10 เหรียญ DeFi มีอะไรบ้าง ปี 2024 รวมข้อมูล เหรียญที่น่าสนใจ

สำหรับเหรียญ DAI ถูกสร้างโดย MakerDAO ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการกู้ยืมแบบกระจายศูนย์ ที่มีส่วนทำให้เกิดระบบ DeFi โดยเหรียญนี้ถูกสร้างขึ้นภายใต้แนวคิดของโมเดลเหรียญคงมูลค่าหรือ Stable Coin ที่ทำงานโดยไร้ศูนย์กลาง อีกทั้งมูลค่าของเหรียญ DAI จะเกิดจากการที่ผู้ใช้งานเอาเหรียญคริปโตมาค้ำประกันไว้ ผ่านช่องทางของ Smart Contract ซึ่งเรียกว่า CDPs (Collateralized Debt Position) จึงกลายเป็นอีกหนึ่งเหรียญยอดฮิตในวงการ DeFi นั่นเองค่ะ

หากพูดถึงเหรียญ DeFi ที่เป็นขวัญใจนักลงทุนแล้วล่ะก็ เราเชื่อว่าหลายคนจะต้องนึกถึงเหรียญรูปม้ายูนิคอร์นเหรียญนี้อย่างแน่นอน ซึ่งสร้างโดย Uniswap ที่เป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนเหรียญจำนวนมาก โดยเหรียญนี้จะทำหน้าที่เป็นเหรียญ Governance Token ซึ่งทำงานบนแพลตฟอร์ม Ethereum Blockchain ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีการอัปเดตเป็น Uniswap V2 เพื่อลดระยะเวลาในการแลกเปลี่ยนและค่าธรรมเนียมลง และที่สำคัญคือ ยังมีมูลค่าตามราคาตลาดสูงต่อเนื่อง และเป็นอันดับต้น ๆ ในกลุ่มเหรียญ DeFi ค่ะ

มาที่เหรียญ Governance ภายใต้การดูแลของ MakerDAO กันบ้าง โดยเหรียญนี้สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม Decentralized เพื่อใช้แลกกับเหรียญ DAI กล่าวคือหาก DAI มีจำนวนไม่ครอบคลุมหนี้ MKR ก็จะถูกสร้างเพิ่ม แต่กลับกันถ้า DAI ในระบบมากเกินไป ก็จะถูกนำไปขายเพื่อซื้อ MKR กลับแล้วนำไปเผาทิ้งเพื่อลดอุปทานของ MKR นั่นเอง อย่างไรก็ตาม Maker จะไม่จ่ายเงินปันผลให้กับผู้ที่ถือเหรียญ MKR แต่ให้สิทธิ์ในการเสนอหรือโหวตเพื่อเปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุงโครงสร้างของ MakerDAO และ Maker Protocal ได้ค่ะ

เหรียญ AVAX คือเหรียญที่ได้รับการพัฒนาโดย Ava Labs สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นตัวกลางจ่ายค่าธรรมเนียมหรือ Gas ใน Avalanche Chain มีความแตกต่างจากเหรียญอื่นในแง่ของการใช้เทคโนโลยี DAG Consensus เพื่อช่วยสุ่มและยืนยันการทำธุรกรรม มีข้อดีคือประหยัดพลังงานและทำให้การประมวลผลเร็วขึ้น ซึ่งถือเป็นแพลตฟอร์มแรกที่ลดเวลาให้ยืนยันธุรกรรมได้รวดเร็วภายในเวลาไม่เกิน 2 วินาที รวมทั้งไม่อนุญาตให้แก้ไขข้อมูลโดยพลการ จึงปลอดภัยและมีความแม่นยำสูงค่ะ

ต้องบอกว่า SRM คือเหรียญที่เปิดตัวแล้วทำราคาพุ่งขึ้นกว่า 1,700 % ภายในไม่กี่ชั่วโมงแรก ซึ่งถือว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ค่ะ สำหรับเหรียญนี้เป็นโปรเจกต์การซื้อขายอนุพันธ์ระหว่าง Centralized FTX และ Solana ซึ่งเป็นบล็อกเชนที่มีความเร็วสูง จุดเด่นคือผู้ถือสามารถ Stake เหรียญเพิ่มพลังให้กับโปรโตคอล รวมถึงเพื่อรับรางวัลและผลตอบแทนด้วย อย่างไรก็ตามมีคำแนะนำเรื่องราคาช่วงเปิดตัวของเหรียญใหม่อาจเป็นปรากฏการณ์ชั่วคราว ดังนั้นควรตัดสินใจด้วยความระมัดระวังค่ะ

