กองทุนรวมหุ้น หรือเรียกว่ากองทุนรวมตราสารทุน (Equity Fund) เป็นหนึ่งในประเภทของกองทุนรวมที่ลงทุนในตราสารทุนต่าง ๆ เช่น หุ้นสามัญ หุ้นบุริมสิทธิ มากกว่า 80% ของมูลค่าสุทธิรวมของกองทุนค่ะ ซึ่งกองทุนรวมหุ้นมีจุดเด่นที่มีโอกาสได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้นกว่ากองทุนส่วนใหญ่ในตลาดทุน อย่างไรก็ตาม หลายคนคงมีความสงสัยว่า จะลงทุนในกองทุนรวมหุ้นอย่างไรให้มีโอกาสทำกำไรได้อย่างเหมาะสม รวมถึงสงสัยว่าจะเลือกกองทุนรวมหุ้นที่เหมาะสมกับตัวเองได้อย่างไรอีกด้วยค่ะ
สำหรับวันนี้เราจะมาเจาะลึกถึงรูปแบบและวิธีการพิจารณากองทุนรวมหุ้นที่น่าสนใจกันค่ะ อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าหุ้นนั้นมีความผันผวนสูง แต่ก็มีหลายกองทุนรวมหุ้นที่มีราคาเริ่มต้นต่ำ ซึ่งก็ช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการลงทุนในหุ้นได้นั่นอง ในบทความนี้ เราจะมาแนะนำ นโยบายการลงุทนของกองทุนรวมหุ้น วิธีการเลือกกองทุนรวมหุ้น พร้อมคำแนะนำจากนักวางแผนการเงิน และยังมี 10 กองทุนรวมหุ้นที่มีผลตอบแทนดี มาให้รับชมเพิ่มเติมกันด้วย
Top 5 กองทุนรวมหุ้น ยอดนิยม
SCB Asset Management
กระจายพอร์ตในกลุ่มธุรกิจสำคัญ เน้นลงทุนในประเทศพัฒนาแล้ว
One Asset management
ลงทุนในหุ้นเติบโตทั่วโลก แสดงผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง
Krungthai Asset Management
กองทุนเน้นการเติบโตของจีน ลงทุนกองใหญ่ในกลุ่มธุรกิจพื้นฐาน
Principal Asset Management
ขยายโอกาสทำกำไรกับตลาดเติบโตในเวียดนาม ผลงานโตน่าดึงดูด
คุณปอยเรียนจบปริญญาตรีสาขาบริหารธุรกิจ จาก Assumption University และปริญญาโทจาก Northumbria University สาขา Design Management จากประเทศอังกฤษ หลังจากเริ่มทำงานคุณปอยเริ่มมีความสนใจเกี่ยวกับการเงิน การวางแผนภาษี รวมไปถึงการลงทุนในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกองทุนรวมและประกันชีวิต จึงเริ่มศึกษาหาประสบการณ์ด้านนี้โดยตรงผ่านการเรียนคอร์สต่าง ๆ และเข้าอบรม รวมทั้งสั่งสมประสบการณ์ในการทำงานเป็นนักวางแผนการเงินมืออาชีพอิสระมามากว่า 4 ปี ปัจจุบันคุณปอยมีใบอนุญาตเป็นผู้แนะนำการลงทุนในประเทศไทยและมีลูกค้าภายใต้การดูแลไม่ต่ำกว่า 50 คน สำหรับประเภทของแผนการเงินที่คุณปอยมีความชำนาญเป็นพิเศษ ได้แก่ แผนการออมเพื่อการเกษียณอายุ แผนการออมเพื่อการลดหย่อนภาษี แผนการออมเพื่อการศึกษาบุตรและแผนการเงินเพื่อการส่งต่อมรดก
มายเบสท์ เว็บไซต์แนะนำสินค้าที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 4 ล้านคนต่อเดือน หัวใจของภารกิจของเราคือ ความมุ่งมั่นที่จะให้คำแนะนำที่น่าเชื่อถือได้ เราได้รับการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญในหมวดหมู่สินค้าที่หลากหลาย การเดินทางของเราเริ่มต้นด้วยวิสัยทัศน์ที่เรียบง่าย เพื่อสร้างแพลตฟอร์มที่ผู้บริโภคสามารถค้นหาคำแนะนำผลิตภัณฑ์ที่น่าเชื่อถือได้ และใช้งานได้จริง เราเข้าใจดีว่า การตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภคมีความต้องการที่แตกต่างกัน นั่นเป็นเหตุผลที่เราทุ่มเทในการนำเสนอคำแนะนำที่ชัดเจน กระชับ มีการวิจัยมาเป็นอย่างดี และตรวจสอบความถูกต้องโดยผู้เชี่ยวชาญ ทีมงานของเราประกอบด้วยบรรณาธิการและผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในหมวดหมู่ต่าง ๆ เจาะลึกลงไปในผลิตภัณฑ์แต่ละประเภท นำเสนอข้อมูลเชิงลึก เราเชื่อในพลังของวิธีการเลือกสินค้าที่มีข้อมูลครบถ้วน เราเป็นมากกว่าเว็บไซต์ เราเป็นชุมชนของบุคคลที่มีความกระตือรือร้นซึ่งให้ความสำคัญกับคุณภาพในการค้นหาผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด ซึ่งจะช่วยทำให้โลกของการช้อปปิ้งออนไลน์เป็นประสบการณ์ที่ง่ายและสนุกสนานยิ่งขึ้นสำหรับทุกคน
ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเฉพาะ "วิธีการเลือก" เท่านั้น สินค้าและบริการที่ปรากฏอยู่ในบทความไม่ได้ถูกเลือกโดยผู้เชี่ยวชาญ
สารบัญ
กองทุนรวมหุ้นมีนโยบายการลงทุนอยู่ 2 รูปแบบ แบบแรกคือแบบ Active Fund ผู้จัดการกองทุนจะพยายามบริหารกองทุนให้ทำกำไรเท่ากับหรือมากกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่งมักจะนิยมใช้ดัชนีหุ้นของตลาดหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องเป็นเกณฑ์ เช่นกองทุนรวมหุ้นที่ลงทุนในหุ้นไทยจะนิยมใช้ดัชนี SET50 เป็นเกณฑ์ และเมื่อสภาพตลาดอยู่ในช่วงขาลง ผู้จัดการกองทุนจะปรับเปลี่ยนสัดส่วนการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงและการขาดทุน อย่างไรก็ตาม กองทุนประเภทนี้จะมีค่าธรรมเนียมกองทุนที่สูงค่ะ
กองทุนอีกประเภทก็คือ Passive Fund เป็นกองทุนที่มีลักษณะการบริหารจัดการตรงกันข้ามกับประเภท Active Fund เพราะกองทุนแบบนี้จะเน้นการบริหารทั่วไปโดยให้ลักษณะการลงทุนเป็นไปตามนโยบายลงุทนแรกเริ่ม ไม่มีการปรับเปลี่ยนตามสภาพเศรษฐกิจ ผลตอบแทนที่ได้จะเป็นไปตามดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีข้อดีตรงที่ค่าธรรมเนียมกองทุนต่ำ แต่ต้องควรระวังการลงทุนในช่วงสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ เพราะว่ากองทุนรวมหุ้นแบบนี้จะตกต่ำตามสภาพตลาดนั่นเองค่ะ
กองทุนรวมหุ้นนั้นเปรียบเสมือนเป็นกองกลางที่รวบรวมเงินลงทุนจากนักลงทุนรายย่อยเพื่อนำไปลงทุนในหุ้นเป็นหลัก แต่ละกองทุนจะมีนโยบายที่เหมือนและแตกต่างกันซึ่งนักลงทุนสามารถดูรายละเอียดของแต่ละกองทุนได้จาก Fund Fact Sheet ครับ
โดยภาพรวมแล้ว เราสามารถจำแนกกองทุนรวมหุ้นได้เป็น 4 ประเภทหลักคือ กองทุนรวมหุ้นในประเทศ กองทุนรวมหุ้นต่างประเทศ กองทุนรวมหุ้นตามอุตสาหกรรม และกองทุนรวมหุ้นดัชนี สำหรับนักลงทุนหน้าใหม่นั้น ผมแนะนำว่าควรศึกษาข้อมูลของแต่ละกองทุนให้ดีก่อนลงทุน เพราะกองทุนรวมหุ้นนั้นจัดว่าเป็นกองทุนชนิดที่มีความเสี่ยงสูง เหมาะกับผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจวงจรของตลาดหุ้นและสามารถยอมรับความเสี่ยงที่จะขาดทุนได้
