10 หูฟัง ราคาไม่เกิน 500 ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 เสียงดี ทนทาน

หูฟังสมอลทอล์คหรือหูฟังแบบ Earbuds มีรูปทรงที่เหมาะกับการพูดคุยโทรศัพท์มากที่สุด เพราะมีช่องว่างระหว่างหูของเราและหูฟัง ทำให้ไม่รู้สึกอึดอัด สามารถใช้พูดคุยโทรศัพท์ได้ตลอดทั้งวัน โดยอาจเลือกแบบมีสายหรือไม่มีสายตามการใช้งานของเรา เช่น หากใช้โทรศัพท์อยู่กับที่ ไม่ได้เคลื่อนไหวบ่อยนัก ควรเลือกแบบมีสายและเลือกแบบที่มีไมค์ใกล้ปากและมีปุ่มปรับเสียง เพื่อให้ได้ยินเสียงชัดเจนและปรับเสียงได้รวดเร็ว

หากใครที่อยู่กับที่แต่ต้องมีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา หรือในระหว่างเดินทาง หูฟังไร้สายจะให้ความคล่องตัวมากกว่า และเน้นดูการเชื่อมต่อเป็นหลัก โดยเลือก Bluetooth 5.0 ขึ้นไป ที่ช่วยรับและส่งสัญญาณทั้งในและนอกอาคารได้ไกลมากกว่าเวอร์ชั่น 4.2 ถึง 4 เท่า

หากใครมีงบประมาณเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย อาจเลือกหูฟังโมโน ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะเป็น In-ear ข้างเดียวและมีที่เกี่ยวหู ช่วยให้ไม่หลุดง่ายเหมือนกับหูฟัง Earbuds อีกทั้งตัวหูฟังยังมีการจูนย่านความถี่ที่เหมาะกับการได้ยินเสียงคนมาเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้เราได้ยินเสียงคนได้อย่างชัดเจนมากขึ้นกว่าหูฟังอื่น ๆ ถือเป็นหูฟังที่ออกแบบมาเพื่อการพูดคุยโทรศัพท์โดยเฉพาะ

หากใครเลือกหูฟังราคาไม่เกิน 500 บาทแบบมีสายเพื่อโทรศัพท์และการพูดคุยโดยเฉพาะ ควรตรวจสอบตำแหน่งของไมโครโฟนด้วย เพราะไมโครโฟนมีเทคโนโลยีคาร์ดิออยด์ (Cardioid) ที่ช่วยจับเสียงที่อยู่ใกล้ที่สุด หากอยู่ใกล้ปากทำให้เสียงพูดชัดเจน หากหูฟังไกลจากปากมากเกินไป ไมโครโฟนจะจับเสียงได้น้อย ทำให้อีกฝ่ายไม่ได้ยินเสียง

ตำแหน่งที่ถูกต้องของไมโครโฟนคือบริเวณตั้งแต่หน้าอกไปจนถึงประมาณช่วงลำคอ แต่ไม่ควรชิดกับคอมากเกินไป เพราะบริเวณคอมีการสั่นสะเทือนและมีเสียงต่ำทุ้มกว่าเสียงปกติของผู้พูด ทำให้เสียงเปลี่ยนหรือทำให้อู้อี้ ได้ยินไม่ชัดเจน ดังนั้น หากเป็นแบบมีสายแล้ว เราควรเลือกหูฟังที่ปรับตำแหน่งของไมค์ได้ หรือมีคลิปหนีบเสื้อผ้า เพื่อให้พูดคุยได้อย่างชัดเจนมากขึ้น

จุดเด่นของหูฟังแบบ In-ear คือ ปิดรูหูของเราจากเสียงรบกวนรอบข้าง เพื่อให้ได้ยินเสียงที่ออกมาจากหูฟังได้ดีที่สุดเมื่อเทียบกับหูฟังแบบอื่น ทำให้สนุกไปกับเสียงเพลงได้อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม เราควรดูขนาดของจุกหูฟังด้วยว่าเหมาะกับหูของเราหรือไม่ ควรเป็นขนาดที่พอดีกับรูหู โดยแต่ละข้างอาจมีขนาดที่ไม่เท่ากันก็ได้ วิธีการสังเกตคือ ระหว่างที่ใส่แล้วขยับหรือเคลื่อนไหวต้องไม่หลุดง่าย หรือลองใส่ฟังเพลงประมาณ 30 นาทีก็ยังรู้สึกสบาย ไม่รู้สึกอึดอัดหรือเจ็บหู

หากใครต้องการความสบายในการสวมใส่มากที่สุด ควรเลือกแบบ On-ear เพราะไม่มีชิ้นส่วนที่เข้าไปในรูหู แต่เมื่อใส่แล้วต้องแน่ใจว่าหูฟังอยู่บนรูหู เพื่อกันเสียงรอบข้างและได้ยินเสียงเพลงชัดเจนที่สุด และไม่บีบศีรษะของเรามากจนเกินไปจนทำให้รู้สึกเจ็บ

ไดร์เวอร์ไดนามิกเป็นไดร์เวอร์หูฟังที่มีราคาถูกและให้เสียงได้ครบทุกย่าน ไม่ว่าจะฟังเพลงแนวไหนก็จะช่วยส่งพลังเสียงได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเสียงต่ำหรือเสียงเบสที่ทำได้ดีถึงดีมาก เพราะในไดร์เวอร์ไดนามิกมีส่วนประกอบของขดลวดทองแดง ซึ่งเป็นวัสดุที่ขับย่านความถี่ต่ำออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด หากมีงบประมาณอีกเล็กน้อยและชื่นชอบการฟังรายละเอียดเล็ก ๆ ในเสียงเพลงหรือเสียงดนตรี อาจเลือกไดร์เวอร์ไฮบริด ซึ่งเป็นไดร์เวอร์ที่มีความโดดเด่นในย่านเสียงต่ำและสูง

ถ้าชอบเสียงเบสเป็นพิเศษ เราควรเลือกหูฟังที่มีการจูนคลื่นย่านความถี่ต่ำ โดยสังเกตได้จาก Frequency Response ว่ามีย่านความถี่ต่ำที่ประมาณ 20Hz หรือถ้าต้องการเน้นเป็นพิเศษอาจเลือกได้ถึง 5 - 10Hz โดยบางรุ่นหรือยี่ห้ออาจมีราคาสูงขึ้นตามไปด้วย