นาฬิกา Rado ถือเป็นแบรนด์นาฬิกาจากสวิตเซอร์แลนด์ที่ใหญ่ที่สุดแบรนด์หนึ่ง เพราะมีความโดดเด่นในด้านการออกแบบ มีดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใครและมีการคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ ๆ อยู่เสมอ ที่สำคัญคือ มีการใช้วัสดุพิเศษที่คิดค้นขึ้นมาให้มีน้ำหนักเบา ทนทาน ดูทันสมัยและไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้อีกด้วย สำหรับนาฬิกา Rado นั้นมีมากมายหลายรุ่นที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น Rado Diastar, Rado Captain Cook, Rado HyperChorme, Rado DiaMaster และอื่น ๆ อีกมากมาย
หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่กำลังมองหานาฬิกา Rado ที่ถูกใจสักเรือนอยู่ แต่ยังไม่รู้ว่าจะต้องเลือกซื้ออย่างไรและรุ่นไหนจะเหมาะกับสไตล์ของคุณมากที่สุด วันนี้เราขอแนะนำวิธีการเลือกนาฬิกา Rado พร้อมทั้งเรายังได้รวบรวม 10 อันดับนาฬิกา Rado รุ่นที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เพื่อให้คุณสามารถนำไปประกอบการตัดสินใจในการเลือกลงทุนซื้อได้
Top 5 นาฬิกา Rado ยอดนิยม
RADO
ตัวเรือนรูปทรงไข่ วัสดุแข็งแรงไม่เกิดรอย มีหลายสีให้เลือก
RADO
เผยให้เห็นกลไกการทำงานภายในที่แสนซับซ้อนและมีเสน่ห์
มายเบสท์ เว็บไซต์แนะนำสินค้าที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 4 ล้านคนต่อเดือน หัวใจของภารกิจของเราคือ ความมุ่งมั่นที่จะให้คำแนะนำที่น่าเชื่อถือได้ เราได้รับการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญในหมวดหมู่สินค้าที่หลากหลาย การเดินทางของเราเริ่มต้นด้วยวิสัยทัศน์ที่เรียบง่าย เพื่อสร้างแพลตฟอร์มที่ผู้บริโภคสามารถค้นหาคำแนะนำผลิตภัณฑ์ที่น่าเชื่อถือได้ และใช้งานได้จริง เราเข้าใจดีว่า การตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภคมีความต้องการที่แตกต่างกัน นั่นเป็นเหตุผลที่เราทุ่มเทในการนำเสนอคำแนะนำที่ชัดเจน กระชับ มีการวิจัยมาเป็นอย่างดี และตรวจสอบความถูกต้องโดยผู้เชี่ยวชาญ ทีมงานของเราประกอบด้วยบรรณาธิการและผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในหมวดหมู่ต่าง ๆ เจาะลึกลงไปในผลิตภัณฑ์แต่ละประเภท นำเสนอข้อมูลเชิงลึก เราเชื่อในพลังของวิธีการเลือกสินค้าที่มีข้อมูลครบถ้วน เราเป็นมากกว่าเว็บไซต์ เราเป็นชุมชนของบุคคลที่มีความกระตือรือร้นซึ่งให้ความสำคัญกับคุณภาพในการค้นหาผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด ซึ่งจะช่วยทำให้โลกของการช้อปปิ้งออนไลน์เป็นประสบการณ์ที่ง่ายและสนุกสนานยิ่งขึ้นสำหรับทุกคน
