ความงาม, ของใช้ส่วนตัว
วัสดุก่อสร้าง, เครื่องมือและอุปกรณ์ช่าง
สวนและอุปกรณ์ในสวน
โน้ตบุ๊ก, PC, อุปกรณ์ไอที
ของใช้ในบ้าน, อุปกรณ์ในบ้าน
เครื่องใช้ไฟฟ้า
กล้อง
เครื่องสำอาง, สกินแคร์
สุขภาพ
อาหาร, เครื่องดื่ม
เครื่องใช้ในครัว
แฟชั่น
รองเท้า
นาฬิกา, เครื่องประดับ
แม่และเด็ก
เฟอร์นิเจอร์, อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน
งานอดิเรก
กิจกรรมกลางแจ้ง
DIY, เครื่องเขียน, อุปกรณ์สำนักงาน
กีฬา
สัตว์เลี้ยง
หนังสือ
เกม
รถยนต์, รถจักรยานยนต์, อุปกรณ์เสริม
ของขวัญ, ของฝาก
ท่องเที่ยว
สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, อุปกรณ์เสริม
เครือข่ายมือถือ
การลงทุน
เครดิตการ์ด, สินเชื่อ, ประกัน
ดนตรี, เครื่องเสียง
แอปพลิเคชัน, โปรแกรม
บริการ
"JBL" นั้นมีชื่อเสียงในฐานะแบรนด์ผู้ผลิตลำโพงที่มีคุณภาพดีและมีมาตรฐานที่ได้การยอมรับจากคนทั่วโลก ซึ่งในปัจจุบันนอกจากเครื่องเสียงแล้ว ทางแบรนด์ได้มุ่งเน้นไปที่การพัฒนา "หูฟัง JBL" ให้ตอบโจทย์กับการใช้งานอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นหูฟังที่ใช้ฟังเพลงทั่วไป, หูฟังออกกำลังกาย, หูฟังเกมมิ่ง โดยมีจุดเด่นตรงที่ราคาเหมาะสมกับคุณภาพ สามารถหาซื้อได้ง่ายและเข้าถึงคนแทบทุกกลุ่ม ทั้งยังมีดีไซน์สวยงามทันสมัยให้เลือกมากมายอีกด้วย
วันนี้เราจึงจะพาทุกคนไปรู้จักกับหูฟัง JBL ให้มากยิ่งขึ้นว่ามีประเภทใดบ้าง และหูฟังแต่ละซีรีส์นั้นมีจุดเด่นอย่างไร พร้อมทั้งแนะนำวิธีการเลือกหูฟัง JBL ที่เหมาะกับตัวคุณ ซึ่งเราได้ทำการรวบรวมข้อมูลและนำมาสรุปเป็นบทความที่เข้าใจง่ายขึ้น พร้อมคำแนะนำจากเกมเมอร์ และที่พิเศษไปกว่านั้นคือ เรายังได้ทำการจัดอันดับ 10 หูฟัง JBL รุ่นยอดนิยมมาเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจเลือกซื้อให้กับทุกคนด้วย
จบการศึกษาระดับปริญญาโทจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และปริญญาตรี สาขาเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม มหาวิทยาลัย ราชมงคล ล้านนา ปัจจุบันทำงานเป็นอาจารย์ประจำ และใช้เวลาว่างในการทำช่อง Youtube "แมวนูน" ในการรีวิว Gadget และ เครื่องเล่นเกมใหม่ ๆ เพื่อเติมเต็มความชอบส่วนตัวที่มีมาตั้งแต่เด็ก ๆ และติดตามข่าวเกมเป็นประจำ ทั้ง PlayStation, Nintendo, XBOX อีกทั้งยังชอบดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือและการ์ตูน
มายเบสท์ผลิตคอนเทนต์ใหม่ ๆ ทุกวันตั้งแต่ "เครื่องสำอางและสกินแคร์" "เครื่องใช้ไฟฟ้า" "สินค้าในชีวิตประจำวัน" ไปจนถึง "บริการ" เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีสุดตามสโลแกน "ให้ทุกการเลือกเป็นเรื่องง่าย" ผ่านผู้ใช้งานเว็บไซต์มากกว่า 3 ล้านคนต่อเดือน
ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเฉพาะ "วิธีการเลือก" เท่านั้น สินค้าและบริการที่ปรากฏอยู่ในบทความไม่ได้ถูกเลือกโดยผู้เชี่ยวชาญ
