ฟิล์มไอแพด คืออุปกรณ์เสริมสำหรับติดบนหน้าจอไอแพดเพื่อป้องกันและลดความเสียหาย ทั้งรอยนิ้วมือ คราบมัน และการกระแทกในรูปแบบต่าง ๆ นอกจากขนาดของฟิล์มที่แตกต่างกันไปตามรุ่นไอแพดแล้ว ยังมีประเภทของฟิล์มที่แตกต่างกันด้วย เช่น ฟิล์มชนิดใส, ฟิล์มชนิด Paper Like, ฟิล์มไอแพด PET หลายรุ่นมีคุณสมบัติตัดแสงสีฟ้าและกันการมองเห็นจากด้านข้าง
บทความนี้เรามีวิธีการเลือกฟิล์มไอแพดให้เหมาะกับการใช้งาน สำหรับผู้ที่ใช้ไอแพดเพื่อความบันเทิงทั่วไป ผู้ที่ต้องใช้ปากกาขีดเขียนเป็นประจำ และผู้ที่เน้นป้องกันหน้าจอจากรอยขีดข่วน พร้อมคำแนะนำจากคุณสิทธิกิตติ์ รวิวีรวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านสมาร์ทโฟน / ช่างภาพ และยังมี 10 ฟิล์มไอแพด จากหลายแบรนด์ยอดนิยม ที่มีคุณภาพสูง มาแนะนำเพิ่มเติมด้วย
Top 5 ฟิล์มไอแพด ยอดนิยม
Goojodoq
ป้องกันการมองเห็นจากด้านข้าง เนื้อสัมผัสด้านแบบกระดาษ
คุณแก้วเป็นช่างภาพมืออาชีพที่มีประสบการณ์ด้านการถ่ายภาพหลากหลายแนว เช่น Fashion, Architecture, Automobile และ Product Still Life มานานกว่า 10 ปี โดยหลังจากกระแสสมาร์ตโฟนถ่ายภาพเริ่มได้รับความนิยม คุณแก้วจึงศึกษาการถ่ายด้วยสมาร์ตโฟนอย่างจริงจัง และก่อตั้ง Mobile Photographer เพื่อถ่ายทอดความรู้ เทคนิค และอัปเดตเทคโนโลยีกล้องสมาร์ตโฟนและอุปกรณ์เสริมอย่างสม่ำเสมอ ปัจจุบันทำงานร่วมกับแบรนด์ชั้นนำอย่าง Samsung, OPPO, VIVO, HUAWEI และ Realme ผ่านการรีวิวสมาร์ตโฟนกว่า 50 รุ่น พร้อมทั้งจัด Workshop และ Present สินค้าร่วมกับแบรนด์ต่าง ๆ นอกจากนี้ คุณแก้วยังเปิด Photography Course และบรรยายในมหาวิทยาลัยชั้นนำหลายแห่ง ตั้งแต่ปี 2023 จนถึงปัจจุบัน โดยดำรงตำแหน่งอาจารย์พิเศษประจำคณะดิจิทัลอาร์ต มหาวิทยาลัยศรีปทุม และเป็น Lecturer สอนการตลาดในหลักสูตรถ่ายภาพเบื้องต้นด้วยสมาร์ตโฟนที่อีกมหาวิทยาลัยชั้นนำ โดยใช้พื้นฐานด้านนิเทศศาสตร์จากมหาวิทยาลัยรังสิต ผสมผสานกับประสบการณ์จริง เพื่อแนะนำการเลือกอุปกรณ์ เทคนิคการถ่ายภาพ และแนวโน้มเทคโนโลยีได้อย่างแม่นยำ
คุณมอสเป็นคนที่สนใจในเครื่องใช้ไฟฟ้า แกดเจ็ต กล้อง โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ไอทีมาตั้งแต่เด็ก เพราะเติบโตมาในครอบครัวที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยปัจจุบันยังคงติดตามข่าวสารวงการไอทีอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัวอุปกรณ์ใหม่ เทคโนโลยีล่าสุด หรือแนวโน้มของตลาดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ นอกจากการอัปเดตข้อมูลสินค้าไอทีแล้ว คุณมอสยังชื่นชอบงานช่างและ DIY โดยมักซ่อมแซมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าด้วยตัวเองเป็นประจำ ทำให้มีความเข้าใจเรื่องโครงสร้างและฟังก์ชันการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ มากขึ้น ความชอบนี้ช่วยให้คุณมอสสามารถเปรียบเทียบจุดเด่นจุดด้อยของสินค้าเทคโนโลยีแต่ละประเภทได้อย่างชัดเจน ทำให้สนุกกับการแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีและอุปกรณ์ไอที ทั้งในแง่ของการเลือกซื้อ อัปเกรด และดูแลรักษา เพื่อให้ผู้อ่านสามารถเลือกอุปกรณ์ที่เหมาะสมกับการใช้งานของตนเองได้อย่างคุ้มค่า
ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเฉพาะ "วิธีการเลือก" เท่านั้น สินค้าและบริการที่ปรากฏอยู่ในบทความไม่ได้ถูกเลือกโดยผู้เชี่ยวชาญ
ก่อนที่คุณจะทำการตัดสินใจเลือกซื้อฟิล์มกันรอยสำหรับ iPad คุณควรที่จะศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการเลือกก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งคุณสามารถเลือกศึกษาได้จากปัจจัยต่าง ๆ ดังต่อไปนี้เลยครับ
เนื่องจาก iPad นั้น มีขนาดที่ต่างกันออกไปตามแต่ละรุ่น โดยมีให้เลือกตั้งแต่ 9.7 นิ้ว, 10.5 นิ้ว, 11 นิ้ว ไปจนถึง 12.9 นิ้ว แน่นอนว่าหากเราเลือกขนาดฟิล์มที่ไม่ตรงกับขนาดหน้าจอแล้วนั้น จะส่งผลให้ฟิล์มไม่สามารถปกป้องหน้าจอได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น ควรตรวจสอบขนาดหน้าจอกับขนาดของฟิล์มกันรอยก่อนว่ามีขนาดที่พอดีกันหรือไม่ ซึ่งโดยปกติแล้วบนแพ็กเกจของผลิตภัณฑ์จะมีระบุไว้ว่าฟิล์มกันรอยรุ่นนั้นสามารถใช้กับ iPad รุ่นไหนได้บ้างครับ
ปัจจุบัน Apple ได้เปิดตัว iPad ออกมาหลากหลายขนาดมาก ๆ ทำให้เวลาเราไปเลือกซื้อฟิล์มมาติด ก็ควรจะทราบก่อนว่า iPad ของเราเป็นรุ่นไหน เพราะมีขนาดหน้าจอตั้งแต่ 9.7 นิ้วไปจนถึง 12.9 นิ้วกันเลยทีเดียว จริง ๆ แล้ว วิธีการสังเกตค่อนข้างง่าย เพราะที่ตัวกล่องของฟิล์มนั้นมักจะมีชื่อรุ่นของ iPad ที่ใช้งานร่วมด้วยกันได้ติดเอาไว้อย่างชัดเจนอยู่แล้ว แต่อาจจะมีจุดที่ต้องพิจารณาเพิ่มนิดหน่อย เช่น หากเราติดฟิล์มลงไปแล้ว เคสที่เราใช้อยู่นั้นจะไม่ดันฟิล์มจนลอกร่อนออกมา อยากให้เสียเวลาดูเรื่องนี้เพิ่มก่อนเพื่อการใช้งานที่สบายใจภายหลังนะครับ
ในปัจจุบัน วัสดุที่นิยมนำมาผลิตฟิล์มไอแพดแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ กระจก (Tempered Glass) และ PET (Polyethylene Terephthalate) ซึ่งเราควรศึกษาและทำความเข้าใจถึงคุณสมบัติของฟิล์มแต่ละประเภทก่อน แล้วจึงเลือกฟิล์มที่เหมาะกับวัตถุประสงค์การใช้งานครับ
คุณสมบัติของฟิล์มกระจก คือ ทนต่อการขีดข่วนและแรงกระแทก เหมาะกับคนที่กังวลว่าหน้าจอจะตกแตกหรือเป็นรอย นอกจากนี้ อากาศยังเข้าไปได้ยากจึงไม่เกิดรอยนูน ทำให้แม้แต่คนที่ไม่ชำนาญก็สามารถติดฟิล์มเองได้อย่างง่ายดาย ยิ่งไปกว่านั้น ยังช่วยลดคราบรอยนิ้วมือบนหน้าจอได้ เพราะมีการเคลือบสาร Oleophobic เอาไว้
อย่างไรก็ตาม ถ้าเทียบกับ PET แล้ว ฟิล์มกระจกนั้นมีความหนากว่าพอสมควร ดังนั้นบางคนอาจรู้สึกใช้งานได้ไม่ค่อยสะดวก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากใช้กับ Apple Pencil เพราะเวลาขีดเขียนต้องใช้ความละเอียดอ่อน ซึ่งอาจจะยากต่อการควบคุมทิศทางในการเขียนครับ