สารบัญ
แบรนด์ Rado ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1917 โดยในช่วงแรกเป็นบริษัทผลิตนาฬิกาชื่อ Schlup & Co. ต่อมาในปี ค.ศ. 1950 ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Rado และหลังจากนั้น 10 ปี แบรนด์ได้เปิดตัวรุ่น DiaStar 1 ซึ่งนับว่าเป็นนาฬิกาที่สามารถป้องกันการเกิดรอยขีดข่วนเรือนแรกของโลก อีกทั้งยังใช้วัสดุอื่นอย่างคริสตัล Sapphire ที่ยังไม่เป็นที่แพร่หลายนักในยุคนั้น
ต่อมาทางแบรนด์ยังคงมีการใช้และพัฒนาวัสดุเซรามิกที่ยากต่อการเกิดรอยอยู่เสมอ จนในที่สุดแบรนด์ก็สามารถผลิตวัสดุ High-Tech Ceramic ที่ทั้งทนทาน น้ำหนักเบา ใส่สบาย พร้อมทั้งยังลดความเสี่ยงต่อการเกิดอาการแพ้ได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีวัสดุอย่าง Plasma High-Tech Ceramic ที่มีผิวสัมผัสสวยมันวาว เกิดจากการผลิตที่ผ่านความร้อนสูง และสุดท้ายคือ Ceramos ที่ได้มาจาก High-Tech Ceramic และอัลลอยที่ช่วยเพิ่มความทนทานยิ่งขึ้น ด้วยการพัฒนาที่ไม่หยุดยั้งนี่เองจึงทำให้แบรนด์ได้รับความนิยมต่อเนื่องจนมาถึงปัจจุบัน
หากคุณกำลังสนใจนาฬิกา Rado แต่ยังไม่รู้ว่ารุ่นไหนที่เหมาะกับสไตล์ของตัวเอง วันนี้เราจึงได้รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับนาฬิกา Rado เพื่อเป็นตัวช่วยในการเลือกซื้อให้กับคุณ พร้อมทั้งข้อมูลที่น่าสนใจอื่น ๆ เกี่ยวกับแบรนด์นี้มาฝากกันด้วยค่ะ
ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมานับตั้งแต่มีการก่อตั้งแบรนด์แน่นอนว่า Rado นั้นได้ผลิตนาฬิกาออกมามากมายหลายคอลเลกชัน และแต่ละคอลเลกชันนั้นก็มีจุดขายที่ต่างกัน ซึ่งเราจะพาคุณไปดูว่าแต่ละคอลเลกชันมีรายละเอียดและมีความน่าสนใจอย่างไรบ้าง ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลยค่ะ
ถือเป็นรุ่นแรกที่ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายสำหรับ Diastar 1 เพราะใช้วัสดุที่ทนต่อการเกิดรอยขีดข่วน (Scratchproof) โดยความสามารถนี้ได้มาจากการคิดค้นและทดลองหลายขั้นตอน นอกจากนี้กระจกบริเวณหน้าปัดยังทำจากคริสตัล Sapphire ซึ่งในยุคนั้นยังไม่เป็นที่รู้จักเท่าไหร่นัก คุณสมบัติของวัสดุชนิดนี้คือ ป้องการเกิดรอยและลดการสะท้อนแสงได้ดี ช่วยให้อ่านเวลาได้ง่ายค่ะ
