นาฬิกา Rolex คือ สัญลักษณ์ของความ Luxury และเป็นสิ่งที่แสดงถึงฐานะ (Status Symbol) ของผู้สวมใส่ได้เป็นอย่างดี ทั้งยังได้รับการขนานนามว่า เป็น “แบรนด์ Luxury ที่น่าจดจำมากที่สุด” อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการจัดอันดับใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับนาฬิกา ชื่อของ Rolex ก็จะเป็นหนึ่งในนั้นถึงเสมอ และยังเป็นแบรนด์ที่คิดค้นเทคโนโลยีให้กับวงการนาฬิกามายาวนานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จนทำให้การได้ครอบครองนาฬิกา Rolex กลายความฝันของใครหลาย ๆ คน ทั้งเพื่อการสะสมและเป็นการลงทุนที่ยอดเยี่ยมนั่นเองค่ะ
อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการเลือกซื้อนาฬิกาที่มีราคาสูงอย่าง Rolex สิ่งที่ควรปฏิบัติ คือ การหาข้อมูลเกี่ยวกับนาฬิกาอย่างถี่ถ้วน และเพื่อเป็นการช่วยให้การเลือกนาฬิกาของคุณนั้นง่ายขึ้น เราจึงได้รวบรวมข้อมูลที่จำเป็นเกี่ยวกับการเลือกนาฬิกา Rolex มาไว้ในบทความนี้ รวมไปถึง 10 อันดับ นาฬิกา Rolex รุ่นยอดนิยมที่รับรองว่า ทั้งสวยและคุ้มค่าอย่างแน่นอน หากพร้อมแล้ว เราไปดูพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
Top 5 นาฬิกา Rolex ยอดนิยม
ROLEX
นาฬิกาที่สามารถบอกวันและวันที่ได้ ใช้งานง่าย กลไกใหม่ล่าสุด
มายเบสท์ เว็บไซต์แนะนำสินค้าที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 4 ล้านคนต่อเดือน หัวใจของภารกิจของเราคือ ความมุ่งมั่นที่จะให้คำแนะนำที่น่าเชื่อถือได้ เราได้รับการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญในหมวดหมู่สินค้าที่หลากหลาย การเดินทางของเราเริ่มต้นด้วยวิสัยทัศน์ที่เรียบง่าย เพื่อสร้างแพลตฟอร์มที่ผู้บริโภคสามารถค้นหาคำแนะนำผลิตภัณฑ์ที่น่าเชื่อถือได้ และใช้งานได้จริง เราเข้าใจดีว่า การตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภคมีความต้องการที่แตกต่างกัน นั่นเป็นเหตุผลที่เราทุ่มเทในการนำเสนอคำแนะนำที่ชัดเจน กระชับ มีการวิจัยมาเป็นอย่างดี และตรวจสอบความถูกต้องโดยผู้เชี่ยวชาญ ทีมงานของเราประกอบด้วยบรรณาธิการและผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในหมวดหมู่ต่าง ๆ เจาะลึกลงไปในผลิตภัณฑ์แต่ละประเภท นำเสนอข้อมูลเชิงลึก เราเชื่อในพลังของวิธีการเลือกสินค้าที่มีข้อมูลครบถ้วน เราเป็นมากกว่าเว็บไซต์ เราเป็นชุมชนของบุคคลที่มีความกระตือรือร้นซึ่งให้ความสำคัญกับคุณภาพในการค้นหาผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด ซึ่งจะช่วยทำให้โลกของการช้อปปิ้งออนไลน์เป็นประสบการณ์ที่ง่ายและสนุกสนานยิ่งขึ้นสำหรับทุกคน
สารบัญ
Rolex ก่อตั้งโดย Hans Wilsdorf และ Alfred Davis ในปี 1905 โดยชื่อ Rolex นั้นไม่ได้มีความหมายเฉพาะเจาะจง ทั้งสองคนเลือกใช้ชื่อนี้ เพราะออกเสียงง่ายและไม่เป็นอุปสรรคในการสลักไว้บนหน้าปัด เนื่องจากมีตัวอักษรเพียง 5 ตัวเท่านั้น โดยในปี 1910 - 1914 นาฬิกา Rolex เรือนแรกได้รับการการันตีในเรื่องของความเที่ยงตรงจาก Kew Certified ซึ่งเป็นองค์กรที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการทดสอบนาฬิกาในยุคนั้น ต่อมาในปี 1926 นาฬิกา Oyster ก็ได้ถูกผลิตขึ้นและถือเป็นนาฬิกาเรือนแรกที่กันน้ำและฝุ่นได้ ทำให้ Rolex มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก จากนั้น Oyster จึงได้กลายมาเป็นต้นแบบในการผลิตนาฬิการุ่นอื่น ๆ ของทางแบรนด์เรื่อยมา
