ในยุคที่ดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารต่ำแบบนี้ ทำให้หลายคนเริ่มมองหาช่องทางอื่นในการลงทุนหรือหาที่พักเงินที่จะทำให้เงินงอกเงยมากยิ่งขึ้น ซึ่งมีคนไม่น้อยที่หันมาลงทุนในกองทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับไทยพาณิชย์หรือ SCB เพราะกองทุนของ SCB มีความเป็นมืออาชีพทำให้กองทุนเติบโตอย่างต่อเนื่อง เกิดความมั่นคงและมอบความน่าเชื่อถือต่อนักลงทุน นอกจากนี้ ยังมีกองทุนให้เลือกหลากหลายและสามารถลงทุนได้ง่ายอีกด้วย
แต่สำหรับนักลงทุนมือใหม่ ถ้าหากยังไม่รู้ว่าสไตล์การลงทุนแบบไหนเหมาะกับตัวเองและควรเลือกกองทุน SCB กองไหนถึงจะดี วันนี้เราจะพามาหาคำตอบกันจากวิธีการเลือกกองทุน SCB ซึ่งดูจากประเภทของกองทุน นโยบายและความเสี่ยงต่าง ๆ พร้อมคำแนะนำจากนักวางแผนการเงินโดยเฉพาะ อีกทั้งยังมี 10 กองทุน SCB ที่น่าสนใจมาฝากทุกคนกันด้วย
Top 5 กองทุน SCB
บลจ. ไทยพาณิชย์
กองทุนระดับ 5 ดาว ความเสี่ยงปานกลาง แต่ให้ผลตอบแทนต่อเนื่อง
บลจ. ไทยพาณิชย์
เลือกหุ้นจาก 3 อุตสาหกรรมใหญ่โดยพิจารณาจากตัวชี้วัด CROCI
บลจ. ไทยพาณิชย์
ลงทุนในหุ้นอเมริกาแบบง่าย ๆ ผ่านดัชนีของตลาดหุ้น S&P500
บลจ. ไทยพาณิชย์
ใช้ Nikkei225 เป็นเกณฑ์ในการลงทุน พร้อมรับปันผลต่อเนื่อง
คุณปอยเรียนจบปริญญาตรีสาขาบริหารธุรกิจ จาก Assumption University และปริญญาโทจาก Northumbria University สาขา Design Management จากประเทศอังกฤษ หลังจากเริ่มทำงานคุณปอยเริ่มมีความสนใจเกี่ยวกับการเงิน การวางแผนภาษี รวมไปถึงการลงทุนในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกองทุนรวมและประกันชีวิต จึงเริ่มศึกษาหาประสบการณ์ด้านนี้โดยตรงผ่านการเรียนคอร์สต่าง ๆ และเข้าอบรม รวมทั้งสั่งสมประสบการณ์ในการทำงานเป็นนักวางแผนการเงินมืออาชีพอิสระมามากว่า 4 ปี ปัจจุบันคุณปอยมีใบอนุญาตเป็นผู้แนะนำการลงทุนในประเทศไทยและมีลูกค้าภายใต้การดูแลไม่ต่ำกว่า 50 คน สำหรับประเภทของแผนการเงินที่คุณปอยมีความชำนาญเป็นพิเศษ ได้แก่ แผนการออมเพื่อการเกษียณอายุ แผนการออมเพื่อการลดหย่อนภาษี แผนการออมเพื่อการศึกษาบุตรและแผนการเงินเพื่อการส่งต่อมรดก
มายเบสท์ เว็บไซต์แนะนำสินค้าที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 4 ล้านคนต่อเดือน หัวใจของภารกิจของเราคือ ความมุ่งมั่นที่จะให้คำแนะนำที่น่าเชื่อถือได้ เราได้รับการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญในหมวดหมู่สินค้าที่หลากหลาย การเดินทางของเราเริ่มต้นด้วยวิสัยทัศน์ที่เรียบง่าย เพื่อสร้างแพลตฟอร์มที่ผู้บริโภคสามารถค้นหาคำแนะนำผลิตภัณฑ์ที่น่าเชื่อถือได้ และใช้งานได้จริง เราเข้าใจดีว่า การตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภคมีความต้องการที่แตกต่างกัน นั่นเป็นเหตุผลที่เราทุ่มเทในการนำเสนอคำแนะนำที่ชัดเจน กระชับ มีการวิจัยมาเป็นอย่างดี