นาฬิกา Rado (นาฬิการาโด้) เป็นนาฬิกาแบรนด์หรูจากสวิตเซอร์แลนด์ที่ผสมผสานความงดงามทางการออกแบบเข้ากับเทคโนโลยีวัสดุที่ล้ำสมัย โดยเฉพาะเซรามิกคุณภาพพิเศษที่มีน้ำหนักเบา แข็งแรง และทนรอยขีดข่วนได้ดี อีกทั้งยังมีดีไซน์เรียบหรูเป็นเอกลักษณ์และมีให้เลือกหลากหลายรุ่น ซึ่งช่วยเสริมลุคให้ดูภูมิฐานและสะท้อนถึงรสนิยมที่แตกต่างได้เป็นอย่างดี
บทความนี้เรามีวิธีการเลือกนาฬิกา Rado สำหรับผู้ที่มองหานาฬิกาช่วยเสริมบุคลิกให้ดูดีและน่าเชื่อถือ ผู้ที่ชอบนาฬิกาแฟชั่นลักชัวรี่ รวมถึงนักลงทุนหรือผู้ที่ชอบสะสมนาฬิการุ่นหายาก และยังมี 10 นาฬิกา Rado รุ่นยอดนิยมจากซีรีส์หรือคอลเลกชันดัง เช่น นาฬิกา Rado DiaStar Original, Rado Florence, Rado Anatom มาแนะนำเพิ่มเติมอีกด้วย
Top 5 นาฬิกา Rado ยอดนิยม
RADO
ตัวเรือนรูปทรงไข่ วัสดุแข็งแรงไม่เกิดรอย มีหลายสีให้เลือก
RADO
เผยให้เห็นกลไกการทำงานภายในที่แสนซับซ้อนและมีเสน่ห์
คุณวิวทำงานด้านการแปลข่าวต่างประเทศและเขียนคอนเทนต์ไลฟ์สไตล์ในสำนักข่าว ด้วยความหลงใหลในศิลปะ วัฒนธรรม และแฟชั่นจากยุคต่าง ๆ โดยเฉพาะโอตกูตูร์ ทำให้คุณวิวติดตามเทรนด์การแต่งตัวและสินค้าแบรนด์เนมอย่างใกล้ชิด โดยให้ความสนใจเป็นพิเศษในเรื่องของกระเป๋า เครื่องประดับ และเสื้อผ้าแบรนด์เนม ไม่เพียงเพราะความสวยงามและเอกลักษณ์ของแต่ละแบรนด์ แต่ยังมองว่าสินค้าเหล่านี้เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ซึ่งการได้ศึกษารีวิวสินค้าแบรนด์ดัง รวมถึงการเปรียบเทียบดีไซน์ วัสดุ และความนิยมของแต่ละไอเทม กลายเป็นความสนุกและเป็นสิ่งที่คุณวิวทำอย่างต่อเนื่อง นอกจากการอัปเดตเทรนด์แฟชั่นแล้ว คุณวิวยังสนุกกับการแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าแบรนด์เนม ไม่ว่าจะเป็นไอเทมที่ควรค่าแก่การสะสม วิธีเลือกซื้อให้เหมาะกับสไตล์ และแนวโน้มตลาดของสินค้าแต่ละแบรนด์ เพื่อช่วยให้ผู้อ่านสามารถตัดสินใจเลือกซื้อได้อย่างมั่นใจ
สารบัญ
มายเบสท์เป็นเว็บไซต์ที่มีการจัดทำฐานข้อมูลสินค้าที่มีการเพิ่มข้อมูลสินค้าเข้าไปมากกว่า 2,000 รายการในแต่ละเดือน ซึ่งในแต่ละบทความเราได้ใช้เวลาในการจัดทำเนื้อหาและทำการค้นคว้าข้อมูลมาอย่างละเอียด รวมทั้งสัมภาษณ์และตรวจสอบข้อมูลโดยผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้าน เพื่อนำความรู้และข้อมูลเชิงลึกทั้งหมดนี้มาส่งมอบเป็นบทความที่ผู้อ่านสามารถเชื่อถือได้