ปัจจุบัน นาฬิกา Rolex ขึ้นชื่อในเรื่องของมาตรฐานที่ได้รับการรับรองด้าน Superlative Chronometer หรือความเที่ยงตรงของนาฬิกาจากสถาบันทดสอบทางการสวิสโครโนมิเตอร์อย่างเป็นทางการ (COSC) ซึ่งมีนาฬิกา Swiss Made เพียง 3% เท่านั้นที่ผ่านการรับรองดังกล่าว อีกทั้ง Rolex ยังเลือกผลิตนาฬิกาที่เน้นคุณภาพของกลไก และใช้วัสดุชั้นเยี่ยมในการผลิต ทำให้เป็นนาฬิกาที่มีราคาสูงและบางรุ่นยังเป็นรุ่นหายากอีกด้วย จนทำให้ราคาขายต่อสูงขึ้นไปอีก จึงถือว่าเหมาะแก่ลงทุนเป็นอย่างมาก ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจเลยค่ะว่า ทำไม Rolex จึงได้กลายมาเป็นหนึ่งในตำนานของวงการนาฬิกามาจนถึงปัจจุบัน
อย่างที่หลายคนทราบกันดีว่า นาฬิกา Rolex นั้นมีหลายรุ่น อีกทั้งแต่ละรุ่นยังมีกลไกและดีไซน์ที่เน้นจุดเด่นแตกต่างกันไปอีกด้วย ดังนั้น เพื่อเป็นการช่วยให้คุณได้เลือกซื้อนาฬิการุ่นที่เหมาะกับตนเองมากที่สุด เราขอแนะนำวิธีการเลือกนาฬิกา Rolex ดังต่อไปนี้ค่ะ
นาฬิกา Rolex นั้มมีชื่อเสียงในเรื่องของความเที่ยงตรง ทนทานและกลไก (Movement) ที่ได้มาตรฐาน อย่างไรก็ตาม นาฬิกาแต่ละรุ่นนั้นก็มีกลไกและประสิทธิภาพในการทำงานที่แตกต่างกันไป ดังนั้น การเรียนรู้กลไกการทำงานของนาฬิกาจะช่วยให้เราเข้าใจความพิเศษของนาฬิกาแต่ละเรือนมากยิ่งขึ้นค่ะ
3135 หรือที่รู้จักกันในชื่อ Workhorse เป็นกลไกแบบอัตโนมัติที่ทนทานและมีชื่อเสียงที่สุดของ Rolex ซึ่งนาฬิกาที่ใช้กลไกนี้มีอยู่หลายรุ่นด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น Submariner, Yacht-Master, Sea-Dweller และ Datejust โดยความหนาของนาฬิกาจะอยู่ที่ประมาณ 6 มม. และเส้นผ่านศูนย์กลางยาว 26.5 มม. สามารถกันกระแทกและทนต่อกระแสไฟฟ้าได้ เหมาะกับการสวมใส่ในชีวิตประจำวันหรือใส่เล่นกีฬา และควรตรวจเช็กในเรื่องของการหล่อลื่นของระบบเป็นประจำ เพื่อให้นาฬิกาทำงานได้อย่างไม่ขัดข้อง โดยคุณสามารถเดินทางไปตรวจสอบกับศูนย์ของ Rolex โดยตรงได้เลยค่ะ
กลไก 4030 เป็นกลไกที่ใช้กับรุ่น Daytona ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 1963 โดยชื่อของโมเดลนี้มีอีกเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Zenith El Primero Caliber เป็นโมเดลที่ผลิตโดย Zenith ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ก้าวหน้าเรื่องการผลิตกลไกแบบ Chronograph Movements ในตอนนั้น ดังนั้น เหตุผลที่ Rolex เลือกใช้กลไกจาก Zenith แทนที่จะผลิตเองนั้นเป็นเพราะการผลิตกลไกที่มีคุณภาพจำเป็นต้องใช้เวลานาน อย่างไรก็ตาม ก่อนที่กลไก 4030 จะถูกนำมาใช้จริงก็ได้มีการปรับปรุงไปกว่า 200 ครั้ง เพื่อให้ได้กลไกที่ทนทานและเที่ยงตรง จนในที่สุดก็ได้กลไกที่เหมาะสมกับ Daytona ซึ่งในปัจจุบัน กลไก 4030 ได้ถูกแทนที่ด้วย 4130 กลไกที่อัปเกรดขึ้นมาอีกขั้นและผลิตโดย Rolex อย่างเต็มรูปแบบนั่นเองค่ะ
กลไกใหม่ล่าสุดของ Rolex ที่จะถูกใช้กับนาฬิการุ่นใหม่ ๆ ในอนาคต เป็นกลไกที่ถูกนำมาใช้แทนกลไก 3135 โดยปัจจุบัน รุ่นที่ใช้กลไกนี้ ได้แก่ Day-Date, GMT Master 2 และ Dayjust สำหรับการทำงาน รุ่นนี้มี Power Reserve ที่สามารถเก็บประจุพลังงานสำรองของนาฬิกาได้ 70 ชั่วโมง และบอกเวลาได้แม่นยำกว่าเดิมถึง 2 เท่า หากต้องเลือกระหว่าง 3135 ที่ยังคงหาซื้อได้ทั่วไป กับ 3235 รุ่นใหม่นี้ เราขอแนะนำให้เลือกกลไก 3255 เลยค่ะ เพราะประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมนั้นดีกว่าแบบเดิมอย่างมากนั่นเอง
