20 อันดับ หนังเกาหลี น่าดู ปี 2024 รวมหนังแนะนำ สนุก เข้มข้น

ในปี ค.ศ. 2092 ลูกเรือภายใต้การควบคุมของกัปตันจาง (คิมแทริ) หัวหน้ายานเก็บขยะได้บังเอิญไปเจอกับเด็กน้อยคนหนึ่งนามว่า โดรธี หรือ กนนิม (พัคเยริน) เด็กที่มีพลังพิเศษเพราะในร่างกายของเธอมี "นาโนเทคโนโลยี" ที่สามารถนำไปดัดแแปลงเป็นอาวุธทำลายล้างได้ เหล่าลูกเรือของเธออย่าง คิมแทโฮ (ซงจุงกิ) ไทเกอร์ พัค (ชินซอนกยู) และบั๊บส์ (ยูแฮจิน) ต้องจึงคอยปกป้องเด็กคนนี้ไว้ไม่ให้ตกไปอยู่ในมือของคนชั่ว

เป็นหนังโปรเจคฟอร์มยักษ์ที่ต้นทุนในการสร้างสูงลิบลิ่ว ในส่วนของพล็อตเรื่องโดยรวมถือว่าน่าสนใจและดำเนินเรื่องได้สนุกมาก ๆ ภาพสวยน่าตื่นตาตื่นใจ CG เนียนกริบเทียบเท่าระดับ Hollywood แถมในช่วงท้าย ๆ ยังมีปมดราม่ามาขยี้ที่อาจทำให้หลายคนต้องหยิบทิชชู่มาซับน้ำตากันอยู่บ้างอย่างแน่นอน

หนังที่จะพาทุกคนไปสัมผัสกับความแตกต่างทางชนชั้นและฐานะของคนเกาหลีสองครอบครัว เมื่อเพื่อนสมัยมัธยมของคิมกีอู (ชเวอูชิก) มาขอให้ช่วยเป็นติวเตอร์สอนภาษาอังกฤษให้กับลูกสาวของครอบครัวมหาเศรษฐี เขาจึงอยากใช้โอกาสนี้เป็นช่องทางหาเงินโดยให้ คิมกีจอง (พัคโซดัม) น้องสาวแท้ ๆ ของตัวเองมาร่วมปลอมตัวเป็นเด็กนักเรียนดีกรีจากเมืองนอกมาสอนศิลปะให้ลูกชายคนเล็กของครอบครัวเศรษฐีนี้ พร้อมกับพาพ่อตัวเองคิมกีแท็ก (ซงคังโฮ) ให้เข้ามาเป็นคนขับรถของบ้านนี้ด้วยเลย

เป็นหนังเกาหลีที่โกอินเตอร์ไปไกลทั้งยังกวาดรางวัลจากงานลูกโลกทองคำมาได้อีกด้วย ซึ่งบทภายในเรื่องจะเปิดโอกาสให้เราตัดสินตัวละครได้หลายแบบขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละคน เพราะแบบนี้หลายคนจึงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นหนังที่ดูง่ายและย่อยง่ายมาก ๆ สำหรับทุกคนเลยทีเดียว

ชีวิตของแจชิก (จินกู) ชายหนุ่มผู้อยู่อย่างโดดเดี่ยว ซึ่งเขาทำอาชีพเป็นตัวแทนจัดหาสาวแดนเซอร์ ด้วยสังกัดเล็ก ๆ ของตนเอง ที่เขาเป็นบริหารงานเองทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น การไปรับไปส่งหรือการรับงานให้ลูกจ้าง ที่ทำให้มีหนี้สินติดตัวจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ด้วยความใจดีเขาได้ให้ลูกจ้างคนหนึ่งยืมเงินไป แต่เธอกลับเสียชีวิตอย่างกะทันหัน และเนื่องจากเขาไม่มีทางเลือกหลังจากต้องการใช้เงินด่วน จึงบุกเข้าไปในบ้านของเธอเพื่อหาของมีค่าที่พอจะชดใช้หนี้ได้

