10 อันดับ นาฬิกา ปาเต๊ะ รุ่นยอดนิยม ปี 2024 หนึ่งในแบรนด์ที่นักสะสมนาฬิกาต้องมี

แน่นอนว่า ความนิยมของรุ่น Nautilus ไม่ได้มีแต่ในหมู่นักสะสมผู้ชายเท่านั้น ด้วยสไตล์ที่มีความ Unisex และมีขนาดตัวเรือนที่พอดี ไม่เล็กหรือใหญ่จนเกินไป จึงเข้ากับทุกเพศได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม รุ่นนี้ยังมีโมเดลที่เหมาะกับสาว ๆ อย่างโมเดล 7118/1200R และ 7118/1200A ที่ขอบของตัวเรือนประดับไปด้วยเพชร 56 เม็ด และยังมีโมเดล 101R ที่มีตัวเรือนเป็นสี Rose Gold ทั้งหมด ช่วยให้คุณดูโดดเด่นได้ในทุกช่วงเวลา 

สำหรับคุณสมบัติการใช้งาน นาฬิการุ่นนี้สามารถกันน้ำได้ 60 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางของหน้าปัดมีขนาด 35.2 มม. แต่โดยรวมอาจจะดูกว้างกว่านั้น เนื่องจากกรอบของนาฬิกามีส่วนที่ยื่นออกไปเล็กน้อยตามสไตล์ของ Nautilus ส่วนหน้าปัดนั้นมีหลายสีให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นสีดำ, สีน้ำเงิน, สีขาว และสี Rose Gold ที่ล็อกเป็นแบบพับและปรับความยาวได้ประมาณ 2 - 4 มม. ใครที่อยากเป็นเจ้าของนาฬิกาแสนคลาสสิกระดับตำนาน ไม่ควรพลาดรุ่นนี้เลยค่ะ

โมเดลนี้ผลิตครั้งแรกในปี ค.ศ. 2006 โดยมีโมเดล 3700 เป็นต้นแบบ แต่ได้พัฒนารูปทรงให้เข้ากับยุคสมัยมากยิ่งขึ้น ถือเป็นรุ่นที่หายากและเป็นที่ต้องการในหมู่ผู้ชายที่ชื่นชอบนาฬิกาเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีดีไซน์เฉพาะตัว ทั้งยังเป็นต้นแบบของนาฬิกาหลาย ๆ รุ่นอีกด้วย โดยหากใครที่ต้องการเป็นเจ้าของรุ่นนี้อาจจะต้องลงชื่อใน Waiting List นานถึง 8 - 12 ปีเลยทีเดียว และนั่นก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ราคาขายมือสองนั้นสูงเป็นเท่าตัว

สำหรับวัสดุของตัวเรือนและสายนั้นล้วนทำจาก Stainless Steel ด้านหลังของตัวเรือนเป็น Sapphire-Crystal แบบใสทำให้สามารถมองเห็นกลไกการทำงานของนาฬิกาได้ พื้นหลังเป็นสีน้ำเงินดำ ตัดกับสีของมาร์กเกอร์ได้ดี ช่วยให้อ่านเวลาได้ง่าย กันได้น้ำถึง 120 เมตร เข้ากับการแต่งตัวหลายสไตล์ ทั้งแบบทางการ หรือแนวสปอร์ตก็ได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม นอกจากโมเดลนี้แล้ว ยังมีโมเดลอื่น ๆ ที่รูปทรงเดียวกัน แต่วัสดุและสีต่างกัน ถือเป็นตัวเลือกที่ดีไม่แพ้กันเลยทีเดียวค่ะ

นาฬิกา Patek Philippe สำหรับผู้หญิงอีกรุ่นหนึ่งที่เป็นที่นิยมมาก ๆ ในขณะนี้ คงจะหนีไม่พ้น รุ่น Aquanaut เพราะจากรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์ตามแบบของแบรนด์แล้ว การใช้สาย Polymer ยังเป็นตัวช่วยให้นาฬิกามีรูปลักษณ์ที่ทันสมัยขึ้น และทำให้กลายเป็นรุ่นที่เหมาะกับคนหลากหลายวัย โดยโมเดลที่เราแนะนำให้กับสาว ๆ คือ โมเดล 5072R และมีโมเดลที่คล้ายกัน คือ 5062/450R ที่มาพร้อมสี Rose Gold สวยสดใส เข้ากับสายสีชมพูสดใส 