เพื่อให้ได้ Rado นาฬิกาที่มีคุณภาพและเหมาะกับความต้องการมากที่สุด จำเป็นต้องพิจารณารายละเอียดต่าง ๆ ก่อนเลือกซื้อ ไม่ว่าจะเป็นด้านดีไซน์ รุ่น วัสดุ สี หรือคุณสมบัติพิเศษ โดยเลือกได้จากวิธีการดังต่อไปนี้
สำหรับผู้ที่ชอบนาฬิกาดีไซน์เรียบหรู ดูภูมิฐาน จะเหมาะกับนาฬิกา Rado ซีรีส์ Florence, Coupole หรือ Centrix เพราะมีเอกลักษณ์ด้านการออกแบบที่ดูหรูหรา สง่างาม และสื่อถึงรสนิยมที่มีระดับได้อย่างชัดเจน โดยแต่ละซีรีส์มีจุดเด่นที่น่าสนใจ ดังนี้
นาฬิกา Rado Florence ซีรีส์ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากบรรยากาศของเมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี ซึ่งถ่ายทอดออกมาผ่านตัวเรือนและหน้าปัดที่งดงาม โดยมีรุ่นยอดนิยม คือ Florence Classic Diamonds ที่โดดเด่นด้วยการแต่งเพชรฟูลคัทจำนวน 4 เม็ด ประดับในตำแหน่ง 3, 6, 9 และ 12 นาฬิกา ทำหน้าที่เป็นตัวบอกเวลาได้อย่างหรูหรา
นาฬิกา Rado Coupole Classic ซีรีส์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากนาฬิกาวินเทจยุค 60s ซึ่งถูกนำมาปรับเปลี่ยนให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ โดยมีรุ่นยอดนิยม คือ Coupole Classic Automatic Power Reserve ที่โดดเด่นด้วยสายหนังสไตล์คลาสสิกและหน้าปัด Sapphire Crystal ซึ่งช่วยป้องกันรอยขีดข่วน และเสริมประกายให้เรือนเวลาดูน่าหลงใหลมากยิ่งขึ้น
สำหรับผู้ที่ต้องการนาฬิกาสไตล์แฟชั่น เน้นดีไซน์แปลกใหม่ และมีความโดดเด่นเฉพาะตัว จะเหมาะกับนาฬิกา Rado ซีรีส์ Anatom, Integral หรือ True Square เพราะมีความโดดเด่นด้วยการออกแบบตัวเรือนเป็นทรงสี่เหลี่ยม ซึ่งแตกต่างจากนาฬิกาทรงกลมแบบดั้งเดิม ทำให้ดูทันสมัย มีเอกลักษณ์ และสะท้อนความเป็นแฟชั่นได้ชัดเจน โดยแต่ละซีรีส์มีจุดเด่นที่น่าสนใจ ดังนี้
นาฬิกา Rado Anatom มี Sapphire Crystal ทรงกระบอกลบมุม เชื่อมเข้ากับข้อต่อเซรามิกไฮเทคขัดเงาแบบไร้รอยต่อ ทำให้ตัวเรือนและสายดูเป็นชิ้นเดียวกันอย่างกลมกลืน โดยมีรุ่นยอดนิยม เช่น Anatom Automatic ซึ่งโดดเด่นด้วยสัญลักษณ์สมอที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา และหน้าต่างบอกวันที่ในตำแหน่ง 6 นาฬิกา และยังประดับอัญมณี 21 เม็ด ที่มองเห็นได้ผ่านฝาหลัง Sapphire Crystal ช่วยเพิ่มลูกเล่นให้นาฬิกามีเอกลักษณ์ที่น่าสนใจยิ่งขึ้น
นาฬิกา Rado Integral ซีรีส์แรกที่นำไฮเทคเซรามิกมาใช้ในการผลิต ซึ่งมีดีไซน์เพรียวบาง ตัวเรือนเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเล็ก 22.7 มม. โดยมีรุ่นยอดนิยม เช่น Integral Diamonds ซึ่งโดดเด่นด้วยการประดับเพชรเข้ากับดีไซน์ที่เพรียวบาง ทำให้นาฬิกาดูทันสมัย และช่วยเสริมลุคให้ดูดีขึ้นได้ในทุกโอกาส
