เพราะความแน่นอนคือความไม่แน่นอนของชีวิต คนไทยกว่า 90% เป็นลูกจ้าง พนักงานกินเงินเดือน ดังนั้น หลายคนจึงต้องมองหาความมั่นคงหลังวัยเกษียณ เช่น การนำเงินไปลงทุนในกองทุน ซึ่งกองทุนในปัจจุบันมีหลายร้อยกองทุน แต่ละกองทุนก็ถูกแยกย่อยออกเป็นหลายประเภท และกองทุนที่ตอบโจทย์เรื่องความมั่นคงหลังเกษียณที่สุดนั่นก็คือ “กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ” ที่มีประโยชน์ต่อลูกจ้างและทุกคนควรมี
อย่างไรก็ตาม การจะเลือกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้เหมาะสมกับการออมเงินนั้นอาจไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับการลงทุนมาก่อน วันนี้เราจะขอพาทุกคนไปรู้จักกับกองทุนสํารองเลี้ยงชีพถึงวิธีการเลือกกองทุนสํารองเลี้ยงชีพให้ดียิ่งขึ้น พร้อมคำแนะนำจากนักวางแผนการเงิน และพลาดไม่ได้กับ 10 กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ แนะนำ
Top 5 กองทุนสํารองเลี้ยงชีพ
MFC Asset Management
พอร์ตกองใหญ่ในกลุ่มการเงิน เทคโนโลยี เน้นลงทุนตราสารทุน
Kasikorn Asset Management
เน้นตราสารหนี้เอกชนเพื่อทำกำไร แต่ใช้พันธบัตรรัฐลดความเสี่ยง
Tisco Asset Management
เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้น มีประวัติผลตอบแทนที่ดี
UOB Asset Management
รักษาเงินต้นพร้อมผลตอบแทนที่คาดการณ์ได้และสภาพคล่องสูง
คุณปอยเรียนจบปริญญาตรีสาขาบริหารธุรกิจ จาก Assumption University และปริญญาโทจาก Northumbria University สาขา Design Management จากประเทศอังกฤษ หลังจากเริ่มทำงานคุณปอยเริ่มมีความสนใจเกี่ยวกับการเงิน การวางแผนภาษี รวมไปถึงการลงทุนในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกองทุนรวมและประกันชีวิต จึงเริ่มศึกษาหาประสบการณ์ด้านนี้โดยตรงผ่านการเรียนคอร์สต่าง ๆ และเข้าอบรม รวมทั้งสั่งสมประสบการณ์ในการทำงานเป็นนักวางแผนการเงินมืออาชีพอิสระมามากว่า 4 ปี ปัจจุบันคุณปอยมีใบอนุญาตเป็นผู้แนะนำการลงทุนในประเทศไทยและมีลูกค้าภายใต้การดูแลไม่ต่ำกว่า 50 คน สำหรับประเภทของแผนการเงินที่คุณปอยมีความชำนาญเป็นพิเศษ ได้แก่ แผนการออมเพื่อการเกษียณอายุ แผนการออมเพื่อการลดหย่อนภาษี แผนการออมเพื่อการศึกษาบุตรและแผนการเงินเพื่อการส่งต่อมรดก
มายเบสท์ เว็บไซต์แนะนำสินค้าที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 4 ล้านคนต่อเดือน หัวใจของภารกิจของเราคือ ความมุ่งมั่นที่จะให้คำแนะนำที่น่าเชื่อถือได้ เราได้รับการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญในหมวดหมู่สินค้าที่หลากหลาย การเดินทางของเราเริ่มต้นด้วยวิสัยทัศน์ที่เรียบง่าย เพื่อสร้างแพลตฟอร์มที่ผู้บริโภคสามารถค้นหาคำแนะนำผลิตภัณฑ์ที่น่าเชื่อถือได้ และใช้งานได้จริง เราเข้าใจดีว่า การตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภคมีความต้องการที่แตกต่างกัน นั่นเป็นเหตุผลที่เราทุ่มเทในการนำเสนอคำแนะนำที่ชัดเจน กระชับ มีการวิจัยมาเป็นอย่างดี และตรวจสอบความถูกต้องโดยผู้เชี่ยวชาญ ทีมงานของเราประกอบด้วยบรรณาธิการและผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในหมวดหมู่ต่าง ๆ เจาะลึกลงไปในผลิตภัณฑ์แต่ละประเภท นำเสนอข้อมูลเชิงลึก เราเชื่อในพลังของวิธีการเลือกสินค้าที่มีข้อมูลครบถ้วน เราเป็นมากกว่าเว็บไซต์ เราเป็นชุมชนของบุคคลที่มีความกระตือรือร้นซึ่งให้ความสำคัญกับคุณภาพในการค้นหาผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด ซึ่งจะช่วยทำให้โลกของการช้อปปิ้งออนไลน์เป็นประสบการณ์ที่ง่ายและสนุกสนานยิ่งขึ้นสำหรับทุกคน
ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเฉพาะ "วิธีการเลือก" เท่านั้น สินค้าและบริการที่ปรากฏอยู่ในบทความไม่ได้ถูกเลือกโดยผู้เชี่ยวชาญ
สารบัญ
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพมีชื่อภาษาอังกฤษว่า Provident Fund หรือ “PVD” เกิดจาก “เงินสะสม” ของลูกจ้างและ “เงินสมทบ” นายจ้าง โดยลูกจ้างสามารถเลือกสะสมได้ตั้งแต่ 2% - 15% ของเงินเดือน และนายจ้างจะต้องใส่เงินสมทบไม่ต่ำกว่าอัตราเงินสะสมของลูกจ้าง กองทุนสำรองเลี้ยงชีพมีจุดประสงค์เพื่อการใช้ชีวิตหลังเกษียณ ถือเป็นสวัสดิการที่บริษัทนายจ้างมีให้กับลูกจ้างเพื่อเอาไว้ดึงดูดให้ลูกจ้างทำงานอยู่ด้วยนาน ๆ
ซึ่งในระหว่างที่เงินอยู่ในกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนหรือ บลจ. จะนำเงินไปลงทุนในผลิตภัณฑ์การเงินประเภทต่าง ๆ เพื่อสร้างผลกำไร หลังจากนั้นจึงนำมาเฉลี่ยคืนให้กับสมาชิกกองทุนที่เรียกว่า “ผลประโยชน์ของเงินสะสม” หรือ “ผลประโยชน์ของเงินสมทบ” นั่นเองค่ะ ซึ่งรายละเอียดของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพนั้นจะมีรายละเอียดที่แตกต่างกันไปในแต่ละบริษัท แนะนำว่าควรสอบถามรายละเอียดกับฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) เพราะบางบริษัทจะมีข้อกำหนดว่าต้องทำงานครบ 5 ปีถึงจะได้เงินในส่วนที่นายจ้างสบทบให้กับลูกจ้าง
ประโยชน์ของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพนั้น หลัก ๆ เลยก็คือ ช่วยให้ลูกจ้างได้เก็บออมเงินและนำเงินไปลงทุนเพื่อใช้หลังเกษียณอายุครับ สิ่งที่ดึงดูดของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพคือนายจ้างจะช่วยสบทบเงินอีกเท่าหนึ่งให้กับลูกจ้างด้วย (ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของแต่บริษัท)
อีกทั้งยังเป็นหลักประกันให้แก่ครอบครัวของลูกจ้างเมื่อลูกจ้างเสียชีวิต นอกเหนือจากนั้น การออมเงินไว้ในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพยังทำให้ลูกจ้างมีวินัยในการออมเงินเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับวัยเกษียณ และสามารถนำเงินในส่วนที่ลงทุนไปหักลดหย่อนภาษีได้อีกด้วยค่ะ
แม้ว่ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพนี้จะดูมีประโยชน์เป็นอย่างมากกับพนักงานและลูกจ้าง อย่างไรก็ตาม หากต้องการเลือกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพสักกองให้เหมาะกับตัวเอง เราก็มีวิธีการเลือกมาฝากทุกคนดังนี้
