10 อันดับ หนังสือปรัชญา แนะนํา ปี 2024 มีทั้งปรัชญาจีน ญี่ปุ่น และฝั่งตะวันตก

หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบเรื่องราวการเมือง ความเป็นอยู่ ประวัติศาสตร์ กฎหมาย หนังสือเล่มนี้จะเป็นเหมือนแว่นขยายส่องประเด็นต่าง ๆ ให้แก่ผู้อ่าน ผ่านปรัชญาที่ถูกรวบรวมมาจากหลายสำนัก ใช้การบรรยายที่มีความเข้มข้น เหมือนกำลังถกประเด็นทางความคิดกัน โดยประเด็นที่ถูกพูดถึงภายในเล่มมักเป็นประเด็นที่มีผู้คนสนใจ เช่น การเกณฑ์ทหาร, การแต่งงานของคนรักเพศเดียวกัน ฯลฯ

ถือเป็นการถกประเด็นเนื้อหาที่มีมิติช่วยตอบข้อสงสัยของผู้อ่านได้ดี นอกจากนี้แม้จะเป็นเนื้อหาที่มีความเคร่งเครียด แต่เพราะการบรรยายที่เข้มข้น ชี้ให้เห็นถึงปัญหาและหลักแนวคิดจึงถูกใจผู้ที่ชื่นชอบหนังสือปรัชญาด้านการเมืองโดยเฉพาะ ควบคุมเนื้อหาโดยศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดสามารถมั่นใจในประเด็นต่าง ๆ ว่ามีความสมจริงและทันเหตุการณ์ได้เลยครับ

หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือปรัชญาที่เน้นอธิบายสิ่งที่เรียกว่า 'อิคิไก' ซึ่งเป็นปรัชญาของชาวญี่ปุ่น เหมาะสำหรับคนวัยทำงานหรือน้อง ๆ นักศึกษา ที่กำลังตั้งคำถามว่าทำไมคนเราถึงต้องตื่นขึ้นมาเพื่อทำงาน หาเงิน หรือหาความรู้จากการไปเรียน โดยทางผู้เขียนได้พยายามหยิบยกเอาเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นมากมาย เข้ามาร่วมบรรยายเพื่อให้ผู้อ่านเห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น อ่านทำความเข้าใจง่าย

โดยเนื้อหาจะอธิบาย อิคิไก ตั้งแต่ความหมายจนกระทั่งมุมมองต่าง ๆ ที่มีการนำเอาปรัชญาชนิดนี้ไปใช้อธิบายถึงเหตุผลการกระทำต่าง ๆ ของมนุษย์ เช่น เหตุผลของการตื่นแต่เช้า, ค้นหาจุดหมายของชีวิต ฯลฯ ที่ทำให้ผู้อ่านมีมุมมองใหม่ ๆ เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับความสุขในการดำเนินชีวิตประจำวัน ที่สำคัญคือเมื่ออ่านจบจะช่วยทำให้ผู้อ่านรู้จักการมองหา อิคิไก ของตัวเองเพื่อนำไปปฏิบัติในการดำเนินชีวิตครับ

ปรัชญาอาจเป็นเรื่องที่หลายคนไม่ชื่นชอบเพราะมักเต็มไปด้วยแนวคิด หลักคำสอน หรือคำพูดที่ดูซับซ้อนทำให้เข้าใจยาก หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือปรัชญาที่นำเสนอเนื้อหาผ่านรูปแบบเล่าเรื่องคล้ายนวนิยาย โดย 'เอริก ไวเนอร์' หรือนักเขียนหนังสือเล่มนี้จะค่อย ๆ พาผู้อ่านไปสู่ถนนแห่งปรัชญาเพื่อพบกับมุมมองใหม่ ๆ เชิญให้ทุกคนมาร่วมคิดและตั้งคำถามไปพร้อมกันอย่างเพลิดเพลินมากกว่าคำว่าน่าเบื่อ