กระจกแบบ Tempered Glass จริง ๆ แล้ว คือกระจกประเภทเดียวกันที่นิยมนำมาใช้ผลิตหน้าจอโทรศัพท์ในปัจจุบัน ซึ่งแบรนด์ผู้ผลิตฟิล์มกันรอยนั้นมองเห็นคุณสมบัติในเรื่องของการสัมผัสที่ลื่นไหลและประสบการณ์ของการใช้งานที่ดูไม่เหมือนกับการติดฟิล์มเลย คือ ให้ความรู้สึกเนียนที่ปลายนิ้วแต่ยังคงคุณสมบัติในการปกป้องหน้าจอเอาไว้ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันการกระแทกที่ค่อนข้างดีมากและรอยขีดข่วนที่เกิดขึ้นได้ยากหากไม่ใช่ของมีคมมากรีดแบบใช้แรง ในบางยี่ห้อนั้น แค่ใช้งานไปเป็นปี ๆ ก็ยังทนได้ดีอยู่เลยครับ
ส่วนฟิล์มกันรอยที่ผลิตจากวัสดุ PET (Polyethylene Terephthalate) จะมีลักษณะอ่อนและบาง จึงสามารถปกป้องหน้าจอได้ โดยที่ไม่ทำให้ประสิทธิภาพในการใช้งานลดลง โดยเฉพาะเหมาะกับคนที่ใช้ Apple Pencil ในการวาดเขียนหรือทำงานที่ต้องใช้ความละเอียด ฟิล์มประเภทนี้เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์การใช้งานมากครับ
อย่างไรก็ตาม หากเทียบกับฟิล์มกระจกแล้ว ฟิล์มประเภทนี้เวลาที่เราติดฟิล์มจะมีโอกาสเกิดฟองอากาศได้ง่ายกว่า นอกจากนี้ ยังทนทานน้อยกว่าฟิล์มกระจก อาจจะป้องกันแค่เพียงการขีดข่วนจากของแข็งที่ไม่มีคมได้เท่านั้น รวมถึงอาจไม่สามารถป้องกันหน้าจอได้หากได้รับการกระแทกที่ค่อนข้างแรง แต่มีข้อดี คือ ราคาไม่แพงและหาซื้อง่ายตามท้องตลาดทั่วไปครับ
ฟิล์มกันรอยในลักษณะนี้ถูกออกแบบมาให้มีความบางเป็นพิเศษเพื่อรักษาคุณสมบัติพิเศษในการใช้งานหน้าจอเอาไว้ให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการใช้งาน Apple Pencil ที่ต้องมีการลงน้ำหนักในการวาดเขียนที่แตกต่างกันออกไป รวมไปถึงเรื่องของสีสัน และความสว่างก็แทบไม่ได้ถูกลดทอนลงไปในแบบที่สังเกตเห็นได้ชัด แต่ฟิล์มประเภทนี้มักจะมีอายุการใช้งานที่สั้นกว่า สามารถป้องกันรอยขีดข่วนและการกระแทกได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น และอาจจะเกิดฟองอากาศภายในตัวฟิล์มได้ง่ายกว่า อย่างไรก็ตาม ด้วยราคาที่ถูกกว่า 2 - 3 เท่า ทำให้ไม่เป็นปัญหามากนักหากจะเปลี่ยนบ่อย ๆ ครับ
ฟิล์มกันรอยสำหรับ iPad ได้พัฒนาคุณสมบัติต่าง ๆ เพื่อตอบสนองวัตถุประสงค์ในการใช้งานของแต่ละบุคคล ช่วยให้เราสามารถใช้หน้าจอได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ต่อจากนี้ เรามาดูการเปรียบเทียบฟิล์มกันรอยแต่ละประเภทกันครับ
ฟิล์มกันรอยชนิดใส เหมาะสำหรับคนที่ชอบดูรูปภาพหรือวีดีโอบนหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ของ iPad หากติดฟิล์มประเภทนี้แล้ว หน้าจอจะเงาและสีที่แสดงบนหน้าจอคมชัด ทำให้เราสามารถสนุกไปกับการดูภาพและวีดีโอได้อย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม หากอยู่ข้างนอกอาคาร ฟิล์มชนิดนี้จะมีข้อเสีย คือ แสงจะสะท้อนกับหน้าจอ จึงอาจจะทำให้มองเห็นหน้าจอได้ค่อนข้างยาก และอาจทำให้เห็นลายนิ้วมือบนหน้าจอชัดเจน นอกจากนี้ หากใช้ Apple Pencil กับฟิล์มชนิดใสอาจจะทำให้รู้สึกว่าลื่นเกินไป จึงทำให้ต้องใช้แรงกดเวลาขีดเขียนครับ
