การถ่ายภาพเป็นอีกหนึ่งวิธีในการเก็บความทรงจำที่น่าประทับใจสำหรับใครหลายคน และการที่จะเก็บภาพให้คมชัดสวยงามนั้นอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพก็เป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องคำนึงถึงนั่นก็คือ 'กล้องถ่ายรูป' โดยเราควรเลือกกล้องให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์การใช้งานของตัวเอง รวมไปถึงจะต้องเลือกกล้องที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพในการใช้งานที่ดี มีฟังก์ชันครบครันเพื่อให้เราไม่พลาดที่จะเก็บภาพทุกโมเมนต์สำคัญครับ
สำหรับกล้องถ่ายรูปที่เราอยากนำมาแนะนำเพื่อให้คุณเก็บภาพได้อย่างคมชัดก็คือ กล้อง DSLR (DSLR Camera) นั่นเองค่ะ ในวันนี้เรามีคำอธิบายเกี่ยวกับกล้อง DSLR และวิธีการเลือกกล้อง DSLR มาฝากกันพร้อมคำแนะนำจากช่างกล้องอาชีพโดยเฉพาะ อีกทั้งเรายังได้คัดเลือก 10 อันดับ กล้อง DSLR ที่มีน้ำหนักเบา หลายแบรนด์ดังทั้ง Canon, Nikon, SONY, Pentex เพื่อเป็นแนวทางให้ทุกคนที่ยังลังเลอยู่กันอีกด้วยครับ
Top 5 กล้อง DSLR น้ำหนักเบา ยอดนิยม
Canon
DSLR ขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบาเทียบเท่าขวดน้ำ พกพาสะดวก
SONY
ถ่ายภาพได้สนุก ไม่กลัวแม้ที่แสงน้อย โทนสีภาพละมุนตา สวยคม
คุณแก้วเป็นช่างภาพมืออาชีพที่มีประสบการณ์ด้านการถ่ายภาพหลากหลายแนว เช่น Fashion, Architecture, Automobile และ Product Still Life มานานกว่า 10 ปี โดยหลังจากกระแสสมาร์ตโฟนถ่ายภาพเริ่มได้รับความนิยม คุณแก้วจึงศึกษาการถ่ายด้วยสมาร์ตโฟนอย่างจริงจัง และก่อตั้ง Mobile Photographer เพื่อถ่ายทอดความรู้ เทคนิค และอัปเดตเทคโนโลยีกล้องสมาร์ตโฟนและอุปกรณ์เสริมอย่างสม่ำเสมอ ปัจจุบันทำงานร่วมกับแบรนด์ชั้นนำอย่าง Samsung, OPPO, VIVO, HUAWEI และ Realme ผ่านการรีวิวสมาร์ตโฟนกว่า 50 รุ่น พร้อมทั้งจัด Workshop และ Present สินค้าร่วมกับแบรนด์ต่าง ๆ นอกจากนี้ คุณแก้วยังเปิด Photography Course และบรรยายในมหาวิทยาลัยชั้นนำหลายแห่ง ตั้งแต่ปี 2023 จนถึงปัจจุบัน โดยดำรงตำแหน่งอาจารย์พิเศษประจำคณะดิจิทัลอาร์ต มหาวิทยาลัยศรีปทุม และเป็น Lecturer สอนการตลาดในหลักสูตรถ่ายภาพเบื้องต้นด้วยสมาร์ตโฟนที่อีกมหาวิทยาลัยชั้นนำ โดยใช้พื้นฐานด้านนิเทศศาสตร์จากมหาวิทยาลัยรังสิต ผสมผสานกับประสบการณ์จริง เพื่อแนะนำการเลือกอุปกรณ์ เทคนิคการถ่ายภาพ และแนวโน้มเทคโนโลยีได้อย่างแม่นยำ
คุณตุ้ยเป็นทาสแมวที่มีประสบการณ์เลี้ยงแมวกว่า 5 ปี และปัจจุบันดูแลแมวถึง 13 ตัว ด้วยความรักและเอาใจใส่ ทำให้มีความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับการดูแลแมว ทั้งลูกแมว แม่แมวหลังคลอด แมวป่วย และแมวหลังทำหมัน อีกทั้งยังมีประสบการณ์ในการเลือกอาหารแมว ขนมแมว และอุปกรณ์จำเป็น เพื่อให้เหมาะสมกับสุขภาพของแมวในแต่ละด้านอีกด้วย นอกเหนือจากความหลงใหลในโลกของแมว คุณตุ้ยยังเป็นนักถ่ายภาพที่รักการเก็บเกี่ยวโมเมนต์ผ่านเลนส์กล้อง โดยมีประสบการณ์ใช้งานทั้งกล้องมือถือ DSLR และ Mirrorless ในการถ่ายภาพแนว Landscape, Street และ Portrait ซึ่งได้ฝึกฝนพัฒนาทักษะการถ่ายภาพมาโดยตลอด โดยยังเคยรับงานถ่ายภาพงานบวชและงานแต่งงาน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความสามารถที่ทำให้เข้าใจเรื่ององค์ประกอบของภาพ การจัดแสง และการเลือกใช้อุปกรณ์ให้เหมาะสม จากความชื่นชอบทั้ง 2 ด้าน คุณตุ้ยจึงมีความเข้าใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยง อาหารเสริมแมว อุปกรณ์สำหรับแมว และกล้องถ่ายรูป เป็นอย่างดี อีกทั้งยังสามารถถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ผ่านบทความที่อ่านง่าย ช่วยให้ผู้อ่านเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ได้อย่างคุ้มค่าและตรงกับความต้องการ
ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเฉพาะ "วิธีการเลือก" เท่านั้น สินค้าและบริการที่ปรากฏอยู่ในบทความไม่ได้ถูกเลือกโดยผู้เชี่ยวชาญ
สารบัญ
การเลือกกล้อง DSLR นั้นมีวิธีการเลือกอยู่หลายจุดที่ต้องพิจารณา ไม่ว่าจะเป็นการเลือกเซนเซอร์ภาพ การตั้งค่าของกล้องถ่ายรูป ฟังก์ชันเสริมต่าง ๆ รวมไปถึงน้ำหนักและขนาดของตัวกล้องและเลนส์ด้วย เราไปดูกันว่าการเลือกแต่ละจุดนั้นสำคัญอย่างไรและมีวิธีการเลือกอย่างไรบ้าง
เซนเซอร์ภาพเปรียบเสมือนผืนผ้าใบที่บรรจุภาพที่เราถ่ายลงไป การเลือกเซนเซอร์ที่มีคุณภาพที่ดีและขนาดเหมาะสมก็เหมือนกับการทำงานศิลปะแล้วเลือกขนาดผืนผ้าใบที่เหมาะกับงานนั่นเองค่ะ เราไปดูกันดีกว่าว่าเซนเซอร์ภาพมีกี่ขนาดและควรเลือกอย่างไรครับ