JBL เป็นแบรนด์เครื่องเสียงที่ก่อตั้งมากว่า 80 ปี โดยวิศวกรผู้มากความสามารถที่ชื่อว่า James B. Lansing แม้ในช่วงแรกธุรกิจของเขาจะขาดทุนมหาศาล แต่ William Thomas ก็ได้เข้ามารับช่วงต่อและทุ่มเทพัฒนาระบบเสียงจนเกิดเป็นเครื่องเสียงในตำนานอย่าง Hartsfield และ Paragon ซึ่งถือเป็นใบเบิกทางที่ทำให้ JBL เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก และในปัจจุบัน ทางแบรนด์ยังปล่อยผลิตภัณฑ์ออกมามากมาย รวมถึงหูฟังที่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัยที่มีประสิทธิภาพสูงเช่นเดียวกับลำโพง JBL เรียกได้ว่า ใครที่ต้องการฟังเพลงด้วยเสียงที่ทรงพลังและมีคุณภาพเยี่ยมจะต้องชื่นชอบแบรนด์นี้กันอย่างแน่นอน
ในหัวข้อนี้ เรามาดูวิธีการเลือกหูฟัง JBL ให้เหมาะสมกับตัวคุณกันดีกว่าค่ะ รับรองว่า คุณจะเลือกซื้อหูฟังได้ง่ายมากขึ้น และได้หูฟังที่มีประสิทธิภาพกลับบ้านไปอย่างแน่นอน
อย่างที่หลายคนทราบกันดีว่า หูฟัง JBL นั้นมีหลากหลายประเภท และมีฟังก์ชันการใช้งานแตกต่างกันไป ดังนั้น มาเลือกแบบที่ตรงใจคุณกันดีกว่าค่ะ
ในปัจจุบัน หูฟังของ JBL หากแบ่งตามการเชื่อมต่อ มี 3 ลักษณะคือ
- แบบมีสาย นั่นคือการเชื่อมต่อหูฟังกับอุปกรณ์ด้วยสายสัญญาณ ผ่านพอร์ตหูฟัง 3.5 mm หรือพอร์ต USB
- แบบไร้สาย สามารถเชื่อมต่อหูฟังเข้ากับอุปกรณ์ผ่าน Bluetooth หรือ Wi-Fi ซึ่งอาจจะมีตัว Dongle เพื่อรับส่งสัญญาณแบบไร้สาย หรือสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์โดยตรงเลยก็ได้
- แบบที่เป็น Hybrid ลูกผสม สามารถใช้ได้ทั้งการเชื่อมต่อแบบมีสายและไร้สาย
การเลือกซื้อนั้นขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งาน หากเน้นเอาไปออกกำลังกาย เล่นอิสระของการเคลื่อนไหว การเลือกซื้อหูฟังแบบไร้สายย่อมเป็นทางเลือกที่เหมาะสม ในขณะที่หากเน้นคุณภาพของเสียงหรือการทำงานปิดที่ไม่ได้เคลื่อนไหวมากนัก การเลือกแบบที่มีสายก็ให้คุณภาพที่ดีมากกว่า หรือหากมีไลฟ์สไตล์การใช้หูฟังที่หลากหลาย การเลือกแบบลูกผสมก็ย่อมเป็นทางเลือกที่เหมาะสมมากกว่า แต่ก็นำมาซึ่งราคาค่างวดที่สูงกว่าด้วย
หูฟัง JBL นั้นถูกวางจำหน่ายโดยแบ่งเป็นซีรีส์ต่าง ๆ เพื่อตอบสนองลักษณะการใช้งานของแต่ละคนที่แตกต่างกันไป ดังนั้น อย่าลืมตรวจสอบความต้องการและวิธีการใช้งานของคุณก่อนจะเลือกซื้อกันด้วยนะคะ
JBL Quantum เป็นซีรีส์ที่ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อเกมเมอร์โดยเฉพาะ ซึ่งซีรีส์นี้จะมีความโดดเด่นที่ดีไซน์โฉบเฉี่ยวตามแบบฉบับของเกมมิ่งเกียร์ อีกทั้งในด้านคุณภาพเสียงก็ถูกปรับแต่งมาให้เหมาะกับการเล่นเกมโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นระบบเสียงรอบทิศทาง, ไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนเพื่อให้สนทนากับเพื่อนในทีมได้ชัดขึ้น หรือแม้แต่ไฟ RGB บนหูฟังเพื่อสร้างบรรยากาศในการเล่นเกมให้สนุกขึ้น แถมยังมีให้เลือกหลายรุ่นหลายราคา เรียกได้ว่าเข้าถึงเกมเมอร์ทุกระดับเลยล่ะค่ะ
ซีรีส์หูฟัง Quantum นี้ถูกออกแบบมาสำหรับเกมเมอร์โดยเฉพาะ ซึ่งจะเน้นมิติทางเสียงที่มีความชัดเจนไม่ว่าจะเป็นทิศทางของศัตรู ระยะใกล้-ไกล มี Sound Stage ที่กว้างขวาง สำหรับในรุ่นราคาสูงยังมีฟีเจอร์เสียง 3 มิติที่ทำให้ทิศทางเสียงมีความชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง ในเรื่องของการออกแบบนั้น อาจมีไฟประดับ LED มาในหูฟังที่เลือกสีได้ ช่วยเสริมบรรยากาศในการเล่นเกม รายการสตรีมได้เป็นอย่างดีครับ