และตรวจสอบความถูกต้องโดยผู้เชี่ยวชาญ ทีมงานของเราประกอบด้วยบรรณาธิการและผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในหมวดหมู่ต่าง ๆ เจาะลึกลงไปในผลิตภัณฑ์แต่ละประเภท นำเสนอข้อมูลเชิงลึก เราเชื่อในพลังของวิธีการเลือกสินค้าที่มีข้อมูลครบถ้วน เราเป็นมากกว่าเว็บไซต์ เราเป็นชุมชนของบุคคลที่มีความกระตือรือร้นซึ่งให้ความสำคัญกับคุณภาพในการค้นหาผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด ซึ่งจะช่วยทำให้โลกของการช้อปปิ้งออนไลน์เป็นประสบการณ์ที่ง่ายและสนุกสนานยิ่งขึ้นสำหรับทุกคน
ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเฉพาะ "วิธีการเลือก" เท่านั้น สินค้าและบริการที่ปรากฏอยู่ในบทความไม่ได้ถูกเลือกโดยผู้เชี่ยวชาญ
สารบัญ
เนื่องจากธนาคาร SCB มีกองทุนให้เลือกมากมาย และมีกองทุนใหม่มาให้เลือกอยู่เสมอ ดังนั้น เราจึงควรพิจารณาเลือกกองทุนที่เราสนใจโดยสามารถพิจารณาได้จากประเภทการลงทุน ความเสี่ยงที่รับได้ รวมถึงตรวจสอบการจ่ายปันผลและการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุน ดังนี้
อันแรกคุณควรทราบก่อนว่ากองทุนแบ่งเป็นประเภทใดบ้าง ซึ่งกองทุนแต่ละประเภทนั้นจะเหมาะกับผู้ลงทุนที่แตกต่างกันออกไป โดยแบ่งออกเป็น 7 ประเภท ดังนี้
ธนาคาร SCB ในปัจจุบันนั้น ได้จัดตั้งกองทุนรวมขึ้นมาหลากหลายเพื่อให้นักลงทุนได้เลือกสรรตามโจทย์และความต้องการในการวางแผนการเงินของนักลงทุนแต่ละคน ซึ่งนับได้ว่าครอบคลุมตั้งแต่กองทุนรวมที่มีความเสี่ยงต่ำไปจนถึงกองทุนรวมที่มีความเสี่ยงสูง สำหรับนักลงทุนมือใหม่แล้ว การเลือกลงทุนกับบริษัทใดบริษัทเดียวก็อาจจะเป็นทางเลือกที่ง่ายและไม่ซับซ้อนครับ
หากเราอยากทราบว่ากองทุนที่เราสนใจจะนำเงินของเราไปลงทุนกับอะไรก็ควรตรวจสอบจากนโยบายการลงทุน โดยการลงทุนแบ่งออกเป็น 6 ประเภทใหญ่ ๆ คือ ตราสารเงิน เช่น ดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร, ตราสารหนี้ เช่น พันธบัตรรัฐบาล, ตราสารทุน เช่น การลงทุนในหุ้น, การลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองคำ, การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เช่น ค่าเช่าที่ และสุดท้าย คือ กองทุนแบบผสมซึ่งมีส่วนผสมของกองทุนแต่ละแบบรวมกันอยู่
อย่างไรก็ตาม กองทุน SCB จะมีการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ในกรณีที่ลงทุนในต่างประเทศ ผู้ลงทุนควรอ่านรายละเอียดให้ดีว่า กองทุนหลักที่อยู่ต่างประเทศนั้น ๆ เน้นลงทุนอะไร และมีการบริหารโดยมุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวตามดัชนีชี้วัด (Passive Management) หรือมุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management) เพราะจะมีผลต่อกำไรและผลตอบแทนที่จะได้รับ
