10 อันดับ หนังสือจิตวิทยา แนะนํา ปี 2024 การพัฒนาตนเอง ความรัก

สมัยนี้ความรู้และทักษะการทำงานไม่ใช่ทักษะเดียวที่สำคัญอีกต่อไป อีกหนึ่งทักษะที่ผู้บริหารหรือคนเก่งระดับแนวหน้ามี แต่หลายคนอาจยังไม่ทราบก็คือทักษะการคุยเล่นซึ่งเป็นทักษะสำหรับการเข้าสังคมโดยเฉพาะ หนังสือเล่มนี้ เป็นหนังสือที่พยายามอธิบายถึงความสำคัญของทักษะคุยเล่นอย่างไรให้ลื่นไหล ต่อเนื่องและเป็นผู้ควบคุมบทสนทนาต่อไปได้ ช่วยให้คนที่พูดไม่เก่งรู้จักการคล้อยตามในแต่ละบทสนทนา

ซึ่งหนังสือเล่มนี้จะแบ่งหมวดหมู่เป็นบท ๆ ซึ่งแต่ละบทจะสอดแทรกสูตรลับวิธีการในการสนทนาเอาไว้แบบบรรยายยกตัวอย่าง เช่น การนำเสนอมุมมองการคุยเล่นของคนชั้นนำ หรือวิธีการคุยเล่นให้สนุกสนาน การชักจูงและคล้อยตามบทสนทนาให้ลื่นไหลเป็นต้น นอกจากนี้ยังชี้ให้เห็นข้อควรระวังของบางคำพูด ที่อาจทำให้คู่สนทนาไม่พอใจเช่น การถามคำถาม จึงถือเป็นอีกหนึ่งหนังสือจิตวิทยาในการพูดที่มีประโยชน์มากครับ

หนังสือจิตวิทยาเล่มนี้เป็นหนังสือที่มีกระแสตอบรับดีมากในประเทศญี่ปุ่น เพราะนอกจากจะมีภาษาอธิบายที่ไม่ยาก เข้าใจง่ายแล้ว ทางผู้เขียนยังหยิบยกเอาสถานการณ์จริงเข้ามาอธิบายประกอบทำให้ผู้อ่านเห็นภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับคนที่กำลังรู้สึกเหนื่อยกับการดำเนินชีวิตประจำวัน หรือเหนื่อยกับการทำงาน เพราะทางผู้เขียนต้องการนำเสมอมุมมองเรื่อง การเป็นคนดี มันไม่ได้ทำให้คนเรามีความสุขเสมอไป

เนื้อหาภายในจะแบ่งเป็นบทเรื่องเล่าประกอบสถานการณ์และคำสอนครบ เช่น เรื่องความรัก เรื่องความสัมพันธ์ เรื่องเงินทอง เป็นต้น พยายามถ่ายทอดแนวคิดว่าบางครั้งการที่คุณเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนดี กลัวโดนเกลียด กลัวคนอื่นไม่พอใจ มันคือการที่ตัวคุณกำลังละทิ้งความเป็นตัวเอง ซึ่งนำไปสู่ความกดดันในการทำสิ่งต่าง ๆ และทำให้คุณไม่มีความสุขได้ ลองใช้การปฏิเสธบ้างแล้วชีวิตคุณจะมีความสุขขึ้นได้ครับ

สำหรับหนังสือเล่มนี้เป็นอีกหนึ่งหนังสือจิตวิทยาที่ได้รับการันตีโดยรางวัล The New York Times Bestseller เขียนขึ้นโดย Daniel Kahneman นักจิตวิทยาชื่อดังเจ้าของรางวัลโนเบล ที่พยายามตีโจทย์เรื่องความคิดของมนุษย์ให้ถูกแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ การคิดเร็วและการคิดช้า ผ่านการศึกษาวิจัยมากกว่า 40 ปี เหมาะสำหรับผู้ที่อยากเข้าใจระบบสมองและรู้จักวิธีการจัดการความคิดให้เป็นระบบมากยิ่งขึ้น