เซนเซอร์รับภาพ (Image Sensor) เป็นสิ่งสำคัญที่จะสะท้อนภาพออกมาเมื่อคุณถ่ายภาพ โดยเซนเซอร์ภาพขนาดใหญ่นั้นเราจะเรียกว่าเซนเซอร์ขนาด Full Frame หรือ 35 mm (บางยี่ห้อเรียก FX) เซนเซอร์ภาพขนาดนี้เป็นเซนเซอร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มีขนาดของเซลล์ที่รับแสงใหญ่ สามารถรับแสงเข้าได้มาก ทำให้คุณภาพไฟล์ภาพดีกว่า ให้ความคมชัดและความลึกได้ดีกว่าภาพที่มีเซนเซอร์ขนาดเล็กและยังไม่มีจุดหรือ Noise รบกวนภาพอีกด้วย แต่ทั้งนี้ เมื่อมีเซนเซอร์ขนาดใหญ่ก็มีข้อเสียเปรียบอยู่นั่นก็คือเรื่องของขนาดและน้ำหนักของกล้องก็จะมากกว่ากล้องที่มีเซนเซอร์ขนาดเล็กด้วยครับ
ขนาดของเซนเซอร์รับภาพของกล้อง DSLR มีอยู่ด้วยกัน 2 ขนาด ได้แก่ APS-C และ Full Frame ส่วน M4/3 นั้น โดยส่วนใหญ่มักจะไม่นิยมนำมาใส่ในรูปแบบกล้อง DSLR เพราะจะทำให้ Body มีขนาดใหญ่เกินความจำเป็น โดยปัจจุบันจะเป็นแบบ Mirrorless กันหมดแล้ว ตัวเซนเซอร์ภาพแบบ Full Frame จะเป็นเซนเซอร์ภาพที่มีขนาดค่อนข้างจะใหญ่แล้ว จริง ๆ มีใหญ่กว่านี้ก็คือ Medium Format นะครับ แต่ Full Frame จะมี Depth of field ที่สูงกว่า APS-C และ M4/3 นอกเหนือจากนี้ ยังมีพื้นที่รับแสงที่มากกว่า ช่วยให้การถ่ายภาพในที่แสงน้อย มีจุดรบกวนน้อย ภาพมีความใสกว่าเซนเซอร์ที่เล็กกว่ามาก ๆ ครับ
เซนเซอร์ภาพขนาดเล็กในที่นี้เราจะขอกล่าวถึงเซนเซอร์ทุกตัวที่มีขนาดเล็กกว่า Full Frame โดยกล้อง DSLR บางรุ่นมีการใช้เซนเซอร์ภาพที่ไม่ใช่ขนาด 35 mm แม้ว่าคุณภาพอาจจะไม่เทียบเท่าเซนเซอร์ขนาดใหญ่ แต่ก็ยังถือว่ามีคุณภาพที่ดี อยู่ในเกณฑ์ที่ถ่ายภาพได้คมชัดเช่นเดียวกัน โดยสามารถแบ่งขนาดเซนเซอร์ย่อยลงไปได้อีกคือ
เซนเซอร์ภาพขนาดเล็กหรือกลุ่ม APS-C , M4/3 , 1-inch ในกล้อง Compact เหมาะสำหรับคนที่เริ่มหัดถ่ายภาพใหม่ ๆ หรือคนที่อาจจะไม่ได้จริงจังกับการถ่ายภาพขนาดนั้น เพราะ Full Frame จะมีราคาที่สูงกระโดดจากเซนเซอร์กลุ่มนี้ไปมากเหมือนกัน
อย่างที่กล่าวไปข้างต้น เซนเซอร์แบบ 1 นิ้วนั้น เรามักจะพบได้ในกล้อง Compact เช่น Sony RX100 และ Sensor แบบ M4/3 นั้น ทุกคนคงเคยได้ยิน Panasonic Lumix หรือ Olympus OM Series ซึ่งสองแบรนด์นี้เป็นผู้นำในตลาด M4/3 และปิดท้ายด้วย APS-C เป็นเซนเซอร์ที่มีความแพร่หลายมากที่สุดในกลุ่มกล้อง เพราะมีความยืดหยุ่นในการใช้งานสูง น้ำหนักกล้องยังเบาอยู่ แต่คุณภาพไฟล์ก็สูสีกับ Full Frame ตัวเริ่มต้นได้เหมือนกันครับ
ค่าความไวแสงหรือ ISO และค่าการชดเชยแสงหรือ EV นั้น เป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพต้องคำนึงถึงเวลาจะเลือกซื้อกล้องถ่ายรูปสักตัวเลยค่ะ เพราะยิ่งเราเลือกกล้องถ่ายรูปที่สามารถปรับตั้งค่าสองค่านี้ได้มาก นั่นหมายถึงประสิทธิภาพของภาพที่เราจะได้ก็มีมากขึ้นตามไปด้วย
ในส่วนของ ISO นั้นจะเป็นตัวช่วยในการเพิ่มความสว่างของภาพ หากเรามีการถ่ายภาพในที่ที่มีแสงน้อยหรือถ่ายภาพเวลากลางคืน การปรับตั้งค่า ISO สามารถเพิ่มความสว่างให้กับภาพของคุณได้ ในส่วนของค่า EV จะเป็นค่าที่เราสามารถปรับตั้งเพื่อชดเชยแสง เวลาที่เราถ่ายในที่ที่มีแสงมากหรือน้อยเกินไป ก็จะช่วยให้ภาพของคุณมีความบาลานซ์เรื่องแสงมากขึ้นครับ
แต่ข้อเสียของการตั้งค่า ISO ที่สูงเกินไปก็อาจจะทำให้ภาพเกิด Noise หรือจุดภาพรบกวนได้ ดังนั้นหากเราอยากได้ภาพที่คมชัดก็ไม่ควรตั้งค่า ISO มากเกินความจำเป็น ซึ่งกล้อง DSLR ส่วนใหญ่นั้นมักมีค่า ISO เริ่มต้นที่ 50 ไปจนถึง 25600 หรือบางรุ่นอาจจะปรับได้มากไปกว่านี้ และถึงแม้กล้องบางรุ่นจะมีฟังก์ชันลด Noise หรือจุดรบกวนก็ตาม แต่ก่อนจะถ่ายภาพก็อย่าลืมเช็กจุดภาพที่รบกวนด้วยเพื่อให้ได้ภาพที่คมชัดสวยงามครับ
ค่าความไวของแสงหรือ ISO และการชดเชยแสง EV เป็นพื้นฐานที่คนถ่ายภาพทุกคน ตั้งแต่มือใหม่ไปจนถึงมือโปรต้องฝึกฝนให้ชำนาญ ในการจะควบคุมทั้งสองสิ่งนี้ ค่า ISO จะช่วยให้เราสามารถถ่ายภาพได้สว่างมากยิ่งขึ้น ตามลำดับเลเวลของการเพิ่ม ISO ขึ้นไป และช่วยให้เราสามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้สว่างมากขึ้น
แต่ก็มีข้อควรระวังในการใช้ คือเมื่อค่า ISO สูงขึ้นในระดับที่ Software Noise Reduction ไม่สามารถจัดการได้ เราจะเริ่มเจอกับจุดรบกวนและ Detail เล็ก ๆ น้อย ๆ จะเริ่มหายไป ในส่วนของค่า EV จะเป็นค่าที่เราสามารถปรับตั้งเพื่อชดเชยแสง เวลาที่เราถ่ายในที่ที่มีแสงมากหรือน้อยเกินไป ก็จะให้ภาพที่ได้ความ Balance ในทุก ๆ ช่วงความสว่างครับ
