20 อันดับ หนังอวกาศ น่าดู ปี 2024 ผจญภัยนอกโลก สนุกตื่นเต้น

หากพูดถึงหนัง Sci-fi อวกาศ ไม่ว่าจะเป็นคอหนังแนวนี้หรือไม่ก็คงไม่มีใครไม่เคยได้ยินชื่อหนังมากฝีมือจากผู้กำกับคนดังอย่าง Christopher Nolan เรื่องนี้ ในหนังเรื่องนี้ คุณจะได้พบกับโลกที่ใกล้ล่มสลาย มนุษย์ใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก หนทางเดียวที่มนุษยชาติจะเอาชีวิตรอดต่อไปได้ก็คือ การส่งทีมสำรวจออกเดินทางผ่านรูหนอนเพื่อค้นหาโลกใบใหม่ ซึ่งคุณจะได้พบกับการผจญภัยในจักรวาลอันยิ่งใหญ่ พร้อมทฤษฎีวิทยาศาสตร์สุดล้ำและเรื่องราวครบรสทั้งความตื่นเต้นในการทำภารกิจ รวมทั้งดราม่าเกี่ยวกับครอบครัว ขึ้นชื่อว่าเป็นหนังของผู้กำกับคนนี้ รับรองว่าคุณจะได้ชมเรื่องราวที่สนุกสนานน่าตื่นเต้นตลอดเวลาเกือบ 3 ชั่วโมงอย่างแน่นอน

หนังแนว Sci-fi อวกาศที่เล่าเรื่องราวของ มาร์ก วัทนีย์ หนึ่งในลูกเรือยานเอรีส III ที่ทำภารกิจสำรวจดาวอังคาร แต่กลับต้องยกเลิกภารกิจเนื่องจากพายุฝุ่น ทว่ามาร์กกลับประสบอุบัติเหตุจนพลัดกับทีมที่กำลังเดินทางกลับโลก กลายเป็นมนุษย์เพียงคนเดียวที่ต้องหาทางเอาชีวิตรอดบนดาวอังคาร บรรยากาศของเรื่องไม่ได้เน้นนำเสนอความเดียวดายว้าเหว่ แต่เน้นไปที่การหาหนทางต่าง ๆ เพื่อช่วยชีวิตมาร์กให้กลับมายังโลกไม่ว่าจะต้องใช้เทคโนโลยีหรือทรัพยากรใด ๆ ก็ตาม หนังถ่ายทอดเรื่องราวออกมาอย่างสนุกสนานน่าติดตาม มีอารมณ์ขัน และยังอุดมไปด้วยสาระความรู้ด้วยครับ

Dune เป็นหนังที่ได้รับการรีเมคจากต้นฉบับเมื่อปี 1984 และกลายเป็นหนึ่งในหนังแนวอวกาศที่ทุกคนต่างให้การรอคอย เนื่องจากได้รับการกำกับโดยผู้กำกับหนังไซไฟชื่อดังอย่าง เดอนี วีลเนิฟว์ ผู้ที่มีผลงานโดดเด่นมากมายในอดีต ไม่ว่าจะเป็น Blade Runner 2049 หรือ Arrival ซึ่งเรื่องราวของ Dune เริ่มต้นขึ้นเมื่อจักรวรรดิมอบหมายให้ตระกูลอาทรีเดสไปปกครองดาวอาร์ราคีส ดาวที่เป็นดินแดนแห่งทะเลทรายและแหล่งทรัพยากรที่ล้ำค่าอย่างสไปซ์ อย่างไรก็ตาม จุดประสงค์ที่แท้จริงของจักรวรรดิก็คือการกำจัดคู่แข่งอย่าง เลโต้ อาทรีเดส โดยตัวเอกของเรื่องก็คือ พอล อเทรดีส บุตรชายที่ต้องต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของตระกูลอเทรดีส

นี่คือหนัง Sci-fi อวกาศที่เป็นต้นแบบให้กับหนังอวกาศเรื่องอื่น ๆ เรื่อยมาแม้หนังเรื่องนี้จะไม่ได้นำเสนอการผจญภัยในอวกาศอย่างหวือหวา แต่นำเสนอปรัชญาและสัญลักษณ์ให้ต้องคอยตีความตาม โดยเล่าเรื่องย้อนไปตั้งแต่ยุคหินซึ่งปราศจากมนุษย์ มาถึงยุคปัจจุบันที่มีการเดินทางออกไปทำภารกิจสำรวจนอกโลก จนได้พบกับความลับของจักรวาล เนื่องจากเป็นการนำเสนอเนื้อหาเชิงปรัชญา จึงมีบรรยากาศค่อนข้างเนิบนาบ ในส่วนของ CG เมื่อดูจากปีที่หนังฉายก็นับว่าสุดยอดมาก ๆ แล้วสำหรับหนังในยุคนั้น และบางฉากก็ดูสมจริงเทียบเท่าหนังอวกาศในยุคปัจจุบันเลยทีเดียวครับ

อีกหนึ่งผลงานจากผู้กำกับอย่าง เดอนี วีลเนิฟว์ ที่ต้องการสร้างภาคต่อจากต้นฉบับ Blade Runner ในปี 1982 ด้วยหนังที่มีชื่อว่า Blade Runner 2049 และเป็นเรื่องราว 30 ปีต่อหลังจากเหตุการณ์ในภาคแรก ซึ่งในภาคนี้ ผู้ที่ได้รับหน้าที่เป็น Blade Runner คนใหม่ก็คือนักแสดงมากความสามารถอย่าง ไรอัน กอสลิ่ง โดยที่ได้รับมอบหมายให้จำกัดมนุษย์เทียมผิดกฎหมาย แต่ต้องพบกับปริศนาที่เชื่อมต่อกัน จนทำให้ต้องออกตามหาอดีต Blade Runner คนเก่าที่แสดงโดย แฮริสัน ฟอร์ด เพื่อร่วมกันหาคำตอบของปริศนาและจัดการกับบริษัทที่ผลิตมนุษย์เทียม ซึ่งหนังโดดเด่นเรื่องงานภาพที่เป็นเอกลักษณ์จากผู้กำกับ แต่ข้อเสียคือเดินเรื่องค่อนข้างช้าครับ

หนังอากาศจากประเทศเกาหลีที่เต็มไปด้วยนักแสดงชื่อดังที่หลายคนคงคุ้นกันอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น ซงจุนกิ คิมแทรี หรือ จินซอนคยู ซึ่งจุดเด่นของ Space Sweepers คือเป็นหนังที่มีการผสมผสานทั้งความระทึกขวัญ ฉากแอ็กชัน และการแฝงปรัชญาด้านชนชั้นเอาไว้ โดยหนังเป็นเรื่องราวของปี 2092 ที่มนุษย์จำเป็นต้องอาศัยอยู่ในวงโคจรดาวเทียมอวกาศนามว่า UTS ที่อยู่ภายใต้การดูแลของ เจมส์ ซัลลิแวน ซึ่งมีคนรวยเพียง 1% ของประชากรโลก โดยตัวเอกของเรื่องคือชนชั้นแรงงานเก็บขยะอวกาศแห่งยาน Victory ที่บังเอิญพบกับหญิงสาววัย 7 ปีที่ถูกฝังระเบิดอนุภาคสูงเอาไว้จนกลายเป็นตัวแปรสำคัญของเรื่องครับ

พบกับเรื่องราวการเอาชีวิตรอดในห้วงอวกาศอันแสนเวิ้งว้าง มืดมิด และเงียบสงัด ของ 2 นักบินอวกาศที่ประสบอุบัติเหตุจากขยะอวกาศจนหลุดจากวงโคจร ตัวหนังดำเนินเรื่องได้น่าติดตามจนอดไม่ได้ที่จะเอาใจช่วยให้ทั้งสองสามารถหาหนทางกลับสู่โลกให้ได้ จุดเด่นของหนังคือการเล่นกับอารมณ์และสถานการณ์อันเลวร้ายที่จะดึงผู้ชมให้รู้สึกกดดันและอึดอัดตามไปกับตัวละคร นำเสนอด้วยเทคนิคการถ่ายแบบ Long Take รวมถึงมุมกล้องเหมือนกำลังลอยอยู่ในอวกาศที่ไร้แรงดึงดูดอยู่จริง ๆ และความเงียบหลายช่วงของเรื่องก็ยิ่งทำให้ดำดิ่งไปกับหนัง หากได้ดูเรื่องนี้แล้วคุณจะได้รับความตื่นเต้นตลอดชั่วโมงครึ่งเลยครับ

