10 เตาอบเบเกอรี่ แบบไหนดี ปี 2025 เตาอบขนม เตาอบเค้ก

สำหรับการใช้งานในครัวเรือนนั้นการเลือกเตาอบไฟฟ้าจะเหมาะสมที่สุด เพราะใช้งานง่าย มีฟังก์ชันการตั้งเวลาและอุณหภูมิที่ชัดเจน โดยสามารถควบคุมอุณหภูมิได้อย่างแม่นยำและเสถียร อีกทั้งยังมีความปลอดภัยมากกว่าเตาอบแก๊ส

นอกจากนี้ ผู้ใช้งานสามารถพิจารณาประเภทของเตาอบไฟฟ้าให้เหมาะสมกับพื้นที่จัดวางและดีไซน์ของเตาอบให้เข้ากับการตกแต่งของบ้านได้ โดยหลัก ๆ เตาอบเบเกอรี่ระบบไฟฟ้าจะมีสองแบบ คือ

1. เตาอบแบบชั้นวาง ขนาดกะทัดรัด เคลื่อนย้ายสะดวก เหมาะกับบริเวณที่มีพื้นที่การใช้สอยจำกัด และราคาไม่สูงมาก สามารถรองรับการทำเค้ก ขนมเบเกอรี่ได้หลากหลาย
2. เตาอบแบบบิวท์อิน เป็นเตาอบที่ต้องติดตั้งเข้ากับผนัง ดีไซน์สวย สามารถปรับอุณหภูมิแบบดิจิทัลได้และแสดงผลหน้าจอให้เห็นเป็นตัวเลข รวมทั้งมีฟังก์ชันการทำงานที่เหมาะกับผู้ที่เริ่มทำอาหารหรือต้องการใช้งานที่หลากหลายทั้งอาหารและเบเกอรี

ขนาดเตาอบมีให้เลือกหลากหลายตั้งแต่รุ่นไม่เกิน 20 ลิตร ที่เป็นเตาอบเบเกอรี่ขนาดเล็กไปจนถึงรุ่น 70 ลิตร - 80 ลิตรที่เป็นเตาอบขนาดใหญ่แบบ Built-in ทั้งนี้ ในการอบเค้กหรือขนมจะต้องใช้พื้นที่ในเตาอบค่อนข้างมาก เพราะต้องรวมพื้นที่ใส่พิมพ์เค้ก รวมไปถึงต้องเว้นระยะระหว่างเพดานตู้อบด้วย ดังนั้น ควรพิจารณาจุดประสงค์และความถี่ในการอบขนมว่าทำขนมบ่อยหรือไม่ และแต่ละครั้งจำนวนเท่าไร 

โดยทั่วไปแล้วเตาอบเบเกอรี่มือใหม่ที่หัดทำขนมอาจจะไม่ต้องมีขนาดความจุเยอะมาก เพราะยิ่งความจุเยอะจะยิ่งเปลืองพื้นที่จัดวางและราคาเตาอบจะสูงขึ้นตามขนาดด้วย จึงควรเลือกเครื่องอบขนมที่ความจุเพียงพอสำหรับการฝึกฝนประมาณไม่เกิน 40 ลิตร ก็ถือว่าเหมาะสมในการใช้งาน

เตาอบเบเกอรี่แบบแก๊สจะมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ นิยมใช้ในเชิงพาณิชย์หรืออุตสาหกรรมเบเกอรี เพราะให้ปริมาณกำลังการผลิตมากกว่า เช่น สามารถอบได้ครั้งละ 2 ถาด รวมทั้งมีการกระจายความร้อนได้ดีทั่วถึงทั้งเตา เตาร้อนเร็วกว่า จึงช่วยลดเวลาในการอบ โดยจะมีการใช้งานร่วมกับเตาแก๊สหุงต้ม จึงใช้ต้นทุนในระยะยาวต่ำกว่าการใช้ไฟฟ้าด้วย

ปัจจุบันยังมีเตาอบไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ที่ใช้แก๊สเป็นแหล่งพลังงานในการให้ความร้อน แต่ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า ซึ่งจะใช้งานง่ายกว่าเตาอบแบบแก๊สธรรมดา เพราะไม่ต้องคอยปรับระดับควบคุมวาล์วแก๊ส อีกทั้งมีความเสถียรกว่าและไม่ต้องเสี่ยงกับปัญหาอุณหภูมิตกหากแก๊สหมดหรือต้องเปลี่ยนถังแก๊สระหว่างการอบขนม ส่วนค่าใช้จ่ายก็ไม่ค่อยต่างกันมาก

สำหรับใช้งานเชิงพาณิชย์ตามร้านเบเกอรี่หรือคาเฟ่ควรเลือกเตาอบขนมที่มีความจุ 60 ลิตรขึ้นไป ซึ่งเป็นความจุที่สามารถอบเค้กได้ประมาณ 2 ก้อน (ขนาดเค้ก 1 ปอนด์) โดยไม่ต้องซ้อนถาดเพื่อการกระจายความร้อนที่ทั่วถึงและเพื่อสีของขนมสีสวยสม่ำเสมอ หากเป็นขนมเบเกอรี่ชิ้นเล็กทั่วไปก็จะสามารถอบได้หลายชิ้นในครั้งเดียว จึงช่วยประหยัดเวลาและแรงงาน 

ปกติแล้วผู้ใช้งานจะต้องคำนวณและวางแผนการผลิตด้วยว่าจะจำหน่ายเบเกอรี่ในแต่ละวันเท่าไหร่ เพื่อเลือกขนาดเตาอบให้เหมาะสมกับกำลังการผลิต ยิ่งต้องการจำนวนเยอะ ๆ ต่อวันก็ควรเลือกเตาอบความจุ 80 ลิตรขึ้นไป รวมทั้งควรเลือกเตาอบที่มีหลายชั้นเพื่อความยืดหยุ่นในการใช้งานด้วย