ระบบโฟกัสอัตโนมัติ หรือกล้องที่มีระบบ Face Detection และ Eye AF จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับคุณเวลาถ่ายภาพได้อย่างดีเยี่ยมเลย เพราะคุณไม่ต้องคอยปรับหมุนโฟกัสที่เลนส์เอง เพียงแค่คุณกดค้างที่ปุ่มชัตเตอร์ครึ่งหนึ่ง ก็จะช่วยโฟกัสได้แล้ว หรือบางรุ่นยังสามารถเลือกกดด้วยระบบสัมผัสที่หน้าจอมองภาพ เลือกโฟกัสได้ตามใจต้องการ ยิ่งทำให้เพิ่มความสะดวกมากขึ้นไปอีก หมดกังวลเรื่องภาพที่อาจจะเบลอหรือไม่ชัดได้เลยครับ
กล้อง DSLR ทั้งหมดจะมีระบบ Auto Focus มาให้อยู่แล้ว แต่มักจะแตกต่างกันด้วยความสามารถในการโฟกัสว่ามีโหมดอะไรบ้าง สามารถ Tracking ได้แม่นยำแค่ไหน และมีจุดโฟกัสให้ใช้งานทั้งหมดกี่จุด นอกจากนี้ ในกล้องรุ่นใหม่ ๆ มักจะมีฟีเจอร์ในเรื่องของ Focus เสริมมาให้เพิ่มเติมอยู่หลายตัว ไม่ว่าจะเป็น Face Detection, Eye Detection หรือ 3D Focus Tracking ซึ่งจะช่วยให้การถ่ายภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว ทำได้รวดเร็ว คมชัด แม้เราจะถ่ายวัตถุหรือคนที่มีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลาก็ตามครับ
เนื่องจากกล้อง DSLR นั้นผลิตมาเพื่อคนที่ชื่นชอบถ่ายภาพ จึงมีการใช้วัสดุและเซนเซอร์ภาพขนาดใหญ่ ทำให้มีน้ำหนักค่อนข้างมากกว่ากล้องดิจิทัลอื่น ๆ และยิ่งเมื่อเพิ่มเลนส์เข้าไปแล้วก็จะยิ่งเพิ่มน้ำหนักของกล้องมากขึ้นไปอีก ดังนั้นการเลือกบอดี้ของกล้องถ่ายรูป เราขอแนะนำให้เลือกน้ำหนักของตัวบอดี้ที่อยู่ระหว่าง 300 - 700 กรัม เพราะเมื่อรวมกับเลนส์ที่มีน้ำหนักกว่า 100 - 400 กรัม ก็จะประมาณหนึ่งกิโลกรัม ยังอยู่ในช่วงน้ำหนักที่ทั้งหนุ่ม ๆ และสาว ๆ ถือกันไหวครับ
ส่วนตัวของเลนส์ ยิ่งเราเลือกเลนส์ที่มีระยะค่อนข้างมาก เช่น เลนส์ 70 - 200 mm ก็จะยิ่งมีน้ำหนักและขนาดที่ค่อนข้างมาก ดังนั้นเราควรเลือกเลนส์ระยะกลาง ๆ ที่ครอบคลุมการถ่ายภาพได้หลากหลาย เช่น เลนส์ 35 - 70 mm นับว่าเป็นระยะที่ถ่ายวิวทิวทัศน์หรือ Landscape ได้สวย ถ่ายคนก็ดีเยี่ยม หรือถ้าใครที่ชื่นชอบการถ่ายภาพบุคคลหรือภาพ Portrait โดยเฉพาะ เราขอแนะนำเลนส์ 50 mm หรือเลนส์ Kit ที่ติดมากับตัวกล้อง ก็เพียงพอแล้วครับ
จริง ๆ แล้ว เรื่องน้ำหนักของตัวกล้องนั้นค่อนข้างจะ Subjective เพราะแต่ละคนแบกน้ำหนักได้ไม่เท่ากันนั่นเอง แต่เวลาที่เราเลือกกล้องนั้น ควรจะเลือกจากรูปแบบการใช้งานของเราก่อน เช่น ถ้าเราใช้งานทั่วไปหรือใช้งานที่ไม่ได้สมบุกสมบันหรือเอาไปลุยมาก พวก Body กล้องที่มีส่วนผสมของพลาสติกและมีน้ำหนักไม่มากก็ถือว่าใช้งานได้สะดวก แต่ถ้าเกิดเราเป็นคนที่ต้องออกนอกสถานที่ตลอดหรือทำงานถ่ายภาพพวกสารคดี มีการลุยป่า การเลือก Body กล้องที่เป็น Alloy ล้วน ๆ มีความแข็งแรงมาก ๆ แต่น้ำหนักเยอะ ก็เหมาะสมกับรูปแบบการใช้งานมากกว่าครับ
สำหรับสายท่องเที่ยวหรือคนที่ชอบออกทริปถ่ายภาพ การพกกล้อง DSLR มาใช้งานนั้นจะต้องพิจารณาในเรื่องของน้ำหนักมากเป็นพิเศษ เพราะในการท่องเที่ยวคุณจำเป็นต้องพกกล้องติดตัวไว้ตลอดการเดินทาง หากเลือกกล้องที่มีน้ำหนักมากเกินไปอาจจะทำให้ความสนุกในการท่องเที่ยวลงดลงไปได้ โดยน้ำหนักกล้องที่เราแนะนำสำหรับสายท่องเที่ยวคือไม่เกิน 700 กรัม ซึ่งปัจจุบัน มีกล้อง DSLR หลาย ๆ รุ่นที่ออกแบบมาให้มีน้ำหนักเบาลง เช่น Nikon รุ่น D5600 หรือ SONY รุ่น Alpha a7 III เป็นต้น
สินค้า | รูปภาพ | ราคาต่ำสุด | คะแนน | รายละเอียด | ||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ขนาดเซ็นเซอร์ | ความละเอียดภาพนิ่ง | ความละเอียดวิดีโอ | จอแสดงผล | ระบบกันสั่น | จุดโฟกัส (AF) | ความเร็วชัตเตอร์ | ความสามารถในการถ่ายภาพต่อเนื่อง | ค่า ISO | น้ำหนัก | เมาท์เลนส์ | การเชื่อมต่อ | Touchscreen | Viewfinder | |||||
1 | Canon กล้อง DSLR รุ่น EOS 200D Mark II Kit 18 - 55 mm | ![]() | DSLR ขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบาเทียบเท่าขวดน้ำ พกพาสะดวก | APS-C | 24.10 MP | 4K 25p, Full HD 60p | 3" LCD Vari-angle | ไม่ระบุ | 9 จุด | 30 - 1/4000 วินาที | 5 FPS | 100 - 25600 | 654 กรัม | Canon EF/EF-S | Wi-Fi, Micro-B | |||
2 | Nikon กล้อง DSLR รุ่น D5600 | ![]() | เชื่อมต่อแอปพลิเคชันเพื่อแชร์ภาพได้แบบเรียลไทม์ในขณะที่ถ่าย | APS-C | 24.20 MP | Full HD 60p | 3.2" LCD Vari-angle | ไม่ระบุ | 39 จุด | 1/4000 - 30 วินาที | 5 FPS | 100 - 25600 | 415 กรัม | Nikon F | Wi-Fi, Bluetooth, NFC, Micro-B | |||