สำหรับซีรีส์ Live เป็นหูฟังไร้สายที่มาพร้อมกับดีไซน์ดูทันสมัยเพื่อให้ดูกลมกลืนไปกับสไตล์แฟชั่นของสังคมเมือง อีกทั้งยังมีความโดดเด่นที่ "ระบบตัดเสียงรบกวน" เพื่อให้คุณฟังเพลงได้อย่างเต็มอรรถรสมากยิ่งขึ้นแม้กำลังอยู่ในขณะเดินทางไปทำงานหรือกำลังนั่งจิบกาแฟชิล ๆ ภายในคาเฟ่ที่มีผู้คนแออัด อีกทั้งยังมีระบบ "รับเสียงจากภายนอก" ให้คุณได้ยินเสียงรอบข้างในขณะที่กำลังสวมใส่หูฟังอยู่ ซึ่งจำเป็นอย่างมากในการป้องกันอุบัติเหตุ โดยเฉพาะเวลาเดินทางหรือออกกำลังกายข้างถนนค่ะ
JBL Live Series เป็นหูฟังรุ่นที่ออกแบบมาสำหรับการใช้งานในเมืองในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดัง เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ชุดหูฟังจึงมาพร้อมกับเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนโดยรอบ แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถกดเปิดฟีเจอร์ที่ให้เราสามารถได้ยินเสียงรอบข้างหรือสามารถกดเปิดเพื่อพูดกับผู้คนในการสนทนาได้อีกด้วย ซีรีส์นี้จะยังคงเน้นการเชื่อมต่อแบบไร้สายผ่านระบบ Bluetooth ในระบบ True Wireless โดยมีหลากหลายราคา และลักษณะการใช้งานก็มีทั้งแบบครอบหัวและแบบ In Ear ครับ
หูฟัง JBL Endurance นั้น อึด ถึก ทน ตามชื่อซีรีส์เลยค่ะ โดยหูฟังซีรีส์นี้ถูกผลิตขึ้นมาสำหรับใช้งานในขณะออกกำลังกายโดยเฉพาะ เพราะหูฟังซีรีส์นี้มาพร้อมกับฟีเจอร์เด่นอย่างมาตรฐานกันน้ำที่มีตั้งแต่ IPX5 - IPX7 เพื่อใช้ในการป้องกันไม่ให้เหงื่อ, ละอองฝน หรือของเหลวต่าง ๆ เล็ดลอดเข้าไปทำลายแผงวงจรภายในหูฟัง ซึ่งจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของ JBL Endurance คือการออกแบบให้มี "PowerHook™" ที่มีลักษณะเป็นเหมือนตะขอสำหรับใช้เกี่ยวใบหูในการช่วยให้สวมใส่ได้อย่างแน่นหนา เพื่อให้คุณสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระโดยไม่ต้องกลัวหูฟังหลุดออกจากหูค่ะ
ซีรีส์ JBL Endurance เป็นหูฟังที่ถูกออกแบบมาสำหรับการออกกำลังกาย สามารถใช้แบตเตอรี่ต่อเนื่องยาวนานถึง 8 ชั่วโมง อีกทั้งยังสามารถกันเหงื่อกันน้ำได้ มีน้ำหนักเบา สวมใส่สบายไม่หลุดง่าย เหมาะกับการเคลื่อนไหวที่มีความรวดเร็วรุนแรง รองรับระบบสัมผัส มีไมโครโฟนในตัว สำหรับการคุยโทรศัพท์ และสามารถควบคุมการเปลี่ยนหรือเร่งเสียงผ่านตัวหูฟังได้
JBL TUNE เป็นซีรีส์ที่เน้นทั้งคุณภาพเสียงและคุณภาพของการสนทนาผ่านไมโครโฟนของหูฟัง เพื่อตอบโจทย์คนที่กำลังมองหาหูฟังคุณภาพดีที่สามารถใช้งานได้ทั้งที่บ้านและที่ทำงาน ซึ่งระบบเสียงหลักของซีรีส์นี้จะเป็น JBL Pure Bass Sound ที่ให้เสียงเบสมวลอุ่น ๆ ชัดเจน แต่ไม่หนักจนเกินไป ทำให้สามารถใช้ฟังได้ทุกแนวเพลงตั้งแต่แจ๊สยันร็อก ส่วนไมโครโฟนจะเป็นระบบ Hands-free ที่ควบคุมด้วยปุ่มเดียว (1-button remote) เพื่อให้ใช้งานได้สะดวกขึ้นค่ะ
JBL Tune เป็นซีรีส์หูฟังแบบเสียบหูที่มาพร้อมกับตัวเก็บหูฟังที่สามารถชาร์จได้ ทำให้สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานถึง 25 ชั่วโมง โดยมีลูกเล่นที่ให้เราสามารถส่งเสียงในระบบสเตอริโอหรือโมโนตามการใช้งานของเรา เช่น หากเราต้องการเสียบหูฟังเพียงหูเดียว ก็สามารถสั่งให้ส่งเสียงแบบโมโนไปที่หูฟังข้างใดข้างหนึ่งได้ โดยแนวเสียงจะมีจุดเด่นที่เน้นเสียงเบส ให้ความรู้สึกการฟังดนตรีแบบคอนเสิร์ตหรือแนวเบสหนัก ๆ เช่น งานเทศกาลหรือดนตรีสด