ฟิล์มชนิดนี้เหมาะมากสำหรับคนที่ใช้ Apple Pencil เนื่องจากเนื้อฟิล์มมีความเรียบลื่น ทำให้รู้สึกราวกับเขียนอยู่บนกระดาษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากใครกำลังมองหาฟิล์มที่เหมาะสำหรับใช้งานกับ Apple Pencil แล้วล่ะก็ ควรมองหาผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่า Paper Like
สำหรับฟิล์ม Paper Like นั้น หน้าจออาจจะดูค่อนข้างขาวเวลาอยู่ภายในอาคาร แต่ในทางกลับกัน หากอยู่นอกอาคารหรือกลางแจ้งแสงจะไม่สะท้อน ทำให้เราสามารถมองเห็นหน้าจอได้อย่างชัดเจน อีกทั้งยังช่วยลดคราบจากรอยนิ้วมือได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
การใช้งาน iPad ของแต่ละคนนั้นมีความแตกต่างกันมากพอสมควร ทำให้การเลือกใช้งานฟิล์มกันรอยอาจส่งผลต่อประสบการณ์การใช้งานอยู่พอสมควร เช่น ถ้าเราเป็นคนที่ใช้งาน iPad เพื่อความบันเทิงหรือต้องทำงานที่ต้องใช้ความแม่นยำของสีและความสว่างเป็นหลัก เราควรจะเลือกใช้ฟิล์มแบบใส ไม่ว่าจะเป็นฟิล์มกระจกแบบใส หรือฟิล์มแบบปกติที่เป็นฟิล์มใสก็สามารถใช้งานได้ แต่จะมีข้อเสียเพียงอย่างเดียวก็คือ การสะท้อนแสงที่อาจจะรบกวนสายตาไปบ้างและรอยนิ้วมือจะติดง่ายครับ
ส่วนใครที่ต้องการใช้ Stylus หรือ Apple Pencil การเลือกฟิล์มกันรอยชนิด Paper Like ที่จะให้ความรู้สึกในการใช้งานใกล้เคียงกับกระดาษ ช่วยให้เวลาเราใช้งานในการเขียน การวาด จะได้ความเป็นธรรมชาติมากกว่าฟิล์มแบบอื่นแต่ติดรอยนิ้วมือได้ยากกว่าครับ
ฟิล์มกันรอยยังมีคุณสมบัติอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการปกป้องหน้าจอจากความเสียหายหรือคุณสมบัติที่ช่วยให้เราใช้งานในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้สะดวกมากขึ้น ซึ่งคุณสมบัติหลัก ๆ เหล่านั้นจะมีอะไรบ้างไปดูกันครับ
สำหรับใครที่ต้องใช้สายตามองหน้าจอเป็นเวลานาน แนะนำให้ติดฟิล์มตัดแสงสีฟ้า (Blue Light Cut Film) เนื่องจากฟิล์มชนิดนี้มีคุณสมบัติตัดแสงสีฟ้าจากหน้าจอ จึงสามารถช่วยลดความเหนื่อยล้าของดวงตาจากการมองหน้าจอเป็นเวลานานได้
อย่างไรก็ตาม หน้าจอหลังจากติดฟิล์มชนิดนี้แล้วจะมีลักษณะคล้ายกับติดฟิล์มใส เพียงแต่สีที่แสดงบนหน้าจออาจจะต่างกันเล็กน้อย ดังนั้น คนที่ต้องใช้ iPad ในการทำกราฟิก อาจต้องระมัดระวังเวลาเลือกฟิล์มกันรอยชนิดนี้ด้วยครับ
คนที่ใช้ iPad ในรุ่นต่าง ๆ แทน Laptop หรือ Notebook ในการทำงาน ในชีวิตประจำวันหรือมี Screen on time มากกว่า 8 ชั่วโมงต่อวัน การเลือกใช้ฟิล์มหน้าจอที่ตัดแสง Blue Light ออกไป ก็จะช่วยถนอมสายตาและลดอาการล้าของดวงตาได้ดีกว่าฟิล์มปกติมากทีเดียว ซึ่งลักษณะของฟิล์มประเภทนี้มีทั้งแบบฟิล์มกระจกและฟิล์มแบบ PET เมื่อติดไปแล้วจะมีลักษณะเหมือนฟิล์มใสทั่วไป แต่มีการแสดงผลสีสันของหน้าจอเปลี่ยนไปเล็กน้อย โดยจะมี Temperature ที่ติดโทนอุ่นหรือสีเหลืองมากขึ้นเล็กน้อย ฉะนั้น ใครที่ต้องทำงานบนค่าความแม่นยำสีสูง ๆ ฟิล์มตัวนี้อาจจะไม่เหมาะนักครับ