แต่แล้วเขาก็ได้พบกับ อึนฮเย (จองซอยอน) ลูกสาววัย 7 ขวบของลูกหนี้ ที่เธอมีปัญหาทางการได้ยินและตาบอด ซึ่งจินกูผู้ที่จนตรอกหลังจากค้างค่าเช่าบ้าน จึงตัดสินใจย้ายมาอยู่กับเธอ และเป็นเหตุที่ทำให้ชีวิตของเขาทั้งสองเปลี่ยนไป เป็นหนังดราม่าที่มีความอบอุ่นจากความสัมพันธ์ของตัวละครครับ

จุนอู (ยูอาอิน) นักแคสเกมที่ใช้ชีวิตหมกตัวอยู่แต่ในบ้านที่กว่าจะรู้ตัวอีกทีเขาก็ถูกปิดตายอยู่ในอพาร์ตเมนต์ เพราะพื้นที่โดยรอบมีแต่ฝูงซอมบี้จากโรคระบาด เขาจึงต้องใช้ชีวิตแบบนับถอยหลังพร้อมทั้งโพสข้อความลงบนโลกโซเชียลหวังว่าจะมีใครสักคนมาช่วยเหลือ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาพบว่าอพาร์ตเมนต์ฝั่งตรงข้างมีหญิงสาวคนหนึ่งที่ยังมีชีวิตรอดอยู่อย่าง ยูบิน (พัคชินฮเย) ทั้งสองคนจึงเริ่มคิดแผนการที่จะหนีออกไปจากที่นี่

ความยากของหนังเรื่องนี้ก็การดำเนินเรื่อง เพราะว่าทั้งเรื่องเราจะเห็นแต่ซีนที่ตัวละครหลักอยู่แต่ในห้อง ซึ่งบอกได้เลยว่าด้วยตัวบทที่เข้มข้นสามารถทำให้เราลุ้นจนนั่งไม่ติด พร้อมด้วยทักษะด้านการแสดงของนักแสดงนำทั้งสองที่เอาอยู่หมัด จึงทำให้หนังเรื่องนี้ไม่น่าเบื่ออย่างที่คิดเอาไว้แน่นอน

เรื่องราววุ่น ๆ เริ่มต้นขึ้นเมื่อสวนสัตว์กำลังจะปิดตัวลง เพราะไม่มีผู้เข้าชมเนื่องจากเจอกับปัญหาไม่มีสัตว์เหลืออยู่เลย ผอ.ของสวนสัตว์จึงได้เกิดไอเดียขึ้นมาว่า ให้พนักงานทุกคนลุกขึ้นมาสวมชุดปลอมตัวเป็นสัตว์ ประกอบกับ แทซู (อันแจฮง) พนักงานฝ่ายกฎหมายที่ได้รับมอบหมายมาว่าให้ฟื้นฟูกิจการให้ได้ภายใน 3 เดือนแลกกับตำแหน่งหน้าที่การงาน เขาจึงดั้นด้นที่จะทำเรื่องบ้า ๆ นี้ให้ได้ และด้วยความที่โชคชะตาเข้าข้าง สวนสัตว์แห่งนี้ก็กลับมาดังอีกครั้งและได้รับกระแสตอบรับที่ดีบนโลกออนไลน์พร้อมกับจำนวนผู้เข้าชมที่เพิ่มมากขึ้น

ดูผิวเผินแล้วอาจจะเป็นเพียงแค่หนังตลกขำขันเรื่องหนึ่ง แต่ว่าความจริงแล้วยังมีประเด็นเสียดสีระบบทุนนิยม และแนวคิดสะกิดใจคนดูเรื่องการรักษ์โลก มิตรภาพและอื่น ๆ สอดแทรกอยู่ในช่วงครึ่งหลัง เป็นหนังที่เหมาะจะนั่งดูกับครอบครัวในวันหยุดมาก ๆ เลยครับ

