40 น้ำยาบ้วนปาก ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 ผสมฟลูออไรด์ ลดกลิ่นปาก

คนที่มีปัญหากลิ่นปากและต้องการเสริมความมั่นใจในระหว่างวัน ควรเลือกน้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของสารกำจัดแบคทีเรีย เพราะแบคทีเรียเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดกลิ่นปาก โดยมักจะเป็นสูตรที่มีส่วนผสมของสารทำความสะอาดเพื่อลดการสะสมของสิ่งสกปรกในช่องปากหรือตามซอกฟัน โดยจะช่วยยับยั้งการเติบโตของแบคทีเรียและขจัดคราบบนผิวฟัน ซึ่งสารที่แนะนำ ได้แก่ สาร Cetylpyridinium Chloride (CPC) หรือ ซิงค์ (Zinc)

นอกจากนี้ ยังมีสูตรที่มีสารจำพวกเกลือ เช่น Sodium Bicarbonate หรือ Calcium Carbonate ที่จะช่วยลดการอักเสบของเหงือกและปรับสมดุลของ pH ในช่องปากให้มีความเป็นกลางมากขึ้น รวมถึงสารในกลุ่มสมุนไพรหรือสารสกัดจากธรรมชาติ ที่สามารถออกฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียและลดการอักเสบได้

คราบหินปูนที่เกาะอยู่บนผิวฟันนั้นมาจากการสะสมของคราบจุลินทรีย์ ซึ่งในการแปรงฟันปกติอาจกำจัดคราบเหล่านี้ได้ไม่หมด ดังนั้น คนที่มีปัญหาคราบหินปูนจึงสามารถเลือกใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของสารทำความสะอาด เช่น 

1. อีรีทรีทอล (Erythritol) 
2. เตตระโซเดียม ไพโรฟอสเฟต (Tetra Sodium Pyrophosphate) 
3. คลอเฮกซิดีน (Chlorhexidine) 

โดยสารในกลุ่มนี้จะช่วยกำจัดเชื้อจุลินทรีย์ที่สะสมจนเป็นคราบพลัคหรือหินปูนให้หลุดออกไปได้ พร้อมเคลือบฟันเพื่อป้องกันการสะสมของคราบ รวมทั้งยังช่วยรักษาโรคปริทันต์อักเสบได้ ทั้งนี้ การเลือกน้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมในกลุ่มนี้ ควรเลือกสูตรที่มีปริมาณเหมาะสม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย และเพื่อสุขอนามัยที่ดีของช่องปาก แนะนำให้ขูดหินปูนโดยทันตแพทย์ ปีละ 2 ครั้ง หรือทุก ๆ 6 เดือน เพื่อกำจัดคราบหินปูนที่สะสมอยู่ทั้งบริเวณผิวฟันและซอกฟัน

ผู้ที่มีอาการอักเสบของเหงือกจนทำให้รู้สึกปวดฟันก็สามารถใช้น้ำยาบ้วนปากเพื่อบรรเทาอาการได้ โดยแนะนำให้เลือกสูตรที่มีส่วนผสมของสารคลอร์เฮกซิดีน (Chlorhexidine) เป็นหลัก ซึ่งเป็นสารที่ช่วยลดการอักเสบตั้งแต่ระยะธรรมดาไปจนถึงระยะรุนแรง โดยเป็นสารที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อจุลินทรีย์และรักษาการติดเชื้อในช่องปาก จึงลดการอักเสบของเหงือกจากการสะสมคราบจุลินทรีย์จนทำให้เหงือกบวมได้

นอกจากนี้ ยังมีสูตรที่มีสารจำพวกเกลือ เช่น Sodium Bicarbonate หรือ Calcium Carbonate ที่จะช่วยลดการอักเสบของเหงือกและปรับสมดุลของ pH ในช่องปากให้มีความเป็นกลางมากขึ้น รวมถึงสารในกลุ่มสมุนไพรหรือสารสกัดจากธรรมชาติ ที่สามารถออกฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียและลดการอักเสบได้

