10 กล้องโพลารอยด์ fujifilm รุ่นไหนดี ปี 2025 ถ่ายง่าย เซลฟี่ได้

กล้องโพลารอยด์ fujifilm สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ซีรีส์ โดยแต่ละซีรีส์ถูกออกแบบมาให้เหมาะกับลักษณะการถ่ายรูปที่แตกต่างกันไป จึงขอแนะนำให้ตรวจสอบจุดเด่นของซีรีส์ต่าง ๆ เพื่อให้ได้รุ่นที่ตอบโจทย์การใช้งานของคุณมากที่สุด

กล้องโพลารอยด์ fujifilm ในแต่ละซีรีส์จะมาพร้อมกับโหมดการถ่ายภาพที่เป็นเอกลักษณ์ประจำซีรีส์ โดยแต่ละโหมดเหมาะกับสไตล์การถ่ายภาพที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายเซลฟี่ ถ่ายวิวทิวทัศน์ ถ่ายวัตถุระยะใกล้

• โหมดปกติ : สำหรับถ่ายภาพระยะปกติ สามารถถ่ายได้ยืดหยุ่น ไม่ว่าจะเป็นรูปคน รูปสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ รูปสิ่งของ หรือรูปทิวทัศน์ แต่จะไม่ได้มีความโดดเด่นในสไตล์ใดสไตล์หนึ่ง ซึ่งโหมดปกตินี้จะมีในทุกรุ่น

• โหมดเซลฟี่ : เป็นโหมดสำหรับถ่ายภาพเซลฟี่โดยเฉพาะ ซึ่งจะช่วยโฟกัสรายละเอียดของบุคคลได้ดียิ่งขึ้น โดยจะมีในซีรีส์ Mini และ Square

• โหมดภูมิทัศน์ : เป็นโหมดที่จะปรับทางยาวโฟกัสของเลนส์ให้สามารถเก็บภาพมุมกว้างได้ดี เพื่อใช้สำหรับถ่ายภาพทิวทัศน์ในสถานที่ต่าง ๆ หรือจะใช้ถ่ายภาพกลุ่มบุคคลเป็นจำนวนมากก็ได้ โดยโหมดนี้จะมีในซีรีส์ WIDE เท่านั้น

• โหมดมาโคร : สำหรับถ่ายภาพวัตถุระยะใกล้เป็นพิเศษ ซึ่งจะช่วยให้เห็นรายละเอียดของวัตถุนั้น ๆ ได้อย่างชัดเจน โดยจะมีในซีรีส์ WIDE ที่สามารถปรับระยะเลนส์ให้ใกล้ได้มากกว่าซีรีส์อื่น ๆ นั่นเอง

รูปแบบการใช้พลังงานของกล้องโพลารอยด์ fujifilm จะมีทั้งรุ่นที่ใช้ถ่าน ที่มีข้อดีคือไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเสื่อม แต่ต้องซื้อถ่านสำรองไว้อยู่เสมอ และรุ่นที่มีแบตเตอรี่ในตัว ที่พร้อมชาร์จได้ทุกเวลา แต่แบตเสื่อมได้ โดยแต่ละรุ่นมีรูปแบบการใช้พลังงานที่แตกต่างกัน ดังนี้

• ถ่านอัลคาไลน์ AA : มีลักษณะเป็นถ่านไฟฉายที่คุ้นเคยกันดี มีข้อดีคือหาซื้อได้ง่าย มีวางขายในทุกที สำหรับรุ่นที่ใช้ถ่าน AA คือ instax mini 11/12 และ instax WIDE 300/400

• ถ่าน CR2 : มีลักษณะเป็นทรงกระบอกสั้น ซึ่งเป็นชนิดที่หาซื้อได้ยากกว่าถ่าน AA โดยรุ่นที่ใช้ถ่านชนิดนี้คือ Instax Square SQ40 

• แบตเตอรี่ในตัว : มีข้อดีคือสามารถชาร์จได้ทันทีด้วยสาย USB เมื่อแบตเตอรี่หมด และไม่จำเป็นต้องเผื่อถ่านสำรองไว้ โดยรุ่นที่มีแบตเตอรี่ในตัวคือ instax mini 99, Mini LiPlay, Mini Evo และ WIDE Evo