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพนั้นจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ “กองทุนเดี่ยว” และ “กองทุนร่วม” ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่านายจ้างของเรามีการจัดตั้งกองทุนแบบไหนซึ่งแต่ละแบบก็จะมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป
“กองทุนเดี่ยว” เป็นกองทุนที่มีนายจ้างเพียงรายเดียวในกองทุน ซึ่งมีผลดี คือ สามารถแก้ไขข้อบังคับกองทุนรวมถึงนโยบายต่าง ๆ ได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องขอความเห็นชอบจากนายจ้างรายอื่น จึงมีความคล่องตัวสูง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นกองทุนของนายจ้างเพียงผู้เดียว นายจ้างจึงต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายด้วยตนเองทั้งหมด กองทุนประเภทนี้จึงเหมาะกับองค์กรขนาดใหญ่ที่มีเงินจำนวนมากค่ะ
“กองทุนร่วม” เป็นกองทุนที่มีนายจ้างจากบริษัทรายย่อยหลายรายรวมกัน โดยนำเอาเงินกองทุนที่มีไม่มากมารวมกันจนเป็นก้อนใหญ่ทำให้สามารถลงทุนในสินทรัพย์ได้หลากหลาย ทั้งยังมีค่าใช้จ่ายไม่สูงเพราะสามารถเฉลี่ยค่าใช้จ่ายรวมกันกับนายจ้างรายอื่นได้ อย่างไรก็ตาม กองทุนประเภทนี้จะสามารถเปลี่ยนแปลงข้อบังคับและนโยบายการลงทุนได้ยากกว่าประเภทแรก เนื่องจากจำเป็นต้องผ่านการเห็นชอบจากนายจ้างทุกคนก่อนนั่นเอง
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพแต่ละกองมีนโยบายไม่เหมือนกัน ทำให้ระดับความเสี่ยงและผลกำไรมีความแตกต่างกันออกไป ซึ่งบางบริษัทอาจจะมีการเลือกแผนการลงทุนให้ลูกจ้างเลย และลูกจ้างไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแผนการลงทุนได้ ในขณะที่บางบริษัทก็จะมีแผนการลงทุนให้ลูกจ้างได้เลือกเพื่อความเหมาะสมกับความต้องการของแต่ละคนครับ
สำหรับผู้ที่มีภาระผ่อนบ้าน ผ่อนรถหรือมีครอบครัวต้องดูแล อาจต้องการกองทุนความเสี่ยงต่ำที่สามารถรักษาเงินต้นไว้ได้ดี อย่างเช่น กองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ค่อนข้างมาก แต่สำหรับผู้ไม่มีภาระครอบครัว สามารถรับความเสี่ยงได้มากอาจเลือกลงทุนในกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารทุน ยิ่งกองทุนไหนมีอัตราการลงทุนในตราสารทุนสูงก็ยิ่งมีความเสี่ยงสูง หากใครสามารถรับความเสี่ยงได้ไม่มาก เราขอแนะนำให้ลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ค่ะ
สินค้า | รูปภาพ | ราคาต่ำสุด | คะแนน | |
---|---|---|---|---|
1 | MFC Asset Management กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ M-MIDSMALL-PVD กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี มิด สมอล แค็ป | ![]() | พอร์ตกองใหญ่ในกลุ่มการเงิน เทคโนโลยี เน้นลงทุนตราสารทุน | |
2 | Kasikorn Asset Management กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ KPVDFS กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ระยะสั้น | ![]() | เน้นตราสารหนี้เอกชนเพื่อทำกำไร แต่ใช้พันธบัตรรัฐลดความเสี่ยง | |
