10 อันดับ บลัชออน สำหรับวัย 30 ปี 2024 สีสวย ติดทน

สาววัย 30 ขึ้นไปที่เป็นวัยทำงานหรืออาจจะทำธุรกิจที่มักจะต้องพบปะกับผู้คนอยู่ตลอด จึงต้องมีการแต่งหน้าทุกวัน ซึ่งโดยหลัก ๆ แล้วจะเน้นเมคอัพที่ใช้งานง่าย ติดทนยาวนาน และให้ลุคที่เป็นธรรมชาติเพื่อดูสุภาพ ภูมิฐาน เหมาะสมกับช่วงวัย ดังนั้น จึงขอแนะนำให้เลือกใช้บลัชออนเนื้อครีมหรือเนื้อฝุ่นมากที่สุด

・บลัชออนเนื้อครีม จะมีให้เลือกทั้งแบบตลับ แบบหลอด และแบบแท่ง สามารถเกลี่ยง่ายด้วยนิ้วมือ แปรง หรือฟองน้ำ ซึ่งเนื้อครีมจะมีเม็ดสีชัดเจน มีความทึบแสงเนื่องจากมีส่วนผสมของน้ำมัน จึงทำให้ผิวชุ่มชื้น เล่นแสงและดูเป็นธรรมชาติ อีกทั้งบางแบรนด์ยังสามารถใช้ทาได้ทั้งตาและปาก

・บลัชออนเนื้อฝุ่น มักอยู่ในรูปแบบตลับ สามารถเกลี่ยได้ด้วยแปรงหรือพัฟ มีสีให้เลือกหลาย เม็ดสีชัดเจนและมีเนื้อสัมผัสบางเบาทำให้ผิวดูเป็นธรรมชาติ ใช้งานง่าย สะดวก เนื้อบลัชไม่เกาะกันเป็นก้อน แต่อาจมีสีทึบแสงและมีความติดทนน้อยกว่าเนื้อครีม

ทั้งนี้ สำหรับใครที่เพิ่งเริ่มใช้บลัชออนเนื้อฝุ่น ควรแตะบลัชออนลงบนหลังมือหรือถาดผสมสีก่อนใช้ทา เพื่อให้ได้บลัชออนในปริมาณที่เหมาะสม ไม่เกิดเป็นคราบ ไม่มีสีด่างหรือสีเข้มจนเกินไป ส่วนใครที่เพิ่งเริ่มใช้บลัชออนเนื้อครีมควรหลีกเลี่ยงการทาลงบนผิวที่เปียกอยู่ เพราะจะทำให้เกิดคราบหรือเป็นด่างได้ง่าย

ในส่วนของฟินิชผิวจะมีให้เลือกใช้ทั้งเนื้อแมตต์และเนื้อซาติน โดยจะแนะนำให้เลือกเนื้อบลัชออนตามสภาพผิวเป็นหลักเพื่อความเหมาะสมกับลุคและเพื่อความติดทนด้วย ดังนี้

・บลัชออนเนื้อแมตต์ เป็นบลัชออนที่มีเนื้อด้าน ไม่มีความเงาและไม่สะท้อนแสง จึงเหมาะกับคนผิวมัน ผิวผสมหรือผิวไม่เรียบ เพราะเนื้อแห้งแมตต์จะช่วยลดความมันวาวของใบหน้าระหว่างวันได้ ซึ่งจะให้ลุคที่ดูเป็นทางการ สุภาพเรียบร้อยด้วย ทั้งนี้ เนื้อแมตต์จะค่อนข้างติดทนและมีเม็ดสีชัดเจน จึงควรทาทีละน้อย ๆ เพื่อไม่ให้เป็นคราบ อีกทั้งคนผิวแห้งควรหลีกเลี่ยงการใช้เนื้อแมตต์ เพราะจะทำให้ผิวยิ่งดูแห้งกระด้าง

・บลัชออนเนื้อซาติน เป็นบลัชออนเนื้อโกลว์ที่มีความแวววาว เล่นแสงได้ดี เหมาะกับคนผิวแห้งเพราะจะช่วยให้ผิวดูฉ่ำขึ้น และยังตอบโจทย์คนที่มีผิวหมองคล้ำหรือมีแก้มตอบได้ โดยจะช่วยให้ผิวดูมีออร่าและแก้มเอิบอิ่มขึ้น ทั้งนี้ ต้องระวังการใช้บลัชที่มีส่วนผสมของกลิตเตอร์หรือชิมเมอร์จำนวนมาก เพราะจะทำให้ลุคดูไม่เป็นทางการและไม่สุภาพสำหรับการแต่งหน้าไปทำงานได้ อีกทั้งคนผิวมันควรหลีกเลี่ยงเนื้อซาตินเพราะจะทำให้ผิวดูมันวาวมากขึ้น