ทั้งนี้ การใช้น้ำยาบ้วนปากเพื่อลดปัญหาเหงือกอักเสบจะบรรเทาอาการอักเสบได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น ผู้ที่เป็นเหงือกอักเสบควรพบทันตแพทย์เพื่อทำการรักษาอย่างเหมาะสม ไม่ควรปล่อยทิ้งเอาไว้ เพราะอาจจะอักเสบหนักและลุกลามจนถึงรากฟันได้

การมีเครื่องมือจัดฟันในช่องปากอาจทำให้การทำความสะอาดฟันไม่ทั่วถึง โดยเฉพาะในซอกฟันที่อยู่ลึก ทำให้เกิดการสะสมของคราบหินปูนและสิ่งสกปรก ทั้งยังเสี่ยงต่อปัญหาเหงือกอักเสบและฟันผุได้ง่าย จึงแนะนำให้คนจัดฟันใช้น้ำยาบ้วนปากเป็นผลิตภัณฑ์เสริมจากการแปรงฟันด้วย โดยผู้ที่จัดฟันอาจต้องใช้น้ำยาบ้วนปากบ่อยและถี่กว่าคนทั่วไป

คนจัดฟันควรเลือกสูตรที่ถูกออกแบบมาเพื่อคนจัดฟันโดยเฉพาะ ซึ่งสูตรเหล่านี้มักจะมีสาร CPC ที่เป็นสารกำจัดแบคทีเรียที่เหมาะสม อีกทั้งยังมีฟลูออไรด์ในสัดส่วนที่เพียงพอสำหรับคนจัดฟัน รวมไปถึงสารชนิดอื่น ๆ ที่จะช่วยปรับสมดุลภายในช่องปาก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการสะสมของแบคทีเรียที่ไม่ดี นอกจากนี้ น้ำยาบ้วนปากสูตรสำหรับคนจัดฟันยังมักจะปราศจากส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองช่องปาก เช่น แอลกอฮอล์

การดูแลช่องปากทั่วไปจะเน้นป้องกันฟันผุเป็นพื้นฐาน เพราะฟันผุเป็นสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพช่องปากอื่น ๆ ตามมา จึงขอแนะนำให้เลือกน้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์เพื่อช่วยให้โครงสร้างฟันมีความแข็งแรง ไม่ถูกกัดกร่อนจากกรดได้ง่าย ส่งผลให้เกิดฟันผุได้น้อยลง

สำหรับปริมาณของฟลูออไรด์ในน้ำยาบ้วนปากที่เพียงพอต่อการป้องกันฟันผุจะอยู่ที่ 225 ppm เพราะส่วนใหญ่แล้วคนเราจะได้รับฟลูออไรด์เคลือบฟันจากยาสีฟันด้วยอยู่แล้ว จึงไม่ได้ต้องการปริมาณที่สูงเกินไป เพราะจะเสี่ยงต่อโรคฟันตกกระ (Fluorosis) หรือทำให้ฟันมีแถบหรือจุดสีขาว สีเหลืองเข้ม หรือสีน้ำตาลเข้มได้ โดยแนะนำให้อมหรือเคลือบอยู่ในปากเพียง 1 - 2 นาที ก็จะเสริมฟลูออไรด์ให้กับฟันได้

ทั้งนี้ ควรระมัดระวังการใช้น้ำยาบ้วนปากในเด็ก เนื่องจากสมาคมทันตกรรมเด็กแห่งประเทศไทยได้ระบุไว้ว่าในเด็กอายุต่ำกว่า 6 ขวบ หากไม่มีปัญหาฟันผุควรเสริมฟลูออไรด์ไม่เกิน 1,000 ppm ส่วนเด็กที่ฟันผุไม่ควรเกิน 1,500 ppm ซึ่งถ้ายาสีฟันที่ใช้อยู่นั้นมีฟลูออไรด์เพียงพอแล้วก็ไม่ควรใช้น้ำยาบ้วนปากเพิ่ม