10 เครื่องซักผ้า ราคาไม่เกิน 10000 บาท ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 ฝาบน ฝาหน้า

เครื่องซักผ้าฝาบน เป็นประเภทที่มีฝาเปิดอยู่ด้านบนและมีเพียงถังเดียวที่รวมกระบวนการทุกขั้นตอน ตั้งแต่ซักล้างไปจนถึงการปั่นหมาด ด้วยความที่เป็นเครื่องซักผ้าแบบอัตโนมัติ ทำให้เราไม่ต้องเสียเวลาในการเติมน้ำหรือปล่อยน้ำทิ้งเอง และขนาดของตัวถังก็ค่อนข้างใหญ่ทำให้เกิดเสียงรบกวนน้อย มีโปรแกรมในการซักให้เลือกมากกว่าเครื่องซักผ้าแบบถังคู่ แลกมากับข้อเสียด้านราคาที่สูงกว่าด้วยเช่นกัน แถมในการติดตั้งยังมีความยุ่งยาก เพราะต้องต่อท่อน้ำเข้ากับก๊อกน้ำประปาโดยตรงนั่นเอง

เครื่องซักผ้าฝาหน้า ถือเป็นเครื่องซักผ้าที่มีประสิทธิภาพในการซักสูงสุด เพราะนอกจากทำความสะอาดได้หมดจดและถนอมเนื้อผ้าได้ดีแล้ว ยังช่วยประหยัดน้ำอีกด้วย แม้จะมีความจุที่น้อยกว่าแบบฝาบน แต่สามารถซักผ้าได้ในปริมาณที่ไล่เลี่ยกัน

นอกจากนี้ เครื่องซักผ้าแบบฝาหน้ายังมีรอบในการปั่นสูง จึงอาจทำให้เครื่องซักผ้าสั่นและมีเสียงดังเวลาซัก ดังนั้น เราขอแนะนำว่า หากคุณต้องการเลือกซื้อเครื่องซักผ้าฝาหน้า ควรเลือกแบบที่มีแบบที่มีระบบ Inverter เพื่อช่วยลดการสั่นสะเทือนและลดการเกิดเสียงดัง อีกทั้งเรายังขอแนะนำให้คุณเปิดฝาของเครื่องซักผ้าฝาหน้าเอาไว้เมื่อใช้งานเสร็จแล้ว เพื่อให้ขอบยางบริเวณฝาแห้งสนิทก่อน ช่วยลดสาเหตุการเกิดเชื้อรา

รูปแบบสุดท้ายคือ เครื่องซักผ้าแบบถังคู่ จะมีฝาอยู่ด้านบนของเครื่องและมี 2 ถังแยก ถังแรกสำหรับซักและอีกถังสำหรับปั่นหมาด เครื่องซักผ้าประเภทนี้จะเป็นกึ่งอัตโนมัติ คือ เราจะต้องใช้แรงช่วยในการล้าง การเติมน้ำหรือในการย้ายเสื้อผ้าจากถังหนึ่งไปยังอีกถังหนึ่ง มีข้อดีในด้านราคาที่ย่อมเยากว่าแบบอื่น ๆ ง่ายต่อการซ่อมบำรุงและการใช้งาน ประหยัดไฟ เหมาะสำหรับคนที่มีงบประมาณจำกัด แต่ก็มีข้อเสียในด้านของความสะดวกสบาย เนื่องจากเป็นแบบกึ่งอัตโนมัติ ทำให้การซักผ้าไม่ได้จบในขั้นตอนเดียว จึงอาจไม่เหมาะกับคนที่ไม่ค่อยมีเวลา

