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่อง เพราะไม่จำเป็นต้องใช้พลังงานสูงทุกครั้ง ทำให้หลอดเลเซอร์ไม่เสื่อมสภาพเร็วเกินไป

นอกจากนี้ เครื่องเลเซอร์ขนที่ปรับระดับพลังงานได้ยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยต่อผิวสำหรับผู้เพิ่งเคยเลเซอร์เองครั้งแรกโดยสามารถเริ่มจากระดับต่ำเพื่อให้ผิวปรับตัว แล้วค่อย ๆ เพิ่มความเข้มเมื่อผิวเริ่มคุ้นเคยและช่วยให้การกำจัดขนตรงจุดยิ่งขึ้น เช่น ขนบริเวณใบหน้ามักเส้นเล็กและต้องการพลังงานไม่สูงนัก แต่ขนรักแร้หรือบิกินี่ซึ่งหนาและเข้มกว่ามักต้องการพลังงานมากกว่าเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ชัดเจน

จำนวนครั้งที่ยิงหรือแฟลช (Flashes/Shots) ถือเป็นตัวชี้วัดอายุการใช้งานที่สำคัญของเครื่องเลเซอร์ขน เพราะทุกครั้งที่กดยิงคือการใช้ทรัพยากรของหลอดกำเนิดแสงโดยตรง เมื่อครบจำนวนที่ผู้ผลิตระบุ พลังงานแสงที่ปล่อยออกมาอาจลดลง ทำให้การยิงไม่สม่ำเสมอ หรือหยุดทำงาน ส่งผลให้ประสิทธิภาพการกำจัดขนลดลงอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้น การตรวจสอบจำนวนครั้งที่ยิงตั้งแต่ก่อนซื้อจึงช่วยประเมินความคุ้มค่าในระยะยาวและช่วยวางแผนการใช้งานจริงได้ดียิ่งขึ้น

เครื่องเลเซอร์ขนที่รองรับจำนวนแฟลชสูงจะช่วยกระจายต้นทุนต่อครั้งยิงให้ต่ำลง โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ต้องการใช้งานหลายบริเวณ หรือใช้งานอย่างต่อเนื่อง หากใช้เพียงบางจุดเล็ก ๆ อย่างใบหน้าหรือรักแร้ จำนวนแฟลชประมาณ 150,000 – 200,000 ครั้งก็เพียงพอต่อการใช้งานได้หลายปี แต่ถ้าใช้บริเวณแขน ขา หลัง หรือบิกินี่ร่วมด้วย ควรมองหารุ่นที่ให้ 300,000 ครั้งขึ้นไปเพื่อให้มั่นใจว่าเพียงพอและคุ้มค่าต่อการลงทุน

ดีไซน์และความสะดวกในการใช้งานเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้การกำจัดขนที่บ้านไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก โดยควรพิจารณาน้ำหนักและการออกแบบด้ามจับ เพราะเครื่องเลเซอร์ขนที่น้ำหนักเบาและออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์จะช่วยลดความเมื่อยล้าเมื่อต้องใช้งานนาน ๆ โดยเฉพาะในบริเวณแขน ขา หรือหลังที่ใช้เวลาและจำนวนการยิงมาก

อีกทั้งยังแนะนำให้มองหารุ่นที่มีจอ LED แสดงระดับพลังงาน จำนวนครั้งการยิงที่เหลือ และโหมดการใช้งานที่เลือกอยู่จะช่วยลดความผิดพลาดในการใช้งาน ทำให้ผู้ใช้มั่นใจได้ว่ากำลังใช้เครื่องในระดับพลังงานที่เหมาะสมกับผิวและขนของตนเอง นอกจากนี้ เครื่องเลเซอร์ขนยังมีให้เลือกทั้ง แบบมีสายไฟและแบบไร้สาย ซึ่งแต่ละแบบมีข้อดีและข้อจำกัดต่างกัน ดังนี้

1. เครื่องเลเซอร์ขนแบบมีสายไฟมักใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนาน ไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่หมดกลางคัน แต่ข้อเสียคือความคล่องตัวอาจน้อยกว่า โดยเฉพาะเวลาทำบริเวณที่เข้าถึงยาก
2. เครื่องเลเซอร์ขนแบบไร้สายช่วยให้เคลื่อนไหวสะดวก เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่เล็กหรือการเดินทาง แต่ก็มีข้อจำกัดด้านระยะเวลาการใช้งานและอาจประสิทธิภาพลดลงเมื่อแบตเตอรี่เสื่อม