ถึงแม้ว่ากองทุนรวมหุ้นจะให้ผลตอบแทนที่มาก แต่ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกันค่ะ เราจึงจำเป็นต้องศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับกองทุนรวมหุ้นกองนั้น ๆ ให้ดีก่อนการลงทุนเสมอ ดังนั้น เรามาทำความรู้จักกับปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อการเลือกกองทุนกันเลยค่ะ
กองทุนรวมหุ้นแต่ละกองนั้นมีความแตกต่างกันตามนโยบายหรือรูปแบบของการลงทุน ซึ่งจะส่งผลให้ได้ผลตอบแทนที่แตกต่างกันออกไปนั่นเองค่ะ และวันนี้เราขอแนะนำประเภทของกองทุนรวมหุ้นให้ทุกคนได้ศึกษา ดังต่อไปนี้ค่ะ
กองทุนรวมหุ้นที่เน้นลงทุนภายในประเทศ มีทั้งกองทุนหุ้นในประเทศที่เน้นลงทุนในหุ้นพื้นฐานดี หรือหุ้นขนาดใหญ่ มักเป็นธุรกิจที่มีความมั่นคงแล้วในระดับหนึ่ง เหมาะกับคนที่ต้องการกำไรจากการจ่ายเงินปันผล และอีกแบบคือ กองทุนรวมหุ้นในประเทศแบบที่เน้นลงทุนในหุ้นขนาดเล็กที่มีการเติบโตสูง แต่ก็มีความผันผวนทางด้านราคา ซึ่งเหมาะกับคนที่ต้องการกำไรจากส่วนต่างของราคาจากการขายคืนหน่วยลงทุนนั่นเองค่ะ นอกจากนี้ กองทุนประเภทนี้ยังลงทุนง่าย และสะดวกต่อการหาข้อมูลประกอบการตัดสินใจก่อนการลงทุน เพราะสินทรัพย์ที่กองทุนรวมหุ้นประเภทนี้ถืออยู่ส่วนใหญ่จะเป็นสินทรัพย์ภายในประเทศค่ะ
สำหรับกองทุนรวมหุ้นในประเทศนั้นจัดอยู่ในกลุ่มที่นักลงทุนสามารถหาข้อมูลและติดตามข่าวสารได้ง่าย ซึ่งกองทุนรวมหุ้นในประเทศนั้นมีให้เลือกหลากหลาย เช่น กองทุนที่เลือกลงทุนเฉพาะในกลุ่มหุ้นพื้นฐานดีและมีอัตราการเติบโตที่มั่นคง หรือกองทุนที่เลือกลงทุนในหุ้นบริษัทขนาดกลางที่มีโอกาสเติบโตสูงในอนาคต จากที่ยกตัวอย่างมา แม้ว่าจะเป็นกองทุนรวมหุ้นที่ลงทุนในประเทศเดียวกัน แต่ก็จะมีความผันผวนที่แตกต่างกันค่อนข้างสูง เพราะฉะนั้น นักลงทุนจึงควรที่จะศึกษานโยบายของแต่ละกองทุนและทำความเข้าใจให้ดีก่อนลงทุนด้วยนะครับ
เป็นกองทุนที่เน้นการลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน เนื่องจากหุ้นต่างประเทศบางตัวเป็นหุ้นที่มีพื้นฐานดีและมีการเติบโตสูง อาจให้กำไรที่ค่อนข้างมากกว่าการลงทุนภายในประเทศเพียงอย่างเดียว แต่นอกจากผลตอบแทนที่มากขึ้นแล้ว การลงทุนกับกองทุนรวมหุ้นต่างประเทศนั้นถือเป็นการกระจายการลงทุนออกนอกประเทศเพื่อลดความเสี่ยงจากเศรษฐกิจภายในประเทศ เพราะแต่ละประเทศก็มีสภาวะเศรษฐกิจที่แตกต่างกันออกไป แต่การลงทุนในกองทุนรวมประเภทนี้ก็จะมีความเสี่ยงในเรื่องของอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเกิดขึ้นนั่นเองค่ะ