เนื่องจากว่าบางประเภทกองทุนของ SCB อาจจะมีมากกว่า 1 กองทุน นักลงทุนจึงจำเป็นที่จะต้องศึกษานโยบายการลงทุนจาก Fund Fact Sheet เพื่อดูว่านโยบายของแต่ละกองทุนต่างกันอย่างไร เช่น กองทุนรวมอุตสาหกรรมก็จำเป็นที่จะต้องศึกษานโยบายว่ากองทุนนั้นเน้นลงทุนในอุตสาหกรรมไหน นอกจากนี้ กองทุนที่มีนโยบายแบบ Active และ Passive ก็จะมีความแตกต่างกัน ซึ่งโดยปกติแล้ว กองทุนแบบ Active จะมีค่าธรรมเนียมการจัดการที่สูงกว่าครับ
ความเสี่ยงและผลตอบแทนของกองทุนถือเป็นของคู่กัน ยิ่งกองทุนไหนมีความเสี่ยงสูงก็มีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูง โดยระดับความเสี่ยงถูกแบ่งออกเป็น 8 ระดับตามประเภทของกองทุน เรียงจากกองทุนที่มีความเสี่ยงน้อยไปมาก คือ กองทุนรวมตลาดเงินในประเทศ กองทุนรวมตลาดเงินต่างประเทศ กองทุนรวมพันธบัตรรัฐบาล กองทุนรวมตราสารหนี้ กองทุนรวมผสม กองทุนรวมตราสารทุน กองทุนรวมตามหมวดอุตสาหกรรม และกองทุนรวมทางเลือกที่มีความเสี่ยงสูงสุดระดับ 8
การประเมินความเสี่ยงที่สามารถรับได้นั้น เบื้องต้นอาจคำนวณจากระยะเวลาการลงทุน เช่น หากเรามีเงินเย็นสำหรับลงทุนได้ตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป ก็สามารถเลือกกองทุนที่มีความเสี่ยงตั้งแต่ระดับ 5 ขึ้นไปได้ แต่หากต้องการนำเงินก้อนนั้นไปลงทุนระยะสั้นแค่ 3 - 6 เดือน เราขอแนะนำให้เลือกกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ ทั้งนี้ หากลงทุนในกองทุนที่มีระดับความเสี่ยงสูงควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือศึกษาให้ดีก่อนการลงทุนนะครับ
ก่อนที่นักลงทุนจะเริ่มลงทุนในกองทุนรวม ก็อย่าลืมทำแบบประเมินความเสี่ยงที่สามารถรับได้หรือ KYC เพื่อประเมินตัวเองก่อนด้วยนะครับ ซึ่งการประเมินความเสี่ยงจะทำให้เราคัดเลือกกองทุนที่เหมาะกับสไตล์การลงทุนของเราได้ง่ายขึ้นนั่นเอง
สำหรับกองทุนที่มีนโยบายการจ่ายปันผลนั้นสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องตรวจสอบประวัติการจ่ายปันผลว่า มีการจ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอหรือไม่ เพราะแสดงให้เห็นว่า ผู้บริหารกองทุนมีความสามารถในการจัดการสัดส่วนการลงทุนเพื่อทำให้เกิดกำไรและนำมาจ่ายปันผลนั่นเอง โดยทุกคนสามารถตรวจสอบประวัติการจ่ายปันผลย้อนหลังได้ที่เว็บไซต์ https://www.scbam.com/th/fund/dividend-and-auto-redemption/
การตรวจสอบผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุน SCB หนังสือชี้ชวนการลงทุนก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน เพราะจะทำให้ทราบถึงผลการดำเนินงานเพื่อนำมาประเมินถึงผลประโยชน์ที่เราจะได้รับจากกองทุนในอนาคตได้ เราขอแนะนำให้ตรวจสอบประวัติการดำเนินงานย้อนหลังในระยะสั้น 3 - 6 เดือน หรือระยะยาว 1 ปี, 5 ปี และ 10 ปี โดยเทียบจากกองทุนประเภทเดียวกัน