หูฟังของ JBL นั้นมีฟีเจอร์และฟังก์ชันพิเศษมากมาย ดังนั้น เราจึงขอแนะนำให้เลือกรุ่นที่มีฟังก์ชันที่ใช้งานง่ายและสะดวกสบายเป็นหลัก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรับฟังของคุณกันนะคะ
หากคุณต้องการมีสมาธิกับการทำงานหรือการอ่านหนังสือในขณะที่ใช้หูฟัง เราขอแนะนำให้เลือกรุ่นที่มาพร้อมกับฟังก์ชันตัดเสียงรบกวนจากภายนอก (Active Noise Cancelling : ANC) ที่สามารถตัดเสียงรบกวนด้วยระบบไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ หลายรุ่นของซีรีส์ Endurance ที่วางจำหน่ายเมื่อไม่นานมานี้ก็น่าสนใจเช่นเดียวกัน เพราะมีระบบ Ambient Aware ที่สามารถตั้งค่าเพื่อรับฟังเสียงจากสิ่งแวดล้อมรอบข้างได้ดีขึ้น ซึ่งเหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนที่ต้องการใช้หูฟังในขณะออกกำลังกายบริเวณที่มีคนพลุกพล่านค่ะ
ฟังก์ชัน Multi-Point นั้นเหมาะสำหรับผู้ที่ใช้สมาร์ทโฟนหลายเครื่อง ซึ่งฟังก์ชันนี้จะจับคู่สมาร์ทโฟนสองเครื่องกับหูฟังหนึ่งตัวเข้าด้วยกัน ช่วยให้คุณสามารถใช้สมาร์ทโฟนเครื่องหนึ่งเพื่อเล่นเพลง ในขณะที่อีกเครื่องหนึ่งใช้คุยโทรศัพท์ ถือว่าเป็นฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ทั้งการทำธุรกิจและการใช้งานส่วนตัว อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะรับการเชื่อมต่อสองเครื่อง แต่ก็ไม่สามารถใช้สนทนาโทรศัพท์พร้อมกันได้ ดังนั้น อย่าลืมคำนึงถึงจุดนี้ก่อนตัดสินใจซื้อด้วยนะคะ
หูฟังในปัจจุบันจะมาพร้อมกับฟีเจอร์เฉพาะที่สัมพันธ์กับการใช้งานของคุณ เพราะฉะนั้น ก่อนทำการเลือกซื้อ ต้องทำการตัดสินใจให้ดีว่าเราทำการซื้อหูฟังรุ่นนั้น ๆ มาใช้งานอย่างไร
ยกตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการใช้งานหูฟังในระหว่างการเดินทางใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ค่อนข้างมีเสียงดัง อยู่ในพื้นที่สาธารณะ หรือแม้แต่อาจจะอยู่ที่ทำงานแต่ไม่ต้องการรบกวนผู้อื่น การเลือกหูฟัง JBL ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวนโดยรอบก็จะทำให้คุณภาพของการฟังมีความลื่นไหลมากยิ่งขึ้น ไม่ต้องเปิดเสียงดัง ในขณะที่ หากคุณต้องการที่จะทำการเชื่อมต่อหูฟังในลักษณะที่เป็นมัลติพอยต์ การเชื่อมต่อหูฟังหลายหูฟังเข้ากับ Player 1 ตัว ก็ต้องทำการเลือกให้ดีก่อนซื้อครับ
JBL Headphones (ชื่อเดิม My JBL) เป็นแอปพลิเคชันที่สามารถเชื่อมต่อกับหูฟัง JBL บางรุ่น เพื่อใช้ตั้งค่าต่าง ๆ ของหูฟังได้ อาทิ ระบบตัดเสียงรบกวน ระบบรับเสียงภายนอก ตรวจสอบปริมาณแบตเตอรี่ของหูฟัง แต่ฟีเจอร์ที่น่าสนใจที่สุดของแอปฯนี้ก็คือการที่ผู้ใช้งานสามารถปรับอีควอไลเซอร์ (Equalizer : EQ) หรือก็คือระบบควบคุมเสียงของหูฟังได้ ซึ่งข้อดีของฟีเจอร์นี้ก็คือจะทำให้คุณสามารถปรับแต่งลักษณะเสียงของหูฟังให้ตรงกับสไตล์เสียงที่คุณชื่นชอบมากที่สุดนั่นเองค่ะ
หูฟังของ JBL จะมีลักษณะเสียงที่มีความเป็นดนตรีสูง Sound Stage กว้าง เสียงสดใสชัดเจน เน้นเสียงกลางและเสียงแหลมเชิงโทนสว่าง ในรุ่นที่มีราคาสูงจะมาพร้อมกับตัวเทคโนโลยีการปรับเสียงในหูฟัง ให้คุณสามารถปรับเอฟเฟกต์เสียงต่าง ๆ ได้ เช่น การเปิดเสียงเซอร์ราวด์ ถ้าหากคุณวางแผนจะใช้หูฟังในการดูหนังหรือเล่นเกม ฟีเจอร์เหล่านี้ก็จะเสริมอรรถรสในการใช้งานได้เป็นอย่างดีครับ