3 | SONY กล้อง DSLR รุ่น Alpha a7 III Full Frame Mirrorless Digital Camera (Body) | ![]() | ถ่ายภาพได้สนุก ไม่กลัวแม้ที่แสงน้อย โทนสีภาพละมุนตา สวยคม | Full Frame | 24.20 MP | 4K 30p | 3" LCD Vari-angle | IBIS | 693 จุด | 1/8000 - 30 วินาที | 10 FPS | 100 - 51200 | 650 กรัม | SONY E-Mount | Wi-Fi, Bluetooth, Type-C | |||
4 | Canon กล้อง DSLR รุ่น EOS 6D Mark II | ![]() | กล้องระดับ Hi - End ให้ภาพคมแบบฟูลเฟรม มาพร้อม GPS ในตัว | Full Frame | 26.20 MP | Full HD 60p | 3" LCD Vari-angle | Digital I.S. | 45 จุด | 30 - 1/4000 วินาที | 6.50 FPS | 100 - 40000 | 765 กรัม | Canon EF-mount | Wi-Fi, Bluetooth, NFC, Micro-B | |||
5 | Nikon กล้อง DSLR รุ่น D7500 | ![]() | กล้องกึ่งโปร มาพร้อมระบบลดนอยส์ ให้ภาพคมชัดแม้มีแสงน้อย | APS-C | 20.90 MP | 4K 30p | 3.2" LCD Tilt | ไม่ระบุ | 51 จุด | 1/8000 - 30 วินาที | 8 FPS | 100 - 51200 | 640 กรัม | Nikon F | Wi-Fi, Bluetooth | |||
6 | SONY กล้อง DSLR รุ่น Alpha 7 IV | ![]() | ให้ภาพถ่ายที่ออกมามีความสมจริง ดูเป็นธรรมชาติ เหมาะกับโปร | Exmor R CMOS | 34.1 MP | 4K | 3" TFT | เซนเซอร์ภาพที่มีการชดเชย 5 แกน | 759 จุด | 1 / 8000 ถึง 30 วินาที | 10 FPS | 50 - 204800 | 658 กรัม | ไม่ระบุ | Bluetooth, Micro-USB | |||
7 | Nikon กล้อง DSLR รุ่น D500 | ![]() | กล้องระดับมืออาชีพ ให้ภาพคุณภาพสูงแบบ 4K แต่ยังคล่องตัว | APS-C | 20.90 MP | 4K 30p | 3.2" LCD Tilt | ไม่ระบุ | 153 จุด | 1/8000 - 30 วินาที | 10 FPS | 100 - 51200 | 760 กรัม | Nikon F | Wi-Fi, NFC, Bluetooth, Micro-B | |||
8 | PENTAX กล้อง DSLR รุ่น K70 | ![]() | เอาใจนักถ่ายภาพสายลุย ด้วยซีลรอยต่อป้องกันน้ำและฝุ่นละออง | APS-C | 24.24 MP | Full HD 30p | 3" LCD Vari-angle | ไม่ระบุ | 11 จุด | 30 - 1/6000 วินาที | 6 FPS | 100 - 102400 | 688 กรัม | PENTAX KAF, KA Mount | Wi-Fi, Micro-B | |||
9 | SONY กล้อง DSLR รุ่น a6500 | ![]() | ถ่ายภาพได้อย่างมั่นใจ ไม่ต้องกังวลเรื่องการสั่นไหว ได้ภาพสวย | APS-C (23.5 x 15.6 mm) | 24.2 MP | Full HD (1920 x 1080) | 3" | การป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคอล 5 แกน | 425 จุด | 1/4000 30 วินาที | - | 100 - 25600 | 453 กรัม | ไม่ระบุ | HDMI D, USB Micro-B | |||
10 | Canon กล้อง DSLR รุ่น EOS 90D | ![]() | เซนเซอร์ APS-C ความละเอียดสูง โฟกัสไว ไฟล์ภาพสวยคมชัด | APS-C | 32.50 MP | 4K 30p | 3" LCD Vari-angle | Digital I.S. | 45 จุด | 30 - 1/8000 วินาที | 10 FPS | 100 - 25600 | 701 กรัม | Canon EF-S | Wi-Fi, Bluetooth, Micro-B |
กล้องรุ่นนี้เป็นรุ่นที่เหล่าช่างภาพต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นกล้องจาก Canon ที่มีน้ำหนักเบามาก ไม่ว่าจะเป็นช่างภาพมืออาชีพหรือช่างภาพมือใหม่ ก็สามารถนำมาใช้งานได้ โดยน้ำหนักของกล้องรุ่นนี้แทบไม่ต่างจากขวดน้ำเลย เป็นกล้อง DSLR ที่พกพาไปใช้งานในที่ต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายในสตูดิโอหรือการถ่ายภาพนอกสถานที่ก็ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้การถ่ายภาพหรือบันทึกภาพเป็นเรื่องที่ง่ายและสนุกมากขึ้น
Canon EOS 200D Mark II Kit โดดเด่นด้วยการโฟกัสภาพแบบ Live View วึ่งจะทำให้คุณจับภาพได้อย่างแม่นยำด้วยโฟกัสที่มากกว่า 3,975 จุด ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายบุคคลหรือวัตถุก็จะจับส่วนสำคัญของภาพได้อย่างชัดเจน สำหรับคนที่ทำ Content หรือชื่นชอบในการถ่ายภาพเซลฟี่ กล้องรุ่นนี้ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้าม เพราะมีฟังก์ชัน Creative Assist Creative Filter และ Smooth Skin ที่ช่วยให้ภาพของคุณดูน่าประทับใจมากขึ้น หน้าจอ LCD สามารถหมุนได้ เพิ่มความสะดวกในการเซลฟี่ได้มากกว่าเดิมครับ
ขนาดเซ็นเซอร์ | APS-C |
---|---|
ความละเอียดภาพนิ่ง | 24.10 MP |
ความละเอียดวิดีโอ | 4K 25p, Full HD 60p |
จอแสดงผล | 3" LCD Vari-angle |
ระบบกันสั่น | ไม่ระบุ |
จุดโฟกัส (AF) | 9 จุด |
ความเร็วชัตเตอร์ | 30 - 1/4000 วินาที |
ความสามารถในการถ่ายภาพต่อเนื่อง | 5 FPS |
ค่า ISO | 100 - 25600 |
น้ำหนัก | 654 กรัม |
เมาท์เลนส์ | Canon EF/EF-S |
การเชื่อมต่อ | Wi-Fi, Micro-B |
Touchscreen | |
Viewfinder |