โมเดลนี้ประดับด้วยเพชรหลายจุด ไม่ว่าจะเป็นกรอบของหน้าปัดซึ่งประดับเพชร 40 เม็ด มาร์กเกอร์บอกชั่วโมง 13 เม็ด และที่ล็อกสายอีก 10 เม็ด ที่สำคัญ คือ พื้นหลังของหน้าปัดทำจากไข่มุก ยิ่งทำให้รุ่นนี้เป็นนาฬิกาที่นำเอารูปทรงสปอร์ตกับความหวานของสีสันและอัญมณีต่าง ๆ มารวมกันได้อย่างลงตัว จนกลายเป็นนาฬิกาแสนพิเศษ เหมาะกับสาว ๆ ทุกคน เข้ากับการแต่งตัวได้หลายแบบ และยังใช้ได้ทั้งในชีวิตประจำวันหรือในโอกาสพิเศษต่าง ๆ อีกด้วยค่ะ

รุ่นนี้เปิดตัวเมื่อปี ค.ศ.1997 โดยทางแบรนด์ตั้งใจที่จะเน้นกลุ่มเป้าหมายที่อายุน้อยลง โดยมีรูปทรงของรุ่น Nautilus เป็นต้นแบบ แต่เปลี่ยนมาใช้สายยาง (Rubber) เรียกว่า Tropical มีคุณสมบัติทนต่อน้ำเค็ม รังสี UV และแบคทีเรีย ทั้งยังให้ความรู้สึกสปอร์ตกว่าสายแบบโลหะ ตอนที่เปิดตัวครั้งแรก รุ่นนี้ยังไม่ได้รับความนิยมมากนัก แต่กระแสก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนเรียกได้ว่าเทียบเท่ากับรุ่น Nautilus เลยทีเดียวค่ะ

โดยรุ่นนี้มีหลายโมเดลด้วยกัน ทั้งสายหนังและสายสเตนเลส แต่เอกลักษณ์ที่เด่นชัดอยู่ที่พื้นหลังของหน้าปัดซึ่งเป็นลายตารางแบบนูนที่ไม่มีในรุ่นอื่น ด้านหลังของตัวเรือนทำจาก Sapphire-Crystal ทำให้มองเห็นกลไกการทำงานภายในได้ เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่กำลังมองหานาฬิกา Patek Philippe เรือนแรก หรือคนที่สนใจรุ่น Nautilus แต่หาซื้อได้ยาก Aquanaut สามารถเป็นรุ่นตัวแทนได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญคือ ความนิยมที่มีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นเรื่อย ๆ เหมาะกับการลงทุนเป็นอย่างมากค่ะ

นาฬิกาที่เป็นตำนานอีกหนึ่งรุ่นของ Patek Philippe ที่แม้แต่ควีนอลิซาเบธยังสวมใส่จนเป็นที่จดจำของคนทั่วไป ความพิเศษของรุ่นนี้อยู่ที่รูปทรงอันเป็นเอกลักษณ์ เพราะน้อยครั้งนักที่จะมีการออกแบบนาฬิกากึ่งวงกลม กึ่งสี่เหลี่ยมผืนผ้า ซึ่งเป็นรูปทรงตามแนวคิดอัตราส่วนทองคำ (Gold Ratio) ที่ในทรงคณิตศาสตร์เชื่อว่า สวยและสมบูรณ์แบบที่สุด ปัจจุบัน รุ่นนี้มีทั้งหมด 2 โมเดล คือ 5738R และ 5738P โดยต่างกันที่วัสดุและสีสันค่ะ

โดย 5738R เป็นสี Rose Gold พร้อมพื้นหน้าปัด และสายทำจากหนังจระเข้สีดำ ส่วนรุ่น 5738P นั้นทำจากแพลทินัม หน้าปัดเป็น Blue Gold และสายหนังจระเข้สีน้ำเงิน ส่วนมาร์กเกอร์และเข็มทำจากทอง Rose Gold และทองคำขาว ยิ่งทำให้หน้าปัดดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสีและรูปทรงของนาฬิกาค่อนข้างเป็นทางการ ดังนั้น จึงเหมาะสำหรับการสวมใส่ในโอกาสพิเศษหรือเมื่อต้องออกงานสำคัญต่าง ๆ ค่ะ