ใครที่ต้องการความทนทานในการป้องกันการกระแทก ควรเลือกฟิล์มที่สามารถดูดซับแรงกระแทกได้ดี เพราะถึงแม้จะติดฟิล์มที่มีคุณสมบัติกันกระแทก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าหน้าจอจะไม่มีโอกาสแตกเลย โดยเฉพาะกับ iPad Pro 12.9 นิ้ว ที่อาจจะถือยากสักหน่อย อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่ชอบทำ iPad ตกบ่อยแล้ว การติดฟิล์มชนิดนี้จะช่วยปกป้องหน้าจอจากการกระแทกและปลอดภัยมากขึ้นครับ
นอกจากนี้ การใช้ iPad Pro ซึ่งมีหน้าจอที่ใหญ่ จึงทำให้เห็นลายนิ้วมือบนหน้าจอชัด เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดรอยนิ้วมือ เราจึงควรเลือกฟิล์มที่ช่วยป้องกันรอยนิ้วมือ คุณสมบัติของฟิล์มชนิดนี้ คือ มีการเคลือบสารที่สามารถป้องกันรอยนิ้วมือได้ เช่น สาร Oleophobic ดังนั้น หากติดฟิล์มแล้ว ถึงแม้เราจะใช้ทัชสกรีนแต่รอยนิ้วมือหรือคราบสกปรกก็จะติดได้ยากครับ
ฟังก์ชันพิเศษอื่น ๆ ของฟิล์มกันรอยในปัจจุบันมีนวัตกรรมดี ๆ ที่ถูกนำมาใช้มากมาย อย่างเช่น การเสริมความแข็งให้กับฟิล์มกระจกที่สามารถป้องกันการแทกและป้องกันรอยขีดข่วนได้ดีมาก ๆ โดยความแข็งสูง ๆ ในตลาดจะอยู่ที่ 9H กันเลยทีเดียว นอกเหนือจากนี้ ก็ยังมีฟิล์มที่เคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนและสารที่ช่วยป้องกันรอยนิ้วมือเพิ่มเข้ามาด้วย ยกตัวอย่างเช่น ฟิล์มจากแบรนด์ Ablemen มีการเคลือบ Nano Coating เพื่อการสัมผัสที่ลื่นขึ้นและหยดน้ำไม่เกาะฟิล์มอีกด้วยครับ
ก่อนที่จะซื้อฟิล์มกันรอยสำหรับ iPad สิ่งที่เราควรตรวจสอบก่อนก็คือความแข็งของฟิล์ม เพราะยิ่งฟิล์มแข็งเท่าไหร่ก็ยิ่งสามารถปกป้องหน้าจอของเราได้ดีเท่านั้น โดยใช้ระดับความแข็งของดินสอ (Pencil Hardness Scale) ซึ่งแสดงระดับตั้งแต่ H - 9H ยิ่งตัวเลขสูงเท่าไหร่จะยิ่งแข็ง เนื่องจากความแข็งของเล็บคนเรานั้นอยู่ที่ระดับ 2H ดังนั้น เพื่อปกป้องหน้าจอจากรอยขีดข่วนที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ประจำวัน จึงควรเลือกระดับความแข็งที่สูงกว่าความแข็งของระดับเล็บหรือ 3H ขึ้นไป
นอกจากนี้ ยังมีฟิล์มที่บอกระดับความแข็งจากระดับความแข็งของโมส์ (Mohs Hardness Scale) แสดงระดับตั้งแต่ 1H - 10H ซึ่งเลขยิ่งสูงยิ่งแข็ง ความแข็งระดับ 10H นั้นเทียบเท่ากับความแข็งของเพชร โดยทั่วไปแล้วฟิล์มที่มีความแข็งสูงจะแสดงค่าความแข็งด้วยระดับความแข็งของโมส์ครับ
จริง ๆ แล้วระดับความแข็งของฟิล์มต่าง ๆ มักจะสะท้อนถึงความหนาของฟิล์มนั้น ๆ ด้วย เช่น ความแข็งระดับ 3H ความบางของฟิล์มก็จะค่อนข้างบางกว่าและแนบกับหน้าจอมากกว่า ส่วนถ้าเป็นฟิล์มที่มีความแข็งระดับ 9H ซึ่งมักจะอยู่ในฟิล์มระดับ Premium หรือราคาเกิน 1,000 บาท ก็จะหนาขึ้นเล็กน้อย แต่มีความสามารถในการป้องกันรอยขีดข่วนที่สูงกว่า ถ้าเราเป็นคนที่ใช้งานไม่ค่อยระวังหรือไม่อยากมาคอยกังวลในเรื่องของรอยต่าง ๆ ควรเลือกฟิล์มที่ค่าความแข็ง 3H หรือที่ 9H ไปเลย เพื่อความสบายใจครับ
สินค้า | รูปภาพ | ราคาต่ำสุด | คะแนน | รายละเอียด | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ชนิด | ความหนา | วัสดุ | ระดับความแข็ง | รุ่น iPad ที่รองรับ | ตัดแสงสีฟ้า | ป้องกันรอยขีดข่วน | ป้องกันรอยนิ้วมือ | กันคนมองเห็นคนด้านข้าง | |||||