นาฬิกา Rado True Square ซีรีส์ที่โดดเด่นด้วยหน้าปัดสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ 38 มม. ให้ลุคโมเดิร์นที่แฝงความเท่ไว้ในตัว โดยมีรุ่นยอดนิยม เช่น True Square Skeleton ซึ่งมีดีไซน์แบบเผยให้เห็นกลไกการทำงานภายในที่มีความซับซ้อนผ่านหน้าปัด ทำให้นาฬิกามีความโดดเด่นเฉพาะตัว และช่วยดึงดูดสายตาผู้ที่พบเห็นได้เป็นอย่างดี
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบนาฬิกาสไตล์คลาสสิกหรือแบบวินเทจ จะเหมาะกับนาฬิกา Rado ซีรีส์ Captain Cook หรือ HyperChrome Classic เพราะเป็นซีรีส์ที่ออกแบบโดยผสมผสานเสน่ห์ความคลาสสิกย้อนยุคเข้ากับดีไซน์ร่วมสมัย ทำให้ตัวเรือนและสายมีความเท่ หรู และดูภูมิฐานผสมผสานกันอย่างลงตัว ซึ่งแต่ละซีรีส์มีจุดเด่นที่น่าสนใจ ดังนี้
นาฬิกา Rado HyperChrome Classic ซีรีส์ที่ได้แรงบันดาลใจจากนาฬิกาคลาสสิกดั้งเดิม แต่ถูกปรับรายละเอียดให้ดูร่วมสมัยและเหมาะกับการสวมใส่ในทุกโอกาส โดยมีรุ่นยอดนิยม เช่น HyperChrome Classic Automatic Diamonds ซึ่งเป็นนาฬิกา Rado ราคาหลักแสนต้น ๆ ที่ตัวเรือนประดับเพชรบนหน้าปัด ตัดกับสายสเตนเลสสตีลผสม Ceramos ที่มีความเงาในตัว เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ชื่นชอบสไตล์คลาสสิกที่คงความหรูหราเหนือกาลเวลา
สำหรับผู้ที่ต้องการนาฬิกาช่วยเสริมลุคให้ดูสมาร์ท เน้นสะท้อนบุคลิกมั่นใจและทันสมัย จะเหมาะกับนาฬิกา Rado ซีรีส์ HyperChrome หรือ True Thinline เพราะเป็นซีรีส์ที่มีดีไซน์ตัวเรือนแบบเรียบง่าย แต่แฝงด้วยดีเทลเล็ก ๆ ที่ช่วยเสริมให้นาฬิกามีสไตล์เฉพาะตัวที่น่าสนใจมากขึ้น โดยมีจุดเด่นที่น่าสนใจ ดังนี้
นาฬิกา Rado True Thinline ซีรีส์ที่ขึ้นชื่อเรื่องความบางเฉียบและน้ำหนักเบาที่สุดของนาฬิกา Rado และใช้โครงสร้าง Monobloc Case ทำจากเซรามิกไฮเทคทั้งชิ้น ซึ่งช่วยให้นาฬิกามีความแข็งแรง ทนต่อรอยขีดข่วนได้ดี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลุคเรียบง่ายแต่มีความมั่นใจ ซึ่งมีรุ่นยอดนิยม เช่น True Secret ที่มีดีเทลหน้าปัดเผยให้เห็นกลไก Automatic ภายใน ผ่านช่องรับแสงที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา ซึ่งช่วยเพิ่มความลึกลับและน่าค้นหา เสมือนมีงานศิลป์อยู่บนข้อมือ
สำหรับนักลงทุนหรือผู้ที่ชอบสะสมนาฬิการุ่นเก่าหรือรุ่นหายาก จะเหมาะกับนาฬิกา Rado ซีรีส์ DiaStar Original เพราะเป็นคอลเลกชันระดับตำนานที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 1962 และได้รับการยกย่องว่าเป็นนาฬิกากันรอยขีดข่วนรุ่นแรกของโลก ทำให้มีทั้งคุณค่าทางประวัติศาสตร์และมูลค่าเชิงสะสมที่อาจมีแนวโน้มสูงขึ้นในอนาคต โดยมีรุ่นที่น่าสนใจ ดังนี้
นาฬิกา Rado DiaStar Original Automatic นาฬิกาเรือนทองที่มีความคลาสสิกและหรูหราในตัว โดดเด่นด้วยหน้าปัดลวดลายเรขาคณิตที่ซับซ้อนและประดับเพชรสวิสเจียระไน 11 เม็ดบนลวดลาย เสริมด้วยการตกแต่งผงเพชรที่ช่วยเพิ่มประกายระยิบระยับ ซึ่งสะท้อนความงดงามที่น่าหลงใหลออกมาได้ในทุกมุมมอง
นาฬิกา Rado DiaStar Original X Tej Chauhan Special Edition นาฬิการุ่นพิเศษที่เกิดจากความร่วมมือระหว่าง Rado และนักออกแบบระดับโลก Tej Chauhan โดยนำคอลเลกชัน DiaStar Original มาตีความใหม่ในสไตล์อาวองการ์ดที่แปลกตาและร่วมสมัยมากขึ้น โดดเด่นด้วยสายยางสีเทาทรงหมอนตัดกับตัวเรือนสีทองอร่าม พร้อมช่องแสดงวันที่ที่ใช้ฟอนต์เฉพาะจาก Tej Chauhan และตกแต่งด้วยโทนสีแบบนีออน เพื่อสร้างความสดใหม่และเสริมความโดดเด่นให้สะดุดตายิ่งขึ้น
สินค้า | รูปภาพ | ราคาต่ำสุด | จุดเด่น | |
---|---|---|---|---|
1 | RADO นาฬิกาข้อมือ รุ่น CAPTAIN COOK AUTOMATIC | ![]() | ดีไซน์คลาสสิก ฟังก์ชันการใช้งานทันสมัย ทนต่อการเกิดรอย | |
2 | RADO นาฬิกาข้อมือ รุ่น THE ORIGINAL AUTOMATIC | ![]() | ตัวเรือนรูปทรงไข่ วัสดุแข็งแรงไม่เกิดรอย มีหลายสีให้เลือก | |
3 | RADO นาฬิกาข้อมือ รุ่น TRUE AUTOMATIC | ![]() | เข้ากับการแต่งตัวแบบ Casual เหมาะกับการใช้ในชีวิตประจำวัน | |
4 | RADO นาฬิกาข้อมือ รุ่น TRUE SQUARE AUTOMATIC OPEN HEART | ![]() | เผยให้เห็นกลไกการทำงานภายในที่แสนซับซ้อนและมีเสน่ห์ | |
5 | RADO นาฬิกาข้อมือ รุ่น TRUE THINLINE LES COULEURS™ LE CORBUSIER PALE SIENNA 32123 | ![]() | ใส่สบาย มีสีสันแบบพิเศษจากนักสถาปัตยกรรมระดับตำนาน | |
6 | RADO นาฬิกาข้อมือ รุ่น CENTRIX DIAMONDS | ![]() | หนึ่งในคอลเลกชันที่มีดีไซน์หลากหลายที่สุด พร้อมวัสดุคุณภาพ | |
7 | RADO นาฬิกาข้อมือ รุ่น COUPOLE CLASSIC AUTOMATIC | ![]() | รูปทรงคลาสสิก มาคู่กับกระจกคริสตัล Sapphire ที่ทนทาน | |
8 | RADO นาฬิกาข้อมือ รุ่น HYPERCHROME CHRONOGRAPH | ![]() | รูปลักษณ์เป็นทางการ แต่เข้ากับการแต่งตัวหลากหลายสไตล์ | |
9 | RADO นาฬิกาข้อมือ รุ่น INTEGRAL DIAMONDS | ![]() | ดีไซน์โมเดล เหมาะกับทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ใช้ได้ในหลายโอกาส | |
10 | RADO นาฬิกาข้อมือ รุ่น FLORENCE DIAMONDS | ![]() | แรงบันดาลใจมาจากสถาปัตยกรรมอันมีเสน่ห์ในเมืองฟลอเรนซ์ |
หนึ่งในรุ่นที่ประสบความสำเร็จที่สุดของแบรนด์ สาเหตุมาจากวัสดุพิเศษที่แบรนด์คิดค้นขึ้นและนำมาใช้กับรุ่นนี้นั่นก็คือ High-Tech Ceramic ที่ทนต่อการเกิดรอยขีดข่วน โดยกลไกของรุ่นนี้เป็นแบบอัตโนมัติสามารถสำรองพลังงานได้นานถึง 80 ชั่วโมง และยังกันน้ำได้ลึก 300 เมตร นอกจากนี้ในส่วนของดีไซน์ยังผสมผสานทั้งความคลาสสิกและทันสมัยในเรือนเดียวกัน ทำให้เหมาะกับผู้ชายทุกช่วงวัย กรอบมีทั้งหมด 6 สีให้เลือกและเปลี่ยนสายได้ เลือกแบบได้ตามสไตล์ที่คุณชื่นชอบค่ะ
ถือเป็นรุ่นแรกที่ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้าง เนื่องจากนวัตกรรมวัสดุที่ทนต่อการเกิดรอยได้เริ่มใช้กับรุ่นนี้เป็นรุ่นแรก และประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากหลังจากการเปิดตัว ปัจจุบันแบรนด์ได้ปรับปรุงดีไซน์เพื่อให้ดูทันสมัยยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีหลายโมเดลให้เลือก โดยโมเดลที่เราเลือกมาแนะนำมีตัวเรือนสีเงินล้วน ทำจากโลหะและสเตนเลสสตีลให้ลุคที่เรียบง่าย อีกทั้งยังใช้กลไกอัตโนมัติที่สำรองพลังงานได้นานถึง 80 ชั่วโมง จึงไม่ต้องกังวลแม้ไม่ได้สวมติดต่อกันหลายวันค่ะ
ด้วยดีไซน์ที่แปลกตาและดูโมเดิร์นจึงทำให้รุ่นนี้เป็นที่นิยม อีกทั้งยังมีการใช้วัสดุ High-Tech Ceramic ที่ขึ้นชื่อของแบรนด์ในเรื่องผิวสัมผัส ความทนทาน และความสบายในยามสวมใส่ โดยโมเดลที่เราเลือกมาแนะนำเป็นโมเดลที่มีตัวเรือน สาย และหน้าปัดสีดำ แต่เนื่องจากเป็นเซรามิกเคลือบจึงทำให้ดูเงางาม ส่วนมาร์กเกอร์ เข็มนาฬิกา และรายละเอียดอื่น ๆ ที่ปรากฎบนหน้าปัดเป็นสีชมพูสวยสดใส เหมาะกับทั้งผู้หญิงและผู้ชาย สำหรับสวมใส่ในชีวิตประจำวันค่ะ
ออกแบบมาเอาใจคนที่หลงใหลในกลไกการทำงานของนาฬิกาที่มีความซับซ้อนและดูมีเสน่ห์ เพราะรุ่นนี้ออกแบบให้คุณสามารถมองเห็นกลไกการทำงานผ่านหน้าปัดได้ ผสมผสานกับดีไซน์ทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสของตัวเรือนยิ่งทำให้ดูแตกต่างและง่ายต่อการจดจำ อีกทั้งยังใช้วัสดุที่เรียกว่า Plasma High-Tech Ceramic ที่มีผิวสวยงามมันวาว และทนทาน นอกจากนี้ยังมีโมเดลสีดำ และสีขาวให้เลือกด้วย เหมาะกับคนที่มองหานาฬิกาที่ให้ความเป็นทางการที่มีลูกเล่นพิเศษค่ะ