กลไกที่ขึ้นชื่อว่า ซับซ้อนที่สุดตั้งแต่ Rolex เคยผลิตมา โดยจะใช้กับรุ่น Sky-Dweller เท่านั้น เป็นระบบ Self-Winding ที่ขับเคลื่อนโดย Bezel System หรือที่เรียกว่า Ring Command Bezel ช่วยให้คุณเปลี่ยนโหมดต่าง ๆ ของนาฬิกาได้ตามต้องการ ซึ่งรุ่นนี้ใช้ชิ้นส่วนในการผลิตทั้งหมดถึง 380 ชิ้น และได้รับการจดสิทธิบัตรทั้งหมด 7 ฉบับ ถือว่าเยอะมากสำหรับหนึ่งกลไก ในส่วนของฟังก์ชันการทำงาน นาฬิกาสามารถแสดงเวลาได้ 2 ไทม์โซน ที่ให้คุณเลือกเปลี่ยนเพียงหนึ่งไทม์โซนโดยไม่กระทบเวลาของอีกที่หนึ่ง ทั้งยังสามารถแสดงวันที่และเดือนได้ ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ว่าเดือนนั้นจะมี 30 หรือ 31 วัน นาฬิกาก็จะปรับเองโดยอัตโนมัติ แต่สำหรับเดือนกุมภาพันธ์นั้นยังต้องอาศัยการปรับแบบแมนนวลอยู่ค่ะ
นาฬิกา Rolex แต่ละโมเดลจะมีดีไซน์และคุณสมบัติการใช้ที่เฉพาะเจาะจง ดังนั้น แบรนด์จึงได้แบ่งนาฬิกาออกเป็น 2 ประเภทหลัก คือ ประเภทคลาสสิก และ Professional ซึ่งก็มีให้เลือกหลายรุ่น ดังนั้น ทางเราจึงได้เลือก Rolex รุ่นยอดนิยมมาแนะนำกัน จะมีรุ่นไหนบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ
หากใครที่กำลังมองหานาฬิกา Rolex เรือนแรก โมเดล Oyster Perpetal นับว่าเหมาะกับการเริ่มต้นเป็นอย่างมาก โดยได้เปิดตัวครั้งแรกในปี 1931 รังสรรค์ขึ้นโดย Hans Wilsdorf ผู้ที่ซึ่งก่อตั้งแบรนด์ Rolex ดีไซน์นาฬิกามาพร้อมความสง่างามและคลาสสิก โดยมีหน้าปัดที่ไม่ซับซ้อน สามารถบอกข้อมูลชั่วโมง นาทีและวินาทีได้ ประกอบกับสาย Oyster จะมีลักษณะเป็นข้อต่อสามตัวติดกัน ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่เก่าแก่ของทางแบรนด์
นอกจากนี้ ยังผสมผสานคุณสมบัติของตัวเรือนที่สามารถกันน้ำและกันฝุ่น เข้ากับกลไก 3230 ที่ทำงานแบบอัตโนมัติ มีความเที่ยงตรงสูง ป้องกันแรงกระแทกและแรงแม่เหล็กได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่เพียงเท่านั้น หน้าปัดจะเรืองแสงเองในตอนกลางคืน จึงสามารถอ่านเวลาได้แม้จะอยู่ในที่มืด อีกทั้งยังมีให้เลือกหลายสีขึ้นอยู่กับวัสดุ สำหรับขนาดของหน้าปัดมีตั้งแต่ 28, 31, 36, 34 และ 41 มิลลิเมตร สวมใส่ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิงค่ะ
ในปี 1940 ทางแบรนด์ได้เปิดตัวนาฬิการุ่น Datejust อีกหนึ่งโมเดลที่ขึ้นชื่อเรื่องความคลาสสิก โดยโมเดลนี้จะมีตัวบอกวันที่ ทั้งยังมาพร้อมขอบหน้าปัดหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นแบบเรียบ ทรงโดม แบบเซาะร่อง หรือแบบประดับเพชร ซึ่งหากเป็นแบบเซาะร่อง วัสดุที่นำมาใช้จะมีทั้งทองคำ ทองคำขาวและเอเวอร์โรสโกลด์ จึงทำให้เป็นนาฬิกาที่มีความคลาสสิกและหรูหราในเวลาเดียวกัน เหมาะกับทั้งผู้หญิงและผู้ชายเลยค่ะ
กลไกที่ใช้ ได้แก่ 2236 และ 3235 ซึ่งเป็นแบบไขลานอัตโนมัติ เอกลักษณ์เฉพาะของ Rolex ส่วนประกอบหลักที่ใช้ในการผลิต คือ Oystersteel ซึ่งแบรนด์มักใช้ผลิตนาฬิการุ่นต่าง ๆ อยู่เสมอ เนื่องจากความทนทานสูง ทั้งยังมีเลนส์ Cyclops ที่ช่วยขยายหน้าปัด โดยเฉพาะส่วนที่เป็นวันที่ ทำให้อ่านง่าย ที่สำคัญ ยังมีสาย 2 แบบให้เลือก คือ สาย Oyster และสาย Jubilee ซึ่งสาย Jubilee จะประกอบด้วยข้อต่อห้าชิ้น มีทั้งแบบสีเดียวและ Two Tone ให้เลือกอีกด้วยค่ะ
นาฬิการุ่น Submariner นี้ได้รับฉายาให้เป็น "นาฬิกาสำหรับนักดำน้ำโดยแท้จริง" เพราะเป็นนาฬิกาสำหรับใส่ดำน้ำเรือนแรกของ Rolex เปิดตัวในปี 1953 ซึ่งในขณะนั้นสามารถใส่ดำน้ำได้ถึง 100 เมตร ขอบหน้าปัดมีตัวเลขชัดเจนและหมุนได้ ใช้จับเวลาในการดำน้ำ เพื่อความปลอดภัย ทั้งยังมีระบบที่เรียกว่า Twinlock ป้องกันไม่ให้น้ำไหลเข้าบริเวณเม็ดมะยมอีกด้วย
หน้าปัดได้รับการเคลือบ Chromalight จึงช่วยให้อ่านเวลาได้แม้อยู่ใต้น้ำลึก โดยสีพื้นหลังของหน้าปัดเกือบทุกรุ่นจะเป็นสีดำและมีขอบหลายสี เช่น สีเขียว หรือสีน้ำเงิน เป็นต้น ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ของโมเดลเลยก็ว่าได้ค่ะ และในปัจจุบัน โมเดลนี้ได้รับการพัฒนาให้ใส่ดำน้ำได้ลึกถึง 300 เมตร มาพร้อมกลไก 3230 และ 3235 ที่เพิ่มประสิทธิภาพให้มีความเที่ยงตรง และกันกระแทกได้ดียิ่งขึ้นถึง 10 เท่า รวมถึงการเก็บพลังงานสำรองที่ยาวนานถึง 70 ชั่วโมง นับว่าเป็นนาฬิกาที่เหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรมว่ายน้ำเป็นชีวิตจิตใจและอยากมีนาฬิกาคุณภาพยอดเยี่ยมเก็บสะสมไว้นั่นเองค่ะ
นาฬิการุ่น GMT Master II เป็นนาฬิกาสำหรับนักเดินทาง โดยมีจุดเริ่มต้นจากรุ่น GMT Master ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นในปี 1954 เพื่อช่วยลูกเรือ Pan-Am Airways จากผลกระทบของอาการ Jetlag ซึ่งต่อมาในปี 1983 ทางแบรนด์ก็ได้เปิดตัวนาฬิการุ่น GMT Master II หรือรู้จักกันในชื่อ "Fat Lady" ที่มาจากการออกแบบตัวเรือนที่ค่อนข้างหนา แน่นอนว่าตัวนาฬิกายังคงไว้ซึ่งดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่น
บริเวณขอบนาฬิกาเป็นแบบ Cerachrom หมุนได้สองทิศทาง ทำจากเซรามิกแบบแข็งพิเศษ เกิดรอยยาก รวมถึงการแบ่งสีเป็น 2 สี เพื่อบอกเวลากลางวันและกลางคืน ซึ่งสีที่ได้รับความนิยม คือ สีแดงสลับกับสีน้ำเงิน หรือที่เรียกกันว่า "Pepsi" นั่นเอง สำหรับกลไกการทำงานจะเป็นแบบ 3285 ช่วยให้คุณปรับเวลาได้โดยไม่กระทบกับเวลาเดิมที่คุณใช้งานอยู่ มาพร้อมสาย Oyster และ Jubilee ที่สำคัญ ยังมีรุ่นสุดพิเศษที่หน้าปัดทำจากทองคำขาว 18 กะรัต และหน้าปัดเมธีโอไรท์สุดหรู เหมาะกับการลงทุนเป็นอย่างยิ่งค่ะ
ในการผลิต Rolex แต่ละโมเดลนั้น ทางแบรนด์ต้องใช้เวลากับการทดลองและทำการวิจัย จนได้เป็นนาฬิกาที่ทนทาน เที่ยงตรง และเหมาะกับการใช้งานที่ทรหด เช่นเดียวกับการผลิตโมเดล Explorer ที่แบรนด์ทุ่มเทการทำงาน เพื่อให้ได้นาฬิกาที่เหมาะกับการผจญภัยอย่างการสำรวจถ้ำ หรือการเดินทางเพื่อพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ ซึ่งหน้าปัดของโมเดลนี้ รุ่นแรก ๆ จะมีตัวเลขเป็นเลขอารบิกเฉพาะเลข 3, 6 และ 9 ทั้งยังเคลือบ Chromalight จึงอ่านเวลาได้ง่ายยิ่งขึ้นแม้ในที่แสงน้อย
ภาพรวมของนาฬิการุ่นนี้อาจจะมีหน้าตาที่ค่อนข้างเรียบง่าย แต่หากตรวจสอบดูจะเห็นว่า โลหะที่ใช้ในการผลิตเป็น Oystersteel แบบทนทานชนิดเดียวกับที่ใช้ในเทคโนโลยีชั้นสูงอย่างอุตสาหกรรมอวกาศ ทนต่อการสึกกร่อนและเงางามแม้ผ่านการใช้งานแล้ว ปัจจุบัน มี 2 รุ่น ได้แก่ Explorer และ Explorer II ซึ่งรุ่น Explore II จะมีดีไซน์ คุณสมบัติ และขนาดที่แตกต่างจาก Explore ค่อนข้างมาก โดยได้เพิ่มฟังก์ชันบริเวณขอบตัวเรือนให้มีตัวเลข พร้อมเข็มยาวบอกเวลาแบบ 24 ชั่วโมง และแบบ 2 ไทม์โซนค่ะ