เรื่องราวของคุณพ่อวัยกลางคน ซอกอู (กงยู) ที่กำลังพาลูกสาว ซูอัน (คิมซูรัน) ไปเยี่ยมแม่ของเธอที่ปูซาน แต่แล้วในเช้าวันเดียวกันนั้นก็เกิดไวรัสซอมบี้ระบาด ทำให้รถไฟ KTX ที่เขานั่งไปปูซานนั้นกลายเป็นรถไฟสายมรณะที่เต็มไปด้วยฝูงซอมบี้ เขาจึงพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อปกป้องตัวเองและลูกสาวให้ปลอดภัยให้ได้ ซึ่งในขบวนก็ได้มีสองสามีภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์ ซังฮวา (มาดงซอก) ซองกยอง (จองยูมี) และคนอื่น ๆ ที่ต้องมาร่วมมือกันเพื่อเอาตัวรอดให้ได้

ถึงจะเคลมว่า เป็นแอ็กชันแนวซอมบี้ก็จริง แต่แก่นสารของเรื่องกลับนำเสนอว่า สิ่งที่น่ากลัวกว่าซอมบี้ก็คือ จิตใจอันดำมืดและความเห็นแก่ตัวของมนุษย์เมื่อตกอยู่ในยามคับขันที่ต้องการหาทางรอดให้ตัวเองมากกว่า ซึ่งทำให้คนดูลุ้นไปตลอดทั้งเรื่องว่า พวกเขาจะต้องพลาดพลั้งให้กับซอมบี้หรือมนุษย์ร่วมขบวนด้วยกันเอง

ชีวิตหลังความตายของ คิมจาฮง (ชาแทฮยอน) เจ้าหน้าที่นักดับเพลิงมาถึงเร็วกว่าที่เขาจะรู้ตัวหลังจากที่เขาได้เข้าไปช่วยดับเพลิงในอาคารและได้เสียชีวิตลงในหน้าที่ เส้นทางหลังความตายของเขาก็เริ่มต้นขึ้นโดยมียมทูตทั้ง 3 คน อย่าง คังริม (ฮาจองอู) แฮวอนเม็ก (จูจีฮุน) และอีด๊อกชุน (คิมฮยังกี) ที่จะพาเขาฝ่าด่านพิพากษาทั้ง 7 ด่านในนรกให้สำเร็จภายใน 49 วัน เพื่อที่จะได้ส่งเขาไปเกิดใหม่อีกครั้งก็เริ่มต้นขึ้น

หากใครที่กำลังมองหาหนังสักเรื่องเอาไว้ดูในวันหยุดก็ต้องเรื่องนี้เลยครับ เพราะว่าหนังเรื่อง Along With Gods นั้นมีให้คุณดูถึง 2 ภาคแบบเต็มอิ่มกันเลยทีเดียว แถมยังการันตีความสนุกและคุณภาพได้จากการที่หลังภาค 2 ฉายจบทางทีมผู้สร้างก็ได้ออกมาแถลงข่าวทันทีว่า มีแพลนจะถ่ายทำภาค 3 และภาค 4 ต่อโดยใช้นักแสดงชุดเดิมอีกด้วย

หลังจากซีรีส์ซอมบี้ย้อนยุคจากประเทศเกาหลี Kingdom ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากใน 2 ซีซันแรก ทำให้ Netflix ปล่อยหนังภาคพิเศษที่มีความยาวถึง 1 ชั่วโมง 33 นาที โดยจะเล่าถึงเรื่องราวต้นกำเนิดของสมุนไพรคืนชีพที่ อาชิน (จอนจีฮยอน) หญิงสาวจากชนเผ่าหนี่ว์เจิน กำลังพบกับโศกนาฏกรรมหลังจากชนเผ่าของเธอถูกหลอกใช้จากโชซอน และเป็นเหตุที่ทำให้พ่อของเธอเสียชีวิต ซึ่งระหว่างที่กำลังเดินทางไปยัง พเยซากุน ถิ่นกำเนิดของสมุนไพรคืนชีพ เธอก็ได้ล่วงรู้ความลับของสมุนไพรนี้กับราคาที่ต้องจ่ายเมื่อฟื้นคืนชีพคน