ซึ่งในแต่ละตอนจะมีมุมมองที่แฝงทั้งการตั้งคำถาม ความอยากรู้ แม้จะเป็นสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเรื่องเหตุผลในการตื่นนอนทุกเช้าก็ตาม เป็นเนื้อหาที่ไม่เน้นการหาความหมายในการใช้ชีวิต แต่พาผู้อ่านไปหาวิธีใช้ชีวิตให้มีความหมาย เมื่อได้เริ่มอ่านแล้วจุดมุ่งหมายของหนังสือหวังว่าผู้อ่านจะสามารถพบคำตอบบางอย่างของตัวเองที่ค้างคาอยู่ได้ ถือเป็นหนังสือปรัชญาที่อ่านง่ายนักเรียน นักศึกษาก็อ่านได้

หากคุณเคยตั้งคำถามเหล่านี้ 'เราคือใคร' หรือ 'โลกนี้มาจากไหน' หนังสือเล่มนี้จะพาทุกคนเดินทางไปยังถนนแห่งปรัชญาในการตั้งคำถามของตัวละครเด็กน้อยที่มีชื่อว่า โซเฟีย เด็กที่คอยตั้งคำถามในเรื่องต่าง ๆ ที่กำลังเผชิญอยู่ ซึ่งคำถามเหล่านี้เป็นคำถามที่ทางผู้เขียนได้วิเคราะห์มาแล้วว่าหลายคนมักจะมีความคิดแบบเดียวกันกับตัวละคร ซึ่งจะทำให้สามารถตอบคำถามบางอย่างที่ตัวผู้อ่านเองก็อาจจะเคยสงสัยได้

แม้หนังสือเล่มนี้จะถูกตีพิมพ์มาหลายปีแล้ว แต่เนื้อเรื่องภายในก็ยังคงครองใจหลาย ๆ คนอยู่จน เนื่องจากโครงเรื่องของวรรณกรรมมีความซับซ้อน สนุก น่าติดตาม ไม่ใช่เพียงการสอนปรัชญาที่ใช้เพียงคำพูดทั่วไป แต่เป็นการที่ตัวละครได้เผชิญหน้ากับสถานการณ์จริง ทำให้ผู้อ่านมองเห็นภาพชัดเจนและเข้าใจมุมมองของปรัชญาที่ถูกแฝงเอาไว้เข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้น จนถูกกล่าวว่าเป็นหนังสือปรัชญาสำหรับทุกคนครับ

หนังสือเล่มนี้อาจจะเหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบเรื่องปรัชญาทางการเมืองโดยเฉพาะ เพราะเนื้อหาภายในเล่มเน้นนำเสนอมุมมองของ เจสัน สแตนลีย์ ศาสตราจารย์ด้านปรัชญาจากมหาวิทยาลัยเยลผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ ที่มองเกี่ยวกับแนวคิดฟาสซิสม์ในสังคมปัจจุบันที่หลายประเทศกำลังเผชิญอยู่ มีทฤษฎีสมคบคิดอธิบาย เป็นหนังสือที่มีเนื้อหาเข้มข้น อัดแน่นไปด้วยองค์ความรู้ด้านปรัชญาการเมือง

ซึ่งสำหรับใครที่ไม่รู้ว่า ฟาสซิสม์ ในหนังสือเล่มนี้ก็มีเนื้อหาที่อธิบายแนวคิดนี้ให้ผู้อ่านเข้าใจ มี 10 กลวิธีที่ฟาสซิสม์ใช้ครองอำนาจ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ความจริงที่สังคมกำลังเผชิญอยู่ รวมไปถึงเรื่องราวแห่งการต่อต้านกระแสฟาสซิสม์ เพื่อให้ทุกคนสามารถก้าวสู่ประชาธิปไตยที่แท้จริง ไร้ซึ่งการแบ่งแยก ไร้ซึ่งการขีดกั้นระหว่างเขา-เรา ใครที่ชื่นชอบเรื่องการเมือง เล่มนี้ถือเป็นหนังสือที่ควรค่าในเวลาว่าง

หนังสือปรัชญาเล่มนี้เป็นปรัชญาที่มีความเฉพาะเป็นพิเศษเพราะเนื้อหาภายในคือปรัชญาพิเศษเกี่ยวกับการจัดบ้าน ภายใต้แนวคิดบ้านไม่ใช่สถานที่พักอาศัยเท่านั้น แต่คือสถานที่แห่งการพักผ่อนโดยเฉพาะจิตใจของผู้อยู่อาศัย 'ไมก์ วิกิง' ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยความสุข ซึ่งเป็นผู้เขียนหนังสือเรื่องนี้ได้หยิบยกเอาปรัชญาแห่งความสุข ที่ผ่านการศึกษาและกลั่นกรองเข้ามาผสมผสาน ดังนั้นการจัดบ้านจะไม่ใช่เพื่อความสวยงามอีกต่อไป

ซึ่งเนื้อหาภายในเล่มจะเต็มไปด้วยเทคนิคจากศาสตร์แห่งการจัดบ้าน แต่ทุกเทคนิคจะแฝงรายละเอียดแห่งปรัชญาและมุมมองที่ทำให้คนในบ้านรู่สึกสงบ มีความสุข เช่น การจัดแสงภายในบ้านตามรอยเท้าแมว, การเลือกโต๊ะทานอาหารสำหรับครอบครัว, บทสรุปพื้นที่สงบใจ ฯลฯ ถือเป็นหนังสือปรัชญาที่มีประโยชน์เพิ่มความรู้ในการทำบ้านให้มีความสุข บรรยายด้วยภาษาอ่านง่าย อ่านแล้วไม่รู้สึกเครียดครับ

หากให้พูดถึงวรรณกรรมระดับโลก 'เจ้าชายน้อย' มักเป็นวรรณกรรมชื่อแรก ๆ ที่ถูกพูดถึง ซึ่งหนังสือเล่มนี้มีต้นฉบับมาจากประเทศฝรั่งเศสก่อนจะถูกนำไปแปลภาษาอื่น ๆ อีกหลายประเทศ ซึ่งความพิเศษของวรรณกรรมเรื่องนี้คือการผสมผสานเรื่องราวความสนุกสนาน ภาพวาดประกอบเรียบง่ายแต่น่ารักเข้ากับหลักคำสอนปรัชญาต่าง ๆ ได้ลงตัว เป็นหนังสือที่อ่านได้ทุกช่วงวัยไม่ว่าจะเด็กนักเรียน นักศึกษา หรือแม้กระทั่งคนวัยทำงาน

เนื้อหาภายในเล่มจะเป็นการใช้ตัวละครเอกอย่างเจ้าชายน้อยที่ผจญภัยและเจอเหตุการณ์ต่าง ๆ ในการเล่าเรื่องที่เชื่อมโยงกับวิวาทะทางวัฒนธรรมที่มีความลึกซึ้งของตะวันตกและตะวันออก ชี้ให้เห็นเห็นถึงปัญหาพื้นฐานไร้พรมแดน การเลือกเส้นทางชีวิต ฯลฯ สะท้อนวัยเด็กและวัยโตที่ถูกเปลี่ยนความคิดแบบไม่รู้ตัว ซึ่งแม้จะนำเสนอในรูปแบบหนังสือภาพประกอบก็ไม่ได้ทิ้งรายละเอียดที่ทำให้ผู้อ่านรู้สึกได้ถึงความประทับใจเลยครับ

หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือปรัชญาที่เน้นใช้คำสั้น ๆ เพื่อเรียกคืนสิ่งที่คุณอาจจะหลงลืมไป เป็นหนังสือที่เหมาะสำหรับคนที่กำลังเผชิญหน้ากับความอ่อนแอ ให้พวกเขาได้ตระหนักว่าความอ่อนแอนั้นไม่ใช่สิ่งที่ผิด เพียงแต่ในวันที่อ่อนแอสุดท้ายคนเราก็ต้องเข้มแข็งขึ้นเพื่อก้าวเดินต่อไป เข้าใจง่าย ไม่ได้ใช้ภาษาที่มีคำสลักซับซ้อนมากเกินไป แถมยังพิมพ์แบบสี่สีเพื่อเพิ่มความน่าดึงดูดด้วย