ในส่วนของกลไกคอลเลกชันนี้ใช้กลไกอัตโนมัติและ Chronograph จาก EAT แบรนด์ที่มีชื่อเสียงในด้านการผลิตกลไกนาฬิกาของสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งดีไซน์ทุกรุ่นจะมีตัวเรือนจะเป็นทรงกลมคล้ายรูปไข่ให้ความรู้สึกเป็นทางการ แต่ส่วนที่ต่างกันคือ ขนาด สีและรายละเอียดบนหน้าปัดให้คุณเลือกได้ตามความชอบของคุณค่ะ
คอลเลกชัน Captain Cook เคยผลิตในช่วงปี ค.ศ. 1962 - 1968 เป็นนาฬิกาสำหรับใส่ดำน้ำ (Dive Watch) รุ่นแรกและรุ่นเดียวของแบรนด์ ต่อมาในปี ค.ศ. 2017 แบรนด์ได้นำรุ่นนี้มาปรับปรุงรูปลักษณ์ใหม่ให้เหมาะกับการสวมใส่ในชีวิตประจำวัน และให้ดูทันสมัยขึ้น แต่ยังคงไว้ซึ่งความสามารถในการกันน้ำได้ถึง 100 - 300 เมตรเช่นเดิม
อีกทั้งในปี ค.ศ. 2019 ยังมีการอัปเกรดในเรื่องของกลไกให้เป็นแบบอัตโนมัติที่สำรองพลังงานได้นาน 80 ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มสีของตัวเรือนถึง 6 สี ได้แก่ สีดำ สีน้ำเงินเข้ม สีแดง สีเขียว สีเทาและสีเงิน พร้อมสายที่มีให้เลือกหลายแบบไม่ว่าจะเป็นสายผ้า สายหนังหรือสายสเตนเลส เหมาะกับผู้ชายที่มองหานาฬิกาเท่ ๆ สักเรือนค่ะ
ถือเป็นหนึ่งในโมเดลที่ได้รับความนิยมสูงโมเดลหนึ่งของแบรนด์เลยก็ว่าได้สำหรับ Rado HyperChorme ที่มีให้คุณเลือกทั้งกลไกควอตซ์ (Quartz) และกลไกอัตโนมัติ พร้อมรุ่น Chronograph ที่จะเห็นได้จากรายละเอียดของหน้าปัดที่เป็นเอกลักษณ์ นอกจากนี้ ตัวเรือนยังมีหลายสีให้เลือก รวมไปถึงสายนาฬิกาที่มีวัสดุให้เลือกถึง 3 แบบด้วยกัน ได้แก่ สายผ้า สายหนังและสาย Ceramos ที่ทั้งสวยและทนทาน
สำหรับส่วนประกอบหลักอื่น ๆ ที่สำคัญของรุ่นนี้ ได้แก่ กระจกทำจากคริสตัล Sapphire เคลือบสารลดการสะท้อนแสง เซรามิกชั้นเยี่ยม ตัวเรือนและสายที่ทำจากสเตนเลสสตีล และสำรองพลังงานได้นาน 45 ชั่วโมง ในส่วนของรุ่นที่ถือว่าได้รับความนิยมสูงคือ รุ่นที่ตัวเรือนเป็น Monobloc เพราะเป็นงานฝีมือ (Crafted) โดยใช้วัสดุเป็นเซรามิกจากแบรนด์ดังที่ทั้งทนทาน สวมใส่สบายและยังสวยงามอีกด้วยค่ะ
หากใครที่มองหารุ่นที่มีความคลาสสิกต้องเป็นนาฬิกาจากคอลเลกชัน DiaMaster เลยค่ะ เพราะทุกโมเดลของคอลเลกชันนี้ถูกออกแบบให้มีความวินเทจคือ มีตัวเรือนทรงกลมดูเรียบง่ายสะอาดตาและใช้สายหนังเป็นส่วนใหญ่ทำให้ได้ลุคคลาสสิก ส่วนวัสดุพิเศษที่ใช้ผลิตรุ่นนี้คือ CeramosTM ที่ทั้งสวยงามและมีความทนทานสูง
สำหรับคนที่ชื่นชอบสไตล์มินิมอลไม่ซ้ำใคร เราขอแนะนำรุ่น DiaMaster Automatic Petite Seconde เพราะมีสไตล์หน้าปัดแบบเรียบง่ายไม่ซับซ้อน อีกทั้งยังมีช่องบอกนาทีและวันที่เพื่อดูเวลาได้ละเอียดขึ้นอีกด้วย แต่สำหรับใครที่ชอบนาฬิกาแบบสวยสง่า เราขอแนะนำรุ่น DiaMaster Diamonds ซึ่งจะมีการประดับด้วยเพชรและส่วนประกอบจากไข่มุก เรียกว่าจัดเต็มเพื่อสาว ๆ ที่ชื่นชอบอัญมณีเลยก็ว่าได้ค่ะ
คอลเลกชัน Ceramica มีดีไซน์สี่เหลี่ยมเป็นเอกลักษณ์ มินิมอลและทันสมัย ด้วยรูปทรงสี่เหลี่ยมเข้ากับข้อมือของผู้สวมได้เป็นอย่างดี และด้วยวัสดุที่ทำจากเซรามิกพิเศษจึงทำให้มีน้ำหนักเบา สวมใส่สายและป้องกันการเกิดรอยขีดข่วนได้ ในส่วนของกลไกรุ่นนี้มี 2 แบบ คือ กลไกอัตโนมัติและกลไก Quartz เลือกได้ตามสไตล์การใช้งานที่คุณพึงพอใจ
นอกจากนี้ ยังถูกออกแบบมาให้มีขนาดเหมาะกับทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ไซซ์ใหญ่อยู่ที่ประมาณ 30.0 x 41.7 มม. ส่วนไซซ์เล็กมีขนาดประมาณ 22.9 x 31.7 มม. และสุดท้ายคือ รายละเอียดบนหน้าปัดที่บางรุ่นใช้เพชรเป็นมาร์กเกอร์บอกเวลาทำให้ดูหรูหราและเข้ากับสีของหน้าปัดได้เป็นอย่างดี แนะนำรุ่นนี้ให้กับคนที่ชอบนาฬิกาสไตล์สปอร์ตสำหรับสวมใส่ในชีวิตประจำวันค่ะ
คอลเลกชัน True และ True Thinline มีโครงสร้างของดีไซน์ที่คล้ายกันคือ ตัวเรือนเป็นวงกลมและติดกับสายเป็นชิ้นเดียวกัน ถือเป็นงานดีไซน์ที่ดูโมเดิร์น อีกทั้งยังใช้วัสดุ High-Tech Ceramic เหมือนกัน แต่อาจจะแตกต่างกันตรงวิธีการเคลือบเพราะในคอลเลกชัน True จะเน้นให้มีผิวมันวาว ส่วน True Thinline จะเป็นลุคที่ดูเด็กลงเน้นสีสันที่หลากหลายและเรียบง่ายมากกว่า
นอกจากนี้ ยังมีความแตกต่างกันในด้านกลไก เพราะ True ใช้กลไกอัตโนมัติต่างจาก Ture Thinline ที่ใช้กลไกควอตซ์ ข้อดีของทั้งสองรุ่นที่มีเหมือนกันคือ น้ำหนักเบา ใส่สบาย และการใช้วัสดุเซรามิกชนิดเดียวกันจึงทำให้ทนต่อการเกิดรอยขีดข่วน แต่บางรุ่นของ True นั้นจะมีความพรีเมียมกว่าเพราะประดับด้วยเพชรและมีการออกแบบเพื่อให้มองเห็นกลไกการทำงานภายในของตัวเรือนนั่นเองค่ะ
สินค้า | รูปภาพ | ราคาต่ำสุด | คะแนน | |
---|---|---|---|---|
1 | RADO นาฬิกาข้อมือ รุ่น CAPTAIN COOK AUTOMATIC | ![]() | ดีไซน์คลาสสิก ฟังก์ชันการใช้งานทันสมัย ทนต่อการเกิดรอย | |
2 | RADO นาฬิกาข้อมือ รุ่น THE ORIGINAL AUTOMATIC | ![]() | ตัวเรือนรูปทรงไข่ วัสดุแข็งแรงไม่เกิดรอย มีหลายสีให้เลือก | |
