10 หูฟัง True Wireless ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 เสียงดี เชื่อมต่อง่าย

หูฟังประเภท True Wireless นั้น มีประเภทการสวมใส่อยู่ 2 ลักษณะใหญ่ ๆ ได้แก่ Earbud และ แบบ In-Ear โดยแบบ Earbud คือ หูฟังไม่มีจุก สวมบนชั้นหูภายนอก ให้ความรู้สึกสบายหูมากกว่า สวมใส่ได้รวดเร็วและง่าย แต่ได้ยินเสียงรอบข้างได้ชัดเจนกว่าหูฟัง In-Ear เหมาะกับการใช้งานทั่วไปที่ไม่เน้นการฟังเสียงดนตรีหรือรายละเอียดของเสียงมากนัก แต่ไม่ค่อยเหมาะกับการนำไปใช้งานขณะที่เราเคลื่อนไหวเร็ว ๆ แรง ๆ เช่น ใส่วิ่งออกกำลังกายที่เน้นความเร็วสูง เพราะอาจจะทำให้หลุดได้ง่าย แต่หากใช้วิ่งออกกำลังกายทั่วไปไม่เน้นความเร็ว สามารถใช้ หูฟัง In-Ear ได้เช่นกัน 

ส่วน In-Ear จะมีจุกที่ต้องสอดเข้าไปในรูหูเพื่อเพิ่มความแน่นบริเวณรูปหูของเรา มีจุดเด่นคือ ฟังเสียงได้ชัดเจนและกันเสียงภายนอกได้ดีกว่า อีกทั้งยังเป็นการตัดเสียงรอบข้างออกไปด้วยประมาณหนึ่ง ให้อรรถรสของเสียงดนตรีที่มากกว่า สามารถเปลี่ยนขนาดของจุกได้หากสวมใส่ลำบากหรือรู้สึกไม่สบายเมื่อสวมใส่เป็นระยะเวลานาน โดยเราควรเลือกประเภทของหูฟัง True Wireless ให้เหมาะกับการใช้งานและไลฟ์สไตล์ของเราเอง

หูฟัง True Wireless แบบ In-Ear บางรุ่นมีฟังก์ชันระบบตัดเสียงรบกวนภายนอก หรือ ANC (Active Noise Cancelling) โดยมีหลักการทำงานคือ ใช้ไมโครโฟนที่ติดอยู่บนตัวหูฟังตรวจและดักจับเสียงโดยรอบที่อาจรบกวนการได้ยินของเรา ช่วยให้เราสามารถฟังเสียงดนตรีได้ชัดเจนมากขึ้นราวกับแยกตัวอยู่คนเดียว จะเป็นการตัดเสียงรบกวนที่มีความถี่สม่ำเสมอกัน เช่น เสียงแอร์ เสียงพัดลม เสียงฝน เสียงคนคุยกัน เพื่อทำให้เราได้ยินเสียงที่ออกมาจากตัวหูฟังได้ชัดเจนมากกว่าเดิม สำหรับมาตรฐานทั่วไปนั้นจะตัดเสียงได้อย่างน้อย -25dB ขึ้นไปโดยไม่ต้องเพิ่ม Volume เสียง นอกเหนือจากนี้ ANC ยังไปอยู่ในไมโครโฟนเพื่อช่วยให้การพูดคุยชัดเจนมากขึ้นอีกด้วย

หูฟังบางรุ่นอาจมีฟังก์ชันกันเสียงรบกวนหรือ PNC (Passive Noise Cancelling) โดยฟังก์ชันนี้จะไม่มีระบบที่คอยตรวจจับและบล็อกเสียงโดยไมโครโฟน แต่เป็นการใช้รูปร่างและดีไซน์ของหูฟังในการกันเสียงรอบตัวเรา ซึ่งอาจมีประสิทธิภาพในการกันเสียงด้อยกว่าแบบแรก