นาฬิการูปทรงคลาสสิก ตัวเรือนทรงกลมเรียบง่าย พร้อมสายหนังทำจากหนังจระเข้ทนทานและให้ความรู้สึกที่หรูหรา รุ่นนี้เป็นรุ่นที่อยู่คู่กับแบรนด์มาอย่างยาวนาน ได้รับอิทธิพลด้านการออกแบบมาจากงานดีไซน์ของ Bauhaus ที่ผสมผสานระหว่างงานศิลปะและงาน Craft ทั้งยังเน้นความเป็นสมัยใหม่ (Modern) ทำให้รูปลักษณ์มีสไตล์สุดมินิมอล ไม่ซับซ้อน แต่มีเสน่ห์ แม้จะผ่านมานานแค่ไหน รุ่นนี้ก็ยังคงเป็นที่นิยมอยู่เสมอ

หากเป็นนาฬิกาสำหรับผู้ชาย เราขอแนะนำรุ่นที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 39 มม. เว้นแต่คุณจะมีข้อมือเล็กหรือชอบนาฬิกาเรือนเล็ก ขนาด 37 มม. ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีไม่แพ้กัน ทั้งสองขนาดมีตัวเรือน 3 สีให้เลือก ได้แก่ สี Rose Gold, Yellow Gold และ White Gold เหมาะกับสวมใส่ในชีวิตประจำวัน เข้ากับการแต่งตัวได้หลายสไตล์เลยค่ะ

รุ่นนี้เป็นรุ่นที่แบรนด์ตั้งใจออกแบบมาเพื่อผู้หญิงโดยเฉพาะ โดยรูปทรงมีทั้งแบบกลมและแบบสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก เน้นการใช้งานในชีวิตประจำวัน และออกแบบมาให้เป็น Dress Watch เอาใจสาว ๆ ที่รักการแต่งตัว ทั้งยังใช้กลไก Quartz ในการควบคุมการทำงาน ข้อดี คือ ใช้งานง่าย ประสิทธิภาพการทำงานยอดเยี่ยม และมีราคาที่ย่อมเยากว่ารุ่นอื่นของแบรนด์ ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อไม่นานมานี้ทางแบรนด์มีการปรับปรุงรูปลักษณ์ใหม่ ทำให้นาฬิกาดูทันสมัยมากยิ่งขึ้นค่ะ

จากที่ได้กล่าวไปตอนต้นแล้วว่า รุ่นนี้มี 2 รูปทรงหลัก คือ ตัวเรือนทรงกลม หน้าปัดมีให้เลือกทั้งหมด 5 สี ขนาดอยู่ที่ประมาณ 33 มม. เหมาะกับการใส่ในชีวิตประจำวัน ได้ลุคที่ Casual เมื่อเทียบกับตัวเรือนสี่เหลี่ยมที่มีหน้าปัดทั้งหมด 3 สี โดยโมเดลดั้งเดิมจะใช้ตัวเลขโรมัน ส่วนโมเดลตัวใหม่จะเป็นตัวเลขอารบิก จึงดูทันสมัยยิ่งขึ้นและให้ลุคที่เป็นทางการ อย่างไรก็ตาม ตัวเรือนและสายของรุ่นนี้มี 2 สีให้เลือก คือ สี Rose Gold และสีเงินที่ทำจาก Stainless Steel ค่ะ

นาฬิกาที่ขึ้นชื่อว่าหายากมาก ๆ อีกรุ่นหนึ่งในคอลเลกชัน Grand Complications โดยรุ่นนี้ใช้กลไก CH 29-535 PS Q กลไก Chronograph ที่มีปฏิทินบอกวันที่กลไกแรกที่ได้รับการผลิตและพัฒนาโดยทางแบรนด์เอง เนื่องจากเป็นกลไกที่ซับซ้อนและผลิตออกมาอย่างพิถีพิถัน จึงทำให้การที่เราสามารถดูกลไกการทำงานของนาฬิกาจากด้านหลังตัวเรือน ซึ่งเปรียบเสมือนรางวัลอีกอย่างหนึ่งของผู้ที่ได้ครอบครองนาฬิกาเรือนนี้