ความน่าสนใจของกล้องรุ่นนี้คือสามารถนำภาพที่ถ่ายมาใช้งานต่อได้อย่างสะดวก เพราะเป็นกล้อง DSLR ที่สามารถทำารเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันเฉพาะได้ ช่วยให้คุณจัดการรูป ทำการตรวจสอบ หรือแชร์รูปได้อย่างรวดเร็ว รูปที่ถ่ายด้วยกล้องรุ่นนี้จะสามารถทำการตรวจสอบผ่านอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ทำการเชื่อมต่อได้ในทันที จึงเหมาะกับสายท่องเที่ยวที่ชอบอัปเดตความเคลื่อนไหวในการออกทริปอยู่ตลอดเวลา หรือคนที่จำเป็นต้องนำภาพไปทำการตรวจสอบเพื่อใช้งานต่อ ๆ ไปครับ
ในส่วนของตัวกล้องก็มีวิธีการใช้งานที่ง่าย บันทึกภาพได้อย่างคมชัด สามารถถ่ายภาพเคลื่อนไหวได้ในระดับ Full HD ถึง 60 เฟรมเรท คุณจึงสามารถนำวิดีโอมาตัดต่อหรือดัดแปลงในการนำเสนอได้อย่างละเอียด สามารถใส่ลูกเล่นและความคิดสร้างสรรค์ของคุณได้อย่างเต็มที่ ส่วนของจอภาพสามารถปรับหมุนได้เพื่อความสะดวกในการใช้งาน และยังรองรับการควบคุมผ่านระบบสัมผัสอีกด้วยครับ
ขนาดเซ็นเซอร์ | APS-C |
---|---|
ความละเอียดภาพนิ่ง | 24.20 MP |
ความละเอียดวิดีโอ | Full HD 60p |
จอแสดงผล | 3.2" LCD Vari-angle |
ระบบกันสั่น | ไม่ระบุ |
จุดโฟกัส (AF) | 39 จุด |
ความเร็วชัตเตอร์ | 1/4000 - 30 วินาที |
ความสามารถในการถ่ายภาพต่อเนื่อง | 5 FPS |
ค่า ISO | 100 - 25600 |
น้ำหนัก | 415 กรัม |
เมาท์เลนส์ | Nikon F |
การเชื่อมต่อ | Wi-Fi, Bluetooth, NFC, Micro-B |
Touchscreen | |
Viewfinder |
SONY มีการผลิตกล้อง DSLR ออกมามากมายหลายรุ่น โดยกล้องรุ่น Alpha a7 III เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก มี ISO ที่เพิ่มได้สูง สามารถถ่ายภาพได้อย่างคมชัด มีการออกแบบมาให้สามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้อย่างอิสระ สามารถเห็นรายละเอียดของภาพได้อย่างคมชัด มีการออกแบบมาให้ภาพมีความละเอียดมามากกว่ารุ่นก่อน ๆ ช่างภาพมืออาชีพสามารถนำมาใช้ประกอบการถ่ายงานได้หลากหลายรูปแบบเลยครับ
กล้องรุ่นนี้มาพร้อมกับ Dynamic Range สามารถถ่ายภาพในมุมต่าง ๆ ได้อย่างอิสระ โดยโทนภาพที่ถ่ายจากกล้องรุ่นนี้จะมาในโทนที่ดูละมุนตา ภาพที่ออกมาจะดูมีความฟรุ้งเล็กน้อย แต่มีความคมชัด ในส่วนของการถ่ายก็มีเซนเซอร์ CMOS แบบฟูลเฟลมที่ทำให้ภาพที่ถ่ายมีประสิทธิภาพมากขึ้น ที่สำคัญยังสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็ว ตอบสนองต่อการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะกับช่างภาพมืออาชีพ
ขนาดเซ็นเซอร์ | Full Frame |
---|---|
ความละเอียดภาพนิ่ง | 24.20 MP |
ความละเอียดวิดีโอ | 4K 30p |
จอแสดงผล | 3" LCD Vari-angle |
ระบบกันสั่น | IBIS |
จุดโฟกัส (AF) | 693 จุด |
ความเร็วชัตเตอร์ | 1/8000 - 30 วินาที |
ความสามารถในการถ่ายภาพต่อเนื่อง | 10 FPS |
ค่า ISO | 100 - 51200 |
น้ำหนัก | 650 กรัม |
เมาท์เลนส์ | SONY E-Mount |
การเชื่อมต่อ | Wi-Fi, Bluetooth, Type-C |
Touchscreen | |
Viewfinder |
กล้องระดับโปรจาก Canon ที่สามารถนำมาใช้งานได้อย่างไร้ขีดกำจัด มาพร้อมกับเซนเซอร์ภาพแบบ Full Frame ทำให้ภาพที่ถ่ายมาสามารถนำมาใช้งานได้ในหลาย ๆ สถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายในสตูดิโอหรือใช้ถ่ายนอกสถานที่ก็ตาม กล้องรุ่นนี้มีความละเอียดมากถึง 26.2 ล้านพิกเซล ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพบุคคล วัตถุ หรือสถานที่ก็สามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถนำภาพที่ถ่ายมาใช้ในการตัดต่อหรือสร้างสรรค์ผลงานใหม่ ๆ ได้ครับ
กล้องรุ่นนี้มาพร้อมกับเทคโนโลยี Dual Pixel CMOS AF และระบบออโต้โฟกัสแบบ Cross - Type ทั้งหมด 45 จุด ทำให้คุณจับรายละเอียดที่สำคัญของภาพได้อย่างครบถ้วน สามารถถ่ายภาพต่อเนื่องได้สูงสุด 6.5 เฟรมต่อวินาที อีกทั้งยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นฟังก์ชันเชื่อมต่อ Wi - Fi, NFC และบลูทูธ เพิ่มขีดจำกัดในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ อีกทั้งยังมี GPS ในตัว เพิ่มขีดจำกัดในการใช้งานได้มากอีกระดับ
ขนาดเซ็นเซอร์ | Full Frame |
---|---|
ความละเอียดภาพนิ่ง | 26.20 MP |
ความละเอียดวิดีโอ | Full HD 60p |
จอแสดงผล | 3" LCD Vari-angle |
ระบบกันสั่น | Digital I.S. |
จุดโฟกัส (AF) | 45 จุด |
ความเร็วชัตเตอร์ | 30 - 1/4000 วินาที |
ความสามารถในการถ่ายภาพต่อเนื่อง | 6.50 FPS |
ค่า ISO | 100 - 40000 |
น้ำหนัก | 765 กรัม |
เมาท์เลนส์ | Canon EF-mount |
การเชื่อมต่อ | Wi-Fi, Bluetooth, NFC, Micro-B |