โดยเนื้อหาภายในเล่มจะชี้ให้เห็นถึงข้อดีและข้อเสียของวิธีการคิดทั้งสองแบบ เช่น การคิดเร็วเกินไปอาจส่งผลให้การตัดสินใจผิดพลาดได้ ขณะที่การคิดช้าเกินไปก็อาจจะทำให้คุณพลาดสิ่งสำคัญได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นควรใช้วิธีการคิดทั้งสองแบบให้ถูกต้อง รักษาสมดุลและปรับการใช้งานตามสถานการณ์ให้ได้ บรรยายเข้าใจเห็นภาพชัดเจนด้วยการอธิบายสำนวนเรียบ ๆ แม้จะเป็นเนื้อหาทางวิชาการก็ตาม

หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือจิตวิทยาแบบการบรรยายผ่านเรื่องเล่า ของเด็กหนุ่มที่ชื่อ จิม โดตี้ ที่ได้มาเจอกับร้านขายของมายากลและได้รู้จักกับผู้หญิงนามว่า รูธ ผู้ที่จะสอนให้จิมรู้จักการก้าวข้ามความเจ็บปวดในรูปแบบต่าง ๆ ที่เขาต้องพบเจอมาตลอดการใช้ชีวิต เปลี่ยนความคิดและหัวใจให้รู้จักกับความมหัศจรรย์นอกเหนือจากความโศกเศร้า อ่านง่าย สนุก ไม่น่าเบื่อ อบอุ่นไปกับตัวละครที่ออกแบบได้อย่างมีมิติ

เป็นหนังสือเล่มโปรดของวงบอยแบรนด์เกาหลี BTS และได้รับรางวัลสำคัญอย่าง New York Times Bestseller ถูกแปลไปมากกว่า 31 ประเทศ ที่สำคัญเนื้อหาในเนื้อเรื่อง ยังถูกให้การยอมรับจากแพทย์อีกหลายท่านว่ามีความพิเศษในการนำเสนอเรื่องจินตนาการของสมองได้ดี ทางสำนักพิมพ์ใช้การตีพิมพ์สองสีให้อ่านสบายตา ดึงดูดผู้เริ่มต้นอ่านหนังสือได้ เหมาะกับคนที่กำลังหมดไฟหรือท้อแท้ให้รู้จักการเปิดกว้างทางด้านความคิดครับ

สำหรับเนื้อหาภายในหนังสือจิตวิทยาเล่มนี้เป็นหนังสือที่ได้รวบรวมทั้งศาสตร์และศิลป์เข้าไว้ด้วยกัน โดยอ้างอิงจากการค้นพบทางวิทยาศาสตร์จนก่อให้เกิดเป็นแนวคิด กฎทั้ง 12 ประการ ที่จะสามารถยกระดับความคิด การกระทำ และการดำเนินชีวิตของผู้อ่านให้นำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ เช่น บุคลิกภาพ การดูแลตัวเอง ความชัดเจนในการพูด ฯลฯ โดยแบ่งออกเป็นแต่ละบทชัดเจนและอธิบายแบบละเอียด

แม้เนื้อหาจะมีความเป็นวิชาการอยู่บ้าง แต่ทางผู้เขียนก็ไม่ได้ใช้ภาษาหรือศัพท์เฉพาะที่มีความยากจนเกินไป จนทำให้หนังสือเล่มนี้กลายมาเป็นหนึ่งในหนังสือที่มีอิทธิพลของโลกตะวันตกในปัจจุบัน เพราะนอกจากจะแนะแนวการใช้ชีวิตตามกฎทั้ง 12 แล้ว ทางผู้เขียนยังไม่ลืมสอดแทรกปัญหาหรือเหตุการณ์บางอย่างที่อยู่นอกเหนือการทำตามกฎทั้ง 12 ให้ผู้อ่านได้ลองคิดตามและเปรียบเทียบ ปรับปรุงตัวเองให้ดียิ่งขึ้น

สำหรับหนังสือเล่มนี้ เป็นหนังสือจิตวิทยาสำหรับเด็กวัยรุ่นที่สามารถนำมาใช้เป็นคู่มือเพื่อบรรเทาเรื่องราวอันน่าเจ็บปวดได้ เป็นการนำเสนอมุมมองโดยใช้หลักการให้แง่คิดและการสร้างภาพมโนให้ผู้อ่านได้คิดทบทวนตาม โดยไม่ได้นำเสนอเพียงแต่สิ่งดี ๆ แต่เน้นให้ผู้อ่านเข้าใจทั้ง ความคิดสร้างสรรค์ ความรัก ความเชื่อมั่น และความหวังที่ไม่มีสิ้นสุด ผ่านตัวอักษร เข้าใจว่าชีวิตไม่ได้มีแต่ความสุขแต่ยังมีอุปสรรคมากมาย

ซึ่งอุปสรรคหรือความสุขเหล่านั้นต่างก็จะกลายมาเป็นเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ ให้คุณได้เติบโตไปในทางที่คุณเลือกเดิน หรือในทิศทางที่ตัวของผู้อ่านได้เผชิญ เป็นคู่มือให้กับคนที่ไม่กล้าปรึกษาผู้อื่นให้สามารถลองคิดได้ด้วยตัวเอง คอยเตือนสติผู้อ่าน ที่สำคัญคือทางผู้เขียนไม่ได้ใช้ตัวอักษรเป็นสื่อกลางเพียงอย่างเดียว ยังใช้ภาพวาดพิมพ์แบบสี่สี เพื่อเติมเต็มความคิดให้ผู้อ่านตีความของหนังสือง่ายขึ้นด้วย

หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือจิตวิทยาที่เขียนขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสาร เน้นไปที่การนำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับการพูดตั้งแต่การปรับทัศนคติและปรับเปลี่ยน Mind set ของผู้พูด จนไปถึงเทคนิคและข้อแนะนำในการพูด โดยรวบรวมผ่านประสบการณ์ความรู้ ยึดหลัก “You Are What You Say” เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาด้านการสื่อสารและอยากยกระดับเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน หรือใช้เพื่อเจรจาระหว่างการทำงาน

โดยมุมมองของหนังสือจะพยายามสอนให้ผู้อ่านเข้าใจข้อเท็จจริงว่าการสื่อสารมันไม่ได้ขึ้นอยู่เพียงแต่ผู้พูดเท่านั้น ผู้ฟังแต่ละคนก็มีพื้นฐานการแปลความหมายในการสื่อสารที่แตกต่างกันออกไปด้วย แต่ก็ยังมีวิธีการที่ทำให้ผู้อ่านสามารถยึดหลักการสื่อสารที่ดีได้ตั้งแต่ การเริ่มต้นบทสนทนา การสร้างความประทับใจแก่ผู้ฟัง การสื่อสารตรงประเด็น หรือแม้กระทั่งการสื่อสารผ่านข้อความ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทักษะที่ไม่ควรมองข้ามครับ

สำหรับหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือจิตวิทยาที่เน้นไปในเรื่องความรักโดยเฉพาะ ซึ่งนำเสนอผ่านการเล่าเรื่องเหมือนการบรรยายแบบบันทึกความทรงจำ ที่จะทำให้ผู้อ่านเข้าใจว่าความรักมีหลากหลายรูปแบบ มีทั้งความอบอุ่นหัวใจ  ขุ่นข้องหมองใจ ลังเล ผิดหวัง ผิดพลาด ฯลฯ และมันอาจจะกลายมาเป็นความทรงจำที่ไม่สามารถลบออกไปจากใจของคนเราได้ แต่คุณก็ยังจำเป็นที่จะต้องเดินหน้าต่อไป

ซึ่งหนังสือเล่มนี้ถือเป็นหนังสืออีกหนึ่งเล่มที่เป็นกระแสโด่งดังในประเทศเกาหลี เพราะนอกจากเนื้อหาที่สอดแทรกข้อคิดประสบการณ์ดี ๆ แล้ว การบรรยายแบบบันทึกของนักเขียนยังใช้ภาษาอ่านง่าย ไม่ต้องตีความ และยังใช้ภาพวาดสีประกอบทั้งเล่ม เติมเต็มจินตนาการของผู้อ่านได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เหมาะกับผู้ที่มองหาหนังสืออ่านผ่อนคลายในยามว่าง และผู้ที่อยากรู้จักมุมมองใหม่ ๆ ในวันที่คุณไม่สามารถลบภาพแห่งความทรงจำออกไปได้

หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่มีแนวคิดแบบคอนเซ็ปต์ Work Life Balance ถูกเขียนขึ้นโดย Ray Dalio ชายผู้ถูกขนานนามว่าเป็น Steve Jobs แห่งโลกการลงทุน โดยเนื้อหาภายในจะใช้การบรรยายแบบเล่าเรื่องประวัติของ Ray Dalio เป็นส่วนใหญ่โดยสอดแทรกแนวคิดในการทำงาน แนวคิดในการเลือกทางเดินของเขา ซึ่งทางผู้อ่านก็จะได้เรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริงควบคู่ไปด้วยเพื่อรู้จักการยกระดับแนวคิดด้านการลงทุน

โดยหนังสือเล่มนี้เป็นอีกหนึ่งหนังสือที่ได้ New York Times Bestseller ซึ่งความพิเศษของเนื้อหานอกจากที่คุณจะได้เรียนรู้ประวัติของ Ray Dalio แล้ว หนังสือยังถูกแบ่งเป็นบทชัดเจน ซึ่งหนึ่งในบทสำคัญคือ หลักการทำงานที่มีการอธิบายแบบละเอียดรวมไปถึงมีสรุปและตารางของหลักการทำงาน ให้ผู้อ่านได้ลองศึกษาปรับเข้ากับวิถีชีวิตที่ตัวเองดำเนินอยู่ด้วย เห็นภาพได้ง่ายสามารถนำมาใช้กับแนวคิดสร้างธุรกิจได้แบบมีรูปธรรม

สำหรับหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่เขียนขึ้นโดย แพทย์หญิงเบญจพร ตันตสูติ ผู้มีประสบการณ์ด้านจิตวิทยาสำหรับเด็กโดยเฉพาะ โดยต้องการนำเสนอเนื้อหามุมมองของเด็กให้กับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ให้รับรู้และตระหนักถึงความสำคัญก่อนที่จะสายเกินไป เช่น การอธิบายความสุขของเด็ก การเลี้ยงลูกในยุคสมัยนี้ การรับฟังลูก หรือแม้กระทั่งการรับมือกับลูกในเวลาที่ไม่เชื่อฟัง ซึ่งถือเป็นเรื่องพื้นฐานแต่ก็มีหลายคนที่ยังมองข้าม

โดยคุณหมอพยายามหยิบยกปัญหาพื้น ๆ ที่หลายครอบครัวมักพบเจอมาเป็นตัวอย่างให้เห็นภาพได้ง่ายขึ้น เช่น การขัดใจลูกในบางครั้งซึ่งก็เป็นสิ่งจำเป็น ที่สำคัญการบรรยายภายในหนังสือก็ไม่ได้ใช้ภาษาทางการแพทย์ที่มีความซับซ้อน เป็นการบรรยายแบบเล่าเรื่องทีละจุด เรียบง่าย อีกทั้งยังใช้การพิมพ์แบบคละสีทำให้หนังสือไม่น่าเบื่อ เหมาะแก่การเตรียมตัวสำหรับคนที่กำลังคิดมีลูก หรือคนที่อยากทลายกำแพงความคิดของเด็ก