The Empire Strikes Back เป็นหนังภาคที่ 2 ของแฟรนไชส์หนังอวกาศชื่อดังที่ทุกคนน่าจะเคยได้ยินชื่อมาก่อนอย่าง Star Wars โดยในภาคนี้เป็นเหตุการณ์หลังการทำลายดาวมรณะ ฝ่ายกบฏจึงต้องหาที่ตั้งฐานทัพใหม่ พร้อมกับหนีการตามล่าของกองทัพของจักรวรรดิซึ่งนำโดย ดาร์ธ เวเดอร์ คุณจะได้พบกับเรื่องราวการต่อสู้แบบเข้มข้นสุดมัน อีกทั้งยังมีความเป็นแอ็กชันแฟนตาซีสูง ด้วย CG ที่ถือว่ายอดเยี่ยมมาก ๆ สำหรับยุคสมัยนั้น หากคุณยังไม่เคยดูมหากาพย์สงครามจักรวาลเรื่องนี้ เราขอแนะนำให้คุณมาพิสูจน์ความยิ่งใหญ่อลังการที่ทำให้กลายเป็นหนังในตำนานอีกเรื่องหนึ่งด้วยตัวเองครับ

อนิเมชันย้อนยุคที่จะเล่าเรื่องราวของเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์อย่างยานอะพอลโล 11 และความก้าวหน้าทางอวกาศของประเทศสหรัฐอเมริกา โดยตัวเอกของหนังคือเด็กหนุ่มที่ชื่อว่า "แสตน" และพ่อของเขาทำงานอยู่ในองค์กรนาซ่า ทำให้ถูกเชิญเข้ามาทำภารกิจลับของนาซ่าที่มี่ชื่อว่าอะพอลโล 10½ ซึ่งเป็นโครงการที่แสตนต้องเขาไปทดลองการใช้งานยานอะพอลโล 10½ ก่อน นีล อาร์มสตรอง เนื่องจากนาซ่าออกแบบยานผิดพลาดทำให้มีเพียงแค่เด็กที่สามารถเข้าไปนั่งได้ และนอกจากเรื่องของอวกาศ ตัวหนังยังมีการเล่าเรื่องราวฉากของเด็กชาวอเมริกาในยุค 60 ได้อย่างน่าประทับใจ โดยมีพัฒนาการของตัวละครครับ

ในหนังเรื่องนี้เป็นการเล่าเรื่องราวภาคแยกจากแฟรนไชส์หนัง Star Wars ที่อยู่ในจักรวาลเดียวกัน ซึ่ง Solo : A Star Wars Story เป็นการเล่าเรื่องราวจุดเริ่มต้นของ ฮาน โซโล่ ในวัยหนุ่ม ที่ในอดีตเขาไม่ได้เป็นฝ่ายต่อต้านจักรวรรดิ แต่ต้องคลุกคลีอยู่ในวงการอาชญากรรมโดนเป็นเพียงแค่นักต้มตุ๋นและนักพนัน ที่มีความฝันอยากจะเป็นนักบิน จึงทำให้เขาตัดสินใจหนีไปพร้อมกับคนรักอย่าง คิรา อย่างไรก็ตาม ฮานเป็นคนเดียวที่หนีไปได้ ทำให้เขาตั้งใจหาเงินเพื่อซื้อยานและกลับไปรับคิรา ฮานจึงตัดสินใจเข้าร่วมแก๊งเบ็คเก็ต เพื่อปล้นแร่โคแอ็กเซี่ยมจากจักรวรรดิ ซึ่งหนังเป็น Spin-off ที่แฟน Star Wars ไม่ควรพลาดครับ

