10 สีทาบ้าน ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 สีทาภายนอก ภายใน

ปัจจัยสำคัญเป็นลำดับแรก ๆ ในการเลือกสีทาภายนอกก็คือ "ความทนทาน" เพราะจะเป็นเกราะป้องกันแรกของพื้นผิวบ้านที่ต้องสัมผัสกับสิ่งแวดล้อมภายนอก ไม่ว่าจะเป็นความร้อน ฝน ลม แดดที่มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ โดยปัจจัยเหล่านี้มักจะทำให้ตัวบ้านทรุดโทรมได้ง่าย จึงขอแนะนำให้เลือกสีทาบ้านภายนอกที่เป็นสีอะคริลิกแท้ 100% เพราะเป็นสีที่มีคุณภาพสูง ทนทานต่อการขัดถูหรือการกัดกร่อนจากทุกสภาพอากาศได้ดีที่สุด ยึดเกาะแน่นและไม่หลุดลอกง่าย ซึ่งสีอะคริลิกแท้ 100% จะสามารถใช้งานได้ทั้งบริเวณผนังและหลังคาบ้านที่เป็นพื้นผิวปูนหรือคอนกรีต ซึ่งบ้านและอาคารในปัจจุบันจะเป็นพื้นผิวประเภทนี้เป็นอยู่แล้ว แต่หากเป็นพื้นผิวไม้หรือไฟเบอร์ซีเมนต์จะต้องใช้สีประเภทอื่นแทน

โดยปกติแล้วการวัดความหนาแน่นของสีนั้นจะวัดเป็นหน่วยไมครอน แต่สำหรับสีทาบ้านทั่วไปจะไม่มีการวัดด้วยหน่วยดังกล่าว จึงต้องมีการสังเกตดูความเข้มข้นหรือความสดของเนื้อสีตามเฉดสีที่เลือก ซึ่งในทางภาษาช่างจะเรียกกันว่าให้ "ดูความขึ้นของเนื้อสี" ว่าตรงตามเฉดสีที่ระบุเอาไว้หรือไม่ โดยสีที่มีความขึ้นดีจะต้องทาเพียงไม่กี่รอบก็เห็นความชัดเจน หากสีทาบ้านดังกล่าวต้องทาหลายรอบกว่าจะได้สีที่ตรงตามต้องการนั้นย่อมจะหมายถึงสีที่ไม่มีความเข้มข้นมากพอ 

สีทาบ้านภายนอกที่ดีควรจะมีคุณสมบัติที่ช่วยสะท้อนความร้อนจากแสง UV ที่มากระทบบนพื้นผิวของตัวบ้านด้วย เพราะความร้อนเป็นสาเหตุทำให้อุณหภูมิภายในบ้านสูงขึ้น โดยสีที่มีคุณสมบัติดังกล่าวจะต้องมีส่วนประกอบของสารไมโครสเฟียร์เซรามิกหรือเซรามิกคูลลิ่ง (Ceramic Cooling) ซึ่งเป็นเซรามิกพิเศษที่ช่วยในเรื่องของการทนทานต่อความร้อน 

ทั้งนี้ การใส่ปริมาณของสารช่วยสะท้อนความร้อนในแต่ละยี่ห้ออาจจะมีมากน้อยไม่เท่ากัน ซึ่งจะขึ้นอยู่กับคุณภาพและราคาของสีแต่ละยี่ห้อ โดยหากมีการใส่ปริมาณของสารไมโครสเฟียร์เซรามิกที่สูงก็จะยิ่งมีราคาที่สูงขึ้นด้วยเช่นกัน 

โดยส่วนใหญ่แล้วสารช่วยสะท้อนความร้อนจะไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้ ถึงแม้ว่าจะยังมีปรอทและตะกั่ว แต่ทางมอก. ก็ได้กำหนดว่าไม่ให้มีปรอทเกิน 0.05% ในขณะที่ตะกั่วไม่เกิน 0.06% ดังนั้น ผู้ใช้งานจึงสามารถไว้ใจความปลอดภัยได้หากเลือกสีทาบ้านที่ผ่านมาตรฐานการรับรองจากมอก.

