10 มอเตอร์ไซค์เกียร์ออโต้ รุ่นไหนดี ปี 2025 ขับขี่ง่าย ประหยัดน้ำมัน

Grand Filano Hybrid ถือได้ว่าเป็นมอเตอร์ไซค์เกียร์ออโต้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีทันสมัยมากที่สุดรุ่นหนึ่งจาก YAMAHA มาพร้อมกับดีไซน์และสีสันพรีเมียมเงางาม เหมาะสำหรับขับขี่ภายในเมืองเป็นหลัก ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ BLUE CORE Hybrid 125cc ผสานพลังมอเตอร์ระบบไฟฟ้า เร่งเครื่องได้แรงและระบายความร้อนดีขึ้น

จุดเด่นอีกหนึ่งอย่างของรุ่นนี้ก็คือ มาพร้อมดิสก์เบรกหน้าที่มีระบบเบรก ABS ที่จะควบคุมแรงดันเบรกหน้าเพื่อป้องกันล้อล็อก เพิ่มความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ส่วนแผงหน้าปัดเรือนไมล์เป็นระบบดิจิทัล LCD พร้อมช่องเก็บของใต้เบาะความจุมากถึง 27 L อีกทั้งรุ่นนี้ยังสามารถเชื่อมต่อกับแอปฯ Y-Connect เพื่อตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับรถเพิ่มเติมได้ถึง 9 ฟังก์ชัน 

PCX ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกมอเตอร์ไซค์แนวบิ๊กสกู๊ตเตอร์ในไทย ซึ่งนี่คือรุ่นใหม่ล่าสุด ที่ยังคงดีไซน์ขนาดใหญ่บึกบึนดูน่าเกรงขาม เสริมด้วยแผงไฟหน้า LED ที่ออกแบบใหม่ ดูโฉบเฉี่ยวทันสมัยยิ่งขึ้น ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ eSP+ 4 วาล์ว หัวฉีด PGM-FI 4 จังหวะ ปริมาตรกระบอกสูบ 156.93 cc พร้อมถังน้ำมันความจุถึง 8.1 ขี่ได้ยาว ๆ ไม่ต้องเติมน้ำมันบ่อยครับ

สตาร์ทเครื่องง่ายด้วยกุญแจ HONDA Smart Key เพียงแค่ถือกุญแจไว้แล้วบิดที่รถ ไม่ต้องเสียบเข้ากับตัวรถ ที่สำคัญคือบริเวณคอนโซลรถจะมีลิ้นชักที่ภายในมีช่อง USB-C สำหรับชาร์จมือถือ นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีทันสมัยมากมาย เริ่มตั้งแต่แผงหน้าปัดเรือนไมล์ดิจิทัลขนาดใหญ่ เสริมด้วยสัญลักษณ์ไฟแสดงสถานะต่าง ๆ ให้ข้อมูลของตัวรถอย่างครบถ้วน

อันดับหนึ่งของสกูตเตอร์ทรงคลาสสิกตลอดกาลก็ต้องยกให้ Vespa แบรนด์ที่มีอายุยาวนานถึง 77 ปี สำหรับรุ่นนี้ มาพร้อมกับการปรับแต่งดีไซน์และสีสันให้มีความสปอร์ตโฉบเฉี่ยวทันสมัยขึ้น สามารถขับขี่ได้ทุกระยะ ไม่ว่าจะเป็นในเมืองหรือออกทริปต่างจังหวัด ด้วยเครื่องยนต์ i-Get 155.1 cc 4 จังหวะ ระบบหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ ประหยัดน้ำมันขึ้นกว่าเดิม

ในส่วนของไฟหน้าจะเป็น LED ดีไซน์แบบกลม เพื่อคงความคลาสสิกของรถ Vespa ไว้ พร้อมเรือนไมล์แบบผสม ครึ่งบนเป็นเข็มปกติ และครึ่งล่างเป็นหน้าจอดิจิทัล LCD พร้อมสตาร์ทด้วยระบบ Keyless โดยการใช้รีโมตอัจฉริยะ ส่วนใต้เบาะมีช่องเก็บของขนาดใหญ่ พร้อมถังน้ำมัน 6.5 L นอกจากนี้ ยังมาพร้อมระบบเบรก ABS ช่วยให้หยุดรถได้อย่างแม่นยำและนุ่มนวลขึ้นครับ

หากคุณไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของงบประมาณ และกำลังมองหามอเตอร์ไซค์เกียร์ออโต้สำหรับขี่ออกทริปต่างจังหวัด เราขอแนะนำ C 400 GT คันนี้เลย เพราะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 350 cc สมรรถนะสูง แบบกระบอกสูบเดี่ยว 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ควบคุมเครื่องยนต์แบบดิจิทัล พร้อมคันเร่งระบบไฟฟ้า ขับขี่ได้ลื่นไหลนุ่มนวลยิ่งขึ้นครับ

ขับขี่ทางไกลได้ปลอดภัยและสบายยิ่งขึ้นด้วยระบบ ASC ที่จะปรับสมดุลการทรงตัวของรถ ไม่ว่าจะเป็นพื้นถนนขรุขระหรือเปียก พร้อมระบบไฟหน้าและไฟท้ายแบบ Full LED ให้ความสว่างทั่วถึงทั้งกลางวันและกลางคืน นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับหน้าจอ TFT ขนาดใหญ่ถึง 6.5" แสดงข้อมูลรถครบถ้วน และสามารถเชื่อมต่อกับมือถือเพื่อใช้ระบบนำทาง GPS ได้ครับ

Giorno+ คือมอเตอร์ไซค์เกียร์ออโต้น้องใหม่จาก HONDA ที่มาพร้อมกับดีไซน์สกู๊ตเตอร์อิตาลีผสมผสานกับความมินิมอลสไตล์ญี่ปุ่นและตามสมัยนิยม เสริมสีสันเงางามทันสมัย โดยมีให้เลือกด้วยกันถึง 5 เฉดสี เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย อีกทั้งขนาดของรถยังมีความพอดี ไม่ใหญ่ไม่เล็กเกินไป ช่วยให้ขับขี่ภายในเมืองได้อย่างคล่องแคล่วครับ

ใช้เครื่องยนต์หัวฉีด eSP+ 4 วาล์ว 1 สูบ ขนาด 125cc ระบายความร้อนด้วยน้ำ เห็นตัวเล็กแต่อัตราเร่งดี อีกทั้งยังใช้งานได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น ด้วยเรือนไมล์ดิจิทัล แสดงผลเข้าใจง่าย และมีไฟสัญลักษณ์แสดงสถานะเสริม รวมไปถึงกุญแจแบบ Smart Key สั่งงานได้ 3 ฟังก์ชัน พร้อมพอร์ต USB-A สำหรับชาร์จแบต และช่องเก็บของใต้เบาะความจุถึง 30 L ครับ

สำหรับคนที่กำลังมองหาสกู๊ตเตอร์ทรงใหญ่ที่สามารถใช้งานได้อเนกประสงค์ ไม่ว่าจะขับขี่ภายในเมือง ออกทริป หรือใช้ประกอบอาชีพ เช่น ไรเดอร์ส่งอาหาร พนักงานส่งพัสดุ รวมไปถึงรับส่งผู้คน YAMAHA NMAX รุ่นอัปเกรดใหม่ 2023 คันนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะเป็นมอเตอร์ไซค์เกียร์ออโต้ระดับพรีเมียมที่เอื้อมถึงได้ด้วยราคาต่ำกว่า 100,000 บาท 

ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ Blue Core 155 cc 4 วาล์ว ระบบหัวฉีด โดยระบบวาล์วเป็นแบบ VVA ให้แรงบิดดี อัตราเร่งสูง เสริมความปลอดภัยด้วยระบบเบรก ABS Dual Channel ป้องกันล้อล็อก และระบบ Traction Control ป้องกันล้อสบัดด้วยการปรับสมดุลความเร็วทั้งล้อหน้าและหลังให้สัมพันธ์กัน นอกจากนี้ ยังมีระบบดับเครื่องยนต์อัตโนมัติ ให้ประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้นครับ

เมื่อพูดถึงมอเตอร์ไซค์เกียร์ออโต้ดีไซน์แบบสกูตเตอร์คลาสสิกแล้วล่ะก็ นอกจาก Vespa ก็จะมี Lambretta ที่คนมักจะนึกถึงเป็นอันดับต้น ๆ สำหรับ Lambretta จะมีจุดเด่นที่ระบบระบายความร้อนโดยการให้อากาศไหลผ่านทั้งตัวรถ พร้อมช่องลมระบายอากาศด้านหน้าอันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งช่วยสร้างความแตกต่างและทำให้คนไม่จำสับสนกับ Vespa นั่นเองครับ

มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 275 cc ระบบหัวฉีด ขับขี่ได้ทุกระยะไม่ว่าจะในเมืองหรือออกทริปต่างจังหวัดทั่วประเทศไทย พร้อมดีไซน์ที่เพิ่มความโฉบเฉี่ยว ดู Futuristic ล้ำสมัย พร้อมไฟหน้าและไฟเลี้ยวแบบ LED เต็มระบบ ให้ความสว่างได้ดี ส่วนหน้าปัดเป็นแบบไฮบริด ผสมผสานทั้งแบบเข็มสำหรับบอกความเร็วรอบ และ LCD แสดงสถานะครบถ้วนครับ

มอเตอร์ไซค์ในแบบสกู๊ตเตอร์คันนี้เป็นรถจากแบรนด์ GPX ซึ่งเป็นแบรนด์ไทยและได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก รถคันนี้มาพร้อมกับฟังก์ชันและฟีเจอที่ทันสมัยมากมาย เช่น เรือนไมล์ระบบ Full Digital LCD ที่สามารถระบุข้อมูลของรถได้อย่างครบถ้วน มีพอร์ต USB สำหรับชาร์จโทรศัพท์ อีกทั้งบริเวณใต้เบาะยังมีความจุมากถึง 27 ลิตร ในส่วนของเครื่องยนต์ก็เป็นเครื่องยนต์ขนาด 149.6 cc 4 จังหวะ จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด มีส่วนช่วยเพิ่มอัตราเร่งและยังมีส่วนช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้มากยิ่งขึ้น ในส่วนของดีไซน์ภายนอกก็ดูทันสมัยแต่มีความมินิมอลในตัว เหมาะกับผู้ขี่ทุกเพศทุกวัย

เมื่อนึกถึงมอเตอร์ไซค์จาก Honda แล้ว นอกจากรุ่นที่ได้รับความนิยมตลอดกาลอย่าง Wave ก็ยังมี Click ที่อยู่คู่แบรนด์มาอย่างช้านานไม่แพ้กัน และที่สำคัญคือได้รับการอัปเกรดเทคโนโลยีให้ทันสมัยอยู่เป็นประจำ เช่นเดียวกันกับ Click 125 รุ่นนี้ ที่มาพร้อมกับระบบไฟ Full LED ดีไซน์ล้ำทรงสปอร์ตไม่ซ้ำใคร ส่องสว่างได้ทั่วถึงทั้งกลางวันและกลางคืนครับ

ไม่จำเป็นต้องเสียบกุญแจเพื่อสตาร์ทรถอีกต่อไป เพราะรุ่นนี้ควบคุมด้วยระบบรีโมตอัจฉริยะ สั่งสตาร์ทเครื่องได้จากรีโมต เพิ่มความสะดวกมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีระบบระบุตำแหน่งรถ ที่เมื่อกดปุ่มแล้วจะส่งเสียง เหมาะอย่างยิ่งเมื่อจอดในที่ที่มีรถเยอะ ตัวรถมีให้เลือกถึง 5 สีสัน ส่วนหน้าปัดเป็นระบบ LCD ดิจิทัล ระบุข้อมูลครบทันสมัยเข้าใจง่ายครับ

มอเตอร์ไซค์เกียร์ออโต้ระบบไฟฟ้าหนึ่งเดียวในการจัดอันดับครั้งนี้ โดยรุ่นนี้เป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ด้วยราคาที่ไม่สูงจนเกินไป และดีไซน์ที่ดูสวยงามทันสมัยไม่แพ้มอเตอร์ไซค์แบบปกติ อีกทั้งยังมีให้เลือกถึง 5 สีสัน ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแบบไร้แปรงถ่าน (Brushless Motor) กำลังสูง 2,000W เร่งได้เร็วสูงสุด 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง 

มาดูในส่วนของแบตเตอรี่กันบ้าง ซึ่งแบตเตอรี่ที่ใช้จะเป็นชนิดลิเธียม 60V ความจุ 28 Ah ขับขี่ได้ไกล 75 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง และรองรับแบตเตอรี่ถึง 2 ชุด เพื่อให้ขี่ได้ไกลขึ้นเป็น 150 กิโลเมตร แต่ต้องซื้อเพิ่มในภายหลัง นอกจากนี้ ยังมีลำโพงในตัว สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟนผ่านระบบ Bluetooth เพื่อเปิดเพลงฟังได้อีกด้วยครับ