10 สมาร์ทวอทช์ ราคาไม่เกิน 2000 บาท รุ่นไหนดี ปี 2025 ใส่ออกกำลังกายได้

สมาร์ทวอทช์ที่วางจำหน่ายในปัจจุบันจะมีฟังก์ชันที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพเพิ่มเข้ามาเสมอ สำหรับฟังก์ชันการวัดผลเชิงสุขภาพจะสามารถตรวจสุขภาพของผู้ใช้งานด้วยเซนเซอร์ชนิดพิเศษ เซนเซอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ตรวจสอบสุขภาพของผู้ใช้ได้ ความแม่นยำในการตรวจสอบจะขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของเซนเซอร์ที่สมาร์ทวอทช์รุ่นนั้น ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งาน ควรพิจารณาในส่วนของฟังก์ชันวัดผลเชิงสุขภาพด้วย ฟังก์ชันเหล่านี้จะประกอบไปด้วย 

• การวัดอัตราการเต้นของหัวใจ (Heart Rate Monitoring): ติดตามอัตราการเต้นของหัวใจแบบเรียลไทม์ บันทึกข้อมูลอัตราการเต้นของหัวใจตลอดวัน และแจ้งเตือนเมื่ออัตราการเต้นของหัวใจสูงหรือต่ำเกินไป
• การวัดปริมาณออกซิเจนในเลือด (SpO2 Monitoring): ตรวจวัดระดับออกซิเจนในเลือด และช่วยในการติดตามสุขภาพของระบบหายใจ
• การติดตามการนอนหลับ (Sleep Tracking): วิเคราะห์คุณภาพการนอนหลับ บันทึกเวลาการนอนหลับลึก การนอนหลับตื้น และการตื่นขึ้นกลางดึก และให้ข้อมูลเพื่อปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับ
• การวัดระดับความเครียด (Stress Monitoring): ติดตามระดับความเครียดในระหว่างวัน และให้คำแนะนำในการผ่อนคลายและลดความเครียด เช่น การหายใจลึก ๆ
• การวัดปริมาณการเคลื่อนไหว (Activity Tracking): นับก้าวเดินและระยะทางที่เดินในแต่ละวันบันทึกข้อมูลการออกกำลังกาย เช่น การวิ่ง การปั่นจักรยาน การว่ายน้ำ และคำนวณแคลอรีที่เผาผลาญ
• การวัดอัตราการเผาผลาญพลังงาน (Calorie Burn Tracking): คำนวณจำนวนแคลอรีที่เผาผลาญจากการเคลื่อนไหวและกิจกรรมประจำวัน
• การวัดความดันโลหิต (Blood Pressure Monitoring): ตรวจวัดความดันโลหิตแบบเรียลไทม์ (บางรุ่นเท่านั้น)
•  การติดตามสุขภาพผู้หญิง (Women’s Health Tracking): บันทึกและติดตามรอบประจำเดือนและแจ้งเตือนและให้คำแนะนำเกี่ยวกับสุขภาพผู้หญิง

ฟังก์ชันเหล่านี้จะช่วยวิเคราะห์และประเมินรูปแบบการออกกำลังกายที่เหมาะสมต่อผู้ใช้งานแต่ละคน ผู้ใช้สามารถตั้งโปรแกรมออกกำลังกายเบื้องต้นได้ นอกจากนี้สมาร์ทวอทช์บางรุ่นยังมีฟังก์ชันผู้ช่วยการออกกำลังกายเพื่อคอยแนะนำและกำหนดเวลาเพื่อให้ผู้ใช้ทำการออกกำลังกายได้เหมาะสมกับศักยภาพของตัวเองมากที่สุดอีกด้วย

สมาร์ทวอทช์ที่มีราคาไม่เกิน 2,000 บาท หลาย ๆ รุ่น จะมาพร้อมกับฟังก์ชัน GPS ที่สามารถแสดงตำแหน่งของผู้ใช้ได้แบบเรียลไทม์ และฟังก์ชันนี้ยังสามารถประยุกต์ใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชันแผนที่บนสมาร์ตโฟนได้อีกด้วย หากผู้ใช้สมาร์ทวอทช์เป็นเด็กหรือผู้สูงอายุก็จะยิ่งช่วยระบุตำแหน่งและติดตามตัวบุคคลในกรณีฉุกเฉินได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