สำหรับรุ่นนี้มีทั้งหมด 2 โมเดล ได้แก่ 5270J กรอบสีทอง สายหนังจระเข้สีน้ำตาลช็อกโกแลต หน้าปัดสีขาวน้ำนม (Opaline) และ 5270P กรอบสีเงินทำจากแพลทินัม สายหนังจระเข้สีดำ หน้าปัดสีทอง Opaline ขนาดหน้าปัดเท่ากัน คือ 41 มม. จึงเหมาะสำหรับผู้ชาย แต่ใครที่มีข้อมือเล็ก รุ่นนี้อาจจะดูใหญ่กว่าความเป็นจริงได้ค่ะ อย่างไรก็ตาม หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบนาฬิกาคลาสสิก ทั้งรูปลักษณ์และกลไก รุ่นนี้เป็นอีกรุ่นที่ควรค่าแก่การหามาไว้ในครอบครองเลยทีเดียว

นอกจากโมเดล 5230 จะเหมาะกับผู้ชายแล้ว รุ่นนี้ก็เป็นโมเดลที่ผลิตออกมาเพื่อผู้หญิงโดยเฉพาะและได้รับความนิยมในหมู่สาว ๆ ไม่แพ้กัน โดยความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด คือ ขนาดของหน้าปัดเล็กกว่า มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 36 มม. ซึ่งเล็กกว่าของผู้ชายเล็กน้อย ยิ่งไปกว่านั้น ขอบของหน้าปัดยังมีเพชรล้อมอยู่ 62 เม็ด และบริเวณที่ล็อกสายอีก 27 เม็ด เรียกได้ว่า เอาใจคนรักเครื่องประดับอย่างเต็มที่เลยค่ะ 

สำหรับโมเดลที่คล้ายกันมี 2 สีให้เลือก คือ สีฟ้าและสี Rose Gold ซึ่งหากเปรียบเทียบกัน สี Rose Gold อาจจะเข้ากับการแต่งตัวได้หลากหลายสไตล์มากกว่า แต่หากคุณเป็นคนที่ชอบความโดดเด่นและสีสันที่สดใส สีฟ้าก็เป็นตัวเลือกที่ดีไม่น้อย และสิ่งที่สำคัญที่สุดของรุ่นนี้ นั่นก็คือ สามารถปรับเขตเวลา (Time Zone) ได้ถึง 24 เขตเวลา ทั้งยังใช้ง่าย ไม่ซับซ้อน เหมาะกับคนที่ชื่นชอบการเดินทาง และผู้ที่ชอบสะสมนาฬิกาหายากค่ะ

ขวัญใจนักสะสมนาฬิกาและดาราคนดังทั้งหลาย ด้วยรูปทรงที่ดู Casual เข้ากับการแต่งตัวได้หลายแบบ มาพร้อมนวัตกรรมที่น่าประทับใจ ด้วยระบบไขลานที่สามารถบอกเวลาท้องถิ่นและเวลาเขตเวลาอื่น ๆ ได้ถึง 24 เมือง ทั่วโลก จึงทำให้รุ่นนี้เป็นนาฬิกาที่เหมาะกับนักเดินทาง ใช้งานง่าย เพียงแค่เลือกชื่อเมืองที่ต้องการไปไว้ด้านบนสุด (ตำแหน่ง 12 นาฬิกา) หลังจากนั้นก็ปรับเวลาท้องถิ่นด้วยการหมุนเม็ดมะยมด้านข้าง 

เนื่องจากกลไกของรุ่นนี้เป็นแบบ Self-Winding จึงมีขนาดตัวเรือนที่บางเพียง 10.23 มม. เท่านั้น ทั้งยังประดับจิวเวอร์รี่ทั้งหมด 33 ชิ้น บนตัวเรือน ซึ่งเป็น Signature ของแบรนด์เลยก็ว่าได้ค่ะ รุ่นนี้เหมาะกับการใช้เป็น Day Watch มีทั้งหมด 5 แบบ 5 สีให้เลือก บางรุ่นมีหน้าปัดเป็นรูปแผนที่ที่ผลิตด้วยมืออย่างพิถีพิถัน จึงมีสีที่เสมือนจริงและมีมิติ เป็นรุ่นที่นักสะสมนาฬิกาทั้งหลายไม่ควรพลาดจริง ๆ ค่ะ