นี่คือหูฟัง JBL รุ่นอัปเกรดจาก JBL Live Pro+ ที่กลับมาพร้อมกับการพัฒนาประสิทธิภาพในทุกด้าน โดยเฉพาะคุณภาพเสียง ซึ่งรุ่นนี้ใช้ไดนามิกไดรเวอร์ขนาดใหญ่ถึง 11mm เสริมด้วยดีไซน์แบบ Oval Tubes™ ปิดหูได้สนิทมิดชิด เก็บรายละเอียดเสียงไว้ภายในหูได้ดีขึ้น พร้อมเทคนิคการจูนเสียงแบบ JBL Signature Sound เรื่องเบสไม่ต้องพูดถึง สไตล์ของ JBL ชัดเจนอยู่แล้ว เสริมด้วยสเตจเสียงที่กว้าง สามารถใช้ฟังเพลงได้ทุกแนว
ที่สำคัญคือรุ่นนี้มาพร้อมกับไมโครโฟนถึง 6 ตัว ช่วยให้คุณคุยโทรศัพท์หรือวิดีโอคอลได้ชัดเจนขึ้น อีกทั้งยังเป็นตัวที่ช่วยตัดเสียงรบกวน ANC ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และแน่นอนว่ามีฟังก์ชัน Smart Ambient เพื่อใช้ฟังเสียงภายนอกเช่นเดียวกัน รุ่นนี้รองรับระบบ Dual Connect แยกใช้หูฟังทีละข้างได้ ส่วนแบตเตอรี่ใช้งานได้สูงสุด 10 ชั่วโมง และกันน้ำได้ที่ระดับ IPX5 ค่ะ
สำหรับสาวก JBL ที่เป็นเกมเมอร์ ต้องหูฟัง JBL รุ่นนี้เลยค่ะ ซึ่งเป็นหูฟังเกมมิ่งไร้สายรุ่นใหม่ล่าสุด ที่รองรับการเชื่อมต่อได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นผ่าน Wireless 2.4GHz, Bluetooth 5.2 รวมไปถึงการเชื่อมต่อผ่านสาย 3.5mm หมายความว่าใช้งานได้กับหลากหลายอุปกรณ์ แถมคุณภาพเสียงก็ไม่ธรรมดา ด้วยไดรเวอร์ขนาดใหญ่ 50mm รองรับความถี่เสียงตั้งแต่ 20Hz - 40kHz หรือระดับ Hi-Res รายละเอียดเสียงชัดเจนขึ้น
มาพร้อม JBL QuantumSURROUND และ DTS Headphone:X 2.0 ระบบเสียงรอบทิศทางเพื่อให้คุณจับทิศทางของศัตรูและสิ่งแวดล้อมในเกมได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancelling ให้คุณมีสมาธิกับการเล่นเกมได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องห่วงว่าจะมีเสียงแวดล้อมรอบข้างมารบกวน แถมยังมีไฟ RGB ปรับแต่งเอฟเฟกต์ได้ เพื่อใช้สร้างบรรยากาศในการเล่นเกมค่ะ
ส่วนใหญ่แล้วหูฟัง JBL จะเป็นแบบ In-Ear แต่รุ่นนี้มีการปรับปรุงดีไซน์ของหูฟังให้เป็นแบบ Semi In-ear หรือแทบจะเป็น Earbuds แบบแหะ เพื่อใส่สบายขึ้น เพราะไม่จำเป็นต้องสอดเข้าไปในรูหูตรง ๆ เหมือนดีไซน์แบบ In-Ear นั่นเอง แต่คุณภาพเสียงก็ยังดีตามสไตล์ JBL เหมือนเดิม ด้วยไดรเวอร์ขนาดใหญ่ถึง 12mm พร้อมเทคโนโลยีการจูนเสียงแบบ JBL Pure Bass Sound เสียงเบสมีความนุ่มขึ้น ไม่หนักหู แต่ก็ยังมีมวลชัดเจน ฟังเพลงสนุกเหมือนเดิมค่ะ
นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับไมโครโฟนถึง 4 ตัว และมีฟังก์ชันตัดเสียงรบกวน ANC แบบ Adaptive Noise Canceilling พร้อม Smart Ambient เพิ่มความเงียบก็ได้ หรือจะตรวจจับเสียงรอบข้างในขณะใช้หูฟังไปด้วยก็ดี และถึงแม้ว่าหูฟังจะมีขนาดเล็กกะทัดรัด แต่ก็มีแบตเตอรี่สุดอึดที่ใช้ได้นานถึง 8 ชั่วโมง หากไม่เปิด ANC และรวมเคสแล้วจะใช้งานได้นานถึง 32 ชั่วโมง เลยทีเดียวค่ะ