3 | RADO นาฬิกาข้อมือ รุ่น TRUE AUTOMATIC | ![]() | เข้ากับการแต่งตัวแบบ Casual เหมาะกับการใช้ในชีวิตประจำวัน | |
4 | RADO นาฬิกาข้อมือ รุ่น TRUE SQUARE AUTOMATIC OPEN HEART | ![]() | เผยให้เห็นกลไกการทำงานภายในที่แสนซับซ้อนและมีเสน่ห์ | |
5 | RADO นาฬิกาข้อมือ รุ่น TRUE THINLINE LES COULEURS™ LE CORBUSIER PALE SIENNA 32123 | ![]() | ใส่สบาย มีสีสันแบบพิเศษจากนักสถาปัตยกรรมระดับตำนาน | |
6 | RADO นาฬิกาข้อมือ รุ่น CENTRIX DIAMONDS | ![]() | หนึ่งในคอลเลกชันที่มีดีไซน์หลากหลายที่สุด พร้อมวัสดุคุณภาพ | |
7 | RADO นาฬิกาข้อมือ รุ่น COUPOLE CLASSIC AUTOMATIC | ![]() | รูปทรงคลาสสิก มาคู่กับกระจกคริสตัล Sapphire ที่ทนทาน | |
8 | RADO นาฬิกาข้อมือ รุ่น HYPERCHROME CHRONOGRAPH | ![]() | รูปลักษณ์เป็นทางการ แต่เข้ากับการแต่งตัวหลากหลายสไตล์ | |
9 | RADO นาฬิกาข้อมือ รุ่น INTEGRAL DIAMONDS | ![]() | ดีไซน์โมเดล เหมาะกับทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ใช้ได้ในหลายโอกาส | |
10 | RADO นาฬิกาข้อมือ รุ่น FLORENCE DIAMONDS | ![]() | แรงบันดาลใจมาจากสถาปัตยกรรมอันมีเสน่ห์ในเมืองฟลอเรนซ์ |
หนึ่งในรุ่นที่ประสบความสำเร็จที่สุดของแบรนด์ สาเหตุมาจากวัสดุพิเศษที่แบรนด์คิดค้นขึ้นและนำมาใช้กับรุ่นนี้นั่นก็คือ High-Tech Ceramic ที่ทนต่อการเกิดรอยขีดข่วน โดยกลไกของรุ่นนี้เป็นแบบอัตโนมัติสามารถสำรองพลังงานได้นานถึง 80 ชั่วโมง และยังกันน้ำได้ลึก 300 เมตร นอกจากนี้ในส่วนของดีไซน์ยังผสมผสานทั้งความคลาสสิกและทันสมัยในเรือนเดียวกัน ทำให้เหมาะกับผู้ชายทุกช่วงวัย กรอบมีทั้งหมด 6 สีให้เลือกและเปลี่ยนสายได้ เลือกแบบได้ตามสไตล์ที่คุณชื่นชอบค่ะ
ถือเป็นรุ่นแรกที่ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้าง เนื่องจากนวัตกรรมวัสดุที่ทนต่อการเกิดรอยได้เริ่มใช้กับรุ่นนี้เป็นรุ่นแรก และประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากหลังจากการเปิดตัว ปัจจุบันแบรนด์ได้ปรับปรุงดีไซน์เพื่อให้ดูทันสมัยยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีหลายโมเดลให้เลือก โดยโมเดลที่เราเลือกมาแนะนำมีตัวเรือนสีเงินล้วน ทำจากโลหะและสเตนเลสสตีลให้ลุคที่เรียบง่าย อีกทั้งยังใช้กลไกอัตโนมัติที่สำรองพลังงานได้นานถึง 80 ชั่วโมง จึงไม่ต้องกังวลแม้ไม่ได้สวมติดต่อกันหลายวันค่ะ