3 | Tisco Asset Management กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ TBONDPVD กองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตร 1 ปี | ![]() | เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้น มีประวัติผลตอบแทนที่ดี | |
4 | UOB Asset Management กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ TFIFPVD กองทุนเปิด ไทย ตราสารหนี้ | ![]() | รักษาเงินต้นพร้อมผลตอบแทนที่คาดการณ์ได้และสภาพคล่องสูง | |
5 | Land And Houses Fund Management กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ LHDEBTPVD กองทุนเปิด แอล เอช ตราสารหนี้ | ![]() | กองทุนตราสารหนี้ชั้นดี เครดิตดีระดับ A กระจายพอร์ตหลายวงการ | |
6 | Eastspring Investments กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ TMB-ES- PVD-FIX กองทุนเปิดทีเอ็มบี อีสท์สปริง ตราสารหนี้ | ![]() | กองทุนตราสารหนี้ฉายแววเติบโต ผสมรัฐบาลกับห้างและการเงิน | |
7 | SCB Asset Management กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ PVDTPP กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารรัฐตลาดเงิน พลัส | ![]() | กองทุนตลาดเงินที่เน้นทำกำไรจากพันธบัตรรัฐบาลและเงินฝาก | |
8 | Krungthai Asset Management กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ PVDKTSS กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารตลาดเงิน | ![]() | เน้นบริหารการเงินเติบโตต่อเนื่อง มีพอร์ตเป็นพันธบัตรและเงินฝาก | |
9 | Aberdeen Investment กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ABFI-MF PVD กองทุนเปิด อเบอร์ดีน ตราสารหนี้ | ![]() | ผสมสัดส่วนพันธบัตรระยะสั้นและกลาง กระจายไปหุ้นกู้เพิ่มกำไร | |
10 | Bualuang Fund กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ BFPVD กองทุนเปิดบัวหลวงตราสารหนี้ | ![]() | กองทุนมูลค่า 2 หมื่นล้าน ลงทุนทั้งในหุ้นกู้ พันธบัตรและเงินฝาก |
M-MIDSMALL-PVD จากบริษัทจัดการหลักทรัพย์ MFC เป็นกองทุนรวมที่มีเกณฑ์ความเสี่ยงในระดับ 6 เนื่องจากเป็นกองทุนรวมตลาดทุน ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มบริการทางการเงิน เทคโนโลยี ตลอดจนบริการสื่อสาร โดยมีสัดส่วนลงทุนในธนาคารกสิกร เครือร้านอาหารเอ็มเค รวมถึงบริษัทประกันชื่อดังอย่าง TQM อีกด้วย ที่น่าสนใจเป็นพิเศษก็คือผลตอบแทน แม้ว่าในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมาจะมีอัตราตอบแทนติดลบ แต่ในรอบ 1 ปี ผลตอบแทนกลับอยู่ที่ระดับ 8.52% ซึ่งสูงมากในภาวะโรคระบาดค่ะ
กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ระยะสั้น สำหรับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เป็นกองทุนความเสี่ยงประเมินระดับที่ 4 ที่เน้นการลงทุนในตราสารหนี้เป็นหลัก โดยสัดส่วนการลงทุนส่วนใหญ่เป็นหุ้นกู้จากภาคเอกชน และบริหารความเสี่ยงด้วยการถือครองพันธบัตรรัฐบาลประมาณ 22% ของกองทุนทั้งหมดค่ะ โดยตราสารหนี้ที่กองทุนนี้ให้การลงทุนในสัดส่วนสูงที่สุดเป็นของธนาคารอาคารสงเคราะห์ และธุรกิจบัตรเครดิตของธนาคารกรุงศรีอยุธยา ตามมาด้วยบริษ้ทปตท. ซึ่งเป็นกลุ่มทุนที่มีเครดิตในการลงทุนสูงนั่นเองค่ะ