คุณภาพเสียงของหูฟัง True Wireless มักจะแตกต่างกันออกไปตามตัวแปลงสัญญาณหรือระบบ Bluetooth Codec รวมไปถึงเวอร์ชันของบลูทูธที่รองรับ หากเราใช้เวอร์ชันที่มีตัวเลขสูงหรือเวอร์ชันใหม่ ตัวโค้ดหรือระบบเหล่านี้ก็จะสามารถบีบอัดและส่งสัญญาณเสียงไปยังหูฟังได้อย่างลื่นไหลและรวดเร็วยิ่งขึ้น

หูฟัง True Wireless มีแบตเตอรี่ติดมาด้วยในตัวหูฟังเพื่อให้ใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง และตัวเคสสำหรับใส่หูฟังก็ถูกออกแบบมาให้เป็นเหมือนแบตเตอรี่สำรองนั้นสามารถเป็นได้ทั้งที่จัดเก็บและชาร์จไปในตัว ทำให้สามารถใช้ได้ในทุกที่และยาวนานมากยิ่งขึ้น ส่วนปริมาณความจุแบตเตอรี่นั้น บางรุ่นสามารถชาร์จเพิ่มและใช้งานได้นานเป็นสัปดาห์ โดยความจุพื้นฐานที่เราแนะนำสำหรับตัวหูฟังนั้นควรอยู่ที่ 30mAh ขึ้นไป และ 400mAh ขึ้นไปสำหรับเคส

ความจุแบตเตอรี่ของหูฟังนั้น จำนวน mAh อาจจะไม่ได้สะท้อนความสามารถในการใช้งานต่อเนื่องได้มากนักเพราะว่ายังมีปัจจัยอื่น ๆ เช่น ระดับเสียงที่เปิดและ Software ในการบริหารจัดการพลังงานด้วย แนะนำให้เลือกจาก Spec ที่เขียนเอาไว้เลยว่า ฟังในระดับเสียงเท่านี้ ได้ยาวนานแค่ไหน หรือว่าถ้าเปิด Noise Cancelling ควบคู่กันไปด้วยแล้ว ยังจะใช้งานได้ยาวนานเหมือนเดิมหรือเปล่า นอกจากนี้ อาจจะดูที่ตัว Case ของหูฟังเข้าไปด้วย เพราะจะช่วยให้เรารู้ว่าเราสามารถ Recharge ได้กี่ครั้งนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่าระดับของเสียงที่ฟัง การใช้ฟังก์ชัน รวมไปถึงการเปิดสแตนด์บาย ล้วนแล้วแต่ส่งผลกับปริมาณของแบตเตอรี่ ดังนั้น หากเราใช้งานหนักและจัดเต็มทุกฟีเจอร์ ควรเลือกหูฟังและเคสที่มีความจุแบตเตอรี่สูง

ประสิทธิภาพการกันน้ำ กันฝุ่นนั้นเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่หลายคนคำนึงถึงไม่น้อย โดยเฉพาะคนที่ชอบทำกิจกรรม Outdoor เพราะบางคนกังวลว่าเวลาโดนเหงื่อแล้วจะมีปัญหาหรือเปล่า หูฟังจะเสียไหม? ควรมองหาหูฟัง True Wireless ที่กันน้ำกันฝุ่นได้ โดยมาตรฐานที่ใช้เรียกว่า IP (Ingress Protection) เป็นค่าที่บอกระดับการกันฝุ่นละอองและการกันน้ำ ตัวเลขแรกที่ต่อท้าย IP หมายถึงการกันฝุ่น ส่วนตัวเลขที่สองหมายถึงการกันน้ำ หากมีค่าสูงก็แสดงว่ามีประสิทธิภาพในการกันที่ดี 

ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่น IPX7 หมายถึง ไม่สามารถกันฝุ่นละอองได้ แต่สามารถกันน้ำได้ในระดับ 7 หมายถึง กันน้ำลึกระดับ 1 เมตร ได้ภายใน 30 นาที สำหรับการใช้งานทั่วไปที่รองรับการทำกิจกรรม Outdoor หรือในยามที่ฝนตก เราขอแนะนำให้เลือกเแบบ IPX4 ขึ้นไป ที่สามารถป้องกันน้ำกระเด็นใส่หรือละอองฝนได้