ด้วยดีไซน์ที่แปลกตาและดูโมเดิร์นจึงทำให้รุ่นนี้เป็นที่นิยม อีกทั้งยังมีการใช้วัสดุ High-Tech Ceramic ที่ขึ้นชื่อของแบรนด์ในเรื่องผิวสัมผัส ความทนทาน และความสบายในยามสวมใส่ โดยโมเดลที่เราเลือกมาแนะนำเป็นโมเดลที่มีตัวเรือน สาย และหน้าปัดสีดำ แต่เนื่องจากเป็นเซรามิกเคลือบจึงทำให้ดูเงางาม ส่วนมาร์กเกอร์ เข็มนาฬิกา และรายละเอียดอื่น ๆ ที่ปรากฎบนหน้าปัดเป็นสีชมพูสวยสดใส เหมาะกับทั้งผู้หญิงและผู้ชาย สำหรับสวมใส่ในชีวิตประจำวันค่ะ
ออกแบบมาเอาใจคนที่หลงใหลในกลไกการทำงานของนาฬิกาที่มีความซับซ้อนและดูมีเสน่ห์ เพราะรุ่นนี้ออกแบบให้คุณสามารถมองเห็นกลไกการทำงานผ่านหน้าปัดได้ ผสมผสานกับดีไซน์ทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสของตัวเรือนยิ่งทำให้ดูแตกต่างและง่ายต่อการจดจำ อีกทั้งยังใช้วัสดุที่เรียกว่า Plasma High-Tech Ceramic ที่มีผิวสวยงามมันวาว และทนทาน นอกจากนี้ยังมีโมเดลสีดำ และสีขาวให้เลือกด้วย เหมาะกับคนที่มองหานาฬิกาที่ให้ความเป็นทางการที่มีลูกเล่นพิเศษค่ะ
พิเศษสุด ๆ สำหรับรุ่น True Thinline Le Corbusier ที่แบรนด์ได้เลือกสีทั้งหมด 9 สีจากพาเลทสี Architectural Polychromy System ที่คิดค้นโดยนักสถาปัตยกรรมชื่อ Le Corbusier จะเห็นได้จากการตั้งชื่อรุ่นตามชื่อของเขา โดยในส่วนของดีไซน์ยังคงใช้แบบดังเดิมของ True Thinline ต่างกันที่การใช้สีแบบโมโนโทนหรือแบบสีล้วน ทำให้ดูสวยสะดุดตา อีกทั้งยังมีตัวเรือนที่บาง ช่วยให้สวมใส่สบาย เหมาะกับคนที่ชื่นชอบนาฬิกาสีสันสดใสเป็นอย่างมากค่ะ
ถึงแม้จะมีรูปทรงที่เรียบง่ายไม่หวือหวา แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งความนิยมของรุ่นนี้ได้เลย เพราะนี่ถือเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ขายดีของแบรนด์ สาเหตุของความนิยมมาจากการมีโมเดลหลากหลายให้เลือกทั้งในด้านสีสันและดีไซน์ อีกทั้งยังเลือกได้ว่าต้องการกลไกควอตซ์หรืออัตโนมัติ และที่สำคัญคือการใช้วัสดุอันแสนทนทานอย่าง High-Tech Ceramic และคริสตัล Sapphire ช่วยให้คุณไม่ต้องกังวลในเรื่องของการดูแลรักษามากนัก ดังนั้น หากคุณสนใจรุ่นนี้ก็ลองหาดูแบบที่เข้ากับคุณได้เลยค่ะ
รุ่นนี้ถือเป็นการผสมผสานกันระหว่างดีไซน์สุดคลาสสิกและคริสตัล Sapphire คุณภาพเยี่ยม เกิดรอยยาก และลดการสะท้อนแสงช่วยให้อ่านเวลาง่าย แต่ละโมเดลจะมีดีเทลที่ต่างกันออกไป อีกทั้งยังมีสายให้เลือกสองชนิดหลักคือ สายหนังและสายโลหะ ยังไม่นับรวมในส่วนของสีสันและลวดลายต่าง ๆ ของสายด้วย ส่วนรุ่น Classic Automatic ที่เราเลือกมาแนะนำนี้ถือว่ามีความเรียบง่าย โดยมีตัวเรือนสีทองแดงและสายหนังสีดำ เป็นสไตล์ Unisex และสวมใส่ได้ในหลายโอกาสค่ะ