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พันธบัตร 1 ปี ของบริษัทจัดการหลักทรัพย์ทิสโก้ เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทยเป็นหลัก โดยมีสัดส่วนมากถึง 95% ของกองทุนทั้งหมด โดยเป็นกองทุนที่เน้นการลงทุนพันธบัตรระยะสั้น 1 ปี สร้างความมั่นใจให้กับผู้ลงทุนในกองทุนรวมได้ว่าจะมีการประกันความเสี่ยงที่ดี แต่อย่างไรก็ตาม กองทุนนี้ยังได้รับผลจากภาวะเศรษฐกิจได้เช่นกัน ทำให้ผลตอบแทนในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาติดลบเล็กน้อย แต่ผลตอบแทนรอบปีที่ผ่านมายังเพิ่มขึ้น 0.09% ค่ะ
กองทุนเปิด ไทย ตราสารหนี้ เป็นกองทุนตราสารหนี้อีกกองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ที่คล่องตัวสูง ทั้งพันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้ โดยมีที่มาจากทั้งในและต่างประเทศ เน้นกลุ่มผู้ลงทุนที่ต้องการรักษาเงินต้นที่ลงทน พร้อมรับผลตอบแทนในจำนวนเงินที่แน่นอน อีกทั้งยังต้องการลดความเสี่ยงในการลงทุน เนื่องจากกลุ่มตราสารหนี้ที่ลงทุนเป็นกลุ่มคุณภาพดี ทั้งพันธบัตรกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือหุ้นกู้ของกลุ่มธนาคารเองก็ด้วยค่ะ
กองทุนตราสารหนี้ แอลเอช เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในกลุ่มหุ้นกู้ที่มีเครดิตขั้นต่ำระดับ A ขึ้นไป ในสัดส่วนครึ่งหนึ่งของสัดส่วนการลงทุนทั้งหมดค่ะ และในบรรดาการลงทุนทั้งหมด ยังมีพันธบัตรรัฐบาล และหุ้นกู้ภายในประเทศที่มีเครดิตระดับ AAA สูงถึง 42% อีกด้วย นอกจากพันธบัตรของรัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทยแล้ว ยังมีการกระจายพอร์ตการลงทุนไปยังอุตสาหกรรมอื่น ๆ เช่น บริษัทพลังงานบริสุทธิ์ และอสังหาริมทรัพย์อย่าง AP ด้วยเช่นกัน
ความแตกต่างระหว่างกองทุนตราสารหนี้อื่น ๆ กับกองทุนเปิดทีเอ็มบี อีสท์ สปริง คือสัดส่วนการลงทุนในกลุ่มบริษัทเอกชนที่กระจายไปยังภาคส่วนห้างร้านอย่างเครือเซ็นทรัลพัฒนา (CPN) ซึ่งเป็นบริษัทผู้พัฒนาห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล อีกทั้งยังมีการลงทุนในบริษัทเงินติดล้อที่โด่งดังจากวิธีการโฆษณาบริการของบริษัทนั่นเองค่ะ ดังนั้น กองทุนที่อีสท์สปริงบริหารจึงจัดได้ว่าเป็นหนึ่งในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่น่าจับตามองหลังผ่านพันช่วงโรคระบาดเลยทีเดียว
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพจากธนาคารไทยพาณิชย์ เน้นการลงทุนในตราสารจากภาครัฐบาลเป็นหลัก ทั้งตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล หรือตราสารอื่น ๆ ที่มีความน่าเชื่อถือในระดับเดียวกัน ดังนั้น กองทุนนี้จึงมีความเสี่ยงที่ต่ำมาก แม้ว่าจะแลกกับผลตอบแทนที่ต่ำกว่ากองทุนแบบอื่น ๆ แต่ก็ได้ผลตอบแทนที่มั่นคงและคาดการณ์ได้ และผลงานที่ผ่านมาก็สร้างผลตอบแทนอย่างต่อเนื่อง โดยผลตอบแทนตั้งแต่สร้างกองทุนนั้นเพิ่มขึ้นถึง 1.71% อีกด้วยค่ะ