สำหรับกองทุนที่จ่ายปันผลจะเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการสร้างกระแสเงินสดเพื่อนำมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ส่วนกองทุนที่ไม่จ่ายปันผลนั้นจะเหมาะกับนักลงทุนระยะยาวที่คาดหวังผลการดำเนินงานแบบมีประสิทธิภาพสูงสุด และอย่าลืมเปรียบเทียบผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุนที่มีนโยบายใกล้เคียงกันก่อนลงทุนด้วยนะครับ
และสำหรับนักลงทุนมือใหม่หลายคนที่ยังไม่รู้จะเริ่มต้นจากการลงทุนแบบไหน ยังไม่มีประสบการณ์ในการวิเคราะห์และตัดสินใจก็สามารถเลือกลงทุนกับกองทุนติดดาวจาก Morningstar ได้ เพราะ Morningstar คือ องค์กรจัดอันดับเปรียบเทียบกองทุนรวมซึ่งจะนำกองทุนที่เปิดมาแล้วเป็นเวลา 3 ปี, 5 ปี หรือ 10 ปี มาเทียบกับกองทุนประเภทเดียวกันเพื่อจัดอันดับ
กองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำและผลตอบแทนสูงสุดจะได้รับคะแนนสูงสุด คือ 5 ดาว ดังนั้น หากเลือกลงทุนกับกองทุนที่ได้รับดาวจาก Morningstar จะสามารถคาดหวังผลตอบแทนและการเติบโตอย่างสม่ำเสมอจากกองทุนนั้น ๆ ได้และสามารถลงทุนระยะยาวได้อย่างอุ่นใจ
การเลือกกองทุนรวมจากการจัดอันดับของ Morningstar นั้นถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุนทั้งมือใหม่และผู้มีประสบการณ์ครับ เพราะการจัดอันดับของ Morningstar นั้นจัดได้ว่ามีความน่าเชื่อถือและไว้ใจได้ครับ
สินค้า | รูปภาพ | ราคาต่ำสุด | คะแนน | |
---|---|---|---|---|
1 | บลจ. ไทยพาณิชย์ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ตราสารหนี้ ระยะสั้นต่างประเทศ (ชนิดสะสมมูลค่า) - SCBFST | ![]() | กองทุนระดับ 5 ดาว ความเสี่ยงปานกลาง แต่ให้ผลตอบแทนต่อเนื่อง | |
2 | บลจ. ไทยพาณิชย์ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ แพลทตินัม โกลบอล ฟันด์ (ชนิดสะสมมูลค่า) SCBPGF | ![]() | เลือกหุ้นจาก 3 อุตสาหกรรมใหญ่โดยพิจารณาจากตัวชี้วัด CROCI | |
3 | บลจ. ไทยพาณิชย์ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นยูเอส (ชนิดสะสมมูลค่า) SCBS&P500A | ![]() | ลงทุนในหุ้นอเมริกาแบบง่าย ๆ ผ่านดัชนีของตลาดหุ้น S&P500 | |
4 | บลจ. ไทยพาณิชย์ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นญี่ปุ่น (ชนิดจ่ายเงินปันผล) - SCBNK225D | ![]() | ใช้ Nikkei225 เป็นเกณฑ์ในการลงทุน พร้อมรับปันผลต่อเนื่อง | |
5 | บลจ. ไทยพาณิชย์ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์โกลบอล อินฟราสตรัคเจอร์ เพื่อการเลี้ยงชีพ - SCBRMGIF | ![]() | ลดหย่อนภาษีได้ เน้นลงทุนในธุรกิจเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลก | |
6 | บลจ. ไทยพาณิชย์ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ เฟล็กซิเบิ้ล SCBFLX | ![]() | กองทุนแบบยืดหยุ่น กระจายการลงทุนไปยังหลากหลายภาคส่วน | |
7 | บลจ. ไทยพาณิชย์ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ SET50 INDEX เพื่อการเลี้ยงชีพ - SCBRMS50 | ![]() | เก็บสะสมเงินก้อนไว้เลี้ยงชีพในระยะยาวด้วยกองทุนหุ้นเด่นของไทย | |
