10 โดรน ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 โดรนถ่ายภาพ

ประเภทโดรนนั้นสามารถแบ่งออกได้หลัก ๆ ตามรูปทรงของโดรน ซึ่งมีด้วยกันหลายรูปแบบ แต่โดรนส่วนบุคคลนั้นมี 4 ประเภท ได่แก่ Multi-rotor , Fixed-wing, Single-rotor และ Fixed-wing hybrid แต่ในประเทศไทย จะนิยมใช้ 2 ประเภทแรกมากกว่า โดยในแต่ละประเภทมีคุณสมบัติและข้อพิจารณาที่แตกต่างกัน ดังนี้

• ระยะเวลาการบินสูงสุด : คือระยะเวลาที่โดรนสามารถบินได้ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ซึ่งจะแตกต่างกันในแต่ละรุ่น และขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งความจุแบตเตอรี่, ความเร็วและความสูงในการบิน, ความละเอียดของวิดีโอ ส่วนใหญ่แล้วโดรนขนาดเล็กจะบินได้ประมาณ 10 - 20 นาที และโดรนขนาดใหญ่จะบินได้ประมาณ 25 - 40 นาที

• ระยะทางสูงสุด : คือระยะทางที่สามารถบังคับโดรนได้โดยสัญญาณไม่ขาดหาย โดยมีตั้งแต่ 1 กิโลเมตร หรือมากกว่า อีกทั้งควรตรวจสอบด้วยว่ามีระยะบินสูงสุดจากพื้นดินเท่าไร โดยเฉพาะเมื่อต้องการเก็บภาพจากมุมสูงมาก ๆ

• ระดับเพดานบินสูงสุด  โดรนสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป (Consumer Drone) มักมีเพดานบินสูงสุดอยู่ที่ 500–600 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล แต่ตามกฎหมายการบินพลเรือนในหลายประเทศ (รวมถึงไทย) กำหนดให้บินได้ไม่เกิน 120 เมตร เหนือพื้นดิน เว้นแต่ขออนุญาตเป็นพิเศษ

การตรวจสอบคุณสมบัติของกล้อง จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงประสิทธิภาพในการถ่ายวิดีโอของโดรนแต่ละรุ่น โดยเฉพาะสำหรับคนที่ต้องการใช้โดรนเพื่อถ่ายวิดีโอและภาพมุมสูง เพื่อคุณภาพของวิดีโอที่มีความชัดเจน ลื่นไหล และให้รายละเอียดที่ดีที่สุด

• เซนเซอร์กล้อง : คือชิ้นส่วนที่ใช้ในการบันทึกภาพ เปรียบได้กับดวงตามนุษย์ ซึ่งยิ่งมีขนาดใหญ่ก็ยิ่งสามารถบันทึกรายละเอียดภาพ ความคมชัด สีสัน แสงและเงาได้ดี เช่น เซนเซอร์ขนาด 1 นิ้ว จะมีประสิทธิภาพสูงกว่าเซนเซอร์ขนาด 1/2.3 นิ้ว เป็นต้น

• ความละเอียดวิดีโอ : คือความคมชัดสูงสุดของวิดีโอที่กล้องของโดรนสามารถบันทึกได้ โดยสำหรับผู้เริ่มต้นหรือผู้ฝึกบินโดรน เลือกโดรนที่มีกล้อง 12MP และวิดีโอ 1080p - 2.7K และหากเป็นระดับมืออาชีพ แนะนำให้เลือกเลือกโดรนที่มีกล้อง 20MP ขึ้นไป และวิดีโอ 4K พร้อมระบบกันสั่น 3 แกน เพื่อความนิ่งและภาพคมชัดสูง

•  คุณสมบัติของกล้องอื่น ๆ เช่น ระบบกิมบอล สามารถหมุนกล้องได้กี่องศา เลนส์ของกล้องก็มีผลต่อคุณภาพของภาพด้วย และสเปกอื่นๆ ของเลนส์ เช่น ระยะโฟกัส กับ รูรับแสง ก็มีผลต่อคุณภาพของภาพเช่นกัน 

น้ำหนักของโดรนมีผลต่อขนาดของโดรนและความสะดวกในการพกพา การตรวจสอบน้ำหนักของโดรนจะช่วยให้คุณเตรียมความพร้อมในการพกพาให้เหมาะสมได้ โดยน้ำหนักของโดรนสามารถแบ่งออกได้ดังนี้

• ไม่เกิน 250 กรัม : ถือว่าเป็นโดรนขนาดเล็ก ช่วยให้พกพาสะดวก มีความคล่องตัวในการควบคุม เหมาะสำหรับฝึกหัดบิน, เล่นเพื่อความสนุกสนาน หรือใช้ในงานที่ไม่ต้องการความละเอียดภาพวิดีโอที่สูง

• 300 กรัม - 1 กิโลกรัม : เป็นโดรนขนาดกลาง ที่ไม่ได้เบาแต่ก็ไม่หนักมากนัก แต่ยังคงพกพาได้สะดวก จุดเด่นคือมีความจุแบตเตอรี่และกล้องที่คุณภาพดีขึ้นกว่าโดรนขนาดเล็ก ช่วยให้ใช้งานได้หลากหลายขึ้น

• 2 กิโลกรัมขึ้นไป : จัดว่าเป็นขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ และจะต้องทำการขึ้นทะเบียนกับ CAAT อย่างถูกต้องถึงจะใช้งานได้ ส่วนใหญ่แล้วมักจะมาพร้อมกับกล้องที่มีเซนเซอร์ขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเก็บภาพความละเอียดสูง

• เซนเซอร์กันชน : ทำหน้าที่ตรวจจับวัตถุหรือสิ่งกีดขวางรอบตัวโดรน เมื่อตรวจพบจะส่งสัญญาณแจ้งเตือนเพื่อให้ผู้บังคับระมัดระวัง หรือในบางรุ่นอาจหยุดบินโดยอัตโนมัติ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและป้องกันโดรนได้รับความเสียหาย

• ฟังก์ชันบินกลับตำแหน่งอัตโนมัติ : เช่น Return to Home ของ DJI ที่จะเพิ่มความปลอดภัยให้กับโดรนมากยิ่งขึ้น เพราะเมื่อสัญญาณเริ่มขาดหายเมื่อบินไกลเกินไปหรือแบตเตอรี่ใกล้หมด โดรนจะบินกลับหาจุดที่บินขึ้นโดยเอัตโนมัติโดยใช้สัญญาณ GPS ในการนำทาง

• ควบคุมผ่านมือถือ : สามารถใช้สมาร์ตโฟนในการควบคุมแทนรีโมตคอนโทรลได้ ด้วยการเชื่อมต่อผ่านแอปพลิเคชัน โดยจะทำหน้าที่เป็นทั้งรีโมตและหน้าจอ FPV ของโดรน ให้สามารถเห็นภาพจากโดรนได้แบบเรียลไทม์