หากคุณเป็นคนที่ชอบนาฬิกาที่มีดีไซน์เท่และดูเป็นทางการ รุ่น HyperChrome Chronograph คือ รุ่นที่จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้ ด้วยระบบทำงานแบบ Chronograph จึงมีหน้าปัดที่สามารถบอกเวลาได้อย่างละเอียดและจับเวลาได้ด้วย ส่วนกลไกเป็นแบบควอตซ์ ข้อดีคือคุณไม่ต้องสวมใส่ตลอดเวลาเพื่อให้นาฬิกาทำงาน แต่จะต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่เมื่อพลังงานหมด นอกจากนี้ หน้าปัดยังมีหลายสีให้เลือก เหมาะกับผู้ชายและเข้ากับการแต่งตัวได้หลายสไตล์ค่ะ
เอาใจคนรักนาฬิการูปทรงทันสมัย เราขอแนะนำรุ่น Integral นาฬิการูปทรงสี่เหลี่ยมสุดโมเดิร์น ทำจาก High-Tech Ceramic และสเตนเลสสตีลจึงมีน้ำหนักเบาและทนทาน อีกทั้งยังให้ลุคที่สวยแวววาว โดยแต่ละโมเดลจะมี 2 ไซซ์ คือไซซ์ใหญ่ขนาด 31.0 x 41.1 มม. เหมาะกับผู้ชาย ไซซ์เล็กขนาด 22.7 x 33.1 มม. เหมาะกับผู้หญิง ส่วนตัวเรือนจะเป็นสีดำแต่คุณสามารถเลือกสีของขอบได้มีทั้งสีทอง สีเงินและสี Rose Gold สามารถเลือกได้ตามสไตล์ที่ชื่นชอบเลยค่ะ
คอลเลกชัน Rado Florence ได้รับแรงบันดาลใจมาจากหอคอยและโดมที่ตั้งอยู่ในเมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี และเป็นที่มาของชื่อคอลเลกชันนี้ด้วย สำหรับรุ่น Florence Diamonds ที่เราเลือกมาแนะนำจะเป็นสี Two Tone ที่ตัวเรือนและสายเป็นสีเงินและสีทอง ส่วนหน้าปัดเป็นสีดำซึ่งการเลือกใช้หน้าปัดสีนี้มีส่วนช่วยให้เพชรทั้ง 4 เม็ดที่ประดับอยู่ดูโดดเด่นขึ้นมาได้ สาว ๆ คนไหนที่กำลังมองหานาฬิกาสำหรับใส่ในชีวิตประจำวันรุ่นนี้นับเป็นตัวเลือกที่ดีเลยทีเดียวค่ะ
หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่อยากจะดูแลรักษานาฬิกาคู่ใจให้อยู่กับคุณไปได้นาน ๆ วันนี้เราจะมานำเสนอวิธีการดูแลนาฬิกาอย่างถูกต้อง ก่อนอื่นจะต้องเริ่มจากการตรวจสอบว่านาฬิกาของคุณผลิตจากวัสดุชนิดใด หากเป็นสเตนเลสทั้งเรือนและมีสายแบบข้อต่อ ควรทำความสะอาดด้วยวิธีการล้างน้ำและล้างด้วยสบู่อ่อน ๆ อาจจะขัดตามซอกเบา ๆ เพื่อล้างเหงื่อไคลหรือสิ่งสกปรกที่อาจจะหลุดเข้าไประหว่างการสวมใส่
หลังจากล้างแล้วให้ใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาดเบา ๆ แล้วเป่าให้แห้งทันทีด้วยไดร์เป่าผมโดยเลือกระดับที่ไม่ร้อนมาก เพราะความร้อนอาจจะส่งผลต่อโลหะได้ ในส่วนของสายหนังเราขอแนะนำให้นำผ้าชุบน้ำหมาด ๆ แล้วเช็ดทำความสะอาดเบา ๆ ก็เพียงพอแล้ว เพราะการสัมผัสความชื้นที่มากเกินไปอาจจะส่งผลให้หนังเสื่อมสภาพเร็วกว่าอายุการใช้งานจริงค่ะ