8 | บลจ. ไทยพาณิชย์ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ คอมมอดิตี้ พลัส SCBCOMP | ![]() | ความเสี่ยงสูงแต่มีโอกาสในการสร้างผลตอบแทนแบบก้าวกระโดด | |
9 | บลจ. ไทยพาณิชย์ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ สมาร์ทแพลน 2 (ชนิดเพื่อการออม) - SCBSMART2-SSF | ![]() | กองทุนเพื่อการออม ความเสี่ยงปานกลาง นำไปใช้ลดหย่อนภาษีได้ | |
10 | บลจ. ไทยพาณิชย์ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ออยล์ (ชนิดสะสมมูลค่า) - SCBOIL | ![]() | ทำกำไรมากขึ้นจากสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ มีความเสี่ยงสูง |
กองทุน SCB ตัวนี้ได้รับการการันตี 5 ดาว จาก Morningstar โดยเป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ เน้นการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นจากต่างประเทศที่มีอายุเฉลี่ยไม่เกินกว่า 3 เดือน ซึ่งประเทศหลักที่ออกตราสารหนี้เหล่านี้จะได้แก่สหรัฐอเมริกา กาตาร์ และมาเก๊า ใช้กลยุทธ์การบริหารกองทุนแบบ Active มีตัวชี้วัดคือ BofA Merrill Lynch US 3-month Treasury Bill 100% ที่ปรับด้วยอัตราแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินบาท ณ วันที่คำนวณผลตอบแทน
ทรัพย์สินที่ลงทุนโดยส่วนใหญ่จะเป็นตั๋วเงินคลังเช่น พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกา และประเทศญี่ปุ่นในเรื่องของการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ทางกองทุนจะเลือกป้องกันตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน และไม่มีนโยบายนการจ่ายเงินปันผล กองทุนนี้มีความเสี่ยงอยู่ในระดับกลาง เมื่อเทียบผลการดำเนินงานปีที่ผ่าน ๆ มานั้นมักจะมีมูลค่าสูงติดอันดับต้น ๆ ในกลุ่มกองทุนรวมตราสารหนี้อยู่เสมอ กำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำครั้งแรกและครั้งถัดไปอยู่ที่ 1,000 บาท
เชื่อว่าหลายคนมีความสนใจอยากจะลงทุนในต่างประเทศแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี กองทุน SCB ตัวนี้ถือได้ว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจที่คุณควรจะเก็บเอาไว้พิจารณา โดยมีกองทุนหลักต่างประเทศอย่าง DWS Invest CROCI Sectors Plus Share Class FCH (P) ที่เน้นการลงทุนในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว และมีการคัดเลือกหุ้นเพื่อลงทุนจาก 3 อุตสาหกรรมเด่น ๆ จากนั้นก็พิจารณาหุ้นที่มีค่า CROCI Economic P/E ที่ต่ำ จากแต่ละอุตสาหกรรม
การคัดเลือกหุ้นด้วยวิธีที่พิจารณาจากค่า P/E นั้นยังเหมาะสำหรับกลุ่มคนที่มีไอเดียลงทุนแบบเน้นคุณค่า ทางกองทุนมีกลยุทธ์ในการบริหารแบบ Active Management และไม่มีนโยบายในการจ่ายปันผล มีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ผลการดำเนินