ถ้าพูดถึงทีวี OLED แล้ว ไม่ว่าใครก็คงนึกถึงทีวีที่มีคุณภาพสูงกว่าทีวี LCD และทีวี LED ทั่วไป เพราะเป็นรุ่นที่ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษ ทำให้ตัวเครื่องมีความบางและมีน้ำหนักเบา แต่กลับอัดแน่นไปด้วยประสิทธิภาพในด้านต่าง ๆ เช่น ด้านงานภาพที่รองรับระบบ 4K UHD และด้านการใช้พลังงานที่ประหยัดกว่าทีวีรุ่นอื่น ๆ ทำให้ทีวี OLED เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน แต่ด้วยความที่ทีวี OLED มีวางจำหน่ายภายใต้หลากหลายแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น SONY, LG, Hisense, PHILIPS และอื่น ๆ ที่อาจทำให้คุณสับสนได้ว่า ทีวี OLED ยี่ห้อไหนที่จะดีและตอบโจทย์ความต้องการของคุณมากที่สุดใช่ไหมล่ะครับ ?
ดังนั้น ในครั้งนี้ เราจะมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการเลือกทีวี OLED พร้อมกับจะมาแนะนำ 10 อันดับ ทีวี OLED รุ่นยอดนิยม มาให้ทุก ๆ คนได้เลือกสรรและเปรียบเทียบข้อแตกต่างของแต่ละรุ่นกันครับ เพราะแม้ว่าทีวี OLED นั้นจะมีภาพที่สวยงามและเหมาะกับการใช้งานเฉพาะทางในด้านต่าง ๆ ทั้งการรับชมกีฬา ภาพยนตร์หรือเล่นเกม แต่ก็มีราคาที่สูงตามไปด้วย เราจึงควรเลือกรุ่นที่ตอบโจทย์ตนเองอย่างแท้จริงเพื่อความคุ้มค่าครับ
Top 5 ทีวี OLED ยอดนิยม
คุณมอสเป็นคนที่สนใจในเครื่องใช้ไฟฟ้า แกดเจ็ต กล้อง โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ไอทีมาตั้งแต่เด็ก เพราะเติบโตมาในครอบครัวที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยปัจจุบันยังคงติดตามข่าวสารวงการไอทีอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัวอุปกรณ์ใหม่ เทคโนโลยีล่าสุด หรือแนวโน้มของตลาดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ นอกจากการอัปเดตข้อมูลสินค้าไอทีแล้ว คุณมอสยังชื่นชอบงานช่างและ DIY โดยมักซ่อมแซมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าด้วยตัวเองเป็นประจำ ทำให้มีความเข้าใจเรื่องโครงสร้างและฟังก์ชันการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ มากขึ้น ความชอบนี้ช่วยให้คุณมอสสามารถเปรียบเทียบจุดเด่นจุดด้อยของสินค้าเทคโนโลยีแต่ละประเภทได้อย่างชัดเจน ทำให้สนุกกับการแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีและอุปกรณ์ไอที ทั้งในแง่ของการเลือกซื้อ อัปเกรด และดูแลรักษา เพื่อให้ผู้อ่านสามารถเลือกอุปกรณ์ที่เหมาะสมกับการใช้งานของตนเองได้อย่างคุ้มค่า
ทีวี OLED มีข้อดีตรงที่เม็ดพิกเซลสามารถกำเนิดแสงหรือเปิด-ปิดแสงได้ด้วยตัวเองอย่างอิสระ โดยไม่จำเป็นต้องใช้หลอดไฟ Backlight มาฉายแสงที่ด้านหลัง อีกทั้งยังมีการออกแบบที่ดี ทำให้ตัวเครื่องบางและเบากว่าทีวีธรรมดาทั่วไป ที่สำคัญ ยังให้สีดำที่ดำสนิท 100% ภาพจึงสวยงามคมชัดกว่าทีวีรุ่นอื่น ๆ เหมาะกับคนที่ไม่ค่อยถูกใจในคุณภาพของทีวี LCD ธรรมดา แต่ในด้านราคาก็ถือว่าค่อนข้างสูงครับ
อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่ชื่นชอบการชมภาพยนตร์หรือรับชมการแข่งกีฬาบนหน้าจอขนาดใหญ่ ต้องการภาพคมชัดและสีสันที่สดใส ขอบอกเลยว่าห้ามพลาดเด็ดขาด หรือสำหรับคนที่คิดว่าขอแค่จอเล็ก ๆ ไม่ต้องใหญ่มากก็พอแล้ว เราขอแนะนำให้ลองหาทีวี 4K ธรรมดาดูแทน โดยตรวจสอบได้จากลิงก์ทางด้านล่างนี้เลยครับ
หลายคนอาจสงสัยว่า ทีวี OLED มีความแตกต่างจากทีวี QLED อย่างไร ? รวมถึงข้อดีของทีวี OLED ที่เหนือกว่าทีวี QLED นั้นมีอะไรบ้าง ดังนั้น เราจะมาอธิบายถึงเหตุผลเกี่ยวกับเรื่องนี้กันครับ ทีวี OLED โดดเด่นกว่าในเรื่องของแสงสว่าง คอนทราสต์ และสีสันทำให้ภาพที่ปรากฏบนหน้าจอนั้นทั้งแม่นยำและสมจริงมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญทีวี OLED สามารถกำเนิดแสงได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งแหล่งกำเนิดแสงอย่างสื่อนำหรือ Backlight จากหลอด LED ทำให้สีดำมีความมืดสนิทกว่าทีวี QLED