Day-Date นาฬิกาอัตโนมัติกันน้ำได้เรือนแรกของ Rolex ซึ่งนอกจากหน้าปัดจะสามารถบอกวันที่ได้แล้ว ยังมีช่องบอกวันในสัปดาห์ที่คุณสามารถเลือกภาษาได้ตามต้องการ ช่วยให้อ่านเวลาได้ง่ายขึ้น ขอบหน้าปัดมีหลายแบบให้เลือกทั้งแบบเซาะร่อง แบบเรียบ และแบบมีอัญมณี สายของโมเดลนี้เป็นสาย President แบบครึ่งวงกลมสามข้อต่อซึ่งออกแบบมาเพื่อสาว ๆ โดยเฉพาะ ที่ล็อกเป็นแบบ Crownclasp ซึ่งจะซ่อนตัวล็อกไว้ด้านในทำให้ดูเหมือนกำไรแขนนั่นเอง
โดยจะใช้กลไก 3255 รุ่นใหม่ เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการจดสิทธิบัตรทั้งหมด 14 ฉบับ ขึ้นชื่อเรื่องความทนทานและใช้งานง่าย ตัวเรือนกันน้ำได้ถึง 100 เมตร ทั้งยังมีหน้าปัดให้เลือกหลายสี ไม่ว่าจะเป็นสีฟ้า, สีขาว, สีเขียว หรือสีทอง เช่นเดียวกับสายและตัวเรือนที่มีทั้งสีเงิน สีทอง และสีเอเวอร์โรสโกลด์ ถือเป็นนาฬิกาที่เข้ากับการแต่งตัวได้หลายสไตล์ เลือกได้ตามบุคลิกของคุณเลยค่ะ
หน้าปัดของนาฬิกา Rolex แต่ละรุ่นนั้น นอกจากจะมีสีสันและขนาดที่แตกต่างกันแล้ว บางรุ่นยังทำมาจากวัสดุพิเศษ ซึ่งเราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับความพิเศษของหน้าปัดแต่ละแบบ ดังต่อไปนี้ค่ะ
สินค้า | รูปภาพ | ราคาต่ำสุด | คะแนน | |
---|---|---|---|---|
1 | ROLEX นาฬิกาสำหรับผู้ชาย รุ่น Submariner | ![]() | รูปทรงสปอร์ต อัปเกรดกลไกความเที่ยงตรง ใส่ได้หลายโอกาส | |
2 | ROLEX นาฬิกาสำหรับผู้หญิง รุ่น DAY-DATE 36 | ![]() | นาฬิกาที่สามารถบอกวันและวันที่ได้ ใช้งานง่าย กลไกใหม่ล่าสุด | |
3 | ROLEX นาฬิกาสำหรับผู้หญิง รุ่น Lady-Datejust | ![]() | หรูหราด้วยเพชรแท้คุณภาพเยี่ยม ทนทานด้วยกลไกแบบใหม่ | |
4 | ROLEX นาฬิกาสำหรับผู้ชาย รุ่น GMT-Master II | ![]() | นาฬิกาที่ได้รับความนิยมสูงสุด ทนทาน เหมาะกับการเดินทาง | |
5 | ROLEX นาฬิกาสำหรับผู้ชาย รุ่น Oyster Perpetual | ![]() | ความคลาสสิกที่อยู่คู่กับแบรนด์มายาวนาน เข้ากับสไตล์มินิมอล | |
6 | ROLEX นาฬิกาสำหรับผู้หญิง รุ่น Cosmograph Daytona | ![]() | ดีไซน์สวยเท่ มีฟังก์ชันวัดความเร็ว เหมาะกับการแต่งตัวหลากสไตล์ | |
7 | ROLEX นาฬิกาสำหรับผู้ชาย รุ่น Explorer II | ![]() | ประสิทธิภาพการใช้งานยอดเยี่ยม มาพร้อมรูปลักษณ์แสนคลาสสิก | |
8 | ROLEX นาฬิกาสำหรับผู้หญิง รุ่น Datejust | ![]() | รูปทรงคลาสสิก ประกอบด้วยทองคำ 18 กะรัต สวยงาม ทนทาน | |
9 | ROLEX นาฬิกาสำหรับผู้ชาย รุ่น Cosmograph Daytona | ![]() | มีฟังก์ชันหลากหลาย ดีไซน์โดดเด่น เหมาะกับคนที่ชื่นชอบความเร็ว | |
10 | ROLEX นาฬิกาสำหรับผู้หญิง รุ่น Oyster Perpetual | ![]() | ดีไซน์มินิมอล สีสันน่ารัก เรียบง่ายแต่หรูหราคลาสสิก Timeless |
Submariner โมเดล 126610LV หรือที่นักสะสมเรียกกันว่ารุ่น Hulk นับว่าเป็นรุ่นยอดนิยมที่สาวก Rolex ต่างอยากได้ไว้ในครอบครอง แน่นอนว่ายังคงดีไซน์คลาสสิกจากปี 1953 ไว้ได้อย่างดี เพิ่มเติมคือการปรับปรุงหน้าปัดให้กว้างขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับการพัฒนากลไลให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น โดยใช้กลไก 3235 ที่มีความแม่นยำสูง เก็บพลังงานที่สูงถึง 70 ชั่วโมง รวมถึงทนทานต่อแรงกระแทกและสนามแม่เหล็กได้ดียิ่งขึ้น