ฟังก์ชัน GPS ไม่เพียงแต่จะนำมาใช้ระบุตำแหน่งบนแผนที่เท่านั้น แต่ยังใช้งานร่วมกับฟังก์ชันการออกกำลังกายได้อีกด้วย เนื่องจากฟังก์ชันนี้ช่วยให้คุณสามารถทำการตรวจสอบและประเมินเส้นทางในการวิ่งได้ รวมถึงยังมีส่วนช่วยคำนวณระยะทาง เวลา และตรวจนับจำนวนก้าวของผู้วิ่งได้อีกด้วย ทำให้ผู้วิ่งสามารถวางแผนเลือกเส้นทางที่ปลอดภัยและประเมินระยะเวลาในการวิ่งได้อย่างแม่นยำมากขึ้น

การทำงานของฟังก์ชันโทรออกหรือรับสายของสมาร์ทวอทช์ เมื่อมีการติดต่อเข้ามาจะมีการแจ้งเตือนด้วยไอคอนบนหน้าจอ ผู้ใช้สามารถกดรับผ่านหน้าจอได้เลย และหากผู้ใช้ไม่ทันได้รับสายก็จะมีการแจ้งเตือนสายที่ไม่ได้รับบนสมาร์ทวอทช์ด้วย สำหรับสมาร์ทวอทช์ที่วางจำหน่ายกันในปัจจุบันจะสามารถเพิ่มรายชื่อผู้ติดต่อเริ่มต้นได้ที่ 100 รายชื่อ แต่บางรุ่นก็จะมีการพัฒนามาให้สามารถเพิ่มรายชื่อในปริมาณมากได้ รวมถึงบางรุ่นยังรองรับการซิงค์รายชื่อจากสมาร์ตโฟนได้อีกด้วย

อีกหนึ่งการติดต่อสื่อสารที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันก็คือการติดต่อผ่านข้อความ ไม่ว่าจะเป็นการส่งข้อความโดยปกติ หรือผ่านแอปพลิเคชันยอดนิยมอย่าง LINE หรือ Facebook Messenger ได้ เพื่อสนับสนุนการรับส่งข้อความนี้เอง สมาร์ทวอทช์จึงมีฟีเจอร์แจ้งเตือนข้อความจากแอปพลิเคชันต่าง ๆ ด้วย โดยจะมีแสดงผลในรูปแบบของไอคอนแอปพลิเคชันนั้น ๆ ทั้งนี้ต้องตรวจสอบทางสมาร์ทวอทช์ก่อนว่าทำงานร่วมกับแอปพลิเคชันใดบ้าง 

โดยปกติแล้ว การแจ้งเตือนข้อความบนสมาร์ทวอทช์จะไม่มีการกำหนดว่าแจ้งเตือนได้สูงสุดกี่ข้อความ แต่หากผู้ใช้มีการแจ้งเตือนข้อความจากแอปพลิเคชันใด ๆ ค้างอยู่เป็นจำนวนมาก การแจ้งเตือนของสมาร์ทวอทช์ก็อาจจะไม่สามารถแสดงการแจ้งเตือนทั้งหมดนั้นได้

สมาร์ทวอทช์ที่วางจำหน่ายกันในปัจจุบันจะมีมาตรฐานป้องกันน้ำอยู่ 2 ชนิด ได้แก่ "มาตรฐาน ATM" และ "มาตรฐาน IPX0" มาตรฐานทั้งสองจะเป็นการระบุประสิทธิภาพในการกันน้ำที่ต่างกันออกไป ในส่วนของมาตรฐาน ATM (Atmosphere) จะเป็นการแสดงให้เห็นถึงว่าอุปกรณ์นำมาใช้งานในน้ำได้ที่ระดับความลึกเท่าใด เนื่องจากความลึกในระดับที่ต่างกันก็จะมีแรงดันน้ำที่ต่างกันออกไปด้วย มาตรฐาน ATM จะมีประสิทธิภาพในการกันน้ำอยู่ที่ 5 ระดับ ดังนี้