เธอจึงวางแผนใช้สมุนไพรเพื่อเป็นเครื่องมือแก้แค้นโชซอน ด้วยการนำมันไปมอบให้กับหมออีซึงฮีที่ทำการรักษากษัตริย์โชซอน จนเป็นจุดกำเนิดของเรื่องราวในซีรีส์ 2 ซีซีนแรก โดยเป็นหนังซอมบี้ที่งานโปรดักชั่นยังคงยอดเยี่ยม ดำเนินเรื่องด้วยการล้างแค้น และมีการแฝงความขัดแย้งทางการเมืองไว้ครับ

หนังเกาหลีที่สร้างขึ้นจากนวนิยายสะท้อนสังคมเรื่องคตินิยมสิทธิสตรี (Feminism) ที่มียอดจำหน่ายกว่า 1 ล้านเล่ม เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ คิมจียอง (จองยูมี) ผู้ที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ความเหลื่อมล้ำทางเพศมาตลอด 30 กว่าปี ตั้งแต่เด็กจนโตเธอต้องพบเจอกับปัญหาจากภาวะสังคมชายเป็นใหญ่ พอนานวันเข้าความเครียดสะสมก็เริ่มส่งผลกระทบกับเธอ จนในที่สุดมันก็ทำให้เธอกลายเป็นผู้ป่วยทางจิตและจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาโดยมีสามีผู้แสนอบอุ่น ชองแดฮยอน (กงยู) คอยอยู่ข้าง ๆ และร่วมแก้ปัญหาไปพร้อมกับเธอ

ตัวหนังจะพาเราไปสัมผัสกับเรื่องราวแสนธรรมดาพร้อมกับนำเสนอประเด็นความเหลื่อมล้ำทางเพศมาให้เห็นอยู่ในทุก ๆ อย่างที่คิมจียองต้องเจอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเป็นลูกสะใภ้ในครอบครัว สังคมการทำงานที่ผู้หญิงถูกมองว่าด้อยกว่า เป็นเรื่องที่หยิบเอาเรื่องจริงมาพูดและนำเสนอออกมาในรูปแบบที่ย่อยง่ายมาก ๆ

Peninsula เป็นภาคต่อของ Train to Busan หนังซอมบี้ที่กวาดรายได้ไปอย่างถล่มทลายทั้งในประเทศและต่างประเทศ เมื่อไวรัสซอมบี้กลับมาแพร่ระบาดอีกครั้ง แต่ว่าครั้งนี้มันกลับรุนแรงมากกว่าเดิม เพราะเชื้อไวรัสได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งคาบสมุทรเกาหลี ทำให้ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกนานถึง 4 ปี ซึ่งเรื่องราวของหนังจะพาเราลุ้นไปกับจองซอก (คังดงวอน) ที่ได้รับภารกิจให้กลับมาที่เกาหลีใต้อีกครั้งเพื่อขนเงิน 20 ล้านเหรียญสหรัฐที่ตกค้างอยู่กลับออกมาโดยเขาจะได้ค่าตอบแทนเป็นเงินครึ่งหนึ่ง

แต่ว่าเรื่องราวกลับไม่ง่ายแบบนั้น เพราะเขาได้เจอกับเหล่าผู้รอดชีวิตที่ยังหลงเหลือที่พวกเขาเรียกตัวเองว่า หน่วย 631 แต่ถึงแม้กลุ่มคนพวกนี้จะกลายมาเป็นอุปสรรคสำคัญก็ตาม แต่เขาก็บังเอิญได้รับความช่วยเหลือจาก จุนอี (อีเร) มินจอง (อีจองฮยอน) และยูจิน (อีเยวอน) ที่จะมาเป็นกำลังเสริมช่วยเขาทำภารกิจในครั้งนี้