นับเป็น Governance Token น้องใหม่มาแรงจริง ๆ ค่ะ ซึ่งเหรียญนี้มีชื่อเดิมว่า LEND ถูกสร้างโดย AAVE มีความสามารถในการให้ยืมหรือขอกู้ยืม Cryptocurrency ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Stablecoins หรือ Altcoins โดยผู้ใช้งานจะต้องนำเหรียญมาฝากรวมกันไว้ใน Pool เพื่อแลกเปลี่ยนเป็น AAVE ซึ่งดอกเบี้ยที่ได้รับจะมีทั้งแบบประจำและแบบอัตรา ทั้งนี้แพลตฟอร์ม Aave ยังมีระบบ Flash loans ที่สามารถกู้ยืมเหรียญโดยไม่ต้องวางเหรียญค้ำประกันภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดอีกด้วย

สำหรับเหรียญ SUSHI เป็นอีกหนึ่งเหรียญ DeFi ที่ทำงานบนแพลตฟอร์ม Ethereum Blockchain ซึ่งถูกสร้างโดย SushiSwap สำหรับแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล โดยผู้ถือเหรียญจะเป็นผู้ให้สภาพคล่องแก่แพลตฟอร์มและจะได้รับดอกเบี้ย อีกทั้งยังพัฒนา Protocol ให้ผู้ใช้งานสามารถเข้ามากู้ยืมเหรียญได้ ซึ่งมีชื่อว่า BentoBox โดยมีแนวคิดมากจากข้าวกล่องญี่ปุ่น นอกจากนี้ ยังมีระบบ Smart Contract อย่าง Miso ด้วย จึงดูดดึงนักลงทุนที่เข้ามาฝากสภาพคล่องได้เป็นจำนวนมากค่ะ

เหรียญ DYDX ถูกพัฒนาขึ้นโดย dYdX Foundation เป็นเหรียญในเลเยอร์ 2 ที่รองรับการซื้อขายแบบถาวร มาร์จิน การซื้อขายแบบสปอต รวมไปถึงการให้ยืมและการยืมค่ะ ความน่าสนใจคือหากผู้ถือมีการนำเหรียญ USDC ที่เป็น Stablecoin มาฝากไว้บนแพลตฟอร์มเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง ก็จะได้รับค่าตอบแทนเป็นเหรียญ DYDX ตามจำนวนเหรียญ USDC ที่ฝากไว้ นอกจากนี้ทาง dYdX ยังมีนโยบายลดค่าธรรมเนียมตั้งแต่ 3 - 50 % สำหรับการแลกเปลี่ยนในกลุ่มผู้ที่ถือเหรียญ DYDX โดยเฉพาะอีกด้วย

หากพูดถึง Curve ที่เป็นแพลตฟอร์มแบบ Decentralized Autonomous Organization (DAO) ซึ่งจะสร้างสภาพคล่องในการซื้อขายอัตโนมัติ โดยจะเน้นไปที่การแลกเปลี่ยนเหรียญคงมูลค่าหรือ Stable Coin ซึ่งมีเหรียญ CRV เป็นเหรียญหลักที่ถูกใช้บน Curve เพื่อจ่ายเป็นค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมต่าง ๆ รวมไปถึงเป็นรางวัลจากการล็อกเหรียญไว้บนระบบด้วย นอกจากนี้ หากคุณถือเหรียญ CRV ไว้ คุณก็จะมีสิทธิ์โหวตเพื่อกำกับดูแลและพัฒนาระบบด้วยค่ะ

THORChain เป็นโปรโตคอลสภาพคล่องแบบกระจายศูนย์ ที่ช่วยให้ผู้ถือแลกเปลี่ยนเหรียญในเครือข่ายต่าง ๆ ได้ง่ายดายยิ่งขึ้น จุดเด่นคือสามารถส่งเหรียญข้ามไปมาระหว่างบล็อกเชนที่แตกต่างกันได้ โดยที่ไม่ต้องทำการ Wrapping และจุดแข็งที่สำคัญอีกหนึ่งอย่างคือเป็นการใช้งานบนระบบ Proof-of-Stake (PoS) ที่กระจายสิทธิตรวจสอบอย่างทั่วถึง แต่ต้องวางเงินดิจิทัลจำนวนหนึ่งเป็นประกัน พร้อมทั้งใช้อัลกอริทึมแบบ BFT เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความโปร่งใสของเครือข่ายอีกด้วย