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบหนังอวกาศในสไตล์ที่การผสมผสานความเป็นแอ็กชันและโรแมนติกต้องห้ามพลาด Passengers ครับ โดยหนังเป็นเรื่องราวของยวาลอนที่กำลังโดยสารผู้คนกว่าสองร้อยชีวิตไปยังดาวนิคมแห่งใหม่ของโลก อย่างไรก็ตาม สองตัวเอกหลักของเรื่องที่ได้รับการแสดงโดยคริส แพรตต์ และเจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ได้ตื่นขึ้นมาก่อนกำหนดการเดินทางถึง 90 ปี และพบว่าเกิดระบบขัดข้องภายในยานที่จะทำให้ยานล่ม ทำให้ทั้งคู่ต้องช่วยกันแก้ไขสถานการณ์ และพาตัวเองกลับเข้าสู่แคปซูลจำศีลให้ได้ ซึ่งจุดเด่นของหนังคือการแสดงของนักแสดงนำทั้งสอง บรรยากาศของยานที่สมจริง และการทิ้งปมไว้ให้กับผู้ชมคิดตาม

Oblivion เป็นหนังอวกาศที่ได้รับหนังแสดงชื่อดังอย่าง ทอม ครูซ มาเป็นตัวละครเอก ซึ่งเรื่องราวของหนังคือโลกมนุษย์ในอนาคตที่พ่ายแพ้ให้กับกลุ่ม Scavs ที่เข้ามารุกราน จนทำให้โลกล่มสลาย เนื่องจากทุกพื้นที่ถูกปกคลุมไปด้วยสารกัมมันตรังสีและซากสิ่งก่อสร้าง ทำให้มนุษย์ต้องไปอาศัยอยู่บนเมืองลอยฟ้า หรือหลบหนีไปอยู่ที่ดวงจันทร์ โดย ทอม ครูซ รับเป็นบทบาทเป็น แจ็ค ฮาร์เปอร์ ผู้ที่ต้องลงมายังมนุษย์โลกเพื่อซ่อมยานโดรน อย่างไรก็ตาม ในวันหนึ่งเขาก็พบกับหญิงสาวปริศนาในแคปซูลที่ตกจากฟ้า จนทำให้มีเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดเกิดขึ้นกับพวกเขา ถือเป็นหนึ่งในหนังอวกาศธีมไซไฟที่มีเนื้อเรื่องน่าติดตามครับ

"วอลล์-อี" หุ่นยนต์กำจัดขยะซึ่งถูกทิ้งเอาไว้บนโลกที่ปราศจากมนุษย์ แต่ก็ยังคงทำหน้าที่ของตนเองในทุก ๆ วัน จนกระทั่งวันหนึ่งเขาได้พบกับ "อีฟ" หุ่นยนต์สำรวจที่เดินทางมาทำภารกิจบนโลก และเรื่องราวความรักของหุ่นยนต์ทั้งสองก็ได้ถือกำเนิดขึ้น นอกจากความน่ารักของทั้งสองแล้ว หนังยังแฝงประเด็นที่ให้ข้อคิดดี ๆ อย่างเรื่องการสร้างขยะจนกระทบกับปัญหาสิ่งแวดล้อม แต่กลับไม่ใส่ใจจะแก้ไข แล้วเลือกที่จะย้ายไปอาศัยอยู่ที่อื่นแทน การนำเสนอเป็นแอนิเมชันทำให้หนังเรื่องนี้ดูง่าย เหมาะกับทุกเพศทุกวัย มีครบทั้งความสนุก และเนื้อหาที่กินใจ สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมมานับไม่ถ้วนครับ