ในการซักผ้าให้สะอาดปราศจากคราบสกปรกตกค้างนั้น สิ่งหนึ่งที่ควรให้ความสำคัญนั่นก็คือ ถังซัก เพราะการใช้ถังซักที่สะอาดจะช่วยให้เสื้อผ้าของเรานั้นสะอาดตามไปด้วย ผู้ผลิตหลายรายจึงได้คิดค้นระบบทำความสะอาดถังอย่าง Tub Clean ออกมาเพื่อลดปัญหาคราบสกปรกและเชื้อราที่ตกค้างตามส่วนต่าง ๆ ของเครื่องซักผ้า ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เสื้อผ้าของเราเกิดกลิ่นอับชื้นหรือสาเหตุของอาการแพ้ที่ผิวหนังของเรา

ดังนั้น หากใครที่มีความกังวลเรื่องของการทำความสะอาดถังซักหลังใช้งานไปสักระยะ เราแนะนำให้มองหาเครื่องซักผ้าที่มีระบบทำความสะอาดถังอัตโนมัติไปในตัว เพื่อความสะอาดและปลอดภัยทั้งต่อตัวเราและคนในครอบครัว 

หากคุณเป็นคนที่ต้องซักผ้าบ่อย ๆ แต่ค่อยไม่มีเวลา เราขอแนะนำให้คุณเลือกเครื่องซักผ้าที่มีระบบการซักด่วน เพราะโดยปกติแล้วเครื่องซักผ้าแบบอัตโนมัติจะใช้เวลาในการซักอยู่ที่ประมาณ 1 ชั่วโมงขึ้นไป แต่ระบบซักด่วนจะใช้เวลาในการซักเร็วที่สุดเพียง 15 - 20 นาทีเท่านั้น จึงช่วยให้คุณประหยัดเวลาในการทำความสะอาดเสื้อผ้าได้มากขึ้น แถมยังเหมาะกับเสื้อผ้าที่ไม่เปื้อนมาก หรือผ้าบางชนิดที่ไม่สามารถซักนาน ๆ ได้อีกด้วย

หากคุณไม่ต้องการให้เครื่องซักผ้าทำงานเสียงดังรบกวนเวลาพักผ่อน เราขอแนะนำให้มองหาเครื่องซักผ้าที่มีระบบ Inverter เพราะนอกจากจะช่วยให้เครื่องไม่สั่นสะเทือนและทำงานได้เงียบมากขึ้น แล้วยังช่วยให้ทำความสะอาดได้ดีขึ้น พร้อมทั้งช่วยถนอมเนื้อผ้าของเราอีกด้วย

นอกจากนี้ ยังช่วยให้เครื่องซักผ้าใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น สามารถเพิ่มระบบถังซักให้หมุนได้หลายทิศทาง ทำให้ทำความสะอาดเสื้อผ้าได้หมดจดมากยิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ยังช่วยให้คุณสามารถประหยัดพลังงานได้มากถึง 20 - 40% ดังนั้น ปัจจุบันผู้ผลิตเครื่องซักผ้าจึงเปลี่ยนมาใช้ระบบนี้แทนระบบสายพาน เพราะให้คุณภาพที่ดีกว่าทั้งในด้านความสะอาดและความแข็งแรง

สำหรับคนที่กำลังกังวลว่าเครื่องซักผ้าจะหยุดทำงานหลังจากไฟดับหรือไฟตก และทำให้ผ้าค้างอยู่ในตัวเครื่อง ก็แนะนำลองมองหาเครื่องซักผ้าที่ได้รับการติดตั้งระบบ Auto Restart เพราะระบบนี้จะช่วยให้เครื่องซักผ้าของคุณทำงานได้อย่างต่อเนื่องอัตโนมัติหลังจากที่ไฟมาโดยที่คุณไม่ต้องเสียเวลาตั้งโปรแกรมการซักใหม่ นอกจากนี้ คุณอาจเลือกเครื่องที่มีระบบ Standby Power Save ร่วมด้วยเพื่อให้ช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าแม้จะเสียบปลั๊กทิ้งไว้ ซึ่งจะช่วยให้คุณประหยัดได้ทั้งเวลาและเงินในเครื่องเดียวเลย