เรียกได้ว่าเทรนด์เฮดโฟนแบบครอบหู Over-ear กำลังมาแรงในบ้านเรา อันดับนี้จึงขอแนะนำหูฟัง JBL แบบเฮดโฟน ที่มาพร้อมกับระบบตัดเสียงรบกวนกันสักหนึ่งรุ่น ซึ่งรุ่นนี้ใช้ระบบตัดเสียงรบกวนแบบ Adaptive Noise Cancelling ที่จะปรับระดับการตัดเสียงรบกวนตามสภาพแวดล้อมโดยอัตโนมัติ อีกทั้งยังมีโหมด Ambient Aware สำหรับดูดเสียงภายนอกเข้ามาในหูฟัง ให้คุณได้ยินเสียงรอบข้างในขณะที่ใช้หูฟังไปด้วย เพื่อเพิ่มความปลอดภัยนั่นเองค่ะ
รุ่นนี้มาพร้อมกับไดรเวอร์ขนาดใหญ่ 40mm ผสานกับเทคนิคการจูนเสียงแบบ JBL Signature Sound เสียงเอกลักษณ์ตามสไตล์ JBL อีกทั้งยังมีแบตเตอรี่สุดอึดที่ใช้งานได้ยาวนานถึง 50 ชั่วโมง พร้อมเทคโนโลยี Speed Charge ชาร์จแบตฯเต็มไวยิ่งขึ้น ที่สำคัญคือมีฟังก์ชันหยุดเล่นเพลงอัตโนมัติเมื่อยกหูฟังออกจากหู โดยรุ่นนี้เชื่อมต่อระบบไร้สายผ่าน Bluetooth 5.0 ค่ะ
ใครที่ไม่ชอบหูฟังไร้สาย ไม่ว่าจะเป็นเพราะเสียงมีความดีเลย์ หรือคิดว่าคุณภาพเสียงสู้หูฟังแบบมีสายไม่ได้ รวมไปถึงมีงบประมาณจำกัดเพียงหลักร้อย รุ่นนี้ก็เป็นอีกทางเลือกที่ดีค่ะ เพราะเปรียบเสมือนเป็นหูฟังแบบมีสายรุ่นยอดฮิตตลอดกาลของ JBL เลยทีเดียว ด้วยราคาเบา ๆ เพียงไม่ถึง 300 บาท พร้อมกับฟังก์ชันการใช้งานขั้นพื้นฐานที่มีมาให้ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นแผงควบคุมระดับเสียงของหูฟัง และไมโครโฟนแบบ Handsfree ไว้สำหรับคุยโทรศัพท์
รุ่นนี้มีให้เลือกด้วยกัน 3 สีสัน คือ สีเทา สีดำ และสีน้ำเงิน ตัวสายเป็นซิลิโคนเส้นเล็ก ทำให้มีน้ำหนักเบา พกพาสะดวกขึ้น ส่วนไดรเวอร์มีขนาด 9mm พร้อมเทคโนโลยีจูนเสียงแบบ JBL Signature Sound อันเป็นเอกลักษณ์ เสียงเบสชัดเจนตามสไตล์ของ JBL ส่วนวิธีการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นจะหัวเสียบ 3.5mm ใช้งานได้กับอุปกรณ์ที่หลากหลายค่ะ
ขยับสูงขึ้นมาอีกหนึ่งรุ่นจาก JBL Wave 200 โดยรุ่น Tune 230NC มาพร้อมกับฟังก์ชันชูโรงอย่างการตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancelling (ANC) พร้อมฟีเจอร์ Smart Ambient จะตัดเสียงรบกวนรอบข้างก็ทำได้เงียบ หรือจะฟังเสียงภายนอกไปพร้อม ๆ กับฟังเพลงผ่านหูฟังก็ทำได้ ที่สำคัญคือมีไมโครโฟนถึง 4 ตัว ช่วยให้คุณคุยสายได้ชัดเจนยิ่งขึ้น พร้อมเทคโนโลยี TalkThru คุยโทรศัพท์ได้ชัดเจนโดยไม่ต้องถอดหน้ากากอนามัยค่ะ
รุ่นนี้ได้รับการปรับแต่งสไตล์เสียงแบบ JBL Pure Bass Sound ผสานกับไดรเวอร์ขนาด 6mm เด่นที่ย่านเสียงเบสเป็นพิเศษ เหมาะกับทุกแนวเพลง ไม่ว่าจะเป็น EDM, Rock, Pop อีกทั้งยังมีประสิทธิภาพกันน้ำระดับ IPX4 ใส่ออกกำลังกายได้ ที่สำคัญคือแบตฯอึดมาก หากไม่ใช้งาน ANC จะฟังเพลงได้ต่อเนื่องถึง 10 ชั่วโมง และเมื่อรวมเคสจะได้ถึง 40 ช่วโมง เลยทีเดียว
เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นหูฟัง JBL จากซีรีส์ Quantum นั่นก็หมายความว่าหูฟังแบบมีสายรุ่นนี้ออกแบบมาเพื่อสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ ซึ่งรุ่นนี้มีจุดเด่นในเรื่องของความกะทัดรัด สามารถพกพาติดตัวไปได้ทุกที่ อีกทั้งยังใช้งานได้กับเครื่องเล่นเกมแทบทุกแพล็ตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็น PC, Nintendo Switch, PS4/5, Xbox รวมไปถึงสมาร์ตโฟนที่มีพอร์ต 3.5mm โดยตัวหูฟังมีการออกแบบมาให้สวมใส่ได้กระชับ ไม่หลุดง่ายแม้มีการเคลื่อนไหวไปมาอยู่ตลอดเวลา