นอกจากนี้ ขอแนะนำให้เลือกบลัชออนที่มีโทนสีเหมาะสมกับช่วงวัยด้วย เพราะจะช่วยให้มีภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น โดยหลักง่าย ๆ ควรเลือกบลัชออนที่มีโทนสีสุภาพ เช่น โทนสีน้ำตาล สีส้ม สีพีชหรือสีชมพูตุ่น ๆ สีอิฐ สีกะปิ สีน้ำตาลแดง เป็นต้น และควรหลีกเลี่ยงโทนสีฉูดฉาดหรือสีที่มีความสว่างมากกว่าสีผิวตนเอง เพราะจะให้ฟินิชลุคดูไม่เป็นทางการได้ 

กรณีที่เป็นการแต่งหน้าออกงานหรือในโอกาสพิเศษต่าง ๆ ก็จะต้องเน้นเมคอัพที่ติดทนเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันสีดรอปลงหรือหลุดลอกง่าย รวมทั้งต้องมีฟินิชลุคที่โดดเด่นเหมาะสมกับงานด้วย จึงขอแนะนำให้เลือกใช้บลัชออนเนื้อครีมฟินิชแมตต์ เพราะจะมีเม็ดสีชัดเจนที่สุด ติดทนนานและให้ความเรียบเนียนกับผิวได้ดี

ปกติแล้วคนผิวแห้งหรือผิวผสมทั่วไปจะแนะนำให้ใช้บลัชออนหลังจากลงเบสหรือรองพื้น เพื่อทำให้สีบลัชออนแนบสนิทไปกับผิว แล้วจึงตามด้วยการเซ็ทแป้งก็จะทำให้ผิวดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น ส่วนคนผิวมันควรเซ็ตแป้งลงบนผิวหน้าตาม เพื่อช่วยดูดซับความมันของเนื้อครีมและผิวหน้าให้ดูแมตต์ขึ้น

นอกจากนี้ สำหรับคนผิวแห้งสามารถเลือกใช้บลัชออนที่มีชิมเมอร์เป็นส่วนผสมได้ ซึ่งเมื่อกระทบกับแสงไฟจะช่วยให้หน้าดูเปล่งประกายหรือฉ่ำขึ้น โดยสามารถใช้ได้ทั้งงานกลางวันและกลางคืน แต่ไม่ควรใช้หนักไปสำหรับกลางวัน แต่สำหรับคนผิวมันหรือคนที่มีผิวไม่เรียบอาจจะต้องหลีกเลี่ยงเพราะจะทำให้ผิวหน้าดูมันขึ้นหรือเน้นผิวที่ไม่เรียบให้ชัดมากยิ่งขึ้น

การแต่งหน้าเป็นประจำอาจส่งผลให้ผิวขาดความชุ่มชื้นและเกิดริ้วรอยขึ้นได้ง่ายโดยเฉพาะในวัย 30 หากเป็นไปได้ขอแนะนำให้เลือกบลัชออนรุ่นที่มีส่วนผสมของสารบำรุง ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะพบได้ในบลัชออนเนื้อครีม เนื้อน้ำหรือคุชชั่น เมื่อทาในตอนที่ผิวยังเปียกหมาดอยู่ จะทำให้ส่วนผสมของสารบำรุงซึมเข้าสู่ผิวหนังได้ ทำให้ผิวมีความชุ่มชื้นขึ้นทุกครั้งที่แต่งหน้า ส่วนบลัชออนเนื้อฝุ่นบางรุ่นก็อาจมีส่วนผสมของสารบำรุงมาให้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับแต่ละแบรนด์ โดยผู้ใช้งานจะต้องตรวจสอบบนบรรจุภัณฑ์ก่อนเลือกซื้อ

สำหรับส่วนผสมของสารบำรุงผิวที่สามารถพบได้บ่อยในบลัชออนหลาย ๆ ยี่ห้อนั้นได้แก่ วิตามินอี เชียบัตเตอร์ น้ำมันอาร์แกน คอลลาเจน หรือสควาเลน ซึ่งส่วนมากจะเป็นส่วนผสมที่มีคุณสมบัติช่วยบำรุงและกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ในผิว ทำให้ผิวไม่แห้งและเป็นการบำรุงผิวไปในตัวด้วย

บลัชออนหลาย ๆ ยี่ห้ออาจมีส่วนประกอบของสารระคายเคืองต่าง ๆ เช่น น้ำหอม พาราเบน และซิลิโคน ซึ่งอาจก่อให้เกิดการแพ้หรือระคายเคืองต่อผิวได้โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่ผิวแพ้ง่าย รวมถึงส่วนผสมของซิลิโคนที่เป็นสารให้ความยืดหยุ่นก็อาจทำให้ผิวอุดตันได้ จึงควรหลีกเลี่ยงในกลุ่มคนที่เป็นสิว ทั้งนี้ ผู้ใช้งานสามารถทดสอบอาการแพ้จากการใช้บลัชออนได้ โดยการสวอทสีตามบริเวณบริเวณเนื้ออ่อน เช่น ข้อพับ หรือหลังหู โดยให้ทิ้งไว้ 1 - 2 ชั่วโมง เพื่อทดสอบการแพ้ก่อนเลือกใช้