กองทุนเปิดตราสารตลาดเงินจากกรุงไทย มีผลตอบแทนในรอบ 1 ปี ที่ผ่านมาอยู่ที่ 0.26% ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของกองทุนลักษณะเดียวกันที่ 0.3% อีกด้วย โดยกองทุนเปิดตัวนี้จากกรุงไทย จะลงทุนเกือบครึ่งหนึ่งในพันธบัตรรัฐบาลเป็นหลัก และอีกส่วนเป็นเงินฝากธนาคารเพื่อความคล่องตัว ซึ่ง 1 ใน 4 ของกองทุนยังลงทุนในหุ้นกู้ที่มีความน่าเชื่อถือระดับเดียวกันกับพันธบัตรของรัฐบาล และไม่มีนโยบายลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อลดความเสี่ยงค่ะ
โครงสร้างกองทุนเปิด อเบอร์ดีน สำหรับการสำรองเลี้ยงชีพ เป็นกองทุนตราสารหนี้ที่เน้นการลงทุนในพันธบัตรภาครัฐ โดยถือพันธบัตรระยะ 1 - 3 ปี เป็นสัดส่วน 40% และถือครองพันธบัตรระยะสั้นของรัฐบาลอีก 40% พร้อมกับถือครองพันธบัตรของภาคเอกชนที่มีเครดิตระดับ BBB+ อีก 20% ซึ่งเป็นการจัดสรรความเสี่ยงและยังช่วยเพิ่มโอกาสทำกำไรได้อีกด้วยค่ะ กองทุนนี้มีค่าธรรมเนียมในการบริหารจัดการอยู่ที่ 0.3% และยังมีผลการดำเนินงานตั้งแต่ 2019 เพิ่มขึ้น 1.71%
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพจากบลจ.บัวหลวง เป็นหนึ่งในกองทุนมูลค่าสูงถึง 2 หมื่นล้านบาท โดยมีสัดส่วนการลงทุนทั้งหุ้นกู้ พันธบัตรรัฐบาล รวมถึงเงินฝากธนาคาร โดยหุ้นกู้จะเน้นการลงทุนในกลุ่มบริษัทพลังงานและธนาคารในต่างประเทศที่มีเครดิตความน่าเชื่อถือสูง พร้อมทั้งยังถือครองพันธบัตรรัฐบาลในประเทศทั้งของธนาคารประเทศไทยและกระทรวงการคลัง และแม้ว่าจะอยู่ในช่วงขาลง แต่ยังสามารถเพิ่มมูลค่าได้ 0.14% ในรอบ 3 เดือน ซึ่งเป็นสัญญาณเติบโตของกองทุนนั่นเองค่ะ
การได้มีเงินเก็บไว้ใช้หลังเกษียณถือเป็นหนึ่งในความฝันของใครหลายคน แต่สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มทำงานและยังไม่ค่อยเข้าใจระบบกองทุนนี้ก็อาจจะมีข้อสงสัยต่าง ๆ อยู่ ในวันนี้ เราจึงมีคำตอบจากผู้เชี่ยวชาญมาฝากกันค่ะ
สำหรับกฏหมายใหม่ที่ออกมาเมื่อปี 2564 นั้นไม่ได้มีผลกระทบต่อกองทุนสำรองเลี้ยงชีพครับ ซึ่งในรายละเอียดในการลดหย่อนภาษีของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพผู้อ่านสามารถดูรายละเอียดตามด้านล่างเลยครับ
- สามารถหักลดหย่อนได้เมื่อคำนวณเงินได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน ปีละ 10,000 บาท
- สำหรับส่วนที่เกิน 10,000 บาท (แต่ไม่เกิน 15% ของค่าจ้าง และไม่เกิน 490,000 บาท) ได้รับการยกเว้นไม่ต้องนำไปรวมคำนวณเงินได้ เพื่อเสียภาษี
สำหรับผู้ที่มีการลาออกจากงานนั้น หากย้ายไปบริษัทใหม่ที่มีสวัสดิการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเหมือนกันก็สามารถที่จะทำเรื่องย้ายเงินจากกองทุนเก่าไปกองทุนที่ใหม่ได้เลยครับ แต่สำหรับท่านใดที่ย้ายไปบริษัทที่ไม่มีสวัสดิการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพนั้น ควรใช้วิธีการโอนเงินจากเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพไปยังกองทุนรวม RMF ซึ่งจะมีรายละเอียดที่สำคัญตามด้านล่างครับ