1 | Focus ฟิล์มกระจกสำหรับไอแพดแบบใส | ![]() | ฟิล์มกระจกแข็งแรงทนทานระดับ 9H เคลือบสารลดรอยนิ้วมือ | ฟิล์มกันรอยชนิดใส | 0.33 มม. | Tempered Glass | 9H | iPad Air 2 - iPad Pro 2024 | |||||
2 | Goojodoq ฟิล์มกันรอยหน้าจอ Anti Peeping Paper Film | ![]() | ป้องกันการมองเห็นจากด้านข้าง เนื้อสัมผัสด้านแบบกระดาษ | ฟิล์มกันรอยชนิด Paper Like | ไม่ระบุ | PE | iPad mini 4 - iPad Pro 2024 | ||||||
3 | Manis Lemon Paper Like ฟิล์มกระดาษ | ![]() | เขียนลื่น ผลิตจากวัสดุนำเข้าจากญี่ปุ่น ลดแสงสะท้อน 95% | ฟิล์มกันรอยชนิด Paper Like | ไม่ระบุ | ไม่ระบุ | iPad Air 1 - iPad Pro 2022 | ||||||
4 | P-One Tablets Screen Protector Film | ![]() | ความแข็งระดับสูง ใช้ง่าย มาพร้อมคู่มือและวิดีโอสอนการใช้ | ฟิล์มกันรอยชนิดใส | 0.13 มม. | Tempered Glass | 9H | iPad mini 1 - iPad Pro 2024 | |||||
5 | Kimi ฟิล์มกระจกใส | ![]() | ขอบโค้งมนเข้ารูป ไม่ทิ้งคราบกาว ช่วยลดแรงกระแทกได้ดี | ฟิล์มกันรอยชนิดใส | 0.33 มม. | Tempered Glass | 9H | iPad mini 1 - iPad Pro 2024 | |||||
6 | iFilm ฟิล์มกระดาษ Paper Like | ![]() | ฟิล์มกระดาษผิวด้าน ควบคุมการเขียนได้แม่นยำ ไม่ลื่นไถล | ฟิล์มกันรอยชนิด Paper Like | ไม่ระบุ | Plastic | iPad 2 - iPad Pro 2024 | ||||||
7 | T-Plus ฟิล์มกระจกใส | ![]() | ผลิตจากกระจกชนิดพิเศษ ความแข็งระดับ 9H ให้สีสดคมชัด | ฟิล์มกันรอยชนิดใส | 0.26 มม. | Tempered Glass | 9H | iPad 2 - iPad Pro 2024 | |||||
8 | Brix Film Ipad Air 4/5 Tempered Glass | ![]() | แข็งแรงทนทาน กันรอยขีดข่วน ไวต่อการสัมผัสและขีดเขียน | ฟิล์มกันรอยชนิดใส | ไม่ระบุ | Tempered Glass | 9H | Ipad Air 4 / Ipad Air 5 | |||||
9 | Ablemen Tablet Tempered Glass Ultra Clear | ![]() | กันรอยขีดข่วนได้ดี สัมผัสลื่นไหล ยึดเกาะหน้าจอแนบสนิท | ฟิล์มกันรอยชนิดใส | 0.2 มม. | Tempered Glass | 9H | iPad mini 6 - iPad Pro 13 2024 | |||||
10 | Hi-Shield Selected Ultra Clear Glass | ![]() | ติดกับหน้าจอได้แนบสนิท ไม่หลุดง่าย ให้การแสดงผลคมชัด | ฟิล์มกันรอยชนิดใส | 0.33 มม. | Tempered Glass | 9H | iPad Air 4 - iPad Pro 13 2024 |
ชนิด | ฟิล์มกันรอยชนิดใส |
---|---|
ความหนา | 0.33 มม. |
วัสดุ | Tempered Glass |
ระดับความแข็ง | 9H |
รุ่น iPad ที่รองรับ | iPad Air 2 - iPad Pro 2024 |
ตัดแสงสีฟ้า | |
ป้องกันรอยขีดข่วน | |
ป้องกันรอยนิ้วมือ | |
กันคนมองเห็นคนด้านข้าง |
ชนิด | ฟิล์มกันรอยชนิด Paper Like |
---|---|
ความหนา | ไม่ระบุ |
วัสดุ | PE |
ระดับความแข็ง | |
รุ่น iPad ที่รองรับ | iPad mini 4 - iPad Pro 2024 |
ตัดแสงสีฟ้า | |
ป้องกันรอยขีดข่วน | |
ป้องกันรอยนิ้วมือ | |
กันคนมองเห็นคนด้านข้าง |