พิเศษสุด ๆ สำหรับรุ่น True Thinline Le Corbusier ที่แบรนด์ได้เลือกสีทั้งหมด 9 สีจากพาเลทสี Architectural Polychromy System ที่คิดค้นโดยนักสถาปัตยกรรมชื่อ Le Corbusier จะเห็นได้จากการตั้งชื่อรุ่นตามชื่อของเขา โดยในส่วนของดีไซน์ยังคงใช้แบบดังเดิมของ True Thinline ต่างกันที่การใช้สีแบบโมโนโทนหรือแบบสีล้วน ทำให้ดูสวยสะดุดตา อีกทั้งยังมีตัวเรือนที่บาง ช่วยให้สวมใส่สบาย เหมาะกับคนที่ชื่นชอบนาฬิกาสีสันสดใสเป็นอย่างมากค่ะ
ถึงแม้จะมีรูปทรงที่เรียบง่ายไม่หวือหวา แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งความนิยมของรุ่นนี้ได้เลย เพราะนี่ถือเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ขายดีของแบรนด์ สาเหตุของความนิยมมาจากการมีโมเดลหลากหลายให้เลือกทั้งในด้านสีสันและดีไซน์ อีกทั้งยังเลือกได้ว่าต้องการกลไกควอตซ์หรืออัตโนมัติ และที่สำคัญคือการใช้วัสดุอันแสนทนทานอย่าง High-Tech Ceramic และคริสตัล Sapphire ช่วยให้คุณไม่ต้องกังวลในเรื่องของการดูแลรักษามากนัก ดังนั้น หากคุณสนใจรุ่นนี้ก็ลองหาดูแบบที่เข้ากับคุณได้เลยค่ะ
รุ่นนี้ถือเป็นการผสมผสานกันระหว่างดีไซน์สุดคลาสสิกและคริสตัล Sapphire คุณภาพเยี่ยม เกิดรอยยาก และลดการสะท้อนแสงช่วยให้อ่านเวลาง่าย แต่ละโมเดลจะมีดีเทลที่ต่างกันออกไป อีกทั้งยังมีสายให้เลือกสองชนิดหลักคือ สายหนังและสายโลหะ ยังไม่นับรวมในส่วนของสีสันและลวดลายต่าง ๆ ของสายด้วย ส่วนรุ่น Classic Automatic ที่เราเลือกมาแนะนำนี้ถือว่ามีความเรียบง่าย โดยมีตัวเรือนสีทองแดงและสายหนังสีดำ เป็นสไตล์ Unisex และสวมใส่ได้ในหลายโอกาสค่ะ
หากคุณเป็นคนที่ชอบนาฬิกาที่มีดีไซน์เท่และดูเป็นทางการ รุ่น HyperChrome Chronograph คือ รุ่นที่จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้ ด้วยระบบทำงานแบบ Chronograph จึงมีหน้าปัดที่สามารถบอกเวลาได้อย่างละเอียดและจับเวลาได้ด้วย ส่วนกลไกเป็นแบบควอตซ์ ข้อดีคือคุณไม่ต้องสวมใส่ตลอดเวลาเพื่อให้นาฬิกาทำงาน แต่จะต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่เมื่อพลังงานหมด นอกจากนี้ หน้าปัดยังมีหลายสีให้เลือก เหมาะกับผู้ชายและเข้ากับการแต่งตัวได้หลายสไตล์ค่ะ