สำหรับทีวี QLED มีชื่อเต็มว่า Quantum-dot Light Emitted Diode เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาต่อยอดมาจากทีวี LCD หรือทีวี LED ทั่วไป ด้วยการใช้เทคโนโลยี Quantum-dot มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการแสดงผลทั้งแสงและสีสัน ให้มีความสดใสสมจริงยิ่งขึ้นไป ซึ่งทีวี QLED นั้น จะมีความสว่างสูงมาก ช่วยให้เก็บรายละเอียดในฉากที่มืดได้ดี แต่ก็มีข้อเสียเพราะเมื่อเป็นฉากที่มืดสนิท ก็ยังจะมีแสงเล็ดลอดออกมา เพราะยังคงใช้แสงจาก Backlight เป็นจุดกำเนิดแสง แตกต่างจาก OLED ที่จะมืดสนิท ให้ความสมจริงมากกว่าครับ
ต่อไปเรามาดูวิธีการเลือกทีวี OLED กันต่อเลยดีกว่าครับ โดยเราจะมาแนะนำจุดแข็งของผู้ผลิตแต่ละราย รวมไปถึงฟังก์ชันที่น่าสนใจในแต่ละรุ่นให้คุณได้ลองพิจารณากันดูครับ
ทีวี OLED ขนาด 55 นิ้ว เป็นขนาดที่ได้รับความนิยมมากที่สุด และในขณะเดียวกันก็เป็นขนาดที่เล็กที่สุดด้วยเช่นกัน ดังนั้น ทีวี OLED จึงไม่ตอบโจทย์สำหรับคนที่ชอบทีวีจอเล็ก ๆ นอกจากนี้ หากคุณเลือกขนาดของทีวี OLED ที่ต้องการได้แล้ว เราขอแนะนำให้ตรวจสอบขนาดของห้องที่จะติดตั้งด้วย เนื่องจากระยะห่างในการรับชมมีผลกับอรรถรสนั่นเอง โดยระยะห่างที่เหมาะสมสำหรับการรับชมทีวีรุ่น 55 นิ้วจะอยู่ที่ประมาณ 2 เมตรครับ
และด้วยหน้าจอที่บางเป็นพิเศษ ทีวี OLED จึงมีขนาดที่เล็กลงกว่าทีวีรุ่นเดิม เราจึงขอแนะนำสำหรับคนที่กำลังจะเปลี่ยนจากทีวีรุ่นอื่นมาเป็นแบบ OLED ว่า อย่าลืมตรวจสอบขนาดของตัวเครื่องและชั้นวางทีวีนะครับ
การตรวจสอบพอร์ตของสาย HDMI ว่ามีจำนวนเท่าไร รวมถึงดูว่าสามารถเข้ากันได้กับอุปกรณ์อื่น ๆ ที่คุณมีหรือไม่เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะหลักการนี้สามารถใช้ได้กับทีวีทุกประเภทไม่เฉพาะทีวี OLED เท่านั้น นอกจากนี้ คุณยังควรตรวจสอบพอร์ต USB หรือวิธีการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตด้วยเช่นกัน ไม่เช่นนั้นแล้ว คุณอาจจะต้องเสียทั้งเงินและเวลาเพื่อซื้อตัวแปลงเพิ่มหรือเปลี่ยนเราเตอร์ (Router) Wi-Fi ตัวใหม่ได้ครับ
แม้ว่าจอ OLED ที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบันจะผลิตจากบริษัท “LG” แบรนด์สัญชาติเกาหลี แต่ว่าคุณภาพของภาพ เสียงหรือฟังก์ชันต่าง ๆ บนทีวีนั้นจะแตกต่างกันไปตามแต่ละยี่ห้อ ดังนั้น เรามาตรวจสอบจุดแข็งของแต่ละแบรนด์ เพื่อประกอบการตัดสินใจกันดีกว่าครับ
หากคุณเป็นคนที่ชอบดื่มด่ำไปกับภาพที่สวยงาม รายละเอียดคมชัดและเสียงที่สมจริง ขอแนะนำทีวีรุ่น "BRAVIA" ของ SONY เลยครับ เพราะด้วยเทคโนโลยี Acoustic Surface Sound ที่จะกระจายเสียงด้วยการส่งแรงสั่นสะเทือนออกมาจากหน้าจอ ทำให้ได้เสียงที่ทรงพลังเหมือนกับอยู่ในสถานที่จริง เหมาะกับผู้ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์เสียงความละเอียดสูงขั้น Hi-Res ในแบบฉบับของ SONY เป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ ยังมีฟังก์ชัน Voice Zoom ที่สามารถเพิ่มเสียงเฉพาะส่วนโดยไม่กระทบเสียงโดยรวม และแม้แต่ละครทั่วไปที่มีภาพไม่ค่อยคมชัด ก็สามารถปรับใหม่ให้มีรายละเอียดที่สวยงามและคมชัดมากขึ้นได้ด้วยครับ
หากคุณต้องการภาพที่คมชัดและสีสันที่สวยงามล่ะก็ ทีวี OLED ของ Panasonic ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดเลยครับ ด้วยความสามารถในการแสดงภาพสีดำสนิทได้เป็นอย่างดี ทำให้ได้ค่าคอนทราสต์ (Contrast) สูง ภาพที่ออกมาจึงสวยสดงดงาม มีความคมชัดเหมือนกำลังชมทิวทัศน์ของจริงอยู่เลยล่ะครับ
