10 อันดับ น้ำหอมสำหรับวัย 30 แนะนำ ปี 2024 รวมรีวิวแบรนด์ดัง DIOR, GUCCI, CHLOÉ

น้ำหอมที่เราใช้ฉีดพรมร่างกายนั้นมีกลิ่นหอมที่หลากหลาย ซึ่งแน่นอนว่า เราควรจะเลือกจากกลิ่นที่ชื่นชอบก่อนเป็นอันดับแรกค่ะ โดยคุณต้องตรวจสอบให้ดีก่อนว่า กลิ่นหอมแบบไหนที่เหมาะกับตนเองหรือเป็นตัวตนของคุณที่สุด เพราะหากคุณเลือกใช้กลิ่นที่ไม่ถูกใจหรือไม่เหมาะกับตัวเอง แม้จะไม่ได้เป็นกลิ่นที่แย่ แต่ก็อาจทำให้คุณรู้สึกหมดความมั่นใจได้ค่ะ ซึ่งวันนี้เรามีกลิ่นน้ำหอมยอดนิยมมาฝากทุกคนกันด้วย มาดูกันดีกว่าค่ะว่า กลิ่นไหนจะเหมาะกับคุณกันบ้าง

• กลิ่นแนว Floral : เรียกได้ว่า เป็นกลิ่นที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายมากที่สุด มีกลิ่นเบสมาจากดอกไม้นานาชนิด ส่งกลิ่นหอมหวาน ให้ความรู้สึกสดใสร่าเริง สามารถใช้งานได้หลากหลายโอกาส เช่น งานปาร์ตี้สนุกสนาน ใช้ในวันสบาย ๆ หรือใช้ในงานทางการ เป็นต้น
• กลิ่นแนว Citrus : เป็นกลิ่นดอกไม้มาผสมผสานเข้ากับกลิ่นของผลไม้ต่าง ๆ ซึ่งลดความหอมหวานลงไป แต่สอดแทรกด้วยความเปรี้ยวและความหอมสดชื่นแทนค่ะ

• กลิ่นแนว Oriental และ Amber : เป็นการรวมเอาเครื่องเทศและสมุนไพรมาสกัด มอบกลิ่นที่ให้ความรู้สึกเย้ายวน น่าค้นหาและแอบเซ็กซี่เบา ๆ
• กลิ่นแนว Freesia : ให้กลิ่นหอมแบบไม่หวานเลี่ยนจนเกินไป เพราะมีกลิ่นเบสสไตล์แมน ๆ แบบผู้ชายผสม
• กลิ่นแนว Chypre : เป็นกลิ่นที่เกิดจากการผสมผสานของกลิ่นเปลือกไม้และดอกไม้ ให้ความรู้สึกอบอุ่นเป็นธรรมชาติ

เมื่อก้าวเข้าสู่วัย 30 ซึ่งเป็นวัยที่เริ่มมีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น คุณควรให้ความสำคัญในการเลือกกลิ่นน้ำหอมให้เหมาะสมกับ เวลา สถานที่ และโอกาส รวมถึงสไตล์การแต่งตัวในแต่ละลุค โดยหากคุณมักจะแต่งตัวแนวเซ็กซี่ เราก็ขอแนะนำให้เลือกน้ำหอมที่ให้ความเย้ายวนและน่าค้นหา อย่างเช่น กลิ่นมัสก์ (Musk) 

แต่หากวันไหนแต่งตัวในลุคแบบหรูหรา สง่างาม หรืออยากเพิ่มเสน่ห์แบบผู้หญิง ก็อาจเลือกใช้น้ำหอมกลิ่นสไตล์ Floral หรือกลิ่นหอมสดชื่นแทน เนื่องจากการเลือกกลิ่นหอมนั้นสัมพันธ์กับภาพลักษณ์ของผู้ใช้ ดังนั้น คุณจึงควรให้ความสำคัญกับการเลือกใช้น้ำหอมให้เหมาะกับสไตล์การแต่งตัวและโอกาสในทุกครั้งค่ะ

หลายคนอาจเคยประสบปัญหาในทำนองว่า กลิ่นหอมในตอนแรกเป็นกลิ่นที่ถูกใจ แต่พอเวลาผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง กลับพบว่ากลิ่นหอมที่เคยชื่นชอบเปลี่ยนไปเป็นอีกกลิ่นหนึ่ง นั่นเป็นเพราะน้ำหอมมีการเปลี่ยนแปลงสภาพและกลิ่นตามระยะเวลา โดยแบ่งออกเป็นขั้นต่าง ๆ หรือที่เรียกกันด้วยศัพท์เฉพาะว่า "โน้ต (Note)" นั่นเอง ซึ่งช่วงเวลาที่น้ำหอมเปลี่ยนกลิ่นแต่ละโน้ตนั้นมีผลต่อความชื่นชอบของคุณ 