เอาใจคนรักนาฬิการูปทรงทันสมัย เราขอแนะนำรุ่น Integral นาฬิการูปทรงสี่เหลี่ยมสุดโมเดิร์น ทำจาก High-Tech Ceramic และสเตนเลสสตีลจึงมีน้ำหนักเบาและทนทาน อีกทั้งยังให้ลุคที่สวยแวววาว โดยแต่ละโมเดลจะมี 2 ไซซ์ คือไซซ์ใหญ่ขนาด 31.0 x 41.1 มม. เหมาะกับผู้ชาย ไซซ์เล็กขนาด 22.7 x 33.1 มม. เหมาะกับผู้หญิง ส่วนตัวเรือนจะเป็นสีดำแต่คุณสามารถเลือกสีของขอบได้มีทั้งสีทอง สีเงินและสี Rose Gold สามารถเลือกได้ตามสไตล์ที่ชื่นชอบเลยค่ะ
คอลเลกชัน Rado Florence ได้รับแรงบันดาลใจมาจากหอคอยและโดมที่ตั้งอยู่ในเมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี และเป็นที่มาของชื่อคอลเลกชันนี้ด้วย สำหรับรุ่น Florence Diamonds ที่เราเลือกมาแนะนำจะเป็นสี Two Tone ที่ตัวเรือนและสายเป็นสีเงินและสีทอง ส่วนหน้าปัดเป็นสีดำซึ่งการเลือกใช้หน้าปัดสีนี้มีส่วนช่วยให้เพชรทั้ง 4 เม็ดที่ประดับอยู่ดูโดดเด่นขึ้นมาได้ สาว ๆ คนไหนที่กำลังมองหานาฬิกาสำหรับใส่ในชีวิตประจำวันรุ่นนี้นับเป็นตัวเลือกที่ดีเลยทีเดียวค่ะ
เรายังมีบทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับนาฬิกาแบรนด์ต่าง ๆ ซึ่งแต่ละแบบก็จะมีวิธีการเลือกซื้อที่แตกต่างกันออกไป โดยสามารถอ่านเพิ่มเติมได้จากบทความด้านล่างนี้
อันดับที่ 1: RADO|นาฬิกาข้อมือ รุ่น CAPTAIN COOK AUTOMATIC
อันดับที่ 2: RADO|นาฬิกาข้อมือ รุ่น THE ORIGINAL AUTOMATIC
อันดับที่ 3: RADO|นาฬิกาข้อมือ รุ่น TRUE AUTOMATIC
อันดับที่ 4: RADO|นาฬิกาข้อมือ รุ่น TRUE SQUARE AUTOMATIC OPEN HEART
อันดับที่ 5: RADO|นาฬิกาข้อมือ รุ่น TRUE THINLINE LES COULEURS™ LE CORBUSIER PALE SIENNA 32123
คลิกที่นี่สำหรับการจัดอันดับคำบรรยายสินค้าแต่ละรายการอ้างอิงจากเนื้อหาที่แสดงในเว็บไซต์ผู้ผลิต แบรนด์ และเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ
เครื่องดื่ม
วัสดุก่อสร้าง, เครื่องมือและอุปกรณ์ช่าง
สวนและอุปกรณ์ในสวน
ความงาม, ของใช้ส่วนตัว
โน้ตบุ๊ก, PC, อุปกรณ์ไอที
ของใช้ในบ้าน, อุปกรณ์ในบ้าน
เครื่องใช้ไฟฟ้า
กล้อง
เครื่องสำอาง, สกินแคร์
สุขภาพ
อาหาร
เครื่องใช้ในครัว
แฟชั่น
รองเท้า
นาฬิกา, เครื่องประดับ
แม่และเด็ก
เฟอร์นิเจอร์, อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน
งานอดิเรก
กิจกรรมกลางแจ้ง
DIY, เครื่องเขียน, อุปกรณ์สำนักงาน
กีฬา
สัตว์เลี้ยง
หนังสือ
เกม
รถยนต์, รถจักรยานยนต์, อุปกรณ์เสริม
ของขวัญ, ของฝาก
ท่องเที่ยว
สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, อุปกรณ์เสริม
เครือข่ายมือถือ
การลงทุน
เครดิตการ์ด, สินเชื่อ, ประกัน
ดนตรี, เครื่องเสียง
แอปพลิเคชัน, โปรแกรม
บริการ