ชนิด | ฟิล์มกันรอยชนิด Paper Like |
---|---|
ความหนา | ไม่ระบุ |
วัสดุ | ไม่ระบุ |
ระดับความแข็ง | |
รุ่น iPad ที่รองรับ | iPad Air 1 - iPad Pro 2022 |
ตัดแสงสีฟ้า | |
ป้องกันรอยขีดข่วน | |
ป้องกันรอยนิ้วมือ | |
กันคนมองเห็นคนด้านข้าง |
ชนิด | ฟิล์มกันรอยชนิดใส |
---|---|
ความหนา | 0.13 มม. |
วัสดุ | Tempered Glass |
ระดับความแข็ง | 9H |
รุ่น iPad ที่รองรับ | iPad mini 1 - iPad Pro 2024 |
ตัดแสงสีฟ้า | |
ป้องกันรอยขีดข่วน | |
ป้องกันรอยนิ้วมือ | |
กันคนมองเห็นคนด้านข้าง |
ชนิด | ฟิล์มกันรอยชนิดใส |
---|---|
ความหนา | 0.33 มม. |
วัสดุ | Tempered Glass |
ระดับความแข็ง | 9H |
รุ่น iPad ที่รองรับ | iPad mini 1 - iPad Pro 2024 |
ตัดแสงสีฟ้า | |
ป้องกันรอยขีดข่วน | |
ป้องกันรอยนิ้วมือ | |
กันคนมองเห็นคนด้านข้าง |
ชนิด | ฟิล์มกันรอยชนิด Paper Like |
---|---|
ความหนา | ไม่ระบุ |
วัสดุ | Plastic |
ระดับความแข็ง | |
รุ่น iPad ที่รองรับ | iPad 2 - iPad Pro 2024 |
ตัดแสงสีฟ้า | |
ป้องกันรอยขีดข่วน | |
ป้องกันรอยนิ้วมือ | |
กันคนมองเห็นคนด้านข้าง |
ชนิด | ฟิล์มกันรอยชนิดใส |
---|---|
ความหนา | 0.26 มม. |
วัสดุ | Tempered Glass |
ระดับความแข็ง | 9H |
รุ่น iPad ที่รองรับ | iPad 2 - iPad Pro 2024 |
ตัดแสงสีฟ้า | |
ป้องกันรอยขีดข่วน | |
ป้องกันรอยนิ้วมือ | |
กันคนมองเห็นคนด้านข้าง |
ชนิด | ฟิล์มกันรอยชนิดใส |
---|---|
ความหนา | ไม่ระบุ |
วัสดุ | Tempered Glass |
ระดับความแข็ง | 9H |
รุ่น iPad ที่รองรับ | Ipad Air 4 / Ipad Air 5 |
ตัดแสงสีฟ้า | |
ป้องกันรอยขีดข่วน | |
ป้องกันรอยนิ้วมือ | |
กันคนมองเห็นคนด้านข้าง |
ชนิด | ฟิล์มกันรอยชนิดใส |
---|---|
ความหนา | 0.2 มม. |
วัสดุ | Tempered Glass |
ระดับความแข็ง | 9H |
รุ่น iPad ที่รองรับ | iPad mini 6 - iPad Pro 13 2024 |
ตัดแสงสีฟ้า | |
ป้องกันรอยขีดข่วน | |
ป้องกันรอยนิ้วมือ | |
กันคนมองเห็นคนด้านข้าง |
ชนิด | ฟิล์มกันรอยชนิดใส |
---|---|
ความหนา | 0.33 มม. |
วัสดุ | Tempered Glass |
ระดับความแข็ง | 9H |
รุ่น iPad ที่รองรับ | iPad Air 4 - iPad Pro 13 2024 |
ตัดแสงสีฟ้า | |
ป้องกันรอยขีดข่วน | |
ป้องกันรอยนิ้วมือ | |
กันคนมองเห็นคนด้านข้าง |
หลาย ๆ คนอาจจะทำการติดฟิล์มไอแพดมาเป็นระยะเวลานาน โดยที่ไม่เคยสังเกตเลยว่า ฟิล์มกันรอย iPad ของตนเองนั้นเริ่มเสื่อมสภาพหรือประสิทธิภาพในการใช้งานลดลงแล้ว ซึ่งคุณสามารถสังเกตได้ง่าย ๆ จากหน้าจอ iPad ของตนเองเลยครับ หากหน้าจอของคุณนั้นเริ่มมีสีสันที่ไม่สดใสเท่าเดิม หน้าจอติดเหลือง หรือหน้าจอหม่น รวมไปถึงประสิทธิภาพในการทัชสกรีนของคุณเริ่มลดลง ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสัญญาณที่บ่งบอกให้คุณควรที่จะเปลี่ยนฟิล์มไอแพดใหม่ได้แล้วครับ
ใครก็ตามที่พึ่งซื้อ iPad มานั้น อาจจะพิจารณาเรื่องการติดฟิล์มกันอยู่แล้ว แต่อาจจะยังสงสัยอยู่ว่าจริง ๆ แล้วฟิล์มกันรอยจำเป็นไหม และถ้าซื้อมาจะติดเองได้ไหม ? ในวันนี้ เรามีคำตอบจากผู้เชี่ยวชาญมาฝากกันค่ะ