นอกจากนี้ ด้วยเทคโนโลยีการแสดงผลของสีความละเอียดสูงอย่าง “Hexa Chroma Drive Plus” ทำให้ได้การรับรองมาตรฐาน “ULTRA HD Premium” ในระดับสากลจากกลุ่ม UHD Alliance ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของบริษัทชั้นนำในวงการผู้ผลิตรายการทีวี และบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำต่าง ๆ โดยในปัจจุบันมีเพียงแบรนด์ Panasonic เท่านั้นที่ได้รับการรับรองนี้ จึงทำให้วงการผลิตภาพยนตร์ระดับโลกเลือกใช้จอ Panasonic ในการถ่ายทำครับ
และด้วยความสามารถในการแสดงผลภาพความละเอียดสูง ทำให้สามารถแก้ไขภาพที่ถ่ายด้วยกล้องถ่ายรูปได้เลยบนจอทีวี และยังมีฟังก์ชันอำนวยความสะดวกต่าง ๆ อย่าง "Room Jump Link" อีกด้วย จึงขอแนะนำสำหรับผู้ที่ใช้งานด้านปรับแต่งภาพหรือตัดต่อวิดีโอครับ
LG นั้นถือเป็นผู้นำของทีวีเทคโนโลยี OLED ที่ให้ภาพคมชัด พร้อมกับการแสดงผลภาพสีดำบริสุทธิ์ที่ให้ค่าคอนทราสต์เสมือนจริง แม้บางคนจะบอกว่าเทคโนโลยีสำหรับการถ่ายทอดภาพทีวีดิจิทัลทั่วไปจะด้อยกว่าแบรนด์ของญี่ปุ่นเล็กน้อย แต่ก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับผู้ที่เน้นชมภาพวิดีโอความละเอียดสูง ภาพ 4K หรือรับชม Blu-ray เป็นหลัก
นอกจากนี้ ทีวี LG ยังมีน้ำหนักเบาและบางกว่ายี่ห้ออื่น จึงเหมาะสำหรับการแขวนบนผนัง สามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังเชื่อมต่อเข้ากับแอปพลิเคชันต่าง ๆ ได้ด้วยระบบ "webOS" ผ่านทางรีโมทคอนโทรล ที่สำคัญ คือ มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีเยี่ยม จึงเหมาะกับคนที่ใช้งานอินเทอร์เน็ต หรือเล่นโซเชียลต่าง ๆ เป็นประจำครับ
และที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ “ความคุ้มค่าคุ้มราคา” แม้สินค้าแต่ละรุ่นอาจมีราคาที่แตกต่างกันไป แต่เมื่อเปรียบเทียบกับแบรนด์อื่นแล้ว ทีวีรุ่น 55 นิ้วของ LG นั้นมีราคาถูกกว่าหลายหมื่นบาท ดังนั้น หากใครต้องการทีวีคุณภาพสูงในราคาย่อมเยา ขอให้มอง LG ไว้เป็นตัวเลือกเลยครับ
หลังจากที่เราดูข้อดีข้อเสียของแต่ละแบรนด์ไปแล้ว ต่อไปเราลองมาบีบตัวเลือกให้แคบลง จากการเลือกฟังก์ชันต่าง ๆ ของทีวี OLED กันต่อเลยครับ
“Double Speed Drive” เป็นฟังก์ชันที่แสดงภาพการเคลื่อนไหวที่มีความเร็วได้อย่างชัดเจน ซึ่งจำเป็นสำหรับการชมเกมกีฬาหรือฉากเต้น เพราะถ้าไม่มีฟังก์ชันนี้ อาจจะทำให้ภาพที่ออกมาเบลอหรือเกิดอาการภาพค้างได้ครับ เพราะโดยทั่วไปแล้ว ทีวีจะแสดงผลภาพประมาณ 60 เฟรมต่อวินาที (60fps) แต่ฟังก์ชัน Double Speed Drive จะแทรกเฟรมใหม่เข้าไป ทำให้สามารถแสดงผลได้สูงถึง 120 เฟรมต่อวินาที (120fps) การเคลื่อนไหวที่ปรากฎบนจอจึงราบรื่นไม่มีสะดุด สายกีฬาที่มักจะรับชมการถ่ายทอดสดต้องห้ามพลาดครับ
สำหรับทีวีที่มีฟังก์ชัน “Wi-Fi Direct” จะช่วยให้เราสามารถเชื่อมต่อทีวีกับอินเทอร์เน็ตได้ทันที โดยไม่ต้องใช้เราเตอร์เป็นตัวกลาง แต่อย่างไรก็ตาม หากทีวีรุ่นดังกล่าวมีฟังก์ชันรองรับระบบ Wireless ก็จะสามารถเชื่อมอินเทอร์เน็ตผ่านเราเตอร์ที่บ้านได้เช่นกัน ช่วยให้คุณรับชมภาพยนตร์บนสมาร์ตโฟนได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น รวมถึงตั้งค่าให้แสดงผลบนจอทีวีก็สามารถทำได้ ช่วยเพิ่มทางเลือกในการรับชมสื่อบันเทิง พร้อมกับช่วยให้คุณไม่ต้องกังวลหากที่บ้านมีเราเตอร์เพียงตัวเดียวนั่นเองครับ
เพื่อที่คุณจะได้รับชมคอนเทนต์ภาพได้อย่างเต็มอรรถรส เราขอแนะนำให้คุณตรวจสอบความละเอียดภาพของทีวี OLED ว่าเพียงพอตามที่คุณต้องการหรือไม่ เพราะถึงแม้ว่าในปัจจุบันทีวี OLED จะเริ่มที่ความละเอียด 4K UHD (4096 x 2160p) และคอนเทนต์ส่วนใหญ่ก็ไม่เกินความละเอียด 4K แต่ด้วยความที่เทคโนโลยีได้พัฒนาไปไกลอย่างก้าวกระโดด ทำให้มีผู้ผลิตทีวี OLED หลายแบรนด์เริ่มวางขายทีวี OLED ความละเอียดระดับ 8K ออกมาวางจำหน่ายเพื่อเตรียมรองรับคอนเทนต์ในอนาคตแล้ว ดังนั้น หากคุณต้องการซื้อทีวี OLED เผื่อใช้งานในอนาคตอันใกล้ 2 - 5 ปี อาจจะเลือกทีวี OLED ที่รองรับความละเอียด 8K ไปเลยครับ