สำหรับภายนอกบริเวณขอบตัวเรือนสามารถหมุนได้ มีสลักขั้นบอกเวลา 60 นาที ที่เป็นประโยชน์ต่อการจับเวลาดำน้ำ มี Chromalight ที่เรืองแสงได้ในที่มืดหรือเมื่ออยู่ใต้น้ำ ทำให้มองเห็นหน้าปัดได้ง่ายขึ้น ถือเป็นนาฬิการูปทรงสปอร์ตที่เหมาะกับการสวมใส่ในหลาย ๆ โอกาส ใครที่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นสะสม Rolex จากรุ่นไหนดี รุ่น Submariner ก็เป็นตัวเลือกที่ดีเลยค่ะ
นาฬิกาสีทองสุดหรู Rolex รุ่น DAY-DATE 36 มาพร้อมรูปทรงแสนคลาสสิก สายและตัวเรือนทำจากทองคำ 18 กะรัต เพิ่มความพิเศษด้วยหน้าปัดสีแชมเปญ และขอบหน้าปัดแบบเซาะร่องสีทอง เมื่อนาฬิกากระทบแสงแดดจึงทำให้เกิดแสงระยิบระยับสวยงาม ที่สำคัญ ตัวหน้าปัดยังมีสีอื่น ๆ ให้คุณได้เลือกอีกมากมาย
ยิ่งไปกว่านั้น เอกลักษณ์ของโมเดลนี้คงหนีไม่พ้น ตัวบอกวันในสัปดาห์ที่อยู่เหนือโลโก้รูปมงกุฏ ที่สามารถเลือกภาษาได้ตามต้องการ มาพร้อมเม็ดมะยมที่ถูกออกแบบมาให้ปรับได้ทั้งเวลา วันในสัปดาห์ และวันที่ รวมถึงยังใช้กลไก 3255 ที่มีการอัปเดตทั้งความเที่ยงตรง พลังงานสำรองและแฮร์สปริง Parachrom ที่เป็นตัวต้านสนามแม่เหล็ก จึงมั่นใจได้เลยว่า นาฬิกาเรือนนี้จะสามารถบอกเวลาได้อย่างเที่ยงตรงแน่นอนค่ะ
นาฬิกา Rolex รุ่น Lady-Datejust เรือนนี้ทำจาก Everose Rolesor หรือ Oystersteel ผสมเวอร์โรสโกลด์ จึงได้นาฬิกาที่มีสีสันสวยงามและทนทาน หน้าปัดทำจากไข่มุกสีขาว ซึ่งมีสีสันตามธรรมชาติ Unique ไม่ซ้ำใคร ขอบของหน้าปัดล้อมไปด้วยเพชรคุณภาพเยี่ยม เช่นเดียวกับมาร์กเกอร์บอกเวลา สายเป็นแบบ Jubilee มี 5 ข้อต่อ มีความยืดหยุ่นและสวมใส่สบาย ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางอยู่ที่ 28 มิลลิเมตร ไม่เล็กจนเกินไป ช่วยให้อ่านตัวเลขได้สะดวก
นอกจากสีโรสโกลด์แล้ว ในรุ่นเดียวกันยังมีสีทองที่ทำจากทองผสม Oystersteel และสีเงินจากทองคำขาวผสมโลหะ แต่ราคาอาจจะต่างกันเล็กน้อย ที่ล็อกสายเป็นแบบ Crownclasp ทำให้สายดูกลมกลืนเสมือนกับว่าไม่มีที่ล็อกใด ๆ อยู่ ในส่วนของกลไก 2236 เป็นกลไกที่อัปเกรดใหม่ ให้ความเที่ยงตรงและทนทานมากยิ่งขึ้น เหมาะกับสาว ๆ ที่ชอบนาฬิกาเรือนเล็กหรือคนที่มีข้อมือเล็กค่ะ
หนึ่งในนาฬิกาที่ได้รับความนิยมสูงสุดของเหล่าบรรดาคนรักนาฬิกา มีเส้นผ่านศูนย์กลางของหน้าปัดอยู่ที่ 40 มิลลิเมตร ทำจากโลหะ Oyster และทองคำขาว ตัวเรือนตรงกลางเป็น Monobloc จึงสวมใส่สบาย และด้วยความล้ำค่าของทองคำขาว ประกอบกับความนิยมที่มีต่อโมเดลนี้ จึงทำให้ GMT Master II เป็นนาฬิกาที่มีราคาสูงและหายากอีกด้วยค่ะ
นอกจากนี้ ขอบหน้าปัดหมุนได้ยังทำจากเซรามิกพิเศษที่ป้องกันการเกิดรอยได้เป็นอย่างดี ใช้สำหรับบอกเวลาที่ต่างกัน 2 ไทม์โซน ทั้งยังเป็นแบบ Two Tone แบ่งช่วงเช้าและช่วงเย็นของไทม์โซนนั้น ๆ และมีกลไกการทำงานแบบ 3285 จึงบอกเวลาได้อย่างแม่นยำและมีพลังงานสำรองนานขึ้น ที่สำคัญคือ หน้าปัดยังมี Chromalight ช่วยให้อ่านเวลาได้แม้ในที่แสงน้อยอีกด้วย
ไม่พูดถึงนาฬิกา Rolex รุ่น Oyster Perpetual คงไม่ได้ เพราะเป็นที่พูดถึงอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะสี Turquoise ฺBlue ที่ทุกคนต่างตามหา สำหรับดีไซน์ของนาฬิการุ่นนี้ จะเน้นความเรียบหรูและคลาสสิก โดยใช้กลไก 3230 ที่ประสิทธิภาพเทียบเท่ากับนาฬิกาสปอร์ต ไม่ว่าจะเป็นการสำรองพลังงานได้ 70 ชั่วโมง ความเที่ยงตรง และความทนทานต่อแรงกระแทก รวมถึงหน้าปัดผิวซันเรย์ที่สวยมีเอกลักษณ์