สำหรับผู้ใช้งาน iPad Pro หรือ iPad โดยปกติแล้ว จะทราบกันดีกว่า ตัวหน้าจอของ iPad จะค่อนข้างมีความแข็งแรง ทนทาน ป้องกันรอยขีดข่วยได้ดีมากในระดับหนึ่งอยู่แล้ว แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า สำหรับคนที่ซื้อ iPad ครั้งหนึ่งแล้วก็คงอยากใช้งานอย่างน้อย ๆ ก็ 2 ปี และคงอยากจะให้อุปกรณ์ของเรานั้นอยู่ในสภาพที่ดูเหมือนใหม่อยู่เสมอ การติดฟิล์มกันรอยหน้าจอจึงเป็นสิ่งที่ค่อนข้างจำเป็น เพราะฟิล์มกันรอยในปัจจุบันมีนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นไปกว่าเดิมมาก ไม่เหลือง กาวไม่เหนียวติดจอ และไม่ก่อให้เกิดอันตรายใด ๆ ใครอยากรักษา iPad ให้อยู่กับตัวเองไปนานก็ควรจะติดนะครับ
ฟิล์มกันรอยหลาย ๆ แบรนด์ในปัจจุบัน มักจะมีอุปกรณ์สำหรับใช้ในการติดแถมมาให้ในกล่องแบบ Instant พร้อมจะติดเองได้เลย โดยวิธีการติดก็มีขั้นตอนง่าย ๆ ครับ นั่นคือ ให้ทำความสะอาดหน้าจอด้วยการใช้น้ำยาเช็ดกระจกหรือ Cleaning Wipe ให้เรียบร้อย แล้วใช้เทปใสแปะเพื่อเอาฝุ่นเล็ก ๆ ที่ติดตามหน้าจอต่าง ๆ ออกมาให้หมด หากเราติดด้วยกาว UV แบบใส อย่าลืมเอารอยต่อต่าง ๆ ป้องกันกาวเข้าไปด้วยนะครับ เสร็จแล้วค่อย ๆ วางฟิล์มลงบนหน้าจอให้แม่นยำโดยพยายามให้มีการเลื่อนน้อยที่สุดเพื่อป้องกันกาวไม่ดูดเข้ากับจอ จากนั้นทิ้งไว้สักครู่จนกาวติดสนิทดีแล้วเอาผ้าเช็ดทำความสะอาดอีกครั้งครับ
เรายังมีบทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานร่วมกับไอแพดอีกหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทก็จะมีวิธีการเลือกซื้อที่แตกต่างกันออกไป โดยสามารถอ่านเพิ่มเติมได้จากบทความด้านล่างนี้
อันดับที่ 1: Focus|ฟิล์มกระจกสำหรับไอแพดแบบใส
อันดับที่ 2: Goojodoq|ฟิล์มกันรอยหน้าจอ Anti Peeping Paper Film
อันดับที่ 3: Manis Lemon|Paper Like ฟิล์มกระดาษ
อันดับที่ 4: P-One|Tablets Screen Protector Film
อันดับที่ 5: Kimi|ฟิล์มกระจกใส
คลิกที่นี่สำหรับการจัดอันดับคำบรรยายสินค้าแต่ละรายการอ้างอิงจากเนื้อหาที่แสดงในเว็บไซต์ผู้ผลิต แบรนด์ และเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ
เครื่องดื่ม
วัสดุก่อสร้าง, เครื่องมือและอุปกรณ์ช่าง
สวนและอุปกรณ์ในสวน
ความงาม, ของใช้ส่วนตัว
โน้ตบุ๊ก, PC, อุปกรณ์ไอที
ของใช้ในบ้าน, อุปกรณ์ในบ้าน
เครื่องใช้ไฟฟ้า
กล้อง
เครื่องสำอาง, สกินแคร์
สุขภาพ
อาหาร
เครื่องใช้ในครัว
แฟชั่น
รองเท้า
นาฬิกา, เครื่องประดับ
แม่และเด็ก
เฟอร์นิเจอร์, อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน
งานอดิเรก
กิจกรรมกลางแจ้ง
DIY, เครื่องเขียน, อุปกรณ์สำนักงาน
กีฬา
สัตว์เลี้ยง
หนังสือ
เกม
รถยนต์, รถจักรยานยนต์, อุปกรณ์เสริม
ของขวัญ, ของฝาก
ท่องเที่ยว
สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, อุปกรณ์เสริม
เครือข่ายมือถือ
การลงทุน
เครดิตการ์ด, สินเชื่อ, ประกัน
ดนตรี, เครื่องเสียง
แอปพลิเคชัน, โปรแกรม
บริการ