- เมื่อย้ายเงินจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพไปยังกองทุนรวม RMF แล้ว ต้องลงทุนต่อเนื่องอย่างน้อย 5 ปี โดยให้นับรวมอายุต่อจากการเป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเดิมก่อนโอนมาเป็นกองทุนรวม RMF
- การถอนเงินออกจากกองทุนรวม RMF สามารถทำได้โดยที่ไม่ต้องเสียภาษีก็ต่อเมื่ออายุครบ 55 ขึ้นไป
- เมื่อย้ายมาลงทุนในกองทุนรวม RMF แล้ว จะไม่สามารถย้ายกลับไปลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพได้อีก
- สามารถปรับเปลี่ยนนโยบายการลงทุน รวมถึงย้ายกองทุนไปยังบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แห่งอื่น ๆ ได้
เมื่อทุกคนได้เริ่มลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพแล้ว เพื่อเป็นการรักษาสิทธิ์และผลประโยชน์ของตัวเอง อย่าลืมติดตามผลการดำเนินงานของกองทุนอย่างต่อเนื่องโดยตรวจสอบจาก “รายงานผลการจัดการกองทุน” และ “ใบแจ้งยอดเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ” ว่ายอดเงินในส่วนต่าง ๆ ตรงกับที่จ่ายไปแล้วหรือไม่ ทั้งยังควรใช้สิทธิ์เลือกตั้งกรรมการกองทุนฝ่ายลูกจ้างเพื่อเลือกตัวแทนที่ดีที่สุดมาช่วยรักษาผลประโยชน์ให้กับเราค่ะ
อันดับที่ 1: MFC Asset Management |กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ M-MIDSMALL-PVD กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี มิด สมอล แค็ป
อันดับที่ 2: Kasikorn Asset Management|กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ KPVDFS กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ระยะสั้น
อันดับที่ 3: Tisco Asset Management|กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ TBONDPVD กองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตร 1 ปี
อันดับที่ 4: UOB Asset Management |กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ TFIFPVD กองทุนเปิด ไทย ตราสารหนี้
อันดับที่ 5: Land And Houses Fund Management|กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ LHDEBTPVD กองทุนเปิด แอล เอช ตราสารหนี้
คลิกที่นี่สำหรับการจัดอันดับคำบรรยายสินค้าแต่ละรายการอ้างอิงจากเนื้อหาที่แสดงในเว็บไซต์ผู้ผลิต แบรนด์ และเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ
เครื่องดื่ม
วัสดุก่อสร้าง, เครื่องมือและอุปกรณ์ช่าง
สวนและอุปกรณ์ในสวน
ความงาม, ของใช้ส่วนตัว
โน้ตบุ๊ก, PC, อุปกรณ์ไอที
ของใช้ในบ้าน, อุปกรณ์ในบ้าน
เครื่องใช้ไฟฟ้า
กล้อง
เครื่องสำอาง, สกินแคร์
สุขภาพ
อาหาร
เครื่องใช้ในครัว
แฟชั่น
รองเท้า
นาฬิกา, เครื่องประดับ
แม่และเด็ก
เฟอร์นิเจอร์, อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน
งานอดิเรก
กิจกรรมกลางแจ้ง
DIY, เครื่องเขียน, อุปกรณ์สำนักงาน
กีฬา
สัตว์เลี้ยง
หนังสือ
เกม
รถยนต์, รถจักรยานยนต์, อุปกรณ์เสริม
ของขวัญ, ของฝาก
ท่องเที่ยว
สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, อุปกรณ์เสริม
เครือข่ายมือถือ
การลงทุน
เครดิตการ์ด, สินเชื่อ, ประกัน
ดนตรี, เครื่องเสียง
แอปพลิเคชัน, โปรแกรม
บริการ