ดังนั้น สาว ๆ จึงควรพิจารณาเลือกซื้อน้ำหอมอย่างพิถีพิถัน โดยตรวจสอบให้ครบทุก Note ก่อนตัดสินใจซื้อจะได้ไม่ผิดหวังในภายหลัง โดยกลิ่นหอมแรกในช่วง 5 – 10 นาทีที่เราจะสัมผัสได้เมื่อฉีดพรมน้ำหอมนั้นเรียกว่า Top Note ต่อมาจะเป็นกลิ่น Middle Note ที่ติดผิวได้นานราว 2 – 4 ชั่วโมง และในช่วง 4 – 6 ชั่วโมงต่อมาก่อนกลิ่นหอมจะจางหายไปเราเรียกว่า Base Note ค่ะ

แน่นอนว่า น้ำหอมที่สาววัย 30 นิยมใช้กันจะต้องหนีไม่พ้นน้ำหอมเคาน์เตอร์แบรนด์ที่นอกจากจะมีคุณภาพและมีกลิ่นหอมไม่ซ้ำใครแล้ว ตัวแพ็กเกจจิ้งยังสวยงามเป็นเอกลักษณ์ ให้คุณวางประดับโต๊ะเครื่องแป้งหรือพกพาไปใช้นอกสถานที่ได้อย่างไม่อายใครอีกด้วย วันนี้เราจึงขอยกน้ำหอมแบรนด์ดังระดับโลกมาแนะนำให้ทุกคนได้ลองพิจารณากัน ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็มีจุดเด่นแตกต่างกันไป ดังนี้

อีกหนึ่งเคล็ดลับในการเลือกน้ำหอมสำหรับสาว ๆ ให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของตนเอง คือ เลือกจากประเภทของน้ำหอม เพราะแต่ละประเภทมีความติดทนไม่เท่ากัน ซึ่งคุณสามารถสังเกตง่าย ๆ บนกล่องหรือขวดน้ำหอม ดังนั้น เพื่อให้สาว ๆ ได้เลือกน้ำหอมที่ตรงตามความต้องการมากที่สุด เรามารู้จักประเภทของน้ำหอมกันก่อนดีกว่าค่ะ

• น้ำหอมประเภท Eau Fraiche เป็นน้ำหอมที่มีกลิ่นอ่อนและมีความเจือจางมากที่สุด เนื่องจากมีส่วนผสมของหัวน้ำหอมเพียง 1 - 3% ทำให้กลิ่นไม่ค่อยติดทนหรือมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ เพียงแค่ 1 ชั่วโมงหลังการฉีดเท่านั้น

• น้ำหอมประเภท Eau de Cologne (EDC) หรือที่เรามักเรียกกันว่า โคโลญจน์ มีส่วนผสมของหัวน้ำหอมที่ 2 - 4% ซึ่งมีความบางเบาและส่วนใหญ่มักจะมีกลิ่นหอมสบาย ๆ ติดทนนาน 2 ชั่วโมง จากนั้นจะค่อย ๆ จางลง หากใครชื่นชอบน้ำหอมประเภทนี้ต้องพกพาติดตัวไปฉีดซ้ำบ่อย ๆ ค่ะ

• น้ำหอมประเภท Eau de Toilette (EDT) เป็นน้ำหอมที่มีวางจำหน่ายในท้องตลาดมากที่สุด โดยมีส่วนผสมของหัวน้ำหอมที่ 5 - 15% ให้กลิ่นติดทนประมาณ 3 - 4 ชั่วโมง เหมาะสำหรับการทำกิจกรรมช่วงสั้น ๆ หรือใช้ในช่วงกลางวัน

• น้ำหอมประเภท Eau de Parfum (EDP) มีส่วนผสมของหัวน้ำหอมที่ 15 - 20% มาพร้อมความเข้มข้นที่ติดทนนานถึง 6 ชั่วโมงเลยทีเดียว ดังนั้น จึงเป็นตัวเลือกที่หลาย ๆ คนเลือกใช้มากที่สุด เนื่องจากไม่ต้องฉีดในปริมาณมากและสามารถฉีดเพิ่มความหอมให้แก่ตนเองได้หลายโอกาส

• น้ำหอมประเภท Parfum มีส่วนผสมของหัวน้ำหอมที่ 20 - 40% ซึ่งเป็นระดับความเข้มข้นสูงที่สุดอาจทำให้มีความติดทนได้นาน 8 -12 ชั่วโมง โดยไม่จำเป็นจะต้องฉีดเพิ่มในระหว่างวัน อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่น้ำหอมประเภทนี้มีความติดทนค่อนข้างสูงจึงทำให้มีราคาค่อนข้างแพงและมีปริมาณน้อยค่ะ