มินกีฮยอน (กงยู) อดีตสายลับที่กำลังป่วยด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย ได้ถูกจ้างให้ไปเป็นบอดี้การ์ดให้กับ ซอบก (พัคโบกอม) มนุษย์โคลนอมตะคนแรกของโลกจากโปรเจคลับ ที่ถูกตัดแต่งพันธุกรรมเพื่อทดลองการรักษาให้กับมนุษย์จนสามารถใช้ชีวิตได้อมตะ ทำให้ภารกิจหลักของมินกีฮยอน คือนำซอบกไปส่งฐานลับใหม่อย่างปลอดภัย และคุ้มครองซอบกจากการตามล่าของผู้ที่ต้องการชิงตัว เพื่อแลกกับการรักษาโรคร้ายของเขา อย่างไรก็ตาม ภารกิจก็มีอุปสรรคมากมาย และการตัดสินใจที่ไม่ง่ายอย่างที่หวัง

โดย Seobok ไม่ได้เป็นเพียงแค่หนังแอ็กชันไซไฟเท่านั้น แต่ยังมีการพูดเรื่องราวความหมายของชีวิตผ่านสองตัวละครจากนักแสดงชั้นนำ ที่คนหนึ่งกำลังจะตายจากโรคร้ายและต้องการมีชีวิตอยู่ กับอีกคนหนึ่งที่ยังไร้เดียงสาและไม่รู้สึกถึงคุณค่าของการมีชีวิต

หนังแนวสายลับสืบสวนสอบสวน กับชีวิตที่พลิกผันของทนายความ ฮันกีจุน (พัคแฮซู) หลังจากเขาเปิดโปงเรื่องการทุจริตของผู้มีอิทธิพลในเกาหลี แต่เกิดข้อผิดพลาด ทำให้แพ้คดีและถูกลดขั้นไปอยู่ในเมืองเล็ก ๆ ซึ่งเขาได้รับโอกาสใหม่และต้องเดินทางไปเมืองเสิ่นหยางประเทศจีน เพื่อทำงานกับ คังอิน (โซลคยองกู) หัวหน้าทีมภารกิจพิเศษ ที่ได้รับฉายาว่า ยักษา จากการทำงานที่ทำงานที่โหดเหี้ยม และเด็ดขาด ซึ่งภารกิจหลักของฮันจีกุนคือการตรวจสอบการทำงานของทีมนี้ที่เรื่องราวแอบแฝงอยู่ภายใน

ทำให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับภารกิจการตามหาเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเกาหลีเหนือที่หายตัวไป และเอกสารลับสำคัญบางอย่างที่มีเบื้องหลังซ่อนอยู่ เป็นหนังแอ็กชันที่ดำเนินเรื่องได้อย่างน่าสนใจ จากคาแรกเตอร์ของตัวละครในทีม ที่มีแต่ละคนต่างมีบุคลิกในการทำงานที่ไม่เหมือนกัน

หนังโจรสลัดที่จะพาย้อนผู้ชมย้อนอดีตไปสู่ประเทศเกาหลีในยุคโชซอน กับการตามล่าหาสมบัติของราชวงศ์โครยอที่หายสาบสูญจากล่มสลายของราชวงศ์ ที่ตัวเอกของเรื่อง อูมูชิ (คังฮานึล) หัวหน้าโจรภูเขาพร้อมลูกน้องถูกเนรเทศจากแผ่นดิน และต้องลอยคออยู่กลางทะเลอย่างไร้จุดหมาย แต่ได้รับการช่วยเหลือจาก แฮรัง (ฮันฮโยจู) กัปตันเรือหญิงผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มโจรสลัด ซึ่งทั้งคู่ได้รับเบาะแสและแผนที่ของสมบัติที่หายสาบสูญไป ทำให้ร่วมมือกันเพื่อตามหาสมบัติ และเกิดเป็นการผจญภัยครั้งใหม่

