10 สว่านไร้สาย ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 สำหรับงานไม้ DIY โลหะ

สำหรับงานไม้ทั่วไปหรืองานเฟอร์นิเจอร์ในบ้าน ขอแนะนำให้เลือกสว่านมอเตอร์ไร้แปรงถ่านหรือบัสเลสมากกว่าแบบมีแปรงถ่าน เพราะสว่านประเภทนี้จะส่งแรงบิดต่อเนื่องได้ดี ความเร็วรอบไม่ตก จึงควบคุมการเจาะชิ้นงานได้อย่างแม่นยำ และที่สำคัญคือ ค่อนข้างประหยัดไฟจึงทำให้แบตเตอรี่ใช้งานได้นานขึ้น

การระบุค่าแรงบิดของสว่านไร้สายจะระบุหน่วยเป็นนิวตันเมตร (Nm) ส่วนความเร็วรอบจะระบุเป็นหน่วยรอบต่อนาที (r/m) ยิ่งค่าตัวเลขของสองหน่วยนี้สูง ค่าแรงบิดและความเร็วรอบก็จะยิ่งสูงตามไปด้วย ทั้งนี้ค่าแรงบิดที่สูงอาจจะไม่เหมาะสำหรับงานขันสกรูขนาดเล็กหากสว่านไร้สายเครื่องนั้นไม่มีตัวปรับค่าแรงบิดให้พอดีต่อการใช้งาน

สำหรับงานเฟอร์นิเจอร์ควรเลือกใช้สว่านไร้สายที่มีแรงบิดสูงมากกว่า 40 Nm ขึ้นไป หรืออาจจะพิจารณาจากความสามารถในการจับดอกสว่าน ทั้งนี้ งานเฟอร์นิเจอร์ก็จะแบ่งออกเป็นงานติดตั้งที่ไม่จำเป็นต้องใช้แรงบิดหรือความเร็วรอบสูงมาก กับงานสร้างเฟอร์นิเจอร์ซึ่งจำเป็นต้องใช้แรงบิดหรือความเร็วรอบสูง เพราะต้องเจาะด้วยดอกสว่านที่มีความยาวเป็นพิเศษ ในส่วนรอบการหมุนนั้นขอเพียงมีค่ามากกว่า 1,000 รอบต่อนาทีก็มีความเหมาะสมสำหรับการเจาะงานแบบละเอียดแล้ว

แบตเตอรี่เป็นเสมือนคลังพลังงานสำหรับสว่านไร้สาย ซึ่งจะมีค่าความจุแบตเตอรี่ที่ระบุเป็นแอมป์ชั่วโมง (Ah) ยิ่งมีค่าตัวเลขที่สูง ก็ยิ่งมีค่าความจุที่สูงด้วย สำหรับค่าความจุไฟฟ้าที่เหมาะสมนั้นควรมากกว่า 2 Ah แต่ไม่ควรเกิน 8 Ah เพราะค่าความจุที่มากขึ้นย่อมตามมาด้วยน้ำหนักและขนาดของแบตเตอรี่ที่มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อการใช้งานในที่แคบ การใช้งานบนพื้นที่สูง ทำให้ผู้ใช้งานต้องแบกรับภาระน้ำหนักที่มากกว่าปกติ

ในส่วนของแรงดันไฟฟ้าแบตเตอรี่จะมีค่าเป็นโวลต์ (V) เริ่มตั้งแต่ 10 โวลต์ ไปจนถึง 40 โวลต์ ซึ่งค่าแรงดันไฟฟ้านี้จะแสดงถึงขนาดของมอเตอร์ ยิ่งมีค่าสูงก็แสดงว่ามอเตอร์จะมีขนาดใหญ่ตามไปด้วย โดยทั่วไปแล้วสว่านไร้สายที่ใช้แบตเตอรี่แรงดันไฟฟ้าสูงมักจะเป็นสว่านที่ออกแบบให้ใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง มีอัตราการส่งกำลังที่เสถียรกว่าสว่านแรงดันต่ำแม้ว่าในบางรุ่นอาจจะมีค่าแรงบิดเท่ากันก็ตาม

สำหรับงานไม้และงานเฟอร์นิเจอร์หากเป็นงานภายในบ้านทั่วไปก็อาจเลือกใช้สว่านไร้สายรุ่นแบตเตอรี่แรงดัน 18 โวลต์ เพราะเป็นรุ่นยอดนิยมที่หาอะไหล่สำรองได้ง่าย แบตเตอรี่ราคาถูก แต่ถ้าเป็นไซต์งานก่อสร้างขนาดใหญ่หรือการเจาะไม้ในงานเกษตรขอแนะนำให้เลือกสว่านที่มีแรงดันไฟมากกว่า 20 โวลต์ขึ้นไป