สินค้า | รูปภาพ | ราคาต่ำสุด | คะแนน | รายละเอียด | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ขนาดจอ | ขนาดเครื่อง (ไม่รวมขาตั้ง) | น้ำหนัก | ความละเอียดภาพ | ระบบภาพ | การเชื่อมต่อ | ระบบปฏิบัติการ | ระบบเสียง | ช่องต่อ | รับประกันสินค้า | Digital TV | ระบบสั่งงานด้วยเสียง | HDR | เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ | รองรับการเล่นเกม | |||||
1 | SONY ทีวี OLED รุ่น XR-77A80L | ![]() | ซีรีส์ใหม่ล่าสุด หน้าจอใหญ่ ภาพลื่นไหล ลำโพงให้เสียงสมจริง | 77 นิ้ว | 172.2 x 99.8 x 5.4 ซม. | 35.3 กก. | 4K | Dolby Vision | Wi-Fi, Bluetooth | Google TV | Dolby Atmos | HDMI, USB, Optical, RF | 1 ปี | ||||||
2 | LG ทีวี OLED รุ่น OLED77Z3PSA | ![]() | ความคมชัด 8K ตอบโจทย์ทุกคอนเทนต์ ไม่ว่าจะดูหนังหรือเล่นเกม | 77 นิ้ว | 171.7 x 98.4 x 3.3 ซม | 43.90 กก. | 8K | Dolby Vision | Wi-Fi, Bluetooth | WebOS | Dolby Atmos | HDMI, USB, RJ-45, Optical, RF | 1 ปี | ||||||
3 | SAMSUNG ทีวี OLED รุ่น QA55S95CAKXXT | ![]() | ดีไซน์บางเฉียบทันสมัย ระบบเสียง 3D รองรับรีเฟรชเรทสูงสุด 144Hz | 55 นิ้ว | 122.4 x 70.6 x 1.1 ซม. | 13.80 กก. | 4K | Dolby Vision | Wi-Fi, Bluetooth | Tizen | Dolby Atmos | HDMI, USB, Optical, RF | 1 ปี | ||||||
4 | LG ทีวี OLED รุ่น OLED88ZX | ![]() | ระบบเสียงรอบทิศทาง สีสันสมจริงขึ้น ด้วยการปรับปรุงภาพแบบพิเศษ | 48 นิ้ว | 107.1 x 61.8 x 4.6 ซม. | 14.9 กก. | 4K | Dolby Vision | Wi-Fi, Bluetooth | webOS | Dolby Atmos | USB x 3, HDMI x 4 | 1 ปี | ||||||
5 | SONY SONY XR-55A80L | ![]() | อัดแน่นไปด้วยคุณภาพทั้งภาพ สี เสียง ครบเครื่อง ราคาจับต้องได้ | 55 นิ้ว | 122.7 x 71.2 x 5.3 ซม. | 17.90 กก. | 4K | Dolby Vision | Wi-Fi, Bluetooth, Chromecast | Google TV | Dolby Atmos, DTS Digital Surround | HDMI, USB, RJ-45, Optical | 1 ปี | ||||||
6 | TOSHIBA ทีวี OLED รุ่น 65X9900LP | ![]() | ใช้เทคโนโลยี AI ในการเสริมประสิทธิภาพ คุณภาพเสียงระดับ Hi-Res | 65 นิ้ว | 145.2 x 85.7 x 4.9 ซม. | 29.50 กก. | 4K | Dolby Vision | Wi-Fi, Bluetooth | VIDAA | Dolby Atmos | HDMI, USB, Optical, RF | 1 ปี | ||||||
7 | SAMSUNG ทีวี OLED รุ่น QA55S95BAKXXT | ![]() | เก็บรายละเอียดแสงได้ดี สีสันแม่นยำ ดีไซน์บางเฉียบ ราคาเป็นมิตร | 55 นิ้ว | 122.5 x 70.8 x 3.9 ซม. | 16.50 กก. | 4K | Dolby Vision | Wi-Fi, Bluetooth | Tizen | Dolby Atmos | HDMI, USB, Optical, RF | 1 ปี | ||||||
8 | LG ทีวี OLED รุ่น 42LX1QPSA | ![]() | หน้าจอ 42" ขนาดกำลังดี เหมาะสำหรับการโฆษณาประชาสัมพันธ์ | 42 นิ้ว | 93.5 x 106.3 x 4.63 ซม. | 16.50 กก. | 4K | Dolby Vision | Wi-Fi, Bluetooth | WebOS | Dolby Atmos | HDMI, USB, Optical, RF | 1 ปี | ||||||
9 | Haier ทีวี OLED รุ่น H65SUG | ![]() | จอใหญ่กำลังดี เล่นเกมได้ลื่น ระบบ AndroidTV โหลดแอปฯได้ตามใจ | 65 นิ้ว | 144.81 x 85.15 x 6.68 ซม. | 23.2 กก. | 4K | Dolby Vision | Wi-Fi, Bluetooth | Android TV | Dolby Atmos | HDMI, USB, Optical, RJ-45, RF | 1 ปี | ||||||
10 | PHILIPS ทีวี OLED รุ่น 55OLED706/67 | ![]() | ภาพสวยคมชัดสมจริงด้วย Ambilight ให้เสียงระดับโรงภาพยนตร์ | 65 นิ้ว | 122.7 x 5.8 x 70.2 ซม. | 19.00 กก. | 4K | Dolby Vision | Chromecast, Wi-Fi, Bluetooth 5.0 | Android TV | Dolby Atmos | HDMI, RJ-45, Optical, USB | 1 ปี |
ทีวี OLED จาก SONY รุ่นนี้ เป็นรุ่นใหม่ล่าสุด ขับเคลื่อนด้วย Cognitive Processor XR™ ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี XR OLED Contrast Pro และ XR Triluminos Pro™ มอบรายละเอียดแสงและสีสันที่สดใสสมจริงเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังมี 4K XR 4K Upscaling และ XR Clear Image ให้แหล่งภาพมีความคมชัดขึ้น แม้ไม่ใช่คอนเทนต์ระดับ 4K
เล่นเกมได้ลื่นไหล โดยเฉพาะกับ PS5 ที่จะปรับเข้าสู่โหมดเกมอัตโนมัติ รวมไปถึงรองรับ HDMI 2.1 ให้อัตรารีเฟรชสูงสุดระดับ 4K/120fps ที่สำคัญคือ มาพร้อมเทคโนโลยีเสียง Acoustic Surface Audio +™ ให้เสียงมาจากตำแหน่งที่ถูกต้องตามฉากวิดีโอ ผสานกับ XR Surround สร้างเสียง 3 มิติ รอบทิศทาง ไม่ว่าจะคอนเทนต์ไหนก็เต็มอิ่มครับ
ขนาดจอ | 77 นิ้ว |
---|---|
ขนาดเครื่อง (ไม่รวมขาตั้ง) | 172.2 x 99.8 x 5.4 ซม. |
น้ำหนัก | 35.3 กก. |
ความละเอียดภาพ | 4K |
ระบบภาพ | Dolby Vision |
การเชื่อมต่อ | Wi-Fi, Bluetooth |
ระบบปฏิบัติการ | Google TV |
ระบบเสียง | Dolby Atmos |
ช่องต่อ | HDMI, USB, Optical, RF |
รับประกันสินค้า | 1 ปี |
Digital TV | |
ระบบสั่งงานด้วยเสียง | |
HDR | |
เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ | |
รองรับการเล่นเกม |
LG เรียกได้ว่าเป็นแบรนด์ผู้ผลิตทีวี OLED ชั้นนำของโลก โดยซีรีส์ Z3 นี้ เป็นรุ่นใหม่ล่าสุดจากทางแบรนด์ โดยมีขนาดหน้าจอใหญ่ถึง 77" ด้วยเทคโนโลยี OLED evo ให้ความละเอียดสูงสุดถึงระดับ 8K และขับเคลื่อนด้วยชิปประมวลผลอัจฉริยะ α9 AI Processor 8K Gen6 ที่ช่วยประมวลผลภาพ สีสัน แสง และเสียงให้มีความสมจริงเป็นธรรมชาติครับ
มาพร้อมระบบเสียง AI Sound Pro ที่จะมิกซ์เสียงลำโพงและจำลองให้เป็นระบบ 9.1.2 เพื่อกระจายเสียงได้รอบทิศทาง รวมถึง Dolby Vision และ Atmos สร้างบรรยากาศให้เหมือนกับอยู่ในโรงหนัง ส่วนการเล่นเกมก็รองรับทั้ง G-Sync, AMD FreeSync Premium และ VRR อัตรารีเฟรชสูงสุด 4K/120fps นอกจากนี้ ยังขับเคลื่อนด้วยระบบ webOS 23 มีแอปฯชั้นนำให้เลือกใช้มากมายครับ
ขนาดจอ | 77 นิ้ว |
---|---|
ขนาดเครื่อง (ไม่รวมขาตั้ง) | 171.7 x 98.4 x 3.3 ซม |
น้ำหนัก | 43.90 กก. |
ความละเอียดภาพ | 8K |
ระบบภาพ | Dolby Vision |
การเชื่อมต่อ | Wi-Fi, Bluetooth |
ระบบปฏิบัติการ | WebOS |
ระบบเสียง | Dolby Atmos |
ช่องต่อ | HDMI, USB, RJ-45, Optical, RF |
รับประกันสินค้า | 1 ปี |
Digital TV | |
ระบบสั่งงานด้วยเสียง | |
HDR | |
เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ | |
รองรับการเล่นเกม |
นี่คือทีวี OLED รุ่นใหม่ล่าสุดประจำปี 2023 จาก SAMSUNG อีกหนึ่งรุ่น ที่โดดเด่นกว่าใครด้วยดีไซน์ Infinity One Design สไตล์มินิมอล ขอบจอบางทันสมัย ประหยัดพื้นที่ติดตั้งมากยิ่งขึ้น ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Tizen ที่มีแอปพลิเคชันยอดนิยมให้ใช้งานเกือบครบ อีกทั้งยังรองรับฟีเจอร์ SmartThings ให้ควบคุมอุปกรณ์ใน Ecosystem ของ SAMSUNG ผ่านทีวีได้
ใช้ชิปประมวลผล Neural Quantum Processor 4K ที่จะคอยช่วยปรับสีสันและความสว่างของภาพให้สมจริงและมีมิติมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังรองรับ Dolby Atmos ที่จะผสานงานร่วมกับลำโพงทีวี สร้างเสียงหลายมิติ ให้คุณได้เต็มอิ่มกับคอนเทนต์ที่รับชมขึ้นไปอีกระดับ นอกจากนี้ ยังรองรับอัตรารีเฟรชสูงสุด 4K/144Hz เมื่อเชื่อมต่อกับ PC ที่รองรับความละเอียดที่เท่ากันครับ
ขนาดจอ | 55 นิ้ว |
---|---|
ขนาดเครื่อง (ไม่รวมขาตั้ง) | 122.4 x 70.6 x 1.1 ซม. |
น้ำหนัก | 13.80 กก. |
ความละเอียดภาพ | 4K |
ระบบภาพ | Dolby Vision |
การเชื่อมต่อ | Wi-Fi, Bluetooth |
ระบบปฏิบัติการ | Tizen |
ระบบเสียง | Dolby Atmos |
ช่องต่อ | HDMI, USB, Optical, RF |
รับประกันสินค้า | 1 ปี |
Digital TV | |
ระบบสั่งงานด้วยเสียง | |
HDR | |
เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ | |
รองรับการเล่นเกม |
อีกหนึ่งทีวี OLED จาก LG รุ่นยอดฮิตในปีที่แล้ว ที่ยังมีความน่าสนใจและใช้งานได้สบาย ๆ ในปีนี้อยู่ โดยรุ่นนี้มาพร้อมกับขนาดหน้าจอ 48" กำลังดี ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป เหมาะสำหรับคนที่มีพื้นที่จำกัด มีจุดเด่นอย่างเทคโนโลยี Dynamic Tone Mapping Pro ที่จะปรับโทนสีและแสงได้อย่างสมจริงอย่างละเอียดด้วยการกำหนดขอบเขตภาพแบบบล็อก
ขับเคลื่อนด้วยชิปประมวลผล α9 Gen5 AI ที่ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เข้ามาช่วยในการปรับปรุงคุณภาพของภาพและเสียงให้สมจริงเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น ที่สำคัญคือมาพร้อมลำโพงคุณภาพดี พร้อมระบบจำลองเสียงแบบ 7.1.2 สร้างการกระจายเสียงรอบทิศทางให้ใกล้เคียงกับอยู่ในโรงหนัง นอกจากนี้ รุ่นนี้ยังเล่นเกมได้ดี เพราะรองรับ 4K/120fps ครับ
ขนาดจอ | 48 นิ้ว |
---|---|
ขนาดเครื่อง (ไม่รวมขาตั้ง) | 107.1 x 61.8 x 4.6 ซม. |
น้ำหนัก | 14.9 กก. |
ความละเอียดภาพ | 4K |
ระบบภาพ | Dolby Vision |
การเชื่อมต่อ | Wi-Fi, Bluetooth |
ระบบปฏิบัติการ | webOS |
ระบบเสียง | Dolby Atmos |
ช่องต่อ | USB x 3, HDMI x 4 |
รับประกันสินค้า | 1 ปี |
Digital TV | |
ระบบสั่งงานด้วยเสียง | |
HDR | |
เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ | |
รองรับการเล่นเกม |
ทีวี OLED รุ่นใหม่ล่าสุดจาก SONY ซึ่งในขนาดเริ่มต้นคือ 55 นิ้ว มาพร้อม XR OLED Contrast Pro เพิ่มสีและคอนทราสต์ ด้วยเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิสีผสานกับแผงหน้าจอความสว่างสูง อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี XR Triluminos Pro™ สามารถแสดงรายละเอียดสีสันได้กว่าพันล้านสี มีความสดใสสมจริง และเพิ่มความคมชัดด้วย XR Clear Image ลดอาการภาพแตกและความพร่ามัว โดยเทคโนโลยีทั้งหมดจะทำงานร่วมกับชิปประมวลผล Cognitive Processor XR™ นอกจากนี้ ยังเล่นเกมได้ระดับ 4K 120fps และใช้งานง่ายเพราะเป็น Google TV
ขนาดจอ | 55 นิ้ว |
---|---|
ขนาดเครื่อง (ไม่รวมขาตั้ง) | 122.7 x 71.2 x 5.3 ซม. |
น้ำหนัก | 17.90 กก. |
ความละเอียดภาพ | 4K |
ระบบภาพ | Dolby Vision |
การเชื่อมต่อ | Wi-Fi, Bluetooth, Chromecast |
ระบบปฏิบัติการ | Google TV |
ระบบเสียง | Dolby Atmos, DTS Digital Surround |
ช่องต่อ | HDMI, USB, RJ-45, Optical |
รับประกันสินค้า | 1 ปี |
Digital TV | |
ระบบสั่งงานด้วยเสียง | |
HDR | |
เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ | |
รองรับการเล่นเกม |
อีกหนึ่งทีวี OLED แบรนด์คุณภาพจากญี่ปุ่น ซึ่งรุ่นนี้มีขนาดหน้าจอ 65" ขับเคลื่อนด้วยชิปประมวลผลที่ออกแบบมาเป็นพิเศษอย่าง REGZA Engine OLED ที่ใช้ AI ในการช่วยปรับปรุงคุณภาพการแสดงผลและเสียง เสริมพลังด้วยเทคโนโลยี True Color mapping, AI Picture Optimizer และ Self-luminous ให้สีสัน ความสว่าง และความคมชัดที่เที่ยงตรงสมจริง
ในส่วนของระบบเสียงก็มีเทคโนโลยี REGZA Power Audio Pro Extreme ทำงานร่วมกับลำโพงคุณภาพเสียงระดับ Hi-Res Audio 4 ตัว เสียงดังกระหึ่มสมจริง แถมยังเล่นเกมได้ดีด้วย VRR และ ALLM อัตรารีเฟรช 4K/120Hz แต่รุ่นนี้ก็มีข้อพิจารณาก็คือระบบปฏิบัติการที่เป็น VIDAA ซึ่งมีแอปพลิเคชันให้ใช้งานน้อยและไม่ค่อยมีให้ดาวน์โหลดเพิ่มเติมครับ
ขนาดจอ | 65 นิ้ว |
---|---|
ขนาดเครื่อง (ไม่รวมขาตั้ง) | 145.2 x 85.7 x 4.9 ซม. |
น้ำหนัก | 29.50 กก. |
ความละเอียดภาพ | 4K |
ระบบภาพ | Dolby Vision |
การเชื่อมต่อ | Wi-Fi, Bluetooth |
ระบบปฏิบัติการ | VIDAA |
ระบบเสียง | Dolby Atmos |
ช่องต่อ | HDMI, USB, Optical, RF |
รับประกันสินค้า | 1 ปี |
Digital TV | |