จุดเด่นของหนังคือเอฟเฟกต์และ CG ที่มีความสมจริงสมกับทุนงานสร้างของหนังฟอร์มยักษ์ นอกจากนี้ ยังได้นักแสดงอารมณ์ดีอย่าง อีกวางซู มาเสริมบทบาทความตลกให้กับหนังและ เซฮุน จากวง EXO ที่ทำให้หนังน่าสนใจมากขึ้น เป็นหนังผจญภัยคอมเมดี้หลายอารมณ์ ที่ลุ้นน่าติดตามทั้งเรื่องครับ

Seoul Vibe เป็นหนังแนวแอ็กชันอาชญากรรมไล่ล่าของกรุงโซลในปี 1988 ที่ผู้คนกำลังสนใจกับการเปิดงานแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อน ได้มีกลุ่มคนผู้มีอิทธิพลแอบทำการฟอกเงินและลักลอบขนเงินแบบลับ ๆ อยู่เบื้องหลัง ทำให้อัยการ อันพยองอุค (โอจองเซ) ที่ต้องการสืบเรื่องนี้ บังคับให้ ดงอุค (ยูอาอิน) ชายหนุ่มนักซิ่งที่โดนจับจากธุรกิจผิดกฎหมาย ไปแฝงตัวเป็นคนขนเงินและสืบหาเบาะแสให้กับอัยการ เพื่อแลกกับการที่เขาจะลบประวัติอาชญากรรมให้ ทำให้ ดงอุค ต้องรวมทีมนักซิ่งทั้ง 5 คน มาร่วมกันปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จ

ด้วยบรรยากาศของกรุงโซลแบบย้อนยุค ที่ผู้ชมจะได้เห็นวัฒนธรรมและการใช้ชีวิตชาวเกาหลีใต้ในยุคสมัยนั้น ทำให้เรื่องราวการโจรกรรมในหนังมีความน่าสนใจมากขึ้น อีกทั้งความคอมเมดี้ และฉากแอ็กชันการขับรถ ยังช่วยเพิ่มความหลากหลายให้กับการดำเนินเรื่องจนสามารถดูได้แบบเพลิน ๆ ครับ

วันหนึ่ง ซอยอน (พัคชินฮเย) ได้รับสายปริศนาจากโทรศัพท์บ้านหลังจากที่เธอย้ายเข้ามาอยู่ได้ไม่นาน เพราะบ้านหลังเก่าไฟไหม้และทำให้เธอต้องเสียพ่อไป ซึ่งหญิงสาวเจ้าของสายปริศนาคือ โอยองซุก (จอนจงซอ) โทรมาจากปี ค.ศ. 1999 และบอกว่า เธอสามารถช่วยเปลี่ยนแปลงอดีตให้พ่อของเธอรอดตายจากเหตุการณ์นั้นได้ ซอยอนจึงยอมตัดสินใจทำตามคำขอและพ่อของเธอก็มีชีวิตรอดกลับมาจริง ๆ แต่กลับกลายเป็นว่าการตัดสินใจในครั้งนั้นจะทำให้ชีวิตของเธอต้องเปลี่ยนไป

ตัวหนังจะพาเราลุ้นระทึกไปกับอดีตว่า สิ่งที่ซอยอนได้ทำการเปลี่ยนแปลงไปนั้น มันจะส่งผลอะไรบ้างกับปัจจุบันของเธอ ในส่วนของ CG มุมกล้อง Score ถือว่าทำได้ดี สามารถพาให้คนดูร่วมลุ้นไปด้วยได้ โดยเฉพาะช่วงท้าย ๆ ของเรื่องนี่สนุกจนลืมหายใจกันเลยทีเดียว