• 0 – 1 ATM / 0 – 10 M สามารถใส่ล้างมือและลุยฝนได้
• 3 ATM / 30 M สามารถใส่ล้างมือ ลุยฝน และล้างรถได้
• 5 ATM / 50 M สามารถใส่ล้างมือ, ลุยฝน, ล้างรถ, อาบน้ำ และว่ายน้ำได้
• 10 ATM / 100 M สามารถใส่ล้างมือ, ลุยฝน, ล้างรถ, อาบน้ำ, ว่ายน้ำ และดำน้ำทะเลตื้นได้ (Snorkeling)
• 20 ATM / 200 M สามารถใส่ล้างมือ, ลุยฝน, ล้างรถ, อาบน้ำ, ว่ายน้ำ, ดำน้ำทะเลตื้น และดำน้ำทะเลลึกได้ (Scuba Diving)  

ในขณะที่มาตรฐาน IPX0 จะเป็นมาตรฐานการกันน้ำในระดับสากลที่มีการกำหนดขึ้นมาเพื่อใช้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์โดยเฉพาะ มาตรฐานนี้หากพิจารณาในส่วนของการกันน้ำให้ตรวจสอบจากตัวเลขตำแหน่งสุดท้ายที่จะแสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติในการกันน้ำ โดยในปัจจุบันจะมีทั้งหมด 9 ระดับ ดังนี้ 

• IPX0 = ไม่สามารถป้องกันน้ำได้
• IPX1 = ป้องกันน้ำหยดในปริมาณไม่มาก
• IPX2 = ป้องกันน้ำในระดับน้ำหนดซึ่งจะต้องไม่เป็นน้ำที่หยดลงอุปกรณ์โดยตรง
• IPX3 = ป้องกันน้ำในละดับละอองน้ำ
• IPX4 = ป้องกันน้ำหรือละอองน้ำจากของเหลวได้ทั่วทิศทาง
  
• IPX5 = ป้องกันน้ำจากการฉีดพ่นในระดับความแรงปกติโดยตรงได้
• IPX6 = ป้องกันน้ำจากการฉีดพ่นอย่างรุนแรงโดยตรงได้
• IPX7 = ป้องกันน้ำจากการแช่น้ำลึกไม่เกิน 1 เมตร ได้ถึง 30 นาที
• IPX8 = ป้องกันน้ำจากการแช่น้ำลึกไม่เกิน 3 เมตร ได้อย่างไม่มีกำหนด

มาตรฐานกันฝุ่น IP0X จะสอดคล้องกับมาตรฐานป้องกันน้ำ IPX0 โดยเป็นมาตรฐานสากลที่มีการระบุว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์นั้น ๆ มีคุณสมบัติกันฝุ่นได้ในระดับใด การที่สมาร์ทวอทช์ระบุมาตรฐานกันฝุ่นนี้เข้ามาจะเป็นการยืนยันว่าตัวอุปกรณ์มีคุณสมบัติลดความเสียหายที่เกิดจากฝุ่นและวัตถุต่าง ๆ ได้มากน้อยแค่ไหน การอ่านค่ามาตรฐานกันฝุ่นนี้ให้ตรวจสอบจากตัวเลขหลักแรกแทนหลักสุดท้าย โดยมาตรฐานนี้จะแบ่งออกเป็น 6 ระดับ ดังนี้

• IP0X = ไม่มีความสามารถในการป้องกันฝุ่นหรือของแข็งใด ๆ
• IP1X = ป้องกันของแข็งที่มีขนาดตั้งแต่ 50 mm ขึ้นไป
• IP2X = ป้องกันของแข็งที่มีขนาดตั้งแต่ 12 mm ขึ้นไป
• IP3X = ป้องกันของแข็งที่มีขนาดตั้งแต่ 2.5 mm ขึ้นไป
• IP4X = ป้องกันของแข็งที่มีขนาดตั้งแต่ 1 mm ขึ้นไป
• IP5X = ป้องกันฝุ่นได้ระดับที่เกือบจะสมบูรณ์
• IP6X = ป้องกันฝุ่นได้อย่างสมบูรณ์แบบ