10 ชุดกันฝน ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 รวมชุดและเสื้อกันฝน วัสดุอย่างดี

ชุดกันฝนแบ่งได้ 3 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่ ชุดกันฝนแบบเสื้อและกางเกง แบบชุดหมี และแบบเสื้อกันฝนคลุมยาว โดยมีลักษณะและคุณสมบัติที่แตกต่างกันให้พิจารณา ดังนี้

ขนาดของชุดกันฝนมีความสำคัญต่อการป้องกันน้ำฝนและความสะดวกสบายในการใช้งาน โดยจะแนะนำให้เลือกชุดกันฝนขนาดใหญ่กว่าขนาดเสื้อผ้าปกติเพื่อให้สวมใส่ทับเสื้อผ้าข้างในได้สะดวก ให้เน้นตรวจสอบความสูง รอบอกและความยาวแขนเสื้อเป็นหลัก โดยข้อพิจารณาขนาดให้เหมาะสมช่วงวัย ดังต่อไปนี้

1. ชุดกันฝนผู้ใหญ่ มักมีขนาดฟรีไซซ์ ซึ่งจะมีความสูง/ความยาวประมาณ 100 - 145 ซม. รอบอก 120 - 140 ซม. ความยาวแขนเสื้อ 50 - 70 ซม. แต่หากเลือกชุดกันฝนแบบเสื้อและกางเกง ควรเลือกขนาดให้เสื้อและกางเกงใหญ่กว่าเสื้อผ้าปกติ 1 - 2 ไซซ์ เพื่อความคล่องตัวในการเคลื่อนไหว ไม่ตึงหรือรัดแน่นเกินไป
2. ชุดกันฝนเด็ก มีขนาดความสูง/ความยาวประมาณ 60 - 80 ซม. รอบอก 50 - 65 ซม. ความยาวแขนเสื้อ 35 - 50 ซม.

ทั้งนี้ หากมีสิ่งของพกพา เช่น กระเป๋าเป้ กระเป๋าสะพายข้าง ควรพิจารณาเลือกขนาดใหญ่มากขึ้น เพื่อให้สามารถคลุมสัมภาระได้อย่างมิดชิด ลดความเสี่ยงที่กระเป๋าจะเปียกน้ำฝนหรือโดนละอองน้ำขณะเดินทาง

วัสดุของชุดกันฝนความสัมพันธ์ต่อความทนทาน ความหนา และความคุ้มค่าในการใช้งาน โดยมีวัสดุกันน้ำที่นิยม ซึ่งสามารถพิจารณาจากคุณสมบัติที่แตกต่างกันได้ดังต่อไปนี้

1. วัสดุ EVA เป็นโพลิเมอร์สังเคราะห์ น้ำหนักเบา สามารถใช้ซ้ำได้ในระดับหนึ่ง โดยมีความทนทานในระดับปานกลาง จึงเหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป หรือฝนตกระดับเบาถึงปานกลาง
2. วัสดุ PVC เป็นพลาสติกสังเคราะห์ ทนทาน กันน้ำดี ราคาย่อมเยา แต่ความยืดหยุ่นต่ำกว่า EVA อาจทำให้แตกหรือฉีกขาดได้หากใช้งานหนักหรือโดนลมแรง
3. วัสดุ PE เป็นพลาสติกสังเคราะห์ น้ำหนักเบามากและกันน้ำได้ดี แต่ฉีกขาดง่าย เหมาะสำหรับใช้กรณีฝนตกฉุกเฉินหรือใช้ครั้งเดียว
4. ผ้า Oxford เป็นเส้นใยสังเคราะห์ที่แข็งแรง ทนทาน และกันน้ำได้เมื่อเคลือบสารกันน้ำ เหมาะสำหรับการใช้งานหนักและการใช้งานซ้ำ เช่น การเดินป่า ขับขี่มอเตอไซค์ หรือทำงานกลางฝน 

เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานตามความต้องการส่วนตัว เช่น ความถนัดในการสวมใส่ ความต้องการเพิ่มเติม จะแนะนำให้พิจารณาดีไซน์ชุดกันฝนที่ช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน โดยมีรายละเอียดให้พิจารณาดังนี้ 

1. การสวมใส่ แบ่งได้ 3 รูปแบบ ได้แก่ แบบสวม แบบซิป และแบบกระดุม โดยแบบสวมจะใส่ง่ายและรวดเร็วที่สุด ส่วนแบบซิปจะรูดเปิด-ปิดได้ง่าย ป้องกันน้ำซึมได้ดี และแบบกระดุมจะมีช่องว่างระบายอากาศได้ดี ปรับขนาดการปิดได้ตามต้องการ
2. กระเป๋า มีทั้งกระเป๋าด้านในหรือด้านนอกเพื่อช่วยเก็บสิ่งของ เช่น โทรศัพท์มือถือ ธนบัตร ได้โดยไม่เปียกน้ำและหยิบใช้ได้ง่าย
3. ฮู้ด ช่วยป้องกันศีรษะ ผมและใบหน้าบางส่วนจากเปียกน้ำ 
4. ปรับกระชับได้ จะแถบเปิดปิดแบบ Velcro เชือกหรือกระดุม บริเวณแขน คอ ชายเสื้อ ชายกางเกง ฮู้ด เพื่อป้องกันการเปียกชื้นได้ดียิ่งขึ้น
5. แถบสะท้อนแสง ช่วยให้มองเห็นได้ชัดในที่แสงน้อยหรือในเวลากลางคืน เพื่อช่วยเพิ่มความปลอดภัยขณะใช้งานได้
6. ช่องระบายอากาศ หรือผ้าตาข่ายด้านใน ช่วยลดการอับชื้นทำให้ใส่สบายขึ้น โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อน

1. สีสดใส เช่น สีเหลือง สีส้ม สีแดง ช่วยให้มองเห็นได้ชัดเจนในที่มืดหรือในสภาพอากาศที่ทัศนวิสัยไม่ดี เช่น มีหมอก ฝนตกหนัก ช่วยให้ผู้สวมใส่มีความปลอดภัยมากขึ้นขณะขับขี่ยานพาหนะและเดินทางในสถานที่ต่าง ๆ
2. สีเข้ม เช่น สีดำ สีกรม สีเทาเข้ม ช่วยพรางคราบสกปรกจากน้ำสกปรกตามฟุตบาทได้ดี ดูแลรักษาง่าย เหมาะกับการใช้งานที่ต้องเจอฝุ่นหรือดินโคลนบ่อย ๆ
3. สีใส สีขาว สีพาสเทล มีความสวยงาม ทันสมัย เข้ากับเสื้อผ้าได้หลากหลาย ทำให้มองเห็นเสื้อผ้าและสิ่งของที่มีด้านในได้ จึงตรวจสอบสิ่งของต่าง ๆ ได้ง่าย เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป