10 สายชาร์จ Micro USB ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 รวมรุ่นยอดนิยม

การเลือกซื้อสายชาร์จ Micro USB สำหรับใช้งานกับสมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ต Android โดยเฉพาะ จะช่วยให้หมดกังวลในหลาย ๆ เรื่อง โดยเฉพาะในเรื่องของเทคโนโลยีการชาร์จ ที่บางแบรนด์ได้คิดค้นขึ้นมาเพื่อใช้กับสินค้าของตนเองหรือพันธมิตรในเครือโดยเฉพาะ และแม้ว่าสายชาร์จจากแบรนด์อื่นจะสามารถใช้ได้ แต่ก็จะชาร์จได้ไม่เร็วเท่ากับสายชาร์จของแบรนด์โดยตรง

สมาร์ตโฟนหรืออุปกรณ์ Device ในปัจจุบันนั้น ถึงแม้จะเปลี่ยนมาใช้งาน Port USB-C กันหมดแล้ว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังมีคนที่ใช้สมาร์ตโฟนที่ยังใช้ Port Micro USB อยู่ไม่น้อยทำให้สายชาร์จในกลุ่มนี้ยังมีความจำเป็นอยู่ ทางที่ดีที่สุดสำหรับการเลือกซื้อสายชาร์จคือ ซื้อจากแบรนด์ผู้ผลิตสมาร์ตโฟนโดยตรง เพราะสายเหล่านี้ได้รับการทดสอบควบคู่กับสมาร์ตโฟนในแบรนด์เดียวกัน มีความเข้ากันได้ และใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพโดยที่ไม่ต้องไปเสี่ยงจาก Third Party แทนครับ

"เทคโนโลยีการชาร์จเร็ว" เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่หลายค่ายนำมาเป็นจุดขายให้กับมือถือของตนเอง ซึ่ง Micro USB นั้นมีข้อจำกัดในการถ่ายโอนประจุพลังงานไฟฟ้าและข้อมูลที่ทำได้ไม่ดีเท่า Type-C ดังนั้น เราจึงอาจจะได้เห็นเทคโนโลยีการชาร์จเร็วเพียงไม่กี่รูปแบบเท่านั้น หรือในสายชาร์จหลาย ๆ รุ่น อาจจะไม่มีเทคโนโลยีการชาร์จ ซึ่งสำหรับเทคโนโลยีการชาร์จเร็วที่มักจะพบเห็นได้ในมือถือซึ่งรองรับพอร์ตชาร์จ Micro USB ได้แก่

• Qualcomm Quick Charge : ถือเป็นเทคโนโลยีการชาร์จเร็วที่นิยมใช้กันในหลาย ๆ ค่าย หรือใช้เทคโนโลยีนี้ในการเป็นฐานต่อยอดให้เทคโนโลยีการชาร์จของแบรนด์ตนเอง ซึ่งแบรนด์มือถือที่รองรับเทคโนโลยีนี้ ได้แก่ Xiaomi และ SAMSUNG

• VOOC : เป็นเทคโนโลยีการชาร์จเร็วจาก Oppo ที่ได้รับการันตีและชื่นชมจากผู้ใช้งานจริงว่า สามารถใช้ได้รวดเร็วจนเป็นที่น่าประทับใจ โดยแบรนด์มือถือที่ใช้เทคโนโลยีนี้ คือ Oppo และ Realme

• Adaptive Fast Charging (AFC) : เป็นเทคโนโลยีการชาร์จเร็วจากทางฝั่งของ SAMSUNG ที่สนับสนุนเฉพาะสมาร์ตโฟนรุ่นเรือธง (Flagship) เท่านั้น และแน่นอนว่า มีเพียงแค่ SAMSUNG เท่านั้นที่ใช้เทคโนโลยีการชาร์จนี้

ในบางครั้ง การจะหาสายชาร์จที่มาจากทางค่ายโดยตรงได้ตลอด อาจจะไม่ได้ง่ายขนาดนั้น จึงมีหลายโอกาสที่จะได้ซื้อสายชาร์จจาก Third Party มาใช้งานอยู่บ่อยครั้ง นอกเหนือจากเรื่องความน่าเชื่อถือของแบรนด์และการรับประกัน ความได้มาตรฐานของตัวสินค้าแล้ว หากสมาร์ตโฟนของเรามีระบบชาร์จเร็วหรือ Fast Charge เราจำเป็นที่จะต้องตรวจสอบ Spec ของตัวสายก่อนว่าสามารถรองรับกำลังไฟที่ส่งผ่านมาจาก Adapter ได้เต็มที่เหมือนกับสายชาร์จแท้ไหมเพื่อประสิทธิภาพที่สูงสุดครับ

แน่นอนว่า แต่ละคนมีพฤติกรรมการใช้งานสมาร์ตโฟนที่แตกต่างกันไป โดยสำหรับใครที่นำไปใช้งานนอกสถานที่อย่างการชาร์จกับพาวเวอร์แบงก์ สายชาร์จที่มีความยาวขนาด 25 - 50 cm ก็เพียงพอและถือได้อย่างถนัดมือแล้วครับ แต่บางคนอาจจะชาร์จทิ้งไว้จนแบตเตอรี่เต็มจึงดึงสายชาร์จออก ซึ่งถ้าเป็นลักษณะนั้น สายชาร์จที่มีความยาวประมาณ 50 - 100 cm จะเหมาะสมมากกว่า แต่ถ้าเป็นคนที่มักจะเล่นไปชาร์จไป อาจจะเพิ่มความยาวของสายชาร์จขึ้นเป็น 120 - 200 cm เพื่อให้ใช้งานได้อย่างคล่องตัวยิ่งขึ้น

การเลือกใช้สายชาร์จนั้น ความยาวของสายชาร์จก็เป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญที่เราต้องพิจารณา แน่นอนว่า ใช่ว่าการใช้สายชาร์จที่ยาวเอาไว้ก่อนจะเป็นเรื่องที่ดีเสมอไป เพราะว่าหากสายยาวเกินไปก็จะต้องมีการม้วนสายหลายขดจนอาจจะทำให้สายด้านในมีการชำรุดได้ถ้าทำบ่อย ๆ แต่ถ้าสายสั้นจนเกินไปก็ไม่เพียงพอต่อระยะในการใช้งานครับ

สายชาร์จที่มีการรับประกันจากผู้ผลิตจะทำให้คุณใช้งานได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะหากสายชาร์จมีการชำรุดภายใน หรือเกิดไฟฟ้าลัดวงจร โดยที่คุณไม่ได้เป็นผู้สร้างความเสียหายเหล่านั้น ก็จะสามารถเปลี่ยนสายชาร์จใหม่ได้ทันที แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องตรวจสอบดูเงื่อนไขการรับประกันให้ดีเช่นเดียวกัน เนื่องจากในบางแบรนด์อาจจะมีเงื่อนไขที่แตกต่างกันออกไปนั่นเองครับ

จากที่กล่าวไปข้างต้นในเรื่องของมาตรฐานของตัวสาย Micro USB หรือความน่าเชื่อถือของผู้ผลิตสาย เพราะนอกเหนือจากจะส่งผลต่อคุณภาพของตัวสินค้าแล้ว ด้วยความที่สายชาร์จเป็นส่วนที่ส่งพลังงานให้กับสมาร์ตโฟนของเรา ถ้าเกิดมีปัญหาขึ้นมา ก็จะก่อให้เกิดความร้อนสะสมที่ตัวเครื่องจำนวนมาก และอาจจะก่อให้เกิดผลเสียหรือทำให้สมาร์ตโฟนของเราเสียหายหรือมีปัญหาได้ครับ