เรื่องราวของชายคนแรกผู้ได้เหยียบเท้าลงบนพื้นผิวดวงจันทร์อย่าง "นีล อาร์มสตรอง" ในมุมมองที่คนทั่วไปไม่เคยได้รับรู้ โดยแสดงให้เห็นอีกด้านที่เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง และบอกเล่าขั้นตอนกว่าจะเป็นภารกิจสำรวจดวงจันทร์ครั้งประวัติศาสตร์ จนกลายเป็นที่จดจำมาถึงปัจจุบันผ่านชีวิตของเขา แม้ทุกคนจะรู้อยู่แล้วว่าสุดท้ายคนที่จะได้ไปเหยียบดวงจันทร์ก็คือนีล แต่การดำเนินเรื่องอย่างมีชั้นเชิง และค่อย ๆ ไต่ระดับความเข้มข้นของอารมณ์ขึ้นไปก็ทำให้ผู้ชมต่างร่วมลุ้นไปกับทุกเหตุการณ์ได้จนจบเรื่อง ถือเป็นหนังที่น่าดูมากสำหรับผู้ที่ชอบหนังสารคดี และไม่ได้ต้องการหนังอวกาศที่หวือหวาเต็มไปด้วยฉากแอ็กชันครับ

Oxygen เป็นหนัง Sci-Fi ระทึกขวัญแนวอากาศสัญชาติฝรั่งเศสที่จะเล่าเรื่องราวของหญิงสาวคนหนึ่งที่ตื่นขึ้นมาในแคปซูลปริศนาโดยที่จำเรื่องราวอะไรไม่ได้เลย อีกทั้งภายในแคปซูลมีออกซิเจนเหลือเพียงแค่ 90 นาที ทำให้เธอต้องเร่งมือไขปริศนาเรื่องราวต่าง ๆ ก่อนที่ออกซิเจนจะหมดโดยใช้ระบบ AI ที่มีในแคปซูลนามว่า "มิโล"  ซึ่งหนังเรื่องนี้ไม่ได้โดดเด่นด้านการโชว์บรรยากาศในอวกาศ อย่างการโชว์ดาวเคราะห์หรือฉากแอ็กชัน อย่างไรก็ตาม Oxygen เป็นหนังที่โดดเด่นด้านข้อจำกัดด้านพื้นที่และเวลา จากสถานการณ์ที่บีบคั้นของตัวละคร ที่ทำให้ผู้ชมอยากติดตามและรู้สึกระทึกขวัญไปพร้อม ๆ กับตัวละครครับ

เรื่องราวในจักรวาลเดียวกันกับ Alien ที่ว่าด้วยการตามหาต้นกำเนิดของมนุษย์ และผู้สร้าง โดยลูกเรือทีมสำรวจของยานโพรมีธีอุสได้เดินทางไปสู่ดวงดาวอันแสนห่างไกลตามสิ่งที่เรียกว่า คำเชิญจากพระเจ้า ซึ่งพวกเขาเชื่อว่าจะให้คำตอบแก่คำถามของมนุษยชาติได้ โดยไม่รู้เลยว่าจะต้องพบเจอกับเรื่องราวสุดลึกลับและน่าสะพรึงกลัว สำหรับใครที่เคยดู Alien มาก่อนน่าจะทำความเข้าใจเนื้อหาได้พอสมควร แต่ใครที่ยังไม่เคยดูอาจจะรู้สึกว่าหนังเข้าใจยากในบางช่วง ทว่าหลังจากที่ดำเนินเรื่องไปสักระยะหนึ่งแล้ว คุณจะได้พบกับความตื่นเต้นสไตล์หนัง Sci-fi สยองขวัญ ที่จะทำให้ขนลุกชันไปทั้งตัวเลยล่ะครับ

เมื่อดาวหางยักษ์ขนาดเท่ารัฐเท็กซัสกำลังจะพุ่งชนโลกในอีก 18 วัน วิธีเดียวที่จะหยุดหายนะครั้งนี้ได้คือการฝังหัวระเบิดนิวเคลียร์ไว้ที่แกนกลางของดาวหาง ด้วยเหตุนี้ ทีมนักขุดเจาะมืออาชีพจึงถูกส่งไปทำภารกิจเสี่ยงตายในอวกาศเพื่อช่วยโลกให้ปลอดภัย หนังเรื่องนี้มีความผสมผสานกันระหว่างหนังอวกาศ กับหนังวันสิ้นโลก และอัดแน่นไปด้วยข้อคิดดี ๆ หลายประเด็น ไม่ว่าจะเรื่องความรับผิดชอบในหน้าที่ ความสัมพันธ์ และความรัก พร้อมเพลงประกอบอันแสนไพเราะที่กลายเป็นเพลงอมตะในปัจจุบันมาช่วยดึงอารมณ์ผู้ชมให้อินไปกับหนัง เรียกได้ว่าเป็นหนังดีที่ไม่ควรพลาดครับ