กล้องโพลารอยด์ fujifilm ในแต่ละซีรีส์นั้นจะมีการใช้ขนาดฟิล์มที่แตกต่างกันไป หรือก็คือ ในแต่ละซีรีส์จะมีขนาดฟิล์มเป็นของตัวเอง จึงจำเป็นต้องตรวจสอบขนาดฟิล์มให้ดี เพื่อที่คุณจะซื้อได้ถูกต้องเมื่อฟิล์มหมดนั่นเอง

• 86 มม. × 54 มม. : เป็นขนาดฟิล์มของซีรีส์ instax Mini ใช้กับกล้องซีรีส์ Instax Mini เช่น Mini 12, Mini 90 ซึ่งเป็นซีรีส์ที่นอกจากจะมีฟิล์มแบบปกติจำหน่ายแล้ว ยังมีฟิล์มพิเศษที่ขอบมีลวดลายต่าง ๆ สุดน่ารักให้ได้เลือกซื้ออีกด้วย 

• 62 มม. × 62 มม. : หรือฟิล์มสี่เหลี่ยมจัตุรัส ซึ่งเป็นขนาดฟิล์มของซีรีส์ instax Square ใช้กับกล้องซีรีส์ Instax Square เช่น SQ1, SQ6, SQ40 เหมาะกับการถ่ายภาพแนวสตรีทหรือศิลปะ ให้ฟีลคล้ายโพลารอยด์คลาสสิก

• 86 × 108 มม. : หรือฟิล์มกว้าง สำหรับซีรีส์ instax WIDE นั่นเอง โดยมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าและขนาดใหญ่กว่ารุ่นอื่น ๆ ใช้กับกล้องซีรีส์ Instax WIDE เช่น Wide 300 เหมาะสำหรับภาพหมู่หรือภาพวิว ให้รายละเอียดมากขึ้น

กล้องโพลารอยด์ fujifilm แต่ละรุ่นจะมาพร้อมกับฟังก์ชันเด่นที่แตกต่างกันไป โดยแต่ละฟังก์ชันเด่นนั้นช่วยให้คุณสามารถใช้งานได้อย่างสะดวกสบายและเพิ่มประสิทธิภาพในการถ่ายรูปได้เป็นอย่างดี ซึ่งฟังก์ชันเด่นที่น่าสนใจ มีดังนี้

• มีหน้าจอแสดงผลดิจิทัล  : ในหลาย ๆ รุ่น มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลดิจิทัล ที่ช่วยบอกสถานะตัวเครื่อง การเลือกเมนูต่าง ๆ หรือสามารถตรวจสอบภาพถ่ายได้ผ่านหน้อจอแสดงผล มีความทันสมัย ใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยรุ่นที่มีฟังก์ชันนี้คือ instax Mini evo, LiPlay และ WIDE Evo

• มีระบบปรินท์รูปโพลารอยด์ในตัว : นอกจากจะปรินท์รูปถ่ายจากตัวกล้องได้แล้ว ยังสามารถปรินท์รูปจากภายนอกได้ผ่านการเชื่อมต่อ Bluetooth ระหว่างสมาร์ตโฟนและตัวกล้อง โดยรุ่นที่สามารถใช้งานฟังก์ชันนี้ได้คือ instax Mini LiPlay, Mini evo และ WIDE Evo

• ปรับเอฟเฟกต์ภาพฟิล์มได้หลากหลาย : เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบภาพสไตล์กล้องฟิล์มโดยเฉพาะ ซึ่งจะมีเอฟเฟกต์ฟิลเตอร์ฟิล์มที่เป็นเอกลักษณ์ของ fujifilm ให้เลือกหลากหลายสีสัน โดยรุ่นที่สามารถใช้ฟังก์ชันนี้ได้คือ instax Mini evo, LiPlay และ WIDE Evo

• ตั้งเวลาถ่ายภาพได้ : ช่วยให้ถ่ายภาพได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยเฉพาะสำหรับคนที่ต้องการถ่ายภาพบุคคลแบบกลุ่ม โดยรุ่นที่สามารถใช้ฟังก์ชันนี้ได้ก็คือซีรีส์ instax WIDE, Mini evo และ LiPlay