10 ถุงมือยางทางการแพทย์ ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 ถุงมือแพทย์

ก่อนเลือกใช้ถุงมือยางทางการแพทย์ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าถุงมือนั้นได้รับการรับรองมาตรฐาน เช่น ISO 13485, CE หรือ มอก. เนื่องจากถุงมือแพทย์หรือถุงมือยางอนามัยที่ได้รับการรับรองเหล่านี้ จะผ่านการควบคุมเรื่องความสะอาด ความปลอดภัย และคุณภาพการผลิตอย่างเข้มงวด นอกจากนี้ ถุงมือตรวจโรคที่ได้มาตรฐานยังใช้งานในสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงสูงได้อย่างมั่นใจ เช่น การสัมผัสเลือดหรือสารคัดหลั่งจากผู้ป่วย

ดังนั้น การดูเครื่องหมายรับรองบนบรรจุภัณฑ์ก่อนซื้อ จึงช่วยลดความเสี่ยงจากเชื้อโรคหรือสารปนเปื้อน และเพิ่มความปลอดภัยทั้งของผู้ใช้และผู้ป่วย ไม่ว่าจะเป็นในโรงพยาบาล คลินิก หรือแม้แต่การใช้งานในบ้านทั่วไป

การเลือกวัสดุของถุงมือยางทางการแพทย์ควรพิจารณาตามวัตถุประสงค์การใช้งาน ระดับความเสี่ยงต่อการแพ้ และความปลอดภัยเป็นหลัก โดยเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสมได้ตามลักษณะงานที่ต้องการได้ ดังนี้

• ถุงมือยาง ผลิตจากน้ำยางธรรมชาติ มีความยืดหยุ่นสูง และช่วยให้สวมใส่กระชับมือ เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำและสัมผัสที่ดี แต่อาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีอาการแพ้โปรตีนจากยางธรรมชาติ

• ถุงมือไนไตร ผลิตจากยางสังเคราะห์ที่มีความทนทานต่อสารเคมีและแรงฉีกขาดได้ดี ทั้งยังปราศจากโปรตีนจากยางธรรมชาติ จึงเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางหรือมีประวัติแพ้ลาเทกซ์
• ถุงมือไวนิล ผลิตจากพลาสติก PVC มีราคาย่อมเยา เหมาะสำหรับงานทั่วไปที่ไม่เน้นความเสี่ยงสูง เช่น การทำความสะอาดหรือการเตรียมอาหาร

การเลือกขนาดถุงมือให้เหมาะกับมือของผู้ใช้เป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นถุงมือแพทย์ทั่วไปหรือถุงมือยางแบบยาว เนื่องจากหากสวมได้พอดีมือจะช่วยให้ขยับนิ้วได้สะดวก ลดความเมื่อยล้าระหว่างทำงาน และช่วยป้องกันการฉีกขาดได้ดี โดยเฉพาะเมื่อต้องใช้งานต่อเนื่องเป็นเวลานาน

ในทางกลับกัน ถุงมือที่เล็กเกินไปอาจรู้สึกแน่น ใส่ไม่สบาย และอาจทำให้ขาดได้ง่าย ส่วนถุงมือที่หลวมเกินไปอาจหลุดระหว่างใช้งาน หรือทำให้การสัมผัสไม่แม่นยำ ซึ่งเป็นข้อเสียสำหรับงานที่ต้องการความละเอียด เช่น การตรวจร่างกายหรือการผ่าตัด ดังนั้น ควรเลือกขนาดถุงมือให้ตรงตามคำแนะนำของผู้ผลิต หรือทดลองสวมใส่ก่อนใช้งานจริง เพื่อให้มั่นใจว่าถุงมือที่เลือกสามารถรองรับการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยสูงสุด

ผิวสัมผัสของถุงมือยางทางการแพทย์ถือเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อทั้งความสะดวกในการใช้งานและความปลอดภัย โดยควรเลือกประเภทของผิวสัมผัสให้เหมาะกับลักษณะงานที่ใช้งานจริง ดังนี้

• ถุงมือแพทย์ มีแป้ง ช่วยให้ไม่ติดกันเมื่อดึงออกจากบรรจุภัณฑ์ ทำให้สวมใส่ง่าย เหมาะสำหรับงานที่ต้องเปลี่ยนถุงมือบ่อย เช่น การตรวจผู้ป่วยทั่วไปหรือการใช้งานในคลินิก
• ถุงมือแพทย์ ไม่มีแป้ง เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางหรือแพ้ง่าย รวมถึงการใช้งานในพื้นที่ควบคุมฝุ่น เช่น ห้องผ่าตัดหรือห้องปลอดเชื้อที่ต้องการความสะอาดเป็นพิเศษ
• ถุงมือแพทย์ผิวเรียบ ให้สัมผัสที่สบาย เหมาะกับงานที่ไม่ต้องจับอุปกรณ์ลื่น เช่น การทำแผล งานเอกสาร หรือการเตรียมอุปกรณ์ทั่วไป
• ถุงมือแพทย์ผิวหยาบ มีลายหรือพื้นผิวขรุขระเล็กน้อย ช่วยให้จับของได้แน่น จึงเหมาะกับงานที่ต้องการความแม่นยำ เช่น หัตถการ งานแล็บ หรืองานที่ต้องสัมผัสของเหลว

ถุงมือยางทางการแพทย์โดยเฉพาะถุงมือผ่าตัด ควรมีความหนาและความยืดหยุ่นที่เหมาะสม เพื่อช่วยป้องกันการฉีกขาดระหว่างใช้งาน โดยถุงมือที่มีความบางจะให้สัมผัสที่ดี ทำให้เหมาะกับงานที่ต้องการความละเอียด เช่น การตรวจร่างกาย หรือการผ่าตัดที่ต้องควบคุมการเคลื่อนไหวอย่างแม่นยำ ในขณะที่ถุงมือที่มีความหนามากขึ้นจะให้ความทนทานสูงกว่า จึงเหมาะสำหรับงานที่ต้องสัมผัสของมีคมหรือสารเคมี ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการฉีกขาดหรือรั่วซึม 

ทั้งนี้ หากจำเป็นต้องใช้งานถุงมือเป็นระยะเวลานาน ควรเลือกถุงมือที่มีความหนา 5 - 6 มิลลิเมตรขึ้นไป และมีความยืดหยุ่นดี เพื่อลดความเมื่อยล้าและให้ความปลอดภัยได้สูงสุดตลอดการใช้งาน