นอกจากนี้ หน้าจอยังเรืองแสงในตอนกลางคืนหรือในที่มีแสงน้อย เพื่อให้อ่านเวลาได้ง่ายยิ่งขึ้น ตัวสายเป็น Oyster แบบสามข้อ สำหรับไซซ์ที่เหมาะกับผู้ชาย คือ ไซซ์ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 41 มิลลิเมตร หรือหากคุณชื่นชอบนาฬิกาเรือนที่ไม่ใหญ่มากก็ยังมีไซซ์ 36 มิลลิเมตร ให้เลือกสรร และด้วยดีไซน์เรียบหรูนี้ จึงเหมาะกับสไตล์การแต่งตัวทั้งแบบเรียบง่ายและแบบทางการค่ะ
นาฬิกา Rolex รุ่น Cosmograph Daytona ไม่เพียงแต่เหมาะสำหรับผู้ชายเท่านั้น แต่สำหรับสาว ๆ ที่ชื่นชอบดีไซน์นาฬิกาที่ดูสปอร์ตแต่ยังคงความหรูหราคลาสสิก นาฬิการุ่นนี้ตอบโจทย์ได้อย่างดีเลยค่ะ โดยตัวเรือนและหน้าปัดเป็นสีโรสโกลด์ บริเวณมาร์กเกอร์ เข็ม รวมถึงสายนาฬิกาทำจากทองคำขาว 18 กะรัต มีจุดเด่นที่ความเที่ยงตรง ฟังก์ชันการจับเวลา มาตรวัดความเร็ว และขอบหน้าปัดที่วัดระยะทางได้
สำหรับตัวเครื่องใช้กลไก 4130 ที่ประกอบด้วย Parachrom Hairspring ทำให้ทนทานต่อแรงกระแทกและความผันผวนของอุณหภูมิ อีกทั้งยังเก็บพลังงานได้สูงถึง 72 ชั่วโมง และถึงแม้ดีไซน์จะดูสปอร์ต แต่กลับเข้ากับการแต่งตัวได้หลากสไตล์ และหากใครที่อยากเพิ่มลุคที่ดูสปอร์ตยิ่งขึ้น ก็ยังมีสาย Oysterflex ที่มีความทนทานพิเศษให้เลือกสรรอีกด้วยค่ะ
นาฬิกา Rolex รุ่น Explorer II เป็นรุ่นที่ออกแบบมาเพื่อสายรักการผจญภัยโดยเฉพาะ โดยได้ผ่านการทดลองหลายขั้นตอน รวมถึงการให้นักผจญภัยสวมนาฬิกาไปใช้ในสถานที่จริง จึงถือเป็นเครื่องพิสูจน์ความทนทานได้เป็นอย่างดี ตัวเครื่องใช้กลไล 3285 ที่โดดเด่นทั้งเรื่องความแม่นยำ การสำรองพลังงาน ความทนทานต่อแรงกระแทกและความผันผวนของอุณหภูมิ
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมาพร้อมขอบหน้าปัดแสดงเวลา 24 ชั่วโมงและเข็มแสดงเวลาแบบพิเศษ ที่ช่วยในการบอกเวลากลางวัน-กลางคืน หากต้องเดินทางไปยังสถานที่ที่บอกวันเวลาได้ยากอย่างขั้วโลกใต้ และเนื่องจากเป็นรุ่นที่พัฒนามากจากรุ่น Oyster จึงเหมาะกับใครที่ชอบกิจกรรมลุย ๆ แต่ยังคงมองหาความคลาสสิกอยู่ อย่างไรก็ตาม เส้นผ่านศูนย์กลางของหน้าปัดจะอยู่ที่ 42 มิลลิเมตร จึงอาจจะดูใหญ่กว่ารุ่นอื่น ๆ เล็กน้อยค่ะ
นาฬิการูปทรงคลาสสิกทำจากทองคำ 18 กะรัต ทั้งตัวเรือน สาย และมาร์กเกอร์บอกเวลา ให้ความสวยงาม หรูหรา และทนทาน โดยนาฬิกา Rolex รุ่น Datejust ขอบของหน้าปัดเป็นแบบเซาะร่อง ที่ในอดีตใช้กับรุ่น Oyster เพื่อยึดหน้าปัดเข้ากับตัวเรือน ไม่ให้น้ำไหลเข้า และเนื่องจาก Rolex ได้พัฒนาเทคโนโลยีให้มีความทันสมัยมากขึ้น ขอบแบบเซาะร่องจึงทำหน้าที่เป็นเครื่องประดับตัวเรือนที่แสนงดงามแทน โดยจะมาพร้อมสาย Oyster ที่มีสามข้อต่อ
ในส่วนของหน้าปัด พื้นหนังมีสีขาวที่เพิ่มความโดดเด่นให้กับมาร์กเกอร์สีทองได้เป็นอย่างดี ที่ล็อกเป็นแบบ Crownclasp ซึ่งมักจะใช้กันนาฬิกาขนาดเล็ก ใช้กลไก 2236 แบบเดียวกับนาฬิกา Perpetual รุ่นอื่น ๆ มีความเที่ยงตรงสูง ปิดท้ายด้วยมาร์กเกอร์เลขโรมัน ทำให้รุ่นนี้กลายเป็นนาฬิกาคลาสสิกอย่างสมบูรณ์แบบ เหมาะกับการสวมใส่ในชีวิตประจำวัน เข้ากับการแต่งตัวทั้งแบบทางการและ Casual เลยค่ะ
นาฬิการุ่น Cosmograph Daytona ขึ้นชื่อในเรื่องของความทนทาน ตัวเรือนและหน้าปัดเป็นสีโรสโกลด์ มาร์กเกอร์และเข็มทำจากทองคำขาว 18 กะรัต ออกแบบมาสำหรับนักแข่งรถมืออาชีพหรือผู้ที่ชื่นชอบความเร็ว มีระบบ Cosmograph ที่ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับการวัด ทำให้หน้าปัดมีตัวบอกเวลาอย่างละเอียด จับเวลาได้ ทั้งยังมีมาตรวัดความเร็วเสริมมาอีกด้วย