Touchscreen | |
Viewfinder |
Nikon D7500 เป็นกล้องกึ่งโปรที่อัดแน่นไปด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่แม้ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ก็สามารถนำมาใช้ถ่ายรูปให้สวยงามได้ จุดเด่นของกล้องรุ่นนี้คือระบบประมวลผลภาพ EXPEED 5 ที่จะทำให้เซนเซอร์ในการจับภาพสามารถทำได้อย่างรวดเร็วกว่ากล้อง DSLR ในบางรุ่น คุณสามารถถ่ายภาพต่อเนื่องได้รวดเร็วถึง 8 ภาพ ต่อวินาที ซึ่งเป็นความเร็วในระดับที่ทำให้คุณจับภาพในช่วงเวลาสำคัญได้อย่างราบลื่น ไม่ติดปัญหาเลยครับ
ภาพที่ถ่ายด้วยกล้องรุ่นนี้จะมีความคมชัด แม้ว่าจะใช้ ISO สูงก็ตาม สามารถถ่ายภาพไฟล์ RAW ซึ่งจะทำให้คุณนำภาพไปใช้งานในส่วนต่าง ๆ ได้อย่างไม่ต้องกังวลเรื่องคุณภาพของไฟล์ภาพเลย อีกทั้งยังนำมาถ่ายภาพในตอนกลางคืนหรือถ่ายในที่ที่มีแสงน้อยได้ เพราะมี Active D - Lighting ที่ช่วยจัดการเรื่องของแสง ทำให้ภาพที่ออกมามีความสมจริง รวมถึงยังมีระบบกันสั่นที่จะทำให้คุณไม่ต้องมาคอยกังวลเวลาการใช้กล้องถ่ายด้วยมืออีกด้วยครับ
ขนาดเซ็นเซอร์ | APS-C |
---|---|
ความละเอียดภาพนิ่ง | 20.90 MP |
ความละเอียดวิดีโอ | 4K 30p |
จอแสดงผล | 3.2" LCD Tilt |
ระบบกันสั่น | ไม่ระบุ |
จุดโฟกัส (AF) | 51 จุด |
ความเร็วชัตเตอร์ | 1/8000 - 30 วินาที |
ความสามารถในการถ่ายภาพต่อเนื่อง | 8 FPS |
ค่า ISO | 100 - 51200 |
น้ำหนัก | 640 กรัม |
เมาท์เลนส์ | Nikon F |
การเชื่อมต่อ | Wi-Fi, Bluetooth |
Touchscreen | |
Viewfinder |
ทาง SONY ได้มีการปล่อยกล้อง DSLR มาให้คุณเป็นเจ้าของกันหลายรุ่น แต่หากคุณเป็นคนที่หลงใหลในศาสตร์ของการถ่ายภาพ SONY Alpha 7 IV น่าจะเป็นกล้องที่คุณกำลังมองหา เพราะกล้องรุ่นนี้มาพร้อมกับคุณสมบัติในการถ่ายภาพที่คมชัด สวยงาม ดูเป็นธรรมชาติและสมจริงมาก ด้วยออโตโฟกัสและ Ai อัจฉริยะ จะทำให้คุณจับภาพที่ดีที่สุดไว้ได้ ด้วยเซนเซอร์ CMOS ที่มีแสงด้านหลัง จะช่วยให้ภาพของคุณสวยงามราวกับมือโปรที่กำลังถ่ายภาพ
กล้องรุ่นนี้มาพร้อมกับหน่วยประมวลผล BIONZ XR™ ที่ช่วยให้การทำงานของกล้องเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว สามารถถ่ายภาพได้ 10 เฟรม ต่อวินาที อีกทั้งยังมีระบบ Fast Hybrid AF ที่ช่วยตรวจจับความแม่นยำได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าในเฟรมจะเป็นพื้นที่กว้างเพียงใดก็สามารถเก็บได้ในทุก ๆ รายละเอียด ภาพที่ถ่ายสามารถนำไปใช้ปรับแต่งหรือตัดต่อได้อย่างสะดวก หากนำมาบันทึกภาพเคลื่อนไหว จะได้งานที่มีคุณภาพระดับภายพนตร์เลยครับ
ขนาดเซ็นเซอร์ | Exmor R CMOS |
---|---|
ความละเอียดภาพนิ่ง | 34.1 MP |
ความละเอียดวิดีโอ | 4K |
จอแสดงผล | 3" TFT |
ระบบกันสั่น | เซนเซอร์ภาพที่มีการชดเชย 5 แกน |
จุดโฟกัส (AF) | 759 จุด |
ความเร็วชัตเตอร์ | 1 / 8000 ถึง 30 วินาที |
ความสามารถในการถ่ายภาพต่อเนื่อง | 10 FPS |
ค่า ISO | 50 - 204800 |
น้ำหนัก | 658 กรัม |
เมาท์เลนส์ | ไม่ระบุ |
การเชื่อมต่อ | Bluetooth, Micro-USB |
Touchscreen | |
Viewfinder |
อีกหนึ่งกล้องจากทาง Nikon ที่เป็นกล้องระดับโปร แต่สามารถพกพาไปใช้งานได้อย่างคล่องตัว เพราะเซนเซอร์ภาพไม่ได้มีขนาดใหญ่มาก เหมาะกับคนที่ต้องพกกล้องไปใช้ถ่ายภาพนอกสถานที่อยู่บ่อย ๆ อย่างไรก็ตามกล้องรุ่นนี้มาพร้อมกับฟังก์ชันการใช้งานที่ไม่น้อยหน้ากล้องรุ่นอื่น ๆ มีโฟกัสที่มากถึง 153 จุด ถ่ายภาพและวิดีโอได้ระดับ Ultra HD หรือ 4K ให้ภาพที่ออกมามีความคมชัด อีกทั้งยังสามารถถ่ายต่อเนื่องได้รวดเร็วถึง 10 ภาพต่อวินาที เลยด้วยครับ
ส่วนของตัวกล้องออกแบบมาให้ใช้งานง่าย หน้าจอ LCD เป็นระบบสัมผัส สามารถปรับเอียงได้ตามการใช้งาน ไม่ว่าจะถือกล้องด้วยมุมไหนก็ถ่ายรูปให้สวยได้ โฟกัสมีความยาว 35 มม. ภาพที่ได้จึงมีความสมจริง ดูเป็นธรรมชาติ หากมองในส่วนของตัวกล้องและฟีเจอร์ที่มาพร้อมกันนั้น กล้องรุ่นนี้มือใหม่ในการถ่ายภาพก็สามารถนำมาใช้งานได้ และยังใช้เป็นส่วนหนึ่งในการฝึกฝนไปจนถึงขั้นประกอบอาชีพเป็นช่างภาพได้เลยครับ
ขนาดเซ็นเซอร์ | APS-C |
---|---|
ความละเอียดภาพนิ่ง | 20.90 MP |
ความละเอียดวิดีโอ | 4K 30p |
จอแสดงผล | 3.2" LCD Tilt |
ระบบกันสั่น | ไม่ระบุ |
จุดโฟกัส (AF) | 153 จุด |
ความเร็วชัตเตอร์ | 1/8000 - 30 วินาที |
ความสามารถในการถ่ายภาพต่อเนื่อง | 10 FPS |
ค่า ISO | 100 - 51200 |
น้ำหนัก | 760 กรัม |
เมาท์เลนส์ | Nikon F |
การเชื่อมต่อ | Wi-Fi, NFC, Bluetooth, Micro-B |