โดยทั่วไปแล้วสว่านไร้สายในปัจจุบันจะมีไฟ LED ติดมาด้วยเพื่อใช้ในการส่องสว่างในบริเวณที่ต้องการเจาะ ทั้งนี้ ไฟ LED ที่ว่าจะเป็นไฟส่องสว่างให้ผู้ใช้งานมองเห็นบริเวณเจาะโดยรอบเท่านั้น ไม่ใช่ไฟระบุจุดเจาะหรือมาร์คกิ้งไลท์ หากใช้งานสว่านไร้สายในบริเวณที่แสงสว่างเพียงพอหรือสามารถหาไฟส่องสว่างจากภายนอกได้ ไฟ LED ที่มากับสว่านก็ไม่ค่อยจำเป็นในการใช้งานจริงมากนัก

อย่างไรก็ตาม การที่สว่านไร้สายมีไฟ LED ติดมาด้วยก็ถือเป็นสิ่งดีในกรณีที่ต้องการเจาะชิ้นงานในพื้นที่อับแสง โดยสว่านไร้สายในบางรุ่นสามารถปรับค่าความเข้มแสงของไฟ LED ได้ด้วย บางรุ่นก็มีแสงโทนอุ่นให้เลือกใช้ เพื่อลดปัญหาการสะท้อนแสงที่ทำให้ตาล้าขณะใช้งาน ทั้งนี้ ไฟ LED ที่ติดมากับสว่านจะใช้แหล่งพลังงานร่วมกันกับมอเตอร์ กล่าวคือใช้พลังงานจากแบตเตอรี่เป็นแหล่งจ่ายไฟ

ในการทำงาน DIY หากสว่านมีรอบหมุนเร็วเกินไปทำให้เกลียวสกรูกินชิ้นงานไม่ทัน เกิดแรงต้านสะท้อนกลับมายังส่วนบนของสกรู ทำให้เกิดปัญหาหัวสกรูบิดเบี้ยวเสียรูปหรือสกรูขาดคาชิ้นงานได้ ดังนั้น จึงขอแนะนำให้เลือกสว่านไร้สายที่สามารถปรับความเร็วรอบได้อย่างต่ำ 2 อัตราทด โดยจะมีการทดอัตรารอดผ่านเฟืองเกียร์บริเวณส่วนหน้าของสว่านและมีฟังก์ชันการใช้งานที่ครอบคลุม 3 ฟังก์ชัน ได้แก่

・ฟังก์ชันการเจาะเรียบหรือการเจาะทั่วไป ที่ออกแบบมาเพื่อใช้ในการเจาะวัสดุจำพวกไม้พลาสติกและโลหะ มีความเที่ยงตรงแม่นยำในการเจาะสูง

・ฟังก์ชันการเจาะกระแทก ซึ่งออกแบบมาสำหรับการเจาะปูน เจาะหิน เจาะอิฐหรือวัสดุที่ต้องการกระเทาะ

・ฟังก์ชันการขันสกรู โดยฟังก์ชันนี้ควรมาพร้อมการปรับอัตราค่าแรงบิด (Torque) ที่ละเอียดมากพอสำหรับการขันสกรูในแรงบิดต่างกัน

นอกจากนี้ แรงบิดของสว่านที่สูงเกินไปจะทำให้โครงสร้างโลหะสกรูรับแรงบิดไม่ไหวจึงเกิดการบิดเบี้ยวและแตกหัก ดังนั้น ค่าแรงบิดและอัตรารอบสำหรับงาน DIY จะต้องพิจารณาจากขนาดของงานเป็นหลัก หากต้องการใช้เจาะเหล็กหนาก็ควรเลือกสว่านที่มีแรงบิดมากกว่า 50 นิวตันเมตรขึ้นไป แต่ถ้าเป็นงานเจาะเหล็กบางหรือไม้บางทั่วไปก็อาจใช้แรงบิดต่ำลงมา ซึ่งอัตราความเร็วรอบของสว่านไร้สายจะเฉลี่ยอยู่ที่ 500 - 2,000 รอบต่อนาที โดยจะครอบคลุมงาน DIY ทั่วไปอยู่แล้ว

อีกหนึ่งสาเหตุของปัญหาหัวสกรูบิดเบี้ยวเสียรูปหรือสกรูขาดคาชิ้นงานที่พบคือความเที่ยงตรงของสว่าน หากสว่านมีหัวจับเอียง หัวจับเสียศูนย์เกิดการบิดเอียงขณะใช้งาน ก็จะทำให้เกิดปัญหากับหัวสกรูได้เช่นกัน