กองทุนรวมหุ้นต่างประเทศจะมีทั้งแบบที่นำเงินไปลงทุนในหุ้นประเทศใดประเทศหนึ่งโดยเฉพาะ เช่น สหรัฐอเมริกา จีน หรือเวียดนาม และยังมีกองทุนรวมหุ้นที่ลงทุนในหุ้นในหลาย ๆ ประเทศรวมอยู่ในกองทุนเดียว สำหรับกองทุนรวมต่างประเทศนั้นจะมีทั้งกองทุนรวมที่นำเงินไปลงทุนในต่างประเทศเอง และกองทุนที่นำเงินไปลงทุนผ่านกองทุนในประเทศนั้น ๆ อีกที หรือที่เราจะเรียกกันว่า Fund of Funds ซึ่งสำหรับกองทุนแบบ Fund of Funds นั้นจะมีข้อดีคือผู้ดูแลกองทุนจะมีความเชี่ยวชาญในการลงทุน ณ ประเทศนั้น ๆ มากกว่า แต่ข้อเสียก็คือจะมีค่าใช้จ่ายสองชั้น นั่นคือ ค่าธรรมเนียมจากกองทุนต้นทางและจากกองทุนที่เข้าไปลงทุนครับ
กองทุนรวมหุ้นประเภทนี้จะเป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน อาทิ กลุ่มอุปโภคบริโภค, กลุ่มพลังงาน, กลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน, กลุ่มธุรกิจการเงิน แต่การลงทุนเฉพาะในแต่ละอุตสาหกรรมก็จะมีความผันผวนในการลงุทนแตกต่างกัน ทั้งจากภาวะเศรษฐกิจ สถานการณ์พิเศษ เช่น โรคระบาดอย่าง COVID-19 รวมถึงลักษณะเฉพาะตัวของกลุ่มอุตสาหกรรม และยังมีความเสี่ยงเนื่องจากการลงทุนกระจุกตัวในอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่งอีกด้วยเช่นกันค่ะ ดังนั้น เราควรมีการกระจายความเสี่ยงโดยการลงทุนที่หลากหลายทางอุตสาหกรรมเพิ่มเติมด้วยค่ะ
กองทุนรวมหุ้นตามกลุ่มอุตสาหกรรมนั้นจะเน้นลงทุนเฉพาะเจาะจงแค่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียว ที่นิยมกันในช่วงที่ผ่านมาก็เช่น กลุ่ม Healthcare, Technology และที่น่าจะกำลังเป็นกระแสร้อนแรงในช่วงนี้ก็คือ กลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโลกเสมือน หรือ Metaverse นั่นเอง สำหรับกองทุนรวมหุ้นตามกลุ่มอุตสาหกรรมนั้นจัดว่าเป็นกองทุนรวมที่มีความเสี่ยงสูงมาก เนื่องจากการลงทุนจะไปกระจุกตัวแต่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียว ซึ่งหากกลุ่มอุตสาหกรรมนั้นได้รับผลกระทบทางลบ ก็จะส่งผลให้หุ้นในกลุ่มนั้นติดลบพร้อมกันหมดทั้งกลุ่มเลยนั่นเอง
เป็นการลงทุนที่เน้นให้ได้ผลตอบแทนที่ใกล้คียงกับดัชนีตลาดหุ้นของแต่ละประเทศ โดยส่วนใหญ่จะเป็นกลยุทธ์การบริหารกองทุนแบบ Passive Fund เช่นตามดัชนี SET 50 หรือ SET 100 ซึ่งเราจะไม่มีทางทำกำไรได้มากกว่าดัชนีของตลาดนั่นเองค่ะ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการลงทุนแบบที่รับความเสี่ยงได้ปานกลางถึงสูง แต่ผลตอบแทนก็อาจจะไม่ได้มากเท่ากองทุนที่เป็นแบบ Active Fund ค่ะ ข้อควรระวังสำหรับกองทุนรวมหุ้นดัชนีคือ ในสภาวะตลาดขาลง กองทุนที่เป็นแบบ Passive Fund ก็มีโอกาสปรับตัวลงได้มาก แต่ข้อดีคือมีค่าธรรมเนียมที่ถูกกว่ากองทุนรวมหุ้นแบบอื่น ๆ ค่ะ
สำหรับกองทุนรวมดัชนีหุ้น ถ้าแบบใกล้ตัวและเห็นได้บ่อย ๆ ก็จะเป็นกองทุนรวม SET 50 หรือ SET 100 ที่จะลงทุนเฉพาะหุ้น 50 หรือ 100 อันดับแรกบนกระดานแลกเปลี่ยนของ SET (Stock Exchange of Thailand) นั่นเอง กองทุนรวมประเภทนี้ความเสี่ยงจะน้อยกว่ากองทองรวมหุ้นประเภทอื่นเล็กน้อย เพราะว่าหุ้น 100 อันดับแรก จัดว่าเป็นหุ้นที่มีความต้องการในตลาดสูง และแต่ละบริษัทจัดว่าเป็นบริษัทที่มั่นคงและมีแนวโน้มในการเติบโตที่ดีครับ
