10 รองเท้าวิ่งผู้ชาย แนะนํา ปี 2025 แบรนด์ดัง รุ่นยอดนิยม

การเลือกรองเท้าวิ่งที่ซัพพอร์ตเท้า สำหรับการวิ่งออกกำลังกายทั่วไปหรือวิ่งในฟิตเนส ควรเลือกรองเท้าที่มีน้ำหนักเบา กระชับและซัพพอร์ตเท้าได้ดี ซึ่งรองเท้าสำหรับวิ่งบนลู่ในฟิตเนสกับรองเท้าวิ่งทั่วไปจะมีคุณสมบัติเหมือนกัน จึงสามารถใช้ด้วยกันได้ แต่รองเท้าวิ่งจะมีส่วนหน้าผ้าหรือที่เรียกว่า Upper เป็นส่วนสำคัญที่จะให้ผู้สวมใส่รู้สึกสบาย กระชับ รวมไปถึงช่วยระบายอากาศ ซึ่งจะมีด้วยกัน 2 ชนิด ดังนี้ 

● Mesh Upper เป็น Upper ชนิดที่ทำจากใยสังเคราะห์ ซึ่งจะให้ความกระชับ บางเบาและระบายอากาศได้ดี แต่มีข้อเสียคือมีความบางเบามากจนส่งผลให้ความทนทานในการใช้งานน้อยตามไปด้วย เหมาะกับการวิ่งที่เน้นทำความเร็ว เพราะจะมีความบางเบาและระบายอากาศที่ดีกว่า
● Knit Upper เป็น Upper ที่ทำจากเส้นด้ายถักขึ้นรูป จึงให้ความรู้สึกสวมใส่สบาย มีความยืดหยุ่น แต่น้ำหนักอาจจะมากกว่าแบบ Mesh Upper เล็กน้อย เหมาะสำหรับวิ่งบนลู่ที่มีลักษณะการวิ่งเป็นแนวตรง เท้าไม่ได้มีการขยับในการเลี้ยวซ้ายขวามากนักและอยู่ในห้องแอร์ที่จะทำให้เหงื่อออกน้อยกว่าเมื่อเทียบกับการวิ่งกลางแจ้ง

แต่ถ้าหากต้องการรองเท้าวิ่งสำหรับวิ่งบนถนนหรือกลางแจ้ง สามารถเลือก Upper ได้ทั้ง 2 ชนิด โดยอาจจะพิจารณาว่าชื่นชอบหรือต้องการแบบไหน เช่น สวมใส่สบาย ยืดหยุ่น หรือต้องการการระบายอากาศที่ดีและมีความกระชับที่มากขึ้น โดยหากเน้นการสวมใส่สบาย อาจจะเลือก Knit ที่มีความยืดหยุ่นสูงกว่า ทั้งนี้ขึ้นก็อยู่กับความพอใจของผู้สวมใส่เป็นหลัก

รองเท้าสำหรับการวิ่งออกกำลังกายทั่วไป กลางแจ้ง หรือในฟิตเนส จะมีพื้นรองเท้าหรือ Outsole ลักษณะไม่ต่างกัน โดยจะทำหน้าที่ช่วยรองรับแรงกระแทกขณะวิ่ง ทั้งยังเป็นส่วนที่สัมผัสกับพื้นผิวที่วิ่งโดยตรง ปัจจุบัน Outsole ผลิตจากวัสดุที่มีส่วนผสมของยางเป็นหลัก เพราะจะให้ความทนทาน ยึดเกาะพื้นผิวได้ดีและยังมีน้ำหนักเบา นอกจากนี้ บางรุ่นยังมีดอกยางอีกด้วย ซึ่งการเลือกรองเท้าสำหรับการวิ่งทั่วไปหรือบนลู่วิ่งที่มีพื้นผิวเรียบเป็นหลัก ขอแนะนำว่าควรเลือกพื้นรองเท้าที่มียางพาราเป็นส่วนผสม เพื่อจะได้ยึดเกาะพื้นได้ดี รวมทั้งต้องมีดอกยางที่ไม่ตื้นหรือลึกจนเกินไป

อีกส่วนสำคัญในการเลือกซื้อรองเท้าสำหรับการวิ่งออกกำลังกายทั่วไป วิ่งในสวน หรือฟิตเนส นั้นก็คือส่วนพื้นรองเท้าชั้นกลางหรือ Midsole ซึ่งเป็นส่วนที่เป็นโฟมที่อยู่ด้านในรองเท้า มีหน้าที่หลักในการรองรับแรงกระแทกขณะที่วิ่ง โดยจะใช้โฟมเป็นวัสดุหลักของชั้น Midsole ในปัจจุบัน Midsole จะมีทั้งที่เป็นโฟมมาตรฐาน ซึ่งเป็นโฟมที่ใช้ทั่วไปสำหรับรองเท้าวิ่ง และโฟมสังเคราะห์พิเศษที่แต่ละแบรนด์จะมีอัตราส่วนผสมและการขึ้นรูป Midsole ที่แตกต่างกันออกไป จึงให้ความนุ่มหรือความดีดเด้งที่แตกต่างกันออกไปด้วย 

นอกจากนี้ ลักษณะของ Midsole ก็ยังมีความเหมาะสมในการนำไปใช้งานที่แตกต่างกันด้วย ยกตัวอย่าง เช่น Midsole ที่มีลักษณะแบนราบไปกับพื้นและมีความหนาไม่มาก เหมาะกับการเล่น Weight Training หรือ Combat Training ที่ต้องการความมั่นคง หรือการทรงตัวเป็นหลัก ส่วนของ Midsole ที่มีลักษณะโค้ง มีความหนาเพื่อรองรับการกระแทกและดีดเด้งไม่ยวบ จะเหมาะกับการวิ่งทั่วไป เพราะจะรองรับกับองศาเท้าในการวิ่งได้ดีกว่าแบบแบนราบ