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบหนังแอ็กชันบู๊ระห่ำตลอดทั้งเรื่อง ต้องห้ามพลาดเรื่องนี้เลยครับ โดยเป็นเรื่องราวของ คาร์เตอร์ (จูวอน) ชายหนุ่มที่ตื่นมาในโรงแรมอย่างไร้ความทรงจำ ซึ่งระหว่างที่เขากำลังสงสัย ก็มีหน่วยซีไอเอบุกเข้ามาในห้องเพื่อที่จะจับกุมเขา ซึ่งมีเสียงจากอุปกรณ์สื่อสารที่ฝังไว้ในช่องหูสั่งให้หลบหนี เขาจึงต้องหนีการจับกุมอย่างไม่มีทางเลือก นอกจากนี้ เขาได้ยังได้รับภารกิจจากเสียงพูดปริศนาให้ไปช่วยเหลือ ฮานา (คิมโบมิน) เด็กหญิงผู้มีแอนตี้บอดี้ในการรักษาโรคระบาดที่ทำให้ผู้คนคลุ้มคลั่ง และส่งเธอให้กับทางเกาหลีเหนือ

เขาจึงต้องทำภารกิจเสี่ยงตายที่เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของชาติ และหลบหนีจากการไล่ล่าของเกาหลีใต้และอเมริกา เพื่อชิงตัวฮานาและจับตัวเขา เป็นหนังแอ็กชันที่ใช้เทคนิคการถ่ายทำแบบลองเทค ผสมเอฟเฟกต์จาก CG และมุมกล้องแบบบุคคลที่หนึ่ง ที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกระทึกและตื่นเต้นครับ

เหตุระเบิดภูเขาไฟแพคดูซันเกิดขึ้นตามที่ ดร.คังบงแร นักธรณีวิทยา (มาดงซอก) คาดการณ์เอาไว้ไม่มีผิด หลังจากนั้นเขาจึงได้เสนอให้เจ้าหน้าที่เก็บกู้ระเบิด โจอินชัง (ฮาจองอู) นำระเบิดนิวเคลียร์เข้าไปวางใกล้ปล่องภูเขาไฟเพื่อหยุดแรงระเบิดในครั้งนี้ และเมื่อภารกิจสำเร็จเขาก็จะได้กลับไปใช้ชีวิตหลังเกษียณกับภรรยา จียอง (เบซูจี) แต่ว่าเรื่องราวไม่ง่ายอย่างที่คิดเมื่อต้องอาศัยความร่วมมือจากสายลับเกาหลีเหนือสองหน้าที่ถูกทางการคุมขังไว้อยู่อย่าง อีจุนบยอง (อีบยองฮอน) ที่หวังจะใช้ภารกิจนี้เป็นตั๋วไถ่บาปกลับประเทศของตนเอง

หนังเปิดมาด้วยเรื่องภัยพิบัติก็จริง แต่ในครึ่งหลังเราจะเห็นได้ว่า แท้จริงแล้วแก่นของหนังค่อนข้างจะเอนเอียงไปทางสายลับทหารผสมกับเรื่องการเมืองอยู่ไม่น้อยเลย และในส่วนของซีนแอ็กชันทำออกมาได้ดี มีดราม่านิดหน่อยและมียิงมุกตลกเข้ามาช่วยผ่อนคลายให้กับคนดูอยู่เป็นระยะครับ