รุ่นนี้มาพร้อมกับไมโครโฟนเพื่อใช้สนทนาวางแผนกับเพื่อนร่วมทีม หรือจะใช้คุยโทรศัพท์ทั่วไปก็ได้เช่นเดียวกัน อีกทั้งยังมีการจูนเสียงแบบ JBL QuantumSOUND Signature ผสานการทำงานร่วมกับไดนามิกไดรเวอร์ 8.6mm ที่จะช่วยให้คุณได้ยินเสียงฝีเท้าศัตรูรอบข้างได้ชัดเจนขึ้น ซึ่งสำคัญอย่างมากสำหรับการเล่นเกมค่ะ
หูฟัง JBL แบบ TWS รุ่นนี้ ออกแบบมาเพื่อใช้ออกกำลังกายโดยเฉพาะ ด้วยชิ้นส่วนพิเศษที่มีลักษณะคล้ายครีบปลา ที่หลายคนเรียกว่า Earfins หรือ Earhooks เพื่อใช้เกี่ยวกับใบหูชั้นใน ให้คุณสวมใส่ได้กระชับขึ้น อีกทั้งรุ่นนี้ยังมาพร้อมกับฟังก์ชัน Ambient Aware ที่จำเป็นอย่างมากหากคุณใส่ออกกำลังกายกลางแจ้งหรือริมถนน เพราะจะช่วยให้คุณได้ยินเสียงรอบข้างอย่างชัดเจน และยังมีฟังก์ชัน TalkThru ให้คุณคุยสายโทรศัพท์กับเพื่อนได้ชัดเจนขึ้น
ในส่วนของระบบเสียงก็ไม่ธรรมดา ด้วยไดรเวอร์ขนาด 5.6mm จูนเสียงสไตล์ JBL Signature Sound ให้ลักษณะเสียงเบสที่พุ่งตรง มาเป็นลูกไม่มีบวม ฟังสนุก ใช้สร้างจังหวะฮึกเหิม ให้คุณออกกำลังกายได้สนุกสนานและต่อเนื่องยิ่งขึ้น รุ่นนี้ใช้งานได้นาน 6 ชั่วโมง ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และมาพร้อมกับประสิทธิภาพกันน้ำระดับ IPX5 ค่ะ
นี่คือหูฟัง JBL แบบ True Wireless รุ่นน้องเล็ก ที่มาพร้อมกับราคาเบา ๆ ไม่ถึง 3,000 บาท โดยมีจุดเด่นตรงดีไซน์ที่ทางแบรนด์ออกแบบโดยยึดหลักสรีรศาสตร์ ทำให้สวมใส่สบายขึ้น ไม่รู้สึกอึดอัดหูจนเกินไป คุณภาพเสียงดีด้วยไดรเวอร์ไดนามิกขนาด 8.8mm พร้อมด้วยการจูนเสียงสไตล์ JBL Deep Bass Sound ให้เสียงเบสที่ลงลึกเป็นพิเศษ เบสแน่นมาเป็นลูก อีกทั้งยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี Dual Connect แยกใช้หูฟังทีละข้างได้ค่ะ
รุ่นนี้เชื่อมต่อแบบไร้สายด้วย Bluetooth 5.0 รับและส่งสัญญาณได้ไกลสูงสุด 10m ส่วนแบตเตอรี่ใช้งานได้นานสูงสุด 5 ชั่วโมง ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และเมื่อรวมการชาร์จกับตัวเคสแล้วจะใช้งานได้รวม 20 ชั่วโมง เลยทีเดียว มีหูฟังในตัว รองรับการใช้งานระบบ Voice Assistant แถมยังออกแบบเคสหูฟังมาให้มีขนาดกะทัดรัด พกพาสะดวก แต่น่าเสียดายที่รุ่นนี้กันน้ำแค่ระดับ IPX2 เท่านั้นค่ะ
สำหรับใครที่กำลังมองหาหูฟัง JBL สำหรับใส่ออกกำลังกายโดยเฉพาะอยู่ล่ะก็ ต้องรุ่นนี้เลยค่ะ ซึ่งเป็นหูฟังออกกำลังกายรุ่นใหม่ล่าสุดจากซีรีส์ Endurance Run โดยรุ่นนี้เป็นระบบแบบกึ่งไร้สาย โดยด้านหลังของสายจะมีที่รูดเพื่อเพิ่มความกระชับในการสวมใส่ ส่วนบริเวณหูฟังก็เป็นดีไซน์แบบ TwistLock™ และ FlexSoft™ ที่จะเกี่ยวใบหูด้านในให้แน่นหนา เคลื่อนที่ได้อย่างมั่นใจไม่มีหลุด สำหรับประสิทธิภาพกันน้ำอยู่ที่ระดับ IPX5 ค่ะ
รุ่นนี้เชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟนหรืออุปกรณ์เคลื่อนที่ด้วย Bluetooth 5.0 มีความเสถียร ไดรเวอร์มีขนาด 8mm จูนเสียงแบบ JBL Pure Bass Sound เสียงเบสแน่น เหมาะกับการสร้างบรรยากาศในการออกกำลังกาย ส่วนแบตเตอรี่ใช้ได้นานสูงสุด 10 ชั่วโมง ต่อการชาร์จ 2 ชั่วโมง และชาร์จง่ายด้วยอินเทอร์เฟซ USB-C สำหรับน้ำหนักของหูฟังก็เบาเพียง 19.7 g เท่านั้นค่ะ