Touchscreen | |
Viewfinder |
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่เป็นช่างภาพที่ชื่นชอบการถ่ายภาพนอกสถานที่หรือชอบออกทริปท่องเที่ยวตามธรรมชาติและชอบเก็บความทรงจำด้วยรูปภาพ กล้องรุ่นนี้เป็นตัวเลือกที่คุณไม่ควรมองข้ามเลย เพราะเป็นกล้อง DSLR ที่มาพร้อมกับระบบ Weather Resistant ที่จะช่วยปกป้องกล้องของคุณจากน้ำ ฝุ่นละออง และมลภาวะได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีระบบป้องกันการสั่นไหว SR (Shake Reduction) ที่จะช่วยให้การถ่ายภาพของคุณดูนิ่งขึ้นแม้จะยืนอยู่ในตำแหน่งที่ทรงตัวยากก็ตาม
แม้ว่าจะเป็นกล้องสายลุย แต่ก็มาพร้อมกับ Wi - Fi ในตัว ทำให้คุณสามารถแชร์ภาพจากทริปสุดโปรดของคุณสู่โลกโซเชียลได้อย่างง่ายดาย ส่วนของเซนเซอร์ไม่มี AA Filter ทำให้คุณสามารถเก็บรายละเอียดของภาพได้อย่างครบถ้วน เหมาะอย่างยิ่งกับการนำมาถ่ายภาพวิวหรือสถานที่ต่าง ๆ หน้าจอที่มีกับตัวกล้องมีขนาด 3 นิ้ว สามารถปรับการมองได้หลายระดับ เพื่มความสะดวกในการใช้งานได้มากยิ่งขึ้น
ขนาดเซ็นเซอร์ | APS-C |
---|---|
ความละเอียดภาพนิ่ง | 24.24 MP |
ความละเอียดวิดีโอ | Full HD 30p |
จอแสดงผล | 3" LCD Vari-angle |
ระบบกันสั่น | ไม่ระบุ |
จุดโฟกัส (AF) | 11 จุด |
ความเร็วชัตเตอร์ | 30 - 1/6000 วินาที |
ความสามารถในการถ่ายภาพต่อเนื่อง | 6 FPS |
ค่า ISO | 100 - 102400 |
น้ำหนัก | 688 กรัม |
เมาท์เลนส์ | PENTAX KAF, KA Mount |
การเชื่อมต่อ | Wi-Fi, Micro-B |
Touchscreen | |
Viewfinder |
กล้องที่สนับสนุนในเรื่องการถ่ายภาพในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นมือโปรหรือมือใหม่ก็สามารถนำมาใช้งานได้ แต่ด้วยราคาที่ค่อนข้างเป็นมิตร กล้องรุ่นนี้จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่กำลังมองหากล้องมาใช้ในการฝึกทักษะในการถ่ายภาพ ตัวกล้องมีน้ำหนักเบา พกพาได้อย่างสะดวก มีการออกแบบตัวกล้องมาให้มีขนาดที่พอดีมือ เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน จะถ่ายในสตูดิโอหรือนอกสถานที่ก็สามารถใช้งานได้ครับ
ตัวกล้องมาพร้อมกับระบบป้องกันการสั่นที่มีคุณภาพ ทำให้รูปที่ออกมาดูสวยงามและเป็นธรรมาติมากขึ้น สามารถถ่ายภาพได้ต่อเนื่องสูงสุดถึง 307 ช็อต ให้คุณเก็บทุกความประทับใจได้แบบไม่มีพลาด ไม่ว่าจะเป็นการทำงานหรือการท่องเที่ยวก็สามารถนำมาใช้งานได้อย่างไม่ติดขัด หน้าจอเป็นระบบสัมผัส ใช้งานง่าย มีเทคโนโลยี AF ความเร็วสูง ที่ช่วยให้การจับภาพของคุณเก็บรายละเอียดในเฟรมได้อย่างครบถ้วนครับ
ขนาดเซ็นเซอร์ | APS-C (23.5 x 15.6 mm) |
---|---|
ความละเอียดภาพนิ่ง | 24.2 MP |
ความละเอียดวิดีโอ | Full HD (1920 x 1080) |
จอแสดงผล | 3" |
ระบบกันสั่น | การป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคอล 5 แกน |
จุดโฟกัส (AF) | 425 จุด |
ความเร็วชัตเตอร์ | 1/4000 30 วินาที |
ความสามารถในการถ่ายภาพต่อเนื่อง | - |
ค่า ISO | 100 - 25600 |
น้ำหนัก | 453 กรัม |
เมาท์เลนส์ | ไม่ระบุ |
การเชื่อมต่อ | HDMI D, USB Micro-B |
Touchscreen | |
Viewfinder |
ความน่าสนใจของ Canon EOS 90D คือเป็นกล้องที่เหมาะสำหรับนำมาถ่ายภาพบุคคลหรือแนวสตรีท ตัวกล้องมีขนาดเล็ก สะดวกต่อการพกพา และถึงแม้ว่าจะมีขนาดเล็กแต่ก็มาพร้อมกับเซนเซอร์แบบ APS-C ความละเอียดสูงถึง 32.5 ล้านพิกเซล ทำให้ภาพที่คุณถ่ายมีความคมชัดมากเป็นพิเศษ อีกทั้งระบบออโตโฟกัสยังทำงานได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพคนเพื่อการทำงานหรือเพื่อฝึกฝนฝีมือก็สามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ
นอกจากนี้ตัวกล้องยังเพิ่มความน่าสนใจด้วยโหมด Live View ที่สามารถติดตามวัตถุได้อย่างแม่นยำ จึงทำให้ภาพที่ออกมามีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น สำหรับสายเที่ยวเชิงธรรมชาติ กล้องรุ่นนี้อาจจะไม่เหมาะกับการนำมาเก็บภาพบรรยากาศมากนัก เพราะตัวกันสั่นเป็นแบบอิเล็กทรอนิกส์ จึงทำให้ภาพบางส่วนถูกครอปออกได้ แต่หากเป็นการเที่ยวในเมืองหรือแหล่งชุมชน กล้องรุ่นนี้ก็ยังเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากเก็ภาพความทรงจำไว้ครับ
ขนาดเซ็นเซอร์ | APS-C |
---|---|
ความละเอียดภาพนิ่ง | 32.50 MP |
ความละเอียดวิดีโอ | 4K 30p |
จอแสดงผล | 3" LCD Vari-angle |
ระบบกันสั่น | Digital I.S. |
จุดโฟกัส (AF) | 45 จุด |
ความเร็วชัตเตอร์ | 30 - 1/8000 วินาที |
ความสามารถในการถ่ายภาพต่อเนื่อง | 10 FPS |
ค่า ISO | 100 - 25600 |