ระบบสั่งงานด้วยเสียง | |
HDR | |
เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ | |
รองรับการเล่นเกม |
ในปี 2023 นี้ SAMSUNG ได้วางจำหน่ายทีวี OLED หลายซีรีส์ด้วยกัน และสำหรับรุ่นนี้เป็นซีรีส์รองท็อปที่มาพร้อมกับราคาที่เอื้อมถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น แต่ยังมีประสิทธิภาพสูงไม่แพ้รุ่นท็อป ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชิปประมวลผล Neural Quantum Processor 4K ทำงานร่วมกับ Quamtum HDR OLED และ Real Depth Enhancer ให้คอนทราสต์ สีสัน แสง มีความสมจริง
ได้รับการรับรองสีสันที่แม่นยำอย่าง PANTONE Validated ให้คุณได้รับชมคอนเทนต์ภาพได้อย่างพึงพอใจ ไม่ต้องหงุดหงิดกับสีสันที่ไม่ตรงตามแหล่งคอนเทนต์ต้นฉบับ ที่สำคัญรุ่นนี้ยังเล่นเกมได้ดี ด้วยฟีเจอร์ Motion Xcelerator Turbo+ ให้ความลื่นไหลระดับ 4K 120Hz นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับดีไซน์ LaserSlim Design บางเฉียบ ดูทันสมัยสวยงามครับ
ขนาดจอ | 55 นิ้ว |
---|---|
ขนาดเครื่อง (ไม่รวมขาตั้ง) | 122.5 x 70.8 x 3.9 ซม. |
น้ำหนัก | 16.50 กก. |
ความละเอียดภาพ | 4K |
ระบบภาพ | Dolby Vision |
การเชื่อมต่อ | Wi-Fi, Bluetooth |
ระบบปฏิบัติการ | Tizen |
ระบบเสียง | Dolby Atmos |
ช่องต่อ | HDMI, USB, Optical, RF |
รับประกันสินค้า | 1 ปี |
Digital TV | |
ระบบสั่งงานด้วยเสียง | |
HDR | |
เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ | |
รองรับการเล่นเกม |
ดีไซน์ของทีวี OLED รุ่นนี้ อาจจะดูแปลกตาสักเล็กน้อย เพราะมาพร้อมกับดีไซน์ที่ไม่เหมือนใคร มีความเรียบหรู ด้วยขาตั้งทีวีแบบ 4 ขา สุดโดดเด่น พร้อมช่องเก็บอุปกรณ์เสริมด้านหลัง เช่น รีโมตคอนโทรล เราเตอร์อินเทอร์เน็ต รางปลั๊กไฟ ให้เป็นระเบียบ จึงเหมาะสำหรับใช้ดึงดูดความสนใจ ไม่ว่าจะเป็นงานนิทรรศการศิลปะ หรือโฆษณาประชาสัมพันธ์ร้านค้าต่าง ๆ
ขนาดหน้าจอของรุ่นนี้จะมีให้เลือก 2 ขนาด คือ 42" และ 55" มีฟังก์ชันเด่นอย่าง Art Gallery ที่จะทำให้ทีวีเป็นกรอบรูปดิจิทัลสำหรับแสดงผลงานศิลปะ และด้วยความที่เป็นทีวี OLED จึงได้เปรียบเพราะแสดงสีสันได้ค่อนข้างเที่ยงตรง พร้อมลำโพงระบบ 2.0 กำลังขับ 20W สำหรับกระจายเสียงไปในตัว และใช้งานง่ายยิ่งขึ้นไปอีกด้วย Magic Remote ครับ
ขนาดจอ | 42 นิ้ว |
---|---|
ขนาดเครื่อง (ไม่รวมขาตั้ง) | 93.5 x 106.3 x 4.63 ซม. |
น้ำหนัก | 16.50 กก. |
ความละเอียดภาพ | 4K |
ระบบภาพ | Dolby Vision |
การเชื่อมต่อ | Wi-Fi, Bluetooth |
ระบบปฏิบัติการ | WebOS |
ระบบเสียง | Dolby Atmos |
ช่องต่อ | HDMI, USB, Optical, RF |
รับประกันสินค้า | 1 ปี |
Digital TV | |
ระบบสั่งงานด้วยเสียง | |
HDR | |
เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ | |
รองรับการเล่นเกม |
มาดูทีวี OLED รุ่นแรกจาก Haier กันบ้าง ซึ่งรุ่นนี้มีดีที่หน้าจอขนาดใหญ่ 65" ให้คุณคอนเทนต์ต่าง ๆ ได้อย่างเต็มอิ่มยิ่งขึ้น ที่สำคัญคือใช้งานง่ายและสามารถโหลดแอปพลิเคชันได้ตามใจ เพราะขับเคลื่อนด้วยระบบปฏิบัติการ Android TV แถมดีไซน์ตัวเครื่องยังมีความบาง ทั้งขอบจอและขาตั้ง ดูทันสมัย และประหยัดพื้นที่ในการติดตั้งมากยิ่งขึ้นครับ
ขอบเขตสีเที่ยงตรงระดับ 98% DCI-P3 และโหมด Filmmaker สำหรับดูหนังโดยเฉพาะ รุ่นนี้รองรับทั้ง Dolby Atmos และ Vision เมื่อใช้รับชมคอนเทนต์ที่รองรับจะช่วยให้คุณดื่มด่ำกับคอนเทนต์ได้อย่างเต็มอรรถรสยิ่งขึ้นราวกับอยู่ในโรงหนัง อีกทั้งรุ่นนี้ยังเล่นเกมได้ดี เพราะมาพร้อมเทคโนโลยี MEMC 120Hz ระดับ 4K สายคอนโซลซื้อไปเล่นเกมก็คุ้มแล้ว
ขนาดจอ | 65 นิ้ว |
---|---|
ขนาดเครื่อง (ไม่รวมขาตั้ง) | 144.81 x 85.15 x 6.68 ซม. |
น้ำหนัก | 23.2 กก. |
ความละเอียดภาพ | 4K |
ระบบภาพ | Dolby Vision |
