10 ถังขยะอัจฉริยะ ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 มีเซนเซอร์ ทิ้งสะดวก

ส่วนใหญ่แล้ว ถังขยะอัจฉริยะจะใช้วัสดุในการผลิตอยู่ 2 ชนิดด้วยกัน คือ "พลาสติก ABS" และ "สเตนเลส" ซึ่งวัสดุทั้งสองชนิดนี้ก็มีข้อดี - ข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับว่าผู้ใช้งานแต่ละคนจะมีความชอบแบบไหนมากกว่ากัน

เพื่อการใช้งานที่มีประสิทธิภาพและสะดวกสบายมากขึ้น แนะนำให้ตรวจสอบระยะของเซนเซอร์ด้วย เพราะยิ่งเซนเซอร์สามารถตรวจจับได้ไกล เราก็ไม่จำเป็นต้องยื่นมือหรือโน้มตัวเข้าไปใกล้กับตัวถังขยะ ทำให้การใช้งานสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ซึ่งโดยปกติแล้วเซนเซอร์ของถังอัจฉริยะทั่วไปจะมีระยะอยู่ที่ 20-30 เซนติเมตร แต่บางรุ่นก็สามารถตรวจจับได้ไกลกว่านี้ แถมยังสามารถตั้งค่าระยะทางของเซนเซอร์เองได้อีกด้วย 

ถังขยะอัจฉริยะจะมีวิธีการใช้พลังงานจากไฟฟ้าหลัก ๆ 2 วิธีด้วยกัน ได้แก่ การใช้พลังงานจากถ่านก้อนทั่วไปที่เราคุ้นเคยกันดี เช่น ถ่านขนาด AA หรือถ่านก้อนใหญ่ขนาด D เป็นต้น ซึ่งอายุการใช้งานก็จะขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานในแต่ละวันว่า ถังขยะอัจฉริยะใบนั้น ๆ มีการเปิด-ปิดบ่อยเพียงใด แต่โดยทั่วไปแล้ว มักจะใช้งานได้นานสูงสุด 1 - 4 เดือน เลยทีเดียว

ส่วนอีกวิธีหนึ่งก็คือ การใช้งานแบตเตอรี่ที่ติดตั้งอยู่ภายในตัวถังขยะ ซึ่งผู้ใช้ต้องทำการชาร์จด้วยตัวเองก่อนใช้งาน โดยแบตเตอรี่ดังกล่าว มักจะเป็นแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน (Li-ion) ที่เราสามารถพบเห็นได้ทั่วไปในแล็ปท็อปหรือโทรศัพท์มือถือนั่นเอง ในส่วนอายุการใช้งานต่อการชาร์จหนึ่งครั้งนั้น จะอยู่ที่ประมาณ 1 - 2 เดือน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานของคุณด้วย

แน่นอนว่า ถังขยะอัจฉริยะทุกรุ่นจะมาพร้อมกับเซนเซอร์อินฟราเรดเพื่อการเปิด-ปิดฝาถังขยะอัตโนมัติ แต่ก็มีผู้ผลิตหลายรายที่ได้ทำการคิดค้นฟังก์ชันเสริมสำหรับถังขยะอัจฉริยะขึ้นมา เพื่อสร้างเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครให้กับแบรนด์ของตนเอง รวมถึงช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งานมากขึ้นด้วย

ซึ่งฟังก์ชันเสริมก็มีอยู่ด้วยกันหลายรูปแบบ เช่น ฟังก์ชันในการซีลปากถุงขยะอัตโนมัติ ไฟแสดงผลการทำงานของถังขยะ ไปจนถึงฝาปิดถังขยะที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ เพื่อช่วยป้องกันกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ออกมาภายนอกถัง นอกจากนี้ ยังมีฟังก์ชันในการปรับรัศมีการตรวจจับของเซนเซอร์ หรือแม้แต่ถังขยะอัจฉริยะที่มาพร้อมกับมาตรฐานกันน้ำระดับ IPX3 ที่เหมาะสำหรับใช้วางไว้ในห้องน้ำนั่นเอง