10 หูฟังเกมมิ่ง ราคาถูก ปี 2025 รวมทั้งแบบมือถือและคอม

หูฟังแบบ In-ear มีจุดเด่นคือ จุกหูฟัง เพราะช่วยกันเสียงรบกวนรอบข้างและบังคับทิศทางของเสียงจากเกมตรงเข้าสู่หูของเราได้ดีกว่าแบบอื่น ๆ  ทำให้เรามีสมาธิในการเล่นเกม และได้ยินเสียงในเกมและเสียงของผู้เล่นในเกมได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้น หูฟัง In-ear จึงเหมาะกับผู้ที่เล่นเกมในที่ที่มีเสียงดัง โดยเฉพาะผู้ที่เล่นเกม MOBA, FPS, TPS เป็นต้น โดยเราควรเลือกขนาดของจุกหูฟังให้เหมาะกับรูหูของเรา ซึ่งแต่ละข้างอาจมีขนาดที่ไม่เท่ากันก็ได้ เมื่อสวมใส่แล้วไม่หลุดง่ายและไม่ทำให้รู้สึกอึดอัดหรือเจ็บหูระหว่างใช้งาน

หูฟังแบบ Earbuds มีจุดเด่นคือ ความสบาย เพราะไม่มีชิ้นส่วนที่เข้าไปข้างในรูหู ทำให้ยังคงมีช่องว่างระหว่างหูและหูฟัง เราจึงรู้สึกสบายมากกว่าแบบ In-ear แต่ในขณะเดียวกัน เราก็ได้ยินเสียงภายนอกด้วย ดังนั้น หูฟัง Earbuds จึงเหมาะกับผู้ที่เล่นเกมในที่ค่อนข้างเงียบ หรือผู้ที่เล่นเกมแบบไม่เน้นเรื่องเสียงมากนักอย่างเกม MMORPG, Casual, Puzzle หรือเกม Offline อื่น ๆ ที่ไม่จำเป็นต้องใช้เสียงในเกมมากนัก

ไดร์เวอร์ไดนามิกถือเป็นไดร์เวอร์ที่พบได้ทั่วไป เพราะมีราคาถูกและให้ย่านเสียงครบถ้วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งย่านเสียงต่ำหรือเสียงเบสที่ดีมาก เพราะในไดร์เวอร์มีส่วนประกอบของขดลวดทองแดง ซึ่งเป็นวัสดุที่ขับย่านความถี่ต่ำได้อย่างเป็นอย่างดี

นอกจากนี้แล้ว ยังมีไดร์เวอร์ไฮบริดซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน โดยเป็นการรวมกันระหว่างไดร์เวอร์ไดนามิกและไดร์เวอร์ BA (Balanced Armature) มีจุดเด่นในเรื่องของการขับย่านความถี่ต่ำและสูง เหมือนรวมเอาข้อดีของแต่ละไดร์เวอร์รวมกันกลายเป็นเสียงที่โดดเด่น หากใช้เล่นเกมก็จะช่วยให้ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของเบส และเสียงรายละเอียดเล็ก ๆ ในเกมอย่างเสียงเดิน เสียงเคลื่อนไหว ได้ชัดเจนมากขึ้น

หูฟังไร้สายทำให้เรามีความคล่องตัวมากกว่าเมื่อใช้เล่นเกมในมือถือ เพราะจะเล่นในอิริยาบถไหนก็สบาย แต่ต้องเลือกแบบมี Gaming Mode หรือค่าความหน่วง (Low Latency) เพราะเป็นฟังก์ชันที่ทำให้เสียงตรงกับภาพ โดยปรับระยะเวลาการส่งสัญญาณระหว่างหูฟังและมือถือให้น้อยที่สุด โดยเราควรเลือกค่าความหน่วงไม่เกิน 50ms ซึ่งเป็นระดับที่ผู้เล่นรู้สึกได้ว่าเสียงไม่ดีเลย์ หรือเลือกต่ำกว่า 50ms ก็ได้ เพราะยิ่งมีค่าน้อย ความหน่วงก็จะลดน้อยลง

Bluetooth เวอร์ชั่น 5.0 ขึ้นไปให้คุณสมบัติที่ดีกว่าอย่างชัดเจน เมื่อเทียบกับ Bluetooth 4.0 และเวอร์ชั่นต่ำกว่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องระยะการรับส่งข้อมูลที่ไปได้ไกลกว่าทั้งในและนอกอาคารถึง 4 เท่า อีกทั้งยังความเร็วในการส่งข้อมูลได้เร็วกว่าจาก 1 Mbps เป็น 2Mbps หรือ 2 เท่า ทั้งยังประหยัดไฟได้มากกว่าทั้งแบตเตอรีหูฟังและแบตเตอรีโทรศัพท์เพราะใช้พลังงานน้อยลง

เราสามารถใช้ได้ทั้งหูฟังแบบ Overear และ In-ear สำหรับเกมคอมพิวเตอร์ โดย Overear ตอบโจทย์ได้ครบ ทั้งในเรื่องของความสบายระหว่างการสวมใส่และเรื่องเสียงที่ได้ยินชัดเจน เพราะด้วยลักษณะของหูฟังคล้ายกับโดมที่ครอบไปทั้งหู ทำให้กันเสียงจากภายนอกและส่งพลังเสียงอย่างชัดเจนโดยไม่มีชิ้นส่วนใด ๆ ที่เข้าไปรบกวนรูหูของเรา แต่มีข้อเสียคือขนาดใหญ่และน้ำหนักมาก

ส่วน In-ear ก็แน่นอนว่าช่วยให้เราได้ยินเสียงชัด เพราะช่วยกันเสียงรบกวนภายนอกและส่งเสียงในเกมตรงเข้าสู่หูของเราด้วยจุกหูฟัง แต่อาจทำให้รู้สึกอึดอัดหรือเจ็บหูเมื่อใส่เป็นระยะเวลานาน เพราะด้วยโครงสร้างของจุกหูฟังที่สอดเข้าไปภายในรูหูนั่นเอง

หูฟังเกมมิ่งบางรุ่นหรือบางยี่ห้ออาจมีระบบเสียงแบบรอบทิศทางหรือ Surround เช่น แบบ 5.1 หรือ 7.1 โดยตัวเลขนี้หมายถึงจำนวนลำโพงในทิศทางต่าง ๆ หากเป็น 5.1 หมายถึง ลำโพงตรงกลาง ซ้าย ขวา ล่างซ้าย และล่างขวา พร้อมกับซับวูฟเฟอร์ที่ขับเสียงเบสแยก หรือ 7.1 ที่เพิ่มลำโพงบริเวณล่างซ้ายและขวาไปอีก 2 ตัวจากแบบ 5.1 จำนวนลำโพงที่มากมายนี้ทำให้เราได้ยินเสียงจากหลาย ๆ ทิศทางมากขึ้น

แต่อย่างไรก็ตาม หูฟังเกมมิ่งแบบ Surround นี้ไม่เป็นที่นิยมนัก เนื่องจากเกมส่วนใหญ่ไม่รองรับระบบเสียงเซอร์ราวด์ อีกทั้งผู้เล่นอาจสับสนง่าย เพราะเสียงออกมาจากลำโพงหลายตัวที่อยู่ใกล้กัน ด้วยจำนวนของลำโพงที่เยอะและตำแหน่งที่อยู่ใกล้กันมาก ดังนั้น เราขอแนะนำให้เลือกหูฟังเกมมิ่งที่มีระบบเสียงแบบสเตอริโอที่เหมาะกับการเล่นเกมทุกแนว และจับทิศทางของเสียงได้ง่ายกว่า