การพิจารณาดูผลการดำเนินการและผลตอบแทนย้อนหลังในอดีต จะสะท้อนถึงสภาพตลาดที่มีต่อกองทุนรวมหุ้น รวมถึงยังช่วยให้เราเห็นถึงความสามารถของผู้จัดการกองทุนในการบริหารความเสี่ยง ซึ่งผลงานที่ผ่านมาจะเป็นตัวช่วยคาดการณ์ผลตอบแทนที่เป็นไปได้ในอนาคต เพื่อให้เหมาะสมกับเป้าหมายการลงทุนของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนระยะสั้น ไม่เกิน 5 ปี หรือการลงทุนระยาวกว่า 5 ปีนั่นเองค่ะ
และถึงแม้ว่าผลการดำเนินงานจะไม่สามารถบอกอนาคตได้ว่ากองทุนรวมหุ้นนี้จะดีไปตลอด แต่ก็เป็นข้อมูลสำคัญที่บอกแนวโน้มการทำกำไรอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงเป็นตัวบ่งชี้ทิศทางสภาพตลาดในอนาคตอีกด้วยค่ะ และด้วยภาวะตลาดและปัจจัยต่าง ๆ ที่ส่งผลให้ผลตอบแทนที่ได้ในแต่ละปีนั้นมีการเปลี่ยนแปลงไม่เท่ากัน ดังนั้นเราจึงต้องพิจารณาถึงผลกระทบที่มีต่อกองทุนนั้นด้วย เพื่อให้เราเลือกกองทุนที่มีผลตอบแทนที่ดีและสม่ำเสมอได้นั่นเองค่ะ
แม้ว่าการศึกษานโยบายลงทุนของแต่ละกองทุนรวมนั้นทำให้เราเข้าใจได้ว่าแต่ละกองทุนจะนำเงินของเราไปลงทุนในอะไร แต่สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือการตรวจสอบผลการดำเนินงานย้อนหลังของแต่ละกองทุนรวมด้วย ซึ่งข้อมูลส่วนนี้ก็สามารถหาดูได้จาก Fund Fact Sheet เช่นกันครับ และแน่นอนว่าผลการดำเนินงานในอดีต ไม่สามารถการันตีผลตอบแทนในอนาคตได้ แต่อย่างน้อยเราก็ยังพอที่จะสามารถคาดการณ์และเห็นภาพของความผันผวนในแต่ละกองทุนได้นั่นเอง
สินค้า | รูปภาพ | ราคาต่ำสุด | คะแนน | |
---|---|---|---|---|
1 | SCB Asset Management กองทุนรวมหุ้น กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ แพลทตินัม โกลบอล ฟันด์ | ![]() | กระจายพอร์ตในกลุ่มธุรกิจสำคัญ เน้นลงทุนในประเทศพัฒนาแล้ว | |
2 | One Asset management กองทุนรวมหุ้น กองทุนเปิดวรรณ อัลติเมท โกลบอล โกรว์ธ | ![]() | ลงทุนในหุ้นเติบโตทั่วโลก แสดงผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง | |
3 | Krungthai Asset Management กองทุนรวมหุ้น กองทุนเปิดเคแทม ไชน่า เอแชร์ อิควิตี้ ฟันด์ | ![]() | กองทุนเน้นการเติบโตของจีน ลงทุนกองใหญ่ในกลุ่มธุรกิจพื้นฐาน | |
4 | Principal Asset Management กองทุนรวมหุ้น กองทุนเปิดพรินซิเพิล เวียดนาม อิควิตี้ A | ![]() | ขยายโอกาสทำกำไรกับตลาดเติบโตในเวียดนาม ผลงานโตน่าดึงดูด | |
5 | Kasikorn Asset Management กองทุนรวมหุ้น กองทุนเปิดเค โกลบอล เฮลท์แคร์ หุ้นทุน Unhedged | ![]() | เน้นกลุ่มยาและเทคโนโลยีสุขภาพ ใช้แผน Feeder Fund กองเดียว | |
6 | TMB Asset Management กองทุนรวมหุ้น กองทุนเปิด ทหารไทย US500 Equity Index | ![]() | เน้นลงทุนตามหุ้นตัวท็อปในดัชนี S&P 500 เติบโตตามเศรษฐกิจ | |
7 | BBL Asset Management กองทุนรวมหุ้น กองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลอินโนเวชั่นและเทคโนโลยี | ![]() | เติบโตรวดเร็ว เน้นลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีและนวัตกรรมระดับโลก | |
8 | We Asset Management กองทุนรวมหุ้น กองทุนเปิด วี อีโวลูชั่น ออฟ เซมิคอนดักเตอร์ | ![]() | ลงทุนในบริษัท Semiconductors ทั่วโลก เน้นลงทุนบริษัทมีชื่อเสียง | |
9 | Krungsri Asset Management กองทุนรวมหุ้น กองทุนเปิด กรุงศรีโกลบอลเทคโนโลยีอิควิตี้ | ![]() | หุ้นเทคโนโลยีทั่วโลก ปรับเปลี่ยนแผนการลงทุนอย่างรวดเร็ว | |
10 | Tisco Asset Management กองทุนรวมหุ้น กองทุนเปิด ทิสโก้ สแตรทิจิก ฟันด์ | ![]() | ลงทุนในหุ้นไทยพื้นฐานแข็งแกร่ง วางแผนกลยุทธ์สู้ทุกสถานการณ์ |
SCBPGF เป็นกองทุนที่มีจุดเด่นด้านการลงทุนในหลากหลายธุรกิจที่สำคัญ ซึ่งในปัจจุบันจะเฉลี่ยการลงทุนที่กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ธุรกิจสุขภาพ และสาธารณูปโภคเป็นสัดส่วนใกล้เคียงคัน กองทุนนี้บริหารงานแบบ Passive เนื่องจากเป็นกองทุนแบบ Feeder Fund ที่ลงทุนในกองทุนรวมตราสารทุนต่างประเทศอีกทอดหนึ่ง สร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเหล่านี้ในประเทศพัฒนาแล้ว ซึ่งช่วยสร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนเพื่อผลตอบแทนระยะยาวมากขึ้นอีกด้วยค่ะ
กองทุนที่เป็นที่พูดถึงสำหรับใครหลาย ๆ คนในตอนนี้เลยก็ว่าได้ สำหรับกองทุน ONE-UGG-RA ที่มีกองทุนหลักคือ Baillie Gifford Long Term Global Growth Fund บริหารโดย Baillie Gifford เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนแบบมีความเสี่ยงในต่างประเทศ ซึ่งจะเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทที่มีนวัตกรรม เทคโนโลยี และการเติบโตสูงในอนาคต โดยทรัพย์สินส่วนใหญ่ที่ลงทุนจะเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมประเภท Consumer Services, Technology และ Consumer Goods ถือว่าเป็นกองทุนที่มีแนวโน้มสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวค่ะ
กองทุน KT-Ashares เป็น Feeder Fund ที่ลงทุนในกองทุน Allianz China A-Shares เป็นหลัก ซึ่งกองทุนนี้มีจุดเด่นที่การลงทุนจะมุ่งเน้นไปยังกลุ่มหุ้นพื้นฐานที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในจีน เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มภาคธุรกิจการเงินและการธนาคาร ซึ่งเป็นกลุ่มหุ้นที่มีการผันผวนในตลาดที่ไม่สูงเกินไป และกองทุน KT-Ashares เน้นการอิงการบริหารของกองทุน Allianz ซึ่งเป็นแบบ Active ที่เน้นการทำกำไรในช่วงตลาดขาขึ้นนั่นเองค่ะ
เวียดนามเป็นประเทศที่กำลังเติบโตในแง่ของตลาดหุ้นเป็นอย่างมาก เพราะว่าเวียดนามมีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูง มีค่า P/E ที่ต่ำ ซึ่งสะท้อนโอกาสในการเติบโตได้มากกว่านี้ในอนาคต ซึ่งกองทุนรวมหุ้น PRINCIPAL VNEQ-A นั้นเน้นการลงทุนในกองทุนต่างประเทศที่มีสัดส่วนลงทุนในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และธุรกิจด้านความปลอดภัย ซึ่งเป็นหัวใจของการเติบโตในเวียดนาม ณ ขณะนี้ ซึ่งกองทุนนี้ที่เปิดเมื่อ 4 ปีก่อนก็ยังคงทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง เป็นหนึ่งในกองทุนที่น่าจับตามองมากค่ะ