การเชื่อมต่อ | Wi-Fi, Bluetooth |
ระบบปฏิบัติการ | Android TV |
ระบบเสียง | Dolby Atmos |
ช่องต่อ | HDMI, USB, Optical, RJ-45, RF |
รับประกันสินค้า | 1 ปี |
Digital TV | |
ระบบสั่งงานด้วยเสียง | |
HDR | |
เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ | |
รองรับการเล่นเกม |
สำหรับรุ่นนี้ได้ยกระดับการดูหนังไปอีกขั้น ด้วย Ambilight ของ PHILIPS ที่ทำให้แสงกระจายไปรอบทีวี ซึ่งสีของแสงที่ส่องออกมาจะสัมพันธ์กับภาพที่กำลังรับชมอยู่ ช่วยเพิ่มบรรยากาศในการดูหนังให้ได้อรรถรสยิ่งขึ้น ให้สีสันที่สวยและสมจริงทุกรายละเอียด นอกจากนี้ ในด้านเสียงก็ไม่ธรรมดาด้วยระบบ Dolby Atmo กระจายออกมารอบทิศทาง 360 องศา
ถึงแม้จะวางขายมาได้สักพักแล้ว แต่ด้วยราคาที่ลดลงจากวันเปิดตัว จึงทำให้เป็นรุ่นที่น่าสนใจ ในส่วนของการดีไซน์ก็ทำออกมาได้อย่างดีเยี่ยมไปแพ้กัน ขอบจอบางเฉียบ ขาตั้งขนาดกำลังดี ไม่รู้สึกเกะกะ เพิ่มรสนิยมให้กับห้องของคุณ แถมยังเป็น AndroidTV สำหรับใครคนไหนที่ชื่นชอบการดูภาพยนตร์ที่บ้านในระดับโฮมเธียเตอร์ ขอแนะนำให้ลองรุ่นนี้ดูครับ
ขนาดจอ | 65 นิ้ว |
---|---|
ขนาดเครื่อง (ไม่รวมขาตั้ง) | 122.7 x 5.8 x 70.2 ซม. |
น้ำหนัก | 19.00 กก. |
ความละเอียดภาพ | 4K |
ระบบภาพ | Dolby Vision |
การเชื่อมต่อ | Chromecast, Wi-Fi, Bluetooth 5.0 |
ระบบปฏิบัติการ | Android TV |
ระบบเสียง | Dolby Atmos |
ช่องต่อ | HDMI, RJ-45, Optical, USB |
รับประกันสินค้า | 1 ปี |
Digital TV | |
ระบบสั่งงานด้วยเสียง | |
HDR | |
เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ | |
รองรับการเล่นเกม |
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับข้อมูลต่าง ๆ ของทีวี OLED ที่เรานำมาฝากทุกคนกันในครั้งนี้ ทั้งในส่วนของวิธีการเลือกและการแนะนำทีวี OLED ทั้ง 10 รุ่นที่แตกต่างกัน เราหวังว่าหลังจากที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ทุกคนจะสามารถเลือกซื้อทีวี OLED พร้อมกับเข้าใจจุดเด่นของทีวีรุ่นนี้กันได้ดียิ่งขึ้นแล้วนะครับ
แม้ว่าทีวี OLED รุ่นต่าง ๆ ราคาอาจจะมีราคาที่ค่อนข้างสูง แต่รุ่นที่ราคาไม่สูงมากและจับต้องได้ก็มีให้ได้ลองเลือกพิจารณาดูเช่นกัน อีกทั้งทีวีที่เราซื้อนั้นยังอยู่กับเราไปอีกหลายปี จึงถือเป็นการลงทุนทีคุ้มคา แต่อย่างไรก็ตาม การเลือกซื้อในแต่ละครั้งคุณก็ควรเลือกรุ่นที่ดีและคุ้มค่าที่สุด เพื่อที่จะได้ไม่รู้สึกเสียดายในภายหลัง ดังนั้น อย่าลืมนำบทความของเราไปอ้างอิงประกอบการเลือกซื้อทุกครั้งด้วยนะครับ
อันดับที่ 1: SONY|ทีวี OLED รุ่น XR-77A80L
อันดับที่ 2: LG|ทีวี OLED รุ่น OLED77Z3PSA
อันดับที่ 3: SAMSUNG|ทีวี OLED รุ่น QA55S95CAKXXT
อันดับที่ 4: LG|ทีวี OLED รุ่น OLED88ZX
อันดับที่ 5: SONY|SONY XR-55A80L
คลิกที่นี่สำหรับการจัดอันดับคำบรรยายสินค้าแต่ละรายการอ้างอิงจากเนื้อหาที่แสดงในเว็บไซต์ผู้ผลิต แบรนด์ และเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ
เครื่องดื่ม
วัสดุก่อสร้าง, เครื่องมือและอุปกรณ์ช่าง
สวนและอุปกรณ์ในสวน
ความงาม, ของใช้ส่วนตัว
โน้ตบุ๊ก, PC, อุปกรณ์ไอที
ของใช้ในบ้าน, อุปกรณ์ในบ้าน
เครื่องใช้ไฟฟ้า
กล้อง
เครื่องสำอาง, สกินแคร์
สุขภาพ
อาหาร
เครื่องใช้ในครัว
แฟชั่น
รองเท้า
นาฬิกา, เครื่องประดับ
แม่และเด็ก
เฟอร์นิเจอร์, อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน
งานอดิเรก
กิจกรรมกลางแจ้ง
DIY, เครื่องเขียน, อุปกรณ์สำนักงาน
กีฬา
สัตว์เลี้ยง
หนังสือ
เกม
รถยนต์, รถจักรยานยนต์, อุปกรณ์เสริม
ของขวัญ, ของฝาก
ท่องเที่ยว
สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, อุปกรณ์เสริม
เครือข่ายมือถือ
การลงทุน
เครดิตการ์ด, สินเชื่อ, ประกัน
ดนตรี, เครื่องเสียง
แอปพลิเคชัน, โปรแกรม
บริการ