ผู้ที่มีปัญหาฝ่าเท้า ไม่ว่าจะเป็นเท้าแบน หน้าเท้ากว้าง หรือฝ่าเท้าโค้งเว้าสามารถเลือกสวมใส่รองเท้าได้ทุกรูปแบบ แต่หากสวมใส่ไม่สบาย ไม่กระชับ หรือรู้สึกว่าซัพพอร์ตเท้าได้ไม่ดีก็สามารถแก้ได้โดยการใช้แผ่นรองหรือที่เรียกว่า Insole โดยจะมีลักษณะเป็นแผ่นเจลหรือแผ่นโฟมที่จะถูกสั่งตัดเป็นพิเศษสำหรับผู้สวมใส่แต่ละคนโดยเฉพาะ เพราะปัญหาฝ่าเท้าของแต่ละบุคคล ถึงแม้จะเป็นปัญหาเดียวกัน แต่องศาหรือความโค้งเว้าของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากันอย่างแน่นอน ดังนั้นสำหรับผู้ที่มีปัญหาเหล่านี้จึงขอแนะนำให้เลือกใช้ Insole เพื่อให้รองเท้าสามารถที่จะซัพพอร์ตผู้สวมใส่ได้ดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันจะมีรองเท้าวิ่งบางรุ่นที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อแก้ปัญหาสำหรับคนที่มีหน้าเท้ากว้าง โดยในส่วนส้นเท้านั้นจะมีขนาดปกติตามมาตรฐานแต่จะมีเพียงบริเวณด้านหน้าเท้าเท่านั้นที่จะถูกออกแบบมาให้มีความกว้างมากขึ้นกว่าปกติ เพื่อให้ผู้ที่มีปัญหาหน้าเท้ากว้าง สวมใส่รองเท้าได้สบาย ไม่รัดแน่นจนเกินไป ซึ่งรุ่นเหล่านี้จะระบุไว้ชัดเจนว่าเป็นรุ่นหน้ากว้างพิเศษ

โดยหลัก ๆ แล้ว การเลือกรองเท้าสำหรับนักวิ่งแข่งนั้น มักจะคำนึงถึงน้ำหนักของรองเท้าด้วย เพราะน้ำหนักของรองเท้าที่มากขึ้น ก็เหมือนนักวิ่งต้องแบกน้ำหนักในการวิ่งเพิ่มขึ้นด้วย ยิ่งในการวิ่งแข่งที่มีระยะทางค่อนข้างยาว อย่างการวิ่งมาราธอนที่จะเห็นผลได้ชัดเจนในช่วงท้ายของการวิ่ง เพราะร่างกายจะมีความเหนื่อยสะสม ทั้งยังต้องแบกรับน้ำหนักรองเท้าที่มากขึ้นอีก ซึ่งจะส่งผลให้ประสิทธิภาพการวิ่งลดลงอย่างแน่นอน

น้ำหนักของรองเท้าสำหรับวิ่ง ควรมีน้ำหนักประมาณ 200 กรัมต่อข้าง หรือประมาณ 400 กรัมต่อคู่ เพราะหากเบากว่านี้ ก็จะส่งผลให้คุณภาพวัสดุของรองเท้าถูกลดลงด้วย กล่าวคือความทนทานหรือการซัพพอร์ตต่าง ๆ ของรองเท้าก็จะลดลงไปด้วย แต่ก็จะมีรองเท้าวิ่งที่เน้นความเร็วระยะสั้นเป็นหลักที่อาจจะมีน้ำหนักเบากว่านั้น หรือเพียงประมาณ 180 - 190 กรัมต่อข้าง โดยทั่วไปแล้ว น้ำหนักของรองเท้านั้น จะขึ้นอยู่กับวัสดุของรองเท้า เช่น วัสดุ Midsole, Upper และ Outsole เป็นต้น ซึ่งวัสดุที่เหมาะสมสำหรับรองเท้าวิ่ง ควรเป็นวัสดุสังเคราะห์ เช่น Upper แบบ Mesh เป็นต้น

ปัจจุบันมีเทคโนโลยีของรองเท้าวิ่งที่ช่วยในเรื่องของความเร็ว เช่น Upper ที่เป็นแบบ Engineer Mesh ที่มีความบางและมีน้ำหนักเบาพิเศษ หรือเทคโนโลยีในส่วนของ Midsole ที่นอกจากจะนิ่ม  สวมใส่สบาย ช่วยรองรับแรงกระแทกและซัพพอร์ตเท้าแล้ว ยังมีการเพิ่มแผ่นคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบาที่จะช่วยเพิ่มการดีดเด้งคืนแรง จึงทำให้ประสิทธิภาพของการวิ่งดีขึ้น 

กล่าวคือ เมื่อเทียบในระยะทางที่เท่ากัน หากรองเท้ามีแผ่นคาร์บอนที่ช่วยในเรื่องการดีดเด้งคืนตัว นักวิ่งจะใช้แรงในการวิ่งน้อยกว่า เมื่อเทียบกับการสวมใส่รองเท้าวิ่งทั่วไป และนอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยีในการขึ้นรูปโฟมของ Midsole ด้วยเทคนิคต่าง ๆ ที่จะทำให้ Midsole มีคุณสมบัติพิเศษที่จะช่วยส่งเสริมการวิ่งของนักวิ่งด้วย