กองทุน K-GHEALTH แบบ Unhedge หรือแบบที่ไม่ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน จะเน้นการทุ่มเงินกองทุนลงกับกองทุน Global Healthcare ของ JPMorgan เพื่อสร้างโอกาสเติบโตที่สูงกว่าทั่วไป เน้นกลุ่มอุตสาหกรรมยา เทคโนโลยีชีวภาพ และเทคโนโลยีด้านสุขภาพ มีพอร์ตที่โดดเด่นด้านผลกำไรในอดีตที่มากกว่า 39% นับตั้งแต่ตั้งกองทุน ซึ่งหากใครสนใจลงทุนในบริษัทดังอย่างเช่น AstraZeneca Bristol-Myers Squibb Johnson&Johnson หรือ Pfizer ก็ถือว่าน่าสนใจมากเลยค่ะ
S&P 500 เป็นดัชนีหุ้นในสหรัฐอเมริกาที่คัดบริษัท 500 อันดับจากตลาดหุ้นอื่น ๆ ที่ใหญ่ที่สุดตามมูลค่าตลาดมาจัดอันดับและดัชนี ดังนั้น หุ้นที่อยู่ในดัชนี้ S&P 500 จึงเป็นที่น่าจับตามองและน่าลงุทนทั้งทางตรงและทางอ้อมเสมอ TMBAM จึงเลือกลงทุนแบบ Feeder Fund ในกองทุนต่างประเทศที่ลงทุนในกลุ่มหุ้น S&P 500 เพิ่มโอกาสทำกำไรตามการเติบโตของบริษัทชั้นนำมากมาย เช่น Microsoft Apple Meta (เดิมเรียก Facebook) Alphabet Amazon เป็นต้นค่ะ
ใครที่กำลังมองหากองทุนรวมหุ้นที่ลงทุนแบบเฉพาะเจาะจงในหมวดอุตสาหกรรม เราขอแนะนำกองทุนรวมหุ้นที่เน้นลงทุนกับอุตสาหกรรมประเภทเทคโนโลยี อย่างกองทุนรวมหุ้น B-INNOTECH โดยมีกองทุนหลักคือ Fidelity Funds - Global Technology Fund ซึ่งมีนโยบายการลงทุนในบริษัทชั้นนำทั่วโลก ที่มีการพัฒนาด้านผลิตภัณฑ์ กระบวนการ และบริการ เพื่อความก้าวหน้าในการพัฒนาทางเทคโนโลยี ใครที่อยากลงทุนในหุ้นเทคระดับโลกอย่างเช่น Apple, Samsung Electronics และ Microsoft กองทุนนี้ถือว่าเป็นตัวเลือกการลงทุนที่ดีทีเดียวค่ะ
กองทุน WE-EVOSEMI เป็นกองทุนที่เพิ่งเปิดตัวในปี 2021 ที่มีนโยบายการลงทุนที่มุ่งเน้นในกลุ่มอุตสาหกรรมผู้ผลิตชิปและอุปกรณ์ Semiconductor โดยผ่านการลงทุนในตราสารทุนด้าน Semiconductor ในต่างประเทศ ได้แก่กองทุน VANECK SEMICONDUCTOR และ INVESCO DYNAMIC SEMICONDUCTOR ETF โดยมีสัดส่วนธุรกิจในสหรัฐอเมริกา ไต้หวัน และยุโรปเป็นหลัก ตัวอย่างธุรกิจที่มีชื่อเสียงได้แก่ Taiwan Semiconductor Manufacturing รวมถึง Nvidia และ Intel ซึ่งมีผลประกอบการที่โดดเด่นมากค่ะ
กองทุนที่มีนโยบายการลงทุนที่ชัดเจนในเรื่องของเทคโนโลยี มีแผนการลงทุนที่ปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์โลกอย่างรวดเร็ว โดยมีกองทุนหลักคือ T.Rowe Price Funds Sicav - Global Technology Equity Fund ที่เน้นลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวกับการพัฒนาหรือใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีของบริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยีทั่วโลก รวมถึงตลาดเปิดใหม่ด้วย บริษัทชั้นนำที่หลายคนรู้จักก็อย่างเช่น Alibaba ซึ่งเป็นหุ้นเทคโนโลยีของจีนที่ดีที่สุดตัวหนึ่งเลยก็ว่าได้ นอกจากนี้ ยังมี Netflix บริการสตรีมมิ่งที่มีผู้ใช้งานทั่วโลกอีกด้วย ถือว่าเป็นกองทุนที่น่าสนใจในระดับหนึ่งเลยค่ะ
