10 สีอะคริลิค ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 สีสวยชัด เม็ดสีแน่น

ปัจจุบันสีอะคริลิคมีหลายยี่ห้อและหลายเกรดให้เลือกใช้งาน โดยจะมีคุณภาพเนื้อสีที่ต่างกันไป ซึ่งจะส่งผลต่อระดับราคาและความสวยงามในการใช้งานด้วย อันดับแรกจึงขอแนะนำให้เลือกเกรดสีอะคริลิคให้เหมาะสมกับระดับความชำนาญของตนเองจะดีที่สุด

โดยทั่วไปแล้ว สีอะคริลิคจะใช้ระยะเวลาประมาณ 10 - 30 นาที เพื่อให้สีแห้ง ซึ่งความเร็วและช้าในการแห้งตัวของสีก็จะมีข้อดีและข้อเสียที่ต่างกันไป โดยสีอะคริลิคที่แห้งไวจะมีข้อดีคือชิ้นงานศิลปะไม่เลอะได้ง่าย แต่ก็มีข้อเสียตรงที่แก้ไขจุดผิดพลาดบนชิ้นงานได้ยาก ส่วนสีอะคริลิคที่แห้งช้าจะมีความเสี่ยงที่จะเลอะได้ง่าย แต่ในทางกลับกันจะมีข้อดีคือผู้ใช้งานสามารถแก้ไขจุดผิดพลาดหรือเติมแต่งงานภายหลังได้

ทั้งนี้ การแห้งไวหรือช้าของสีอะคริลิคก็จะขึ้นอยู่กับพื้นผิวของวัสดุที่ใช้งานด้วยเช่นกัน ซึ่งวัสดุกระดาษจะแห้งได้ไวที่สุด รองลงมาก็คือเซรามิก หรือแก้วต่าง ๆ ส่วนผ้านั้นจะแห้งช้าที่สุดเนื่องจากวัสดุผ้านั้นจะมีความชื้นอยู่ ดังนั้น ผู้ใช้งานควรพิจารณาถึงวัสดุของชิ้นงานก่อนจะเลือกสูตรสีอะคริลิคด้วย เช่น หากเป็นวัสดุที่เสี่ยงต่อการเลอะและแห้งช้า เช่น ผ้า ก็ควรเลือกสูตรแห้งไว ส่วนงานเซรามิกที่ต้องการความประณีตและเสี่ยงต่อความผิดพลาดสูงก็อาจจะเลือกสูตรแห้งช้าเพื่อให้สามารถแก้ไขงานได้กรณีผิดพลาด เป็นต้น

ค่าความหนืดของสีอะคริลิคจะเป็นตัวบ่งบอกได้ว่าเนื้อสีของสีอะคริลิคยี่ห้อนั้น ๆ มีลักษณะแบบใดและเหมาะกับพื้นผิวแบบไหน โดยสีอะคริลิคที่มีค่าความหนืดสูงจะมีเนื้อสีที่เข้มข้นและแน่นมากจนใกล้เคียงกับสีน้ำมัน ซึ่งสามารถช่วยสร้างองค์ประกอบให้งานศิลปะดูมีมิติสมจริงมากขึ้น ติดทนนาน และมักจะคงรูปไว้ได้ดีเมื่อสีแห้ง แต่ก็จะเกลี่ยได้ค่อนข้างยาก จึงเหมาะกับผู้ที่ชำนาญการใช้สีอะคริลิคแล้วในระดับนึงและเหมาะอย่างยิ่งกับผลงานมืออาชีพ 

ส่วนสีอะคริลิคที่มีค่าความหนืดปานกลาง จะมีเนื้อที่นุ่มและเกลี่ยได้ง่ายง่าย เหมาะกับการใช้เก็บรายละเอียดปลีกย่อยของรูปภาพและการใช้งานศิลปะทั่ว ๆ ไปที่ไม่ต้องการความสมจริงมาก และสีอะคริลิคที่มีค่าความหนืดต่ำจะมีเนื้อสีที่ค่อนข้างเหลวและเกาะติดกับพื้นผิวค่อนข้างยาก จะมีความลื่นเวลาระบาย ซึ่งโดยส่วนมากจะเหมาะกับงานเคลือบผิวมากกว่า 

นอกเหนือจากความหนืดแล้วสีอะคริลิคบางยี่ห้อยังมีคุณสมบัติทนแดดเพื่อป้องกันงานศิลปะเกิดการซีดจาง ซึ่งจะมีระดับความคงทนต่อแสงสูง เหมาะกับงานที่ต้องเผชิญกับแสงแดด เช่น งานเซรามิค แก้ว หรือไม้ที่อยู่นอกอาหาร โดยแต่ละยี่ห้อมักจะมีค่าระดับความคงทนต่อแสง (ค่า Lightfastness หรือ ASTM) ระบุเอาไว้บนฉลาก แต่ยิ่งมีความคงทนต่อแสงมาก ก็จะยิ่งมีราคาสูง

ปัจจุบันสีอะคริลิคยังสามารถจำแนกออกได้ตามลักษณะบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ ซึ่งจะมีให้เลือกทั้งแบบหลอดและแบบขวด โดยสีทุกชนิดจะมีเนื้อสีและคุณสมบัติของสีที่เหมือนกันทุกประการ เพียงแต่จะต่างกันในเรื่องของปริมาณและราคาเท่านั้น  

สำหรับสีอะคริลิคแบบขวดนั้นส่วนใหญ่จะมีปริมาณมากโดยมีทั้งขวดแก้วและขวดพลาสติก เหมาะกับการใช้งานสำหรับงานศิลปะขนาดใหญ่หรือคนที่ทำงานศิลปะบ่อย ๆ เพราะค่อนข้างคุ้มค่าในการใช้งาน ไม่ต้องซื้อสีใหม่บ่อย ๆ แม้ราคาจะสูงแต่เทียบกับปริมาณที่ได้ก็จะคุ้มกว่าการใช้แบบหลอด 

ส่วนสีอะคริลิคแบบหลอดจะมีขนาดที่เล็กและราคาย่อมเยากว่า อีกทั้งยังสามารถพกพาไปไหนมาไหนได้สะดวก ซึ่งจะเหมาะกับคนที่วาดเป็นงานอดิเรกมากกว่า เพียงแต่แบบหลอดจะมีข้อเสียตรงที่ถ้าปิดฝาไม่สนิทก็จะทำให้สีนั้นแห้งจนเสียคุณภาพหรือไม่สามารถใช้งานได้ 

คุณสมบัติที่สำคัญของสีอะคริลิคเมื่อเทียบกับสีน้ำมันก็คือคุณสมบัติไร้กลิ่นและยังปราศจากสารเคมีอันตราย ทำให้ปลอดภัยต่อผู้ใช้งานมากในระดับนึง เนื่องจากสีชนิดอื่น ๆ อาจจะมีการปนเปื้อนของโลหะหนัก ซึ่งส่งผลเสียต่อร่างกายของผู้ที่อยู่ใกล้หรือสัมผัส อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัยในการใช้งานมากที่สุด ควรเลือกซื้อสีอะคริลิคของแท้จากแบรนด์มาตรฐาน เพื่อให้มั่นใจว่ายี่ห้อนั้นจะสามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย เช่น ระบุชัดเจนว่ามีการรับรองมาตรฐานระดับสากล หรือระบุเป็นสูตรปลอดสารพิษ (Non-Toxic) เป็นต้น

ปัจจุบันมีสีอะคริลิคหลายยี่ห้อที่มีการเพิ่มคุณสมบัติด้านปลอดสารพิษเข้าไปด้วย ซึ่งผลิตมาสำหรับการใช้งานบนเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายโดยเฉพาะเพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน รวมทั้งยังมีสีอะคริลิคสูตรสำหรับเด็กหลายยี่ห้อให้เลือกใช้ด้วย