สำหรับคนที่กำลังหาซื้อหูฟังใหม่และมี JBL เป็นหนึ่งในตัวเลือก แต่ยังไม่มั่นใจและมีข้อสงสัยบางอย่างอยู่ ในวันนี้ เรามีคำแนะนำและคำตอบเพิ่มเติมจากผู้เชี่ยวชาญมาฝากกันค่ะ
จุดเด่นของหูฟัง JBL คือ การที่เป็นแบรนด์ที่มีพื้นฐานจากการทำดนตรีแสดงสดทำให้หูฟังที่เกิดขึ้นมีเสียงที่มีความเป็นดนตรีสูง ฟังแล้วสนุก ย่านเสียงกลางและเสียงแหลมมีความโดดเด่น เหมาะสำหรับการฟังเพลงแนว Rock, Hip-hop, EDM รวมไปถึง ารใช้สำหรับเล่นเกมและดูหนัง อีกทั้งในรุ่นราคาพรีเมียมก็ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีจำลองเสียงเซอร์ราวด์ที่น่าสนใจครับ
หากคุณกำลังหาหูฟังอเนกประสงค์ที่ใช้สำหรับเล่นเกมดูหนังฟังเพลง ซีรีส์ JBL quantum 800 หรือ One เป็นรุ่นที่ให้คุณภาพเสียงที่ดีมาก โดย 800 เน้นการเป็นหูฟังอเนกประสงค์เชื่อมต่อได้ทั้งแบบมีสายและไร้สาย ให้คุณภาพเสียงดีผ่านการเชื่อมต่อทั้ง 2 แบบ ในขณะที่รุ่น One เน้นการเป็นหูฟังสำหรับเกมเมอร์ในระดับมืออาชีพที่จริงจังที่ให้คุณภาพเสียงที่ดีมาก ชัดเจนทั้งในเชิงทิศทางและระยะครับ
การซื้อหูฟังของแท้จาก JBL นั้น ให้เลือกซื้อจากตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ โดยสามารถดูได้จากลิสต์รายชื่อในเว็บไซต์ หรือในการซื้อให้สังเกตที่ Packaging เพราะจะมีการปริ้นที่มีคุณภาพสูง มีตัวซีเรียลนัมเบอร์ มีโค้ดสติ๊กเกอร์ และมีแบรนด์ JBL ติดอยู่ที่ข้างกล่อง ในเชิงตัวสินค้า จะมีตัวโลโก้ JBL ติดอยู่ สายหูฟังจะมีสีส้มซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการออกแบบ รวมถึงตัวหูฟังจะถูกสลัก Serial Number หรือถูกพิมพ์ติด เป็นต้นครับ
สำหรับผู้ที่ใช้หูฟังอยู่เป็นประจำ อย่าลืมควบคุมระดับเสียงในการใช้งานด้วยนะคะ เพราะหากคุณฟังเสียงดังมากกว่าระดับที่หูของคุณรับได้ อาจทำให้มีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการหูอื้อและหูหนวกได้ ด้วยเหตุนี้ จึงควรใช้งานอย่างระมัดระวัง เพื่อให้สามารถใช้หูฟังได้อย่างยาวนานโดยไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายค่ะ และนอกจากหูฟังแล้ว แบรนด์ JBL ยังมีสินค้าอื่น ๆ อีกมากมาย ใครที่ชื่นชอบการฟังเพลงหรือต้องการยกระดับเครื่องเสียง ก็ลองเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมจากทางเว็บไซต์ได้นะคะ
mybest อาจได้รับค่าคอมมิชชั่นบางส่วนเมื่อกดซื้อสินค้าในเว็บไซต์
ข้อมูลสินค้าหรือบริการแต่ละรายการอ้างอิงจากเนื้อหาของผู้ผลิตและเว็บไซต์ e-commerce
ความงาม, ของใช้ส่วนตัว
วัสดุก่อสร้าง, เครื่องมือและอุปกรณ์ช่าง
สวนและอุปกรณ์ในสวน
โน้ตบุ๊ก, PC, อุปกรณ์ไอที
ของใช้ในบ้าน, อุปกรณ์ในบ้าน
เครื่องใช้ไฟฟ้า
กล้อง
เครื่องสำอาง, สกินแคร์
สุขภาพ
อาหาร, เครื่องดื่ม
เครื่องใช้ในครัว
แฟชั่น
รองเท้า
นาฬิกา, เครื่องประดับ
แม่และเด็ก
เฟอร์นิเจอร์, อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน
งานอดิเรก
กิจกรรมกลางแจ้ง
DIY, เครื่องเขียน, อุปกรณ์สำนักงาน
กีฬา
สัตว์เลี้ยง
หนังสือ
เกม
รถยนต์, รถจักรยานยนต์, อุปกรณ์เสริม
ของขวัญ, ของฝาก
ท่องเที่ยว
สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, อุปกรณ์เสริม
เครือข่ายมือถือ
การลงทุน
เครดิตการ์ด, สินเชื่อ, ประกัน
ดนตรี, เครื่องเสียง
แอปพลิเคชัน, โปรแกรม
บริการ