ในภาวะตลาดเศรษฐกิจไทยที่เหมือนว่าจะเป็นขาลง แต่ก็ยังมีกองทุนรวมหุ้นไทยที่สร้างผลการดำเนินงานได้อย่างโดดเด่น นั่นก็คือ กองทุนรวมหุ้น TSF-A นั่นเองค่ะ ซึ่งมีนโยบายการลงทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นไทยที่มีโอกาสเติบโตสูงและมีพื้นฐานดี เช่น หุ้นกลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์, หุ้นกลุ่มปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ และหุ้นกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีกลยุทธ์การลงทุนที่ปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสถานการณ์อยู่เสมอ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว จากผลการดำเนินงานที่ผ่านมานับว่าเป็นกองทุนรวมหุ้นไทยที่แข็งแกร่งทีเดียวค่ะ
สำหรับนักลงทุนมือใหม่หลาย ๆ คน อาจจะเกิดข้อสงสัยหรือคำถามเกี่ยวกับกองทุนรวมหุ้นประเภทนี้อยู่ ในวันนี้ เราจึงมีคำตอบและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญมาฝากกันค่ะ
อันดับที่ 1: SCB Asset Management|กองทุนรวมหุ้น กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ แพลทตินัม โกลบอล ฟันด์
อันดับที่ 2: One Asset management|กองทุนรวมหุ้น กองทุนเปิดวรรณ อัลติเมท โกลบอล โกรว์ธ
อันดับที่ 3: Krungthai Asset Management|กองทุนรวมหุ้น กองทุนเปิดเคแทม ไชน่า เอแชร์ อิควิตี้ ฟันด์
อันดับที่ 4: Principal Asset Management |กองทุนรวมหุ้น กองทุนเปิดพรินซิเพิล เวียดนาม อิควิตี้ A
อันดับที่ 5: Kasikorn Asset Management|กองทุนรวมหุ้น กองทุนเปิดเค โกลบอล เฮลท์แคร์ หุ้นทุน Unhedged
คลิกที่นี่สำหรับการจัดอันดับคำบรรยายสินค้าแต่ละรายการอ้างอิงจากเนื้อหาที่แสดงในเว็บไซต์ผู้ผลิต แบรนด์ และเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ
เครื่องดื่ม
วัสดุก่อสร้าง, เครื่องมือและอุปกรณ์ช่าง
สวนและอุปกรณ์ในสวน
ความงาม, ของใช้ส่วนตัว
โน้ตบุ๊ก, PC, อุปกรณ์ไอที
ของใช้ในบ้าน, อุปกรณ์ในบ้าน
เครื่องใช้ไฟฟ้า
กล้อง
เครื่องสำอาง, สกินแคร์
สุขภาพ
อาหาร
เครื่องใช้ในครัว
แฟชั่น
รองเท้า
นาฬิกา, เครื่องประดับ
แม่และเด็ก
เฟอร์นิเจอร์, อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน
งานอดิเรก
กิจกรรมกลางแจ้ง
DIY, เครื่องเขียน, อุปกรณ์สำนักงาน
กีฬา
สัตว์เลี้ยง
หนังสือ
เกม
รถยนต์, รถจักรยานยนต์, อุปกรณ์เสริม
ของขวัญ, ของฝาก
ท่องเที่ยว
สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, อุปกรณ์เสริม
เครือข่ายมือถือ
การลงทุน
เครดิตการ์ด, สินเชื่อ, ประกัน
ดนตรี, เครื่องเสียง
แอปพลิเคชัน, โปรแกรม
บริการ