เป็นอย่างไรกันบ้างคะสำหรับข้อมูลดี ๆ ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ หวังว่าจะเป็นตัวช่วยให้คุณเลือกนาฬิกา Rado ได้เป็นอย่างดี ส่วนใครที่ยังลังเลใจหรือยังหารุ่นที่ถูกใจไม่ได้เราขอแนะนำให้เข้าไปตรวจสอบในเว็บ Official ของแบรนด์จะได้ทราบรายละเอียดและหน้าตาของแต่ละคอลเลกชันว่ามีลักษณะอย่างไรและแบบไหนเหมาะกับคุณมากที่สุด
ก่อนจากกันไปในวันนี้ เราขอแนะนำข้อมูลดี ๆ เกี่ยวกับการดูแลนาฬิกาของคุณให้เที่ยงตรงอยู่เสมอ โดยหากคุณใช้รุ่นที่มีกลไกควอตซ์ กรุณาหลีกเลี่ยงการวางนาฬิกาไว้ใกล้กับที่ที่มีแม่เหล็ก เช่น ตู้เย็น โทรทัศน์ หรือโทรศัพท์ เพราะสัญญาณแม่เหล็กเหล่านี้จะรบกวนการทำงานของนาฬิกาและมีผลต่อการบอกเวลาค่ะ เพียงหนึ่งข้อง่าย ๆ เท่านี้หากลองทำตามอาจจะช่วยให้นาฬิกาคู่ใจของคุณอยู่กับคุณไปได้อีกนานค่ะ
อันดับที่ 1: RADO|นาฬิกาข้อมือ รุ่น CAPTAIN COOK AUTOMATIC
อันดับที่ 2: RADO|นาฬิกาข้อมือ รุ่น THE ORIGINAL AUTOMATIC
อันดับที่ 3: RADO|นาฬิกาข้อมือ รุ่น TRUE AUTOMATIC
อันดับที่ 4: RADO|นาฬิกาข้อมือ รุ่น TRUE SQUARE AUTOMATIC OPEN HEART
อันดับที่ 5: RADO|นาฬิกาข้อมือ รุ่น TRUE THINLINE LES COULEURS™ LE CORBUSIER PALE SIENNA 32123
คลิกที่นี่สำหรับการจัดอันดับคำบรรยายสินค้าแต่ละรายการอ้างอิงจากเนื้อหาที่แสดงในเว็บไซต์ผู้ผลิต แบรนด์ และเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ
เครื่องดื่ม
วัสดุก่อสร้าง, เครื่องมือและอุปกรณ์ช่าง
สวนและอุปกรณ์ในสวน
ความงาม, ของใช้ส่วนตัว
โน้ตบุ๊ก, PC, อุปกรณ์ไอที
ของใช้ในบ้าน, อุปกรณ์ในบ้าน
เครื่องใช้ไฟฟ้า
กล้อง
เครื่องสำอาง, สกินแคร์
สุขภาพ
อาหาร
เครื่องใช้ในครัว
แฟชั่น
รองเท้า
นาฬิกา, เครื่องประดับ
แม่และเด็ก
เฟอร์นิเจอร์, อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน
งานอดิเรก
กิจกรรมกลางแจ้ง
DIY, เครื่องเขียน, อุปกรณ์สำนักงาน
กีฬา
สัตว์เลี้ยง
หนังสือ
เกม
รถยนต์, รถจักรยานยนต์, อุปกรณ์เสริม
ของขวัญ, ของฝาก
ท่องเที่ยว
สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, อุปกรณ์เสริม
เครือข่ายมือถือ
การลงทุน
เครดิตการ์ด, สินเชื่อ, ประกัน
ดนตรี, เครื่องเสียง
แอปพลิเคชัน, โปรแกรม
บริการ