ขอบของหน้าปัดใช้เป็นตัววัดระยะทางเพื่อให้ทราบความเร็วสูงสุดต่อเวลาที่ใช้ไป ซึ่งนอกจากคุณสมบัติที่ครบครันแล้ว ยังเข้ากับการแต่งตัวหลากสไตล์ สายหนังมีโลหะอยู่ภายใน ทำหน้าที่รักษารูปทรงของสายให้ดูดีอยู่เสมอ ที่สำคัญคือ ใช้กลไก 4130 ที่มีสปริงขนาดใหญ่ ทำให้เก็บพลังงานสำรองได้นานถึง 72 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม นอกจากสายหนังแล้ว ยังมีสายโลหะให้คุณได้เลือกเป็นเจ้าของอีกด้วยค่ะ
สำหรับสาว ๆ ที่กำลังมองหานาฬิกาดีไซน์เรียบหรู หรือนาฬิกา Rolex เรือนแรกอยู่ รุ่น Oyster Perpetual ก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีเลยค่ะ เพราะนอกจากราคาจะไม่สูงมากเมื่อเทียบกับรุ่นอื่น ๆ แล้ว ในปัจจุบันนาฬิการุ่นนี้ยังได้รับความนิยมอย่างมาก โดยใช้กลไล 3230 ที่ได้พัฒนาทั้งในเรื่องของการสำรองพลังงาน ความแม่นยำ และความทนทานให้เทียบเท่ากับนาฬิกาสปอร์ต
อย่างไรก็ตาม นาฬิการุ่น Oyster Perpetual นั้นจะมีให้เลือกอยู่หลายขนาดด้วยกัน สำหรับไซซ์ที่ได้รับความนิยมที่สุด คือ ไซซ์ 36 ที่หากผู้หญิงใส่จะดูโอเวอร์ไซซ์เล็กน้อย แต่หากคุณเป็นคนที่ข้อมือค่อนข้างเล็กหรือชอบลุคที่ดูมีความ Feminine แนะนำไซซ์ 28 จะเหมาะสมกว่า แอบกระซิบว่าถ้าหนุ่ม ๆ คนไหนกำลังเล็งนาฬิการุ่นนี้ให้คนพิเศษอยู่ แนะนำเป็นสีชมพูกับสีฟ้า รับรองถูกใจแน่นอนค่ะ
สุดท้ายนี้ สำหรับใครที่อาจจะเคยเห็นคำว่า Chronograph และ Chronometer แต่ยังไม่รู้ความหมาย ซึ่งทั้งสองคำนี้เป็นสิ่งที่ใช้วัดคุณภาพของนาฬิกาว่ามีความแม่นยำมากแค่ไหน โดย Chronograph จะเป็นความแม่นยำในการวัดต่าง ๆ ที่มีอยู่บนนาฬิกาบางรุ่น เช่น การจับเวลา ส่วน Chronometer เป็นการวัดการบอกเวลาว่าเที่ยงตรงแค่ไหน ซึ่งได้รับการับรองจากสถาบันทดสอบนาฬิกาที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก COSC และแน่นอนว่า นาฬิกาของ Rolex นั้นผ่านการรับรองทุกรุ่นเลยทีเดียวค่ะ
อันดับที่ 1: ROLEX|นาฬิกาสำหรับผู้ชาย รุ่น Submariner
อันดับที่ 2: ROLEX|นาฬิกาสำหรับผู้หญิง รุ่น DAY-DATE 36
อันดับที่ 3: ROLEX|นาฬิกาสำหรับผู้หญิง รุ่น Lady-Datejust
อันดับที่ 4: ROLEX |นาฬิกาสำหรับผู้ชาย รุ่น GMT-Master II
อันดับที่ 5: ROLEX|นาฬิกาสำหรับผู้ชาย รุ่น Oyster Perpetual
คลิกที่นี่สำหรับการจัดอันดับคำบรรยายสินค้าแต่ละรายการอ้างอิงจากเนื้อหาที่แสดงในเว็บไซต์ผู้ผลิต แบรนด์ และเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ
เครื่องดื่ม
วัสดุก่อสร้าง, เครื่องมือและอุปกรณ์ช่าง
สวนและอุปกรณ์ในสวน
ความงาม, ของใช้ส่วนตัว
โน้ตบุ๊ก, PC, อุปกรณ์ไอที
ของใช้ในบ้าน, อุปกรณ์ในบ้าน
เครื่องใช้ไฟฟ้า
กล้อง
เครื่องสำอาง, สกินแคร์
สุขภาพ
อาหาร
เครื่องใช้ในครัว
แฟชั่น
รองเท้า
นาฬิกา, เครื่องประดับ
แม่และเด็ก
เฟอร์นิเจอร์, อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน
งานอดิเรก
กิจกรรมกลางแจ้ง
DIY, เครื่องเขียน, อุปกรณ์สำนักงาน
กีฬา
สัตว์เลี้ยง
หนังสือ
เกม
รถยนต์, รถจักรยานยนต์, อุปกรณ์เสริม
ของขวัญ, ของฝาก
ท่องเที่ยว
สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, อุปกรณ์เสริม
เครือข่ายมือถือ
การลงทุน
เครดิตการ์ด, สินเชื่อ, ประกัน
ดนตรี, เครื่องเสียง
แอปพลิเคชัน, โปรแกรม
บริการ