การกลับมาอีกครั้งขอภาคต่อหนังไตรภาคที่ทิ้งจากหนังภาคแรกยาวนานถึง 2 ทศวรรษ ซึ่งในภาคนี้เป็นการเล่าเนื้อเรื่องหลังจากเหตุการณ์ในภาค The Matrix Revolutions ที่ตัวละครใหม่นามว่า "บั๊กส์" แฮ็กเข้าเดอะเมทริกซ์และพบว่านีโอยังมีชีวิตอยู่ ทำให้บักซ์พยายามที่จะนำนีโอออกมาอีกครั้ง เพื่อปลดปล่อยมนุษย์จากการปกครองของจักรกล และช่วยเหลือทรีนิตี ซึ่งข้อเสียของภาคนี้ คือพล็อตของหนังที่ไม่ได้เปลี่ยนไปจากภาคก่อน ๆ มากนัก อย่างไรก็ตาม หนังยังมีข้อดีจากเรื่องราวการสานต่อจากภาคก่อน ๆ และการที่ผู้ชมจะได้เห็นความเป็นอวกาศจากฉากแอ็กชันใหม่ ๆ ในการต่อสู้ระหว่างกลุ่มกบฏและจักรกล

เมื่อโลกกำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตที่ทรัพยากรไม่เพียงพอ ทำให้นักวิทยาศาสตร์สร้างกลุ่มเด็ก 30 คนที่เกิดและโตในแล็บทดลอง เพื่อเดินทางออกสู่อวกาศและตั้งรกรากบนดาวเคราะห์ดวงใหม่ ซึ่งภายในยานมีผู้ใหญ่เพียงแค่คนเดียวคือ ริชาร์ด นักวิทยาศาสตร์ที่ต้องทำหน้าที่เหมือนครูและผู้พิทักษ์ของเด็กทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ภายในยานก็เกิดปัญหาขึ้นเมื่อมีกลุ่มเด็กไปรู้เข้าว่า น้ำสีฟ้าที่พวกเขาต้องดื่มเป็นกิจวัตรประจำวันคือน้ำสำหรับกดฮอร์โมนอารมณ์ทางเพศ ซึ่งคอนเซปต์ของหนังต้องการโชว์ความเป็นธรรมชาติของมนุษย์ แต่มีข้อเสียคือบทที่ค่อนข้างเดาง่าย และบทของตัวละครแต่ละตัวที่ไม่ค่อยต่อเนื่องกันครับ

ปรากฏการณ์ที่จะนำไปสู่มหันตภัยครั้งใหญ่มีแนวโน้มว่าจะเกี่ยวข้องกับโครงการลับ "รอย แม็คไบรด์" จึงรับภารกิจออกเดินทางตามหาพ่อของเขาซึ่งเป็นนักบินอวกาศที่มีส่วนร่วมกับโครงการนั้น และหายตัวไปกว่า 30 ปี โดยไม่รู้เลยว่ามีอันตรายอะไรรอคอยเขาอยู่ สำหรับหนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังแอ็กชัน Sci-fi ขายฉากต่อสู้ แต่เป็นหนังดราม่าที่จะพาคนดูดำดิ่งไปในห้วงอารมณ์ของตัวละคร และบรรยากาศของเรื่อง ประกอบกับปรัชญาความเป็นมนุษย์ที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างลึกล้ำ ใครที่สนใจหนังเรื่องนี้เราขอแนะนำว่าให้พยายามทำความเข้าใจสารที่หนังจะสื่อออกมา แล้วคุณจะได้พบกับหนังดี ๆ อีกเรื่องหนึ่งครับ