น้ำหนัก | 701 กรัม |
เมาท์เลนส์ | Canon EF-S |
การเชื่อมต่อ | Wi-Fi, Bluetooth, Micro-B |
Touchscreen | |
Viewfinder |
กล้อง DSLR อาจจะเป็นกล้องที่ดูมือโปรทำให้หลาย ๆ คนไม่กล้าซื้อใช้กัน แต่จริง ๆ แล้วอาจจะมีบางจุดที่คุณไม่เคยรู้มาก่อนก็เป็นไปได้ ในวันนี้ เรามีคำแนะนำและคำตอบจากผู้เชี่ยวชาญมาฝากกันครับ
กล้อง DSLR ย่อมาจากคำว่า Digital Single Lens Reflex โดยใช้เทคโนโลยีการถ่ายภาพที่ได้รับการส่งต่อมาจากกล้องฟิล์มในสมัยก่อนอย่าง SLR นั่นเอง ซึ่งเป็นการใช้กระจกสะท้อนภาพจากตัวเลนส์ไปที่ช่องมองภาพหรือว่า Viewfinder ทำให้เวลาถ่ายภาพ เราจะสามารถเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างชัดเจน มีความคลาดเคลื่อนต่ำ
เมื่อผู้ถ่ายกดถ่ายภาพ กระจกสะท้อนภาพจะพับขึ้นเพื่อให้แสงตรงเข้าไปยังเซนเซอร์ และเราก็จะได้ยินเสียง กลไกของกระจกพับขึ้น พร้อมกับ Shutter อันเป็นเอกลักษณ์ของกล้องประเภทนี้ครับ กล้อง DSLR มีหลากหลายระดับ แต่ทุกระดับนั้น เราสามารถที่จะเปลี่ยนเลนส์เวลาใช้งานได้ทั้งหมดครับ
สำหรับกล้องถ่ายภาพแบบ DSLR ที่ผมหยิบมาแนะนำกันในวันนี้จะมีอยู่ด้วยกัน 2 ตัว 2 ระดับการใช้งานนะครับ เริ่มกันที่ Nikon D5600 เป็นกล้อง DSLR แบบ APS-C พร้อมความสามารถในการส่งไฟล์ภาพผ่าน Smartphone ไปใช้งานต่อได้ทันที สามารถเปลี่ยนเลนส์ได้ และถ่าย Video ได้ที่ FULL HD พร้อมระบบ Autofocus และจอหลังที่สามารถ Flip ได้ด้วยนะครับ
มาต่อกันที่ Full Frame สำหรับคนในสาย Professional กันบ้างนะครับ ผมขอแนะนำ Canon 6D Mark II มาพร้อมกับ Sensor Full Frame ความละเอียด 26.2 ล้านพิกเซล ระบบ Autofocus 45 จุดแบบ Cross Type และความเร็วในการลั่นชัตเตอร์ 6.5 ภาพต่อวินาที ต่อ Wi-Fi และ NFC ได้ครับ
อย่างที่ผมกล่าวไปข้างต้นว่า กล้อง DSLR นั้น จริง ๆ แล้วก็มีหลายระดับตั้งแต่ Entry Level ไปยัน Professional เลย สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มหัดถ่ายภาพ ผมขอแนะนำให้เริ่มต้นที่กล้องในกลุ่ม Entry Level ก่อน หรือถ้ามีงบอาจจะไปใช้งานกลุ่ม Semi Pro แทนก็ได้ เพราะหลาย ๆ ฟีเจอร์ในกล้องกลุ่ม Semi Pro สามารถเทียบชั้น Pro ได้เลย เอาไปรับงานได้สบาย ๆ แต่ Body อาจจะไม่ได้แข็งแรงมากหรือไม่กันน้ำ กันฝุ่น พอใช้งานไปสักพักหนึ่ง อยากให้ลงทุนกับเรื่องเลนส์กล้องก่อนที่จะอัปเกรด Body กล้อง เพราะเลนส์คุณภาพสูง ๆ จะช่วยให้กล้องที่สเปกดูธรรมดา ถ่ายภาพได้ดีขึ้น ผิดหูผิดตาเลยล่ะครับ
หลายคนคงทราบแล้วว่าการจะเลือกกล้อง DSLR สักตัวไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะมีหลายปัจจัยที่เราต้องคำนึงถึง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของขนาดเซนเซอร์ที่เหมาะกับการถ่ายภาพ ค่าความไวแสงที่จะช่วยในเรื่องประสิทธิภาพการถ่ายภาพได้ดีแม้ในที่แสงน้อยหรือในที่มืด เป็นต้น นอกจากนี้ อย่าลืมเลือกกล้องที่มีระบบออโต้โฟกัสเพื่อให้คุณไม่พลาดโมเมนต์สำคัญและได้ภาพเด็ด ๆ เก็บเอาไว้ในความทรงจำ และที่สำคัญเลยก็คือน้ำหนักของตัวกล้องและเลนส์ที่เราควรจะเลือกน้ำหนักที่พอเหมาะเพื่อให้เราสามารถถือถ่ายได้ยาวนานโดยไม่เมื่อยนั่นเองครับ
อันดับที่ 1: Canon|กล้อง DSLR รุ่น EOS 200D Mark II Kit 18 - 55 mm
อันดับที่ 2: Nikon|กล้อง DSLR รุ่น D5600
อันดับที่ 3: SONY|กล้อง DSLR รุ่น Alpha a7 III Full Frame Mirrorless Digital Camera (Body)
อันดับที่ 4: Canon|กล้อง DSLR รุ่น EOS 6D Mark II
อันดับที่ 5: Nikon|กล้อง DSLR รุ่น D7500
คลิกที่นี่สำหรับการจัดอันดับคำบรรยายสินค้าแต่ละรายการอ้างอิงจากเนื้อหาที่แสดงในเว็บไซต์ผู้ผลิต แบรนด์ และเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ
เครื่องดื่ม
วัสดุก่อสร้าง, เครื่องมือและอุปกรณ์ช่าง
สวนและอุปกรณ์ในสวน
ความงาม, ของใช้ส่วนตัว
โน้ตบุ๊ก, PC, อุปกรณ์ไอที
ของใช้ในบ้าน, อุปกรณ์ในบ้าน
เครื่องใช้ไฟฟ้า
กล้อง
เครื่องสำอาง, สกินแคร์
สุขภาพ
อาหาร
เครื่องใช้ในครัว
แฟชั่น
รองเท้า
นาฬิกา, เครื่องประดับ
แม่และเด็ก
เฟอร์นิเจอร์, อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน
งานอดิเรก
กิจกรรมกลางแจ้ง
DIY, เครื่องเขียน, อุปกรณ์สำนักงาน
กีฬา
สัตว์เลี้ยง
หนังสือ
เกม
รถยนต์, รถจักรยานยนต์, อุปกรณ์เสริม
ของขวัญ, ของฝาก
ท่องเที่ยว
สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, อุปกรณ์เสริม
เครือข่ายมือถือ
การลงทุน
เครดิตการ์ด, สินเชื่อ, ประกัน
ดนตรี, เครื่องเสียง
แอปพลิเคชัน, โปรแกรม
บริการ