สำหรับหนังเรื่อง Love and Leashes เรียกได้ว่าเป็นหนังแนวใหม่จากทางประเทศเกาหลีที่จะโชว์ถึงรสนิยมทางเพศแบบ BDSM ที่จะมีผู้ออกคำสั่งและผู้ถูกกระทำที่หาความสุขจากการเจ็บปวด ซึ่งหนังเป็นความสัมพันธ์ระหว่างสองคนที่มีชื่อคล้ายกันคือ ชองจีอู (ซอฮยอน) พนักงานสาวประจำแผนก PR และชองจีฮู (อีจุนยอง) รองหัวหน้าทีม ซึ่งชองจีอูบังเอิญไปเปิดพัสดุของชองจีฮูและพบกับปลอกคอหนัง ซึ่งเป็นรสนิยมผู้ถูกกระทำของเขา ทำให้เกิดเป็นจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ของพวกเขา

โดยหนังได้รับการดัดแปลงจากเว็บตูนเรื่อง Moral Sense ที่นำเสนอเอกลักษณ์ใหม่ ๆ ทั้งด้านรสนิยมทางเพศ และเพิ่มความหลากหลายของแนวหนังเกาหลี อย่างไรก็ตาม หนังยังคงความเป็นโรแมนติกคอมเมดี้ ที่เน้นความสัมพันธ์และความรักของสองตัวละครเป็นหลักครับ

หนึ่งในหนังจากประเทศเกาหลีที่ห้ามพลาด กับเรื่องราวที่สร้างจากประวัติศาสตร์จริงของสงครามการทูตระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้เมื่อปี 1991 โดยในระหว่างนั้น ฮันชินซอง (คิมยุนซอก) ทูตเกาหลีใต้ประจำโซมาเลียพร้อมเจ้าหน้าที่สถานทูต และ คังแดจิน (โจอินซอง) เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรอง กำลังทำงานในเมืองโมกาดิชูเพื่อสนับสนุนให้ประเทศเกาหลีใต้เข้าร่วมสหประชาชาติ แต่ก็โดนขัดขวางจาก ริมยงซู (ฮอจุนโฮ) ทูตจากเกาหลีเหนือที่ขัดขวางไม่ให้เกาหลีใต้เข้าร่วม เพราะต้องการชิงความได้เปรียบเอาไว้

อย่างไรก็ตาม ก็เกิดสงครามการเมืองขึ้นเมื่อประชาชนโซมาเลียต้องการโค่นล้มรัฐบาลเผด็จการของ โมฮัมเหม็ด ไซอัด บาร์รี ทำให้ทั้งสองประเทศต้องหันมาร่วมมือกัน เพื่อเอาชีวิตรอดในสถานการณ์ที่พวกเขาต้องพึ่งพากันเอง เป็นหนังที่มีครบรสทั้งแอ็กชน ดราม่า และระทึกขวัญครับ

อีกหนึ่งหนังความรักในสไตล์โรแมนติกคอมเมดี้กับความสัมพันธ์ในชีวิตที่ต้องพบกับอุปสรรคต่าง ๆ ของ จางฮยอก (จางกียง) พนักงานหนุ่มที่ทุ่มเทชีวิตให้กับการทำงาน ซึ่งเขาเพิ่งได้งานในตำแหน่งวิศวกร แต่เกิดอาการป่วยอย่างกะทันหัน ทำให้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและได้พบกับ ดาอึน (แชซูบิน) พยาบาลที่สาวดูแลเขาอย่างดี จนเกิดเป็นความรักระหว่างทั้งคู่ อย่างไรก็ตาม จางฮยอก ต้องย้ายไปทำงานที่สำนักงานใหญ่และได้พบกับ โบยอง (คริสตัลจุง) ที่ทั้งคู่โปรเจกต์ด้วยกัน จนเกิดความรักสามเส้าระหว่างพวกเขา

โดยเรื่องราวของหนังทั้งหมดจะเน้นการเล่าเรื่องของความสัมพันธ์ในชีวิตคู่ ที่อยู่ในความเป็นจริงของสังคมปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม หนังยังมาพร้อมกับประเด็นที่หลากหลายของตัวละครในแต่ละมุมมอง ที่ทำให้ตอนจบสามารถคาดเดาได้ยากครับ