โดยเนื้อหาภายในจะแบ่งเป็นบทอย่างชัดเจน ซึ่งแต่ละบทจะพยายามยกตัวอย่างสิ่งรอบข้างของผู้อ่านให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น การนำเสนอภาพประกอบใช้ภาพที่สื่อถึงอารมณ์ บางประโยคที่คุณเพียงเลื่อนสายตาผ่าน ๆ ก็อาจทำให้คุณมีมุมมองใหม่ ๆ ได้ หรือบางเนื้อหาอาจทำให้คุณเข้าใจว่าแม้อดีตจะเลวร้าย แต่มันจะกลายมาเป็นบทเรียนสอนชีวิตของตัวคุณ ให้คุณมีความเข้มแข่งยิ่งกว่าคุณคนเมื่อวาน

สำหรับประเทศไทยที่ได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ หนังสือเล่มนี้ถือเป็นคู่มือชีวิตที่จะช่วยให้ทุกคนวางแผนในระยะยาวได้ โดยหยิบยกเอาหลักสัจธรรม 4 ประการ เข้ามาปรับใช้กับวิถีชีวิต ซึ่งมีเป้าหมายว่าจะทำอย่างไรให้ในช่วงท้ายของชีวิตเราจะแก่แบบไม่เจ็บ น้อยที่สุด เพราะคำว่า เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่เราสามารถวางแผนให้มีคุณภาพกับชีวิตตัวเองได้

โดยเนื้อหาภายในเล่มไม่ได้มีเพียงแค่การบรรยายจากทางผู้เขียนเท่านั้น เนื่องจากผู้เขียนอย่าง ดร. ศุภวุฒิ สายเชื้อ เป็นนักวิจัยมาอย่างยาวนาน ดังนั้นจึงได้มีการรวบรวมข้อมูลระดับโลกที่ใช้อ้างอิงแนวคิดของตัวเองให้น่าเชื่อถือด้วย เช่น ข้อมูลที่บอกว่าเราควรเตรียมตัวให้พร้อมตั้งแต่อายุเข้าช่วง 40 ปี เพราะเป็นช่วงที่ตัวคุณเองเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจนที่สุด แนวคิดภายในเล่มจะทำให้มุมมองการใช้ชีวิตแต่ละวัยของผู้อ่านเปลี่ยนไป

ปรัชญาการใช้ชีวิตของจีนเป็นที่เลื่องลือด้านความลึกซึ้งและเห็นภาพได้ชัดเจนอย่างเช่น 'รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะทั้งร้อยครั้ง' ซึ่งหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ใช้การรวบรวมปรัชญาของจีนจากหลายสำนักไว้ในเล่มเดียว ผ่านการผสมผสานเรื่องราวของนิทานทั้ง 36 เรื่อง ทำให้มีความสนุกสนาน สำนวนอ่านง่าย ไม่ได้มีคำเปรียบเทียบด้วยภาษาเฉพาะที่มีความเข้าใจยากเกินไป

โดยปรัชญาของจีนภายในเล่มจะสะท้อนให้ผู้อ่านเห็นว่าการประสบความสำเร็จมันไม่ได้ใช้เพียงความพยายาม การทำความดี หรือหลาย ๆ อย่างที่คุณเคยได้ยินเท่านั้น แต่ยังมีปัจจัยสำคัญอย่างการเข้าใจตัวเองอีกด้วย นอกจากนี้แนวคิดทั้งหมดที่ผู้อ่านจะได้เรียนรู้ยังสามารถนำไปใช้ต่อยอดสิ่งอื่น ๆ นอกจากการใช้ชีวิตได้ เช่น ธุรกิจ, การเรียน, การมองผู้คน เหมาะเป็นหนังสืออ่านในยามว่างเพื่อสร้างแรงบันดาลใจครับ