ปัญหาหัวสกรูบิดเบี้ยวเสียรูปนี้ หากเกิดขึ้นกับชิ้นงานจะเป็นปัญหาที่แก้ไขยากมากเพราะสกรูขนาดเล็กไม่สามารถใช้หัวถอดสกรูจับได้ ในบางกรณีจำเป็นต้องใช้สิ่วเซาะหรืออาจใช้วิธีการเป่าแก๊สให้ความร้อนกับสกรูเกลียวเพื่อถอดออกจากชิ้นงาน ดังนั้น เพื่อป้องกันและลดปัญหาดังกล่าว ควรเลือกใช้สว่านไร้สายที่ออกแบบมาสำหรับการขันสกรูโดยเฉพาะ ซึ่งสว่านชนิดนี้จะมีลักษณะหัวจับแบบบล็อกเพื่อใช้ในการจับดอกไขควงและประแจบล็อก

แม้ว่าสว่านไร้สายทุกชนิดจะถูกออกแบบมาให้ใช้ในการเจาะวัสดุที่มีค่าความแข็งน้อยกว่าดอกสว่านได้ทุกรุ่น แต่ในการเจาะชิ้นงานที่มีความหนา ต้องเจาะต่อเนื่องหรือบางครั้งต้องเจาะโดยใช้ดอกสว่านที่มีขนาดใหญ่ ก็จำเป็นต้องเลือกใช้สว่านไร้สายที่มีแรงบิดสูง เพราะแรงบิดสูงจะสามารถเจาะวัสดุที่มีความหนาหรือวัสดุเหนียวจำพวกโลหะได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก็จะมาพร้อมกับน้ำหนักเครื่องที่มากขึ้น รวมทั้งจะมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการส่งกระแสไฟได้เพียงพอ

สว่านไร้สายที่ออกแบบมาเพื่อใช้ในการเจาะเหล็กโดยเฉพาะมักจะเป็นสว่านที่มีแรงบิดมากกว่า 60 Nm ขึ้นไป ห้องเกียร์ของสว่านก็ต้องเป็นแบบโลหะ ด้วยคุณสมบัติดังกล่าวนี้สว่านแรงบิดสูงจึงมีราคาสูงกว่าสว่านทั่วไปมากพอสมควร

เมื่อกล่าวถึงแบตเตอรี่เครื่องมือช่างไร้สายในปัจจุบัน จะสามารถแบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม คือ

・แบตเตอรี่กลุ่มอัลคาไลน์ เป็นแบตเตอรี่รุ่นเก่าปัจจุบันไม่ได้รับความนิยมแล้ว

・แบตเตอรี่กลุ่มลิเธียม เป็นแบตเตอรี่ที่มาแทนกลุ่มอัลคาไลน์ มีคุณสมบัติในการเก็บรักษาประจุและปล่อยประจุไฟฟ้าได้เสถียรมากยิ่งขึ้น

・แบตเตอรี่แบบ Flex ซึ่งมีค่าความแรงดันแบตเตอรี่แบบแปรผัน แม้ว่าภายในจะบรรจุด้วยแบตเตอรี่ลิเธียมแต่ก็จะมีความแตกต่างกันที่วงจรไฟฟ้า แบตเตอรี่กลุ่มนี้จึงสามารถใช้งานอย่างต่อเนื่องได้ดี

ทั้งนี้ แบตเตอรี่แต่ละรุ่นจะมีแรงดันที่ออกแบบมาให้เหมาะสมกับมอเตอร์ของสว่านแต่ละรุ่น โดยสว่านที่ออกแบบมาให้รองรับแบตเตอรี่แรงดันสูงมักจะเป็นรุ่นที่สามารถใช้ในงานหนัก งานอุตสาหกรรม หรืองานช่างมืออาชีพได้ดี แต่หากเป็นงานซ่อมแซมทั่วไป สว่านที่ใช้แบตเตอรี่แรงดัน 18 - 20 โวลต์ ก็ส่งกำลังแรงเจาะกระแทกได้เพียงพอแล้วสำหรับงานช่างปูน ช่างเหล็ก และช่างไม้

ในส่วนของอัตรากันกระแทกของสว่านไร้สายถือเป็นคุณสมบัติสำคัญในการเจาะกะเทาะสำหรับพื้นผิววัสดุแข็ง เช่น ปูน หิน อิฐ โดยอัตราการเจาะกระแทกที่เหมาะสมสำหรับงานช่างทั่วไปควรมีอัตรา 3,000 รอบต่อนาทีขึ้นไป จึงจะทำให้ชิ้นงานเจาะมีรอยเจาะที่เรียบเนียนไม่แตกกะเทาะ