การเลือกเฉดสีสำหรับทาภายนอกนั้นสามารถเลือกได้ตามความชื่นชอบหรือรสนิยมส่วนตัวของเจ้าของบ้านหรือผู้อยู่อาศัย แต่สีที่เลือกควรจะเป็นเฉดสีที่ไม่ซีดจางได้ง่าย เพราะจะยิ่งทำให้บ้านดูเก่าหรือดูโทรมได้เร็วขึ้นเมื่อระยะเวลาผ่านไป นอกจากนี้ ควรจะเลือกเป็นสีพื้น เช่น สีขาว สีครีม สีเทาอ่อน รวมถึงสีโทนเย็นที่ไม่ดูฉูดฉาดเกินไป เช่น สีฟ้า สีครีม สีเบจ สีเขียวอ่อน และสีเหลืองอ่อน เป็นต้น เพราะเป็นโทนสีที่จะช่วยให้บ้านของคุณนั้นดูสบายตา ให้ความรู้สึกเย็นสบาย ช่วยเสริมให้บ้านดูร่มรื่น และที่สำคัญ สีโทนเย็นจะช่วยลดการสะสมความร้อนอีกด้วย

การเลือกเฉดสีสำหรับสีทาบ้านภายในนั้นสามารถเลือกได้ตามความชื่นชอบหรือสไตล์ที่เจ้าของบ้านต้องการ รวมทั้งควรเลือกให้เข้ากับสีของเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านด้วย เพื่อให้รู้สึกว่าบ้านน่าอยู่มากขึ้น

สำหรับคนที่ต้องการบรรยากาศในบ้านที่ดูสบาย ๆ ขอแนะนำให้เลือกสีโทนเย็น เช่น สีขาว สีขาวควันบุหรี่ สีเหลืองอ่อน สีเขียวอ่อน หรือสีฟ้า เป็นต้น ที่ถึงแม้จะดูเป็นสีเรียบ ๆ แต่ก็ให้ความสบายตา ให้บรรยากาศที่สงบร่มเย็น แต่หากใครต้องการบรรยากาศบางส่วนของบ้านหรือห้องให้มีพลัง ให้ความรู้สึกกระฉับกระเฉง ตื่นตัวและดูมีสีสัน ก็สามารถเลือกสีโทนร้อน เช่น สีเหลือง สีชมพู สีส้มและสีแดงตามเฉดที่ต้องการได้เช่นกัน

อีกวิธีหนึ่งที่เป็นที่นิยมในการเลือกสีทาภายในคือ การเลือกสีให้เข้ากับเฟอร์นิเจอร์ โดยสามารถเลือกสีห้องเป็นสีเดียวหรือโทนเดียวกับเฟอร์นิเจอร์ จะทำให้เกิดความสบายตาเนื่องจากเป็นสีที่คุมโทนและกลมกลืนกัน หรือสามารถเลือกเป็นสีคู่ตรงข้ามก็จะทำให้ห้องดูโดดเด่นได้เช่นกัน

สีทาบ้านมักจะประกอบไปด้วยสารเคมีที่อาจจะก่อให้เกิดอันตรายหากมีการสูดดมเข้าไปสะสมอยู่ภายในร่างกายเป็นระยะเวลานาน ๆ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัยภายในบ้าน ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าสีทาบ้านยี่ห้อนั้นใช้สารเคมีที่เป็นมิตรและปลอดภัยจากธรรมชาติ ไม่มีส่วนผสมจากสารตะกั่ว ปรอทและโลหะหนัก รวมถึงปราศจากสารระเหยจากสารเคมี (Low VOCs) ไม่เป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ หรือจะเลือกที่เป็นสารอินทรีย์ธรรมชาติเลยก็ได้ ซึ่งปัจจุบันนี้ก็มีสีทาบ้านหลายยี่ห้อที่หันมาเลือกใช้ส่วนผสมที่มาจากธรรมชาติหรือเป็นมิตรต่อธรรมชาติมากขึ้น หรือมีการใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น ดูดซับสารฟอลมัลดีไฮด์และสารระเหย ทำให้อากาศในบ้านสะอาดสดชื่น

สารเคมีบางอย่างที่ใช้ป้องกันเชื้อราและแบคทีเรียอาจจะมีการใช้สารระเหยที่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตได้ แต่ปัจจุบันมีสีทาภายในหลายยี่ห้อได้ลดการใช้สารระเหยอันตรายลงไป แต่จะมีราคาที่ค่อนข้างสูง จึงขอแนะนำว่าอาจจะเลือกใช้สีประเภทนี้ในบริเวณบ้านที่คนในครอบครัวมีการใช้งานบ่อย ๆ หรือต้องใช้เวลานาน เช่น ห้องนอน ห้องนั่งเล่น หรือห้องครัว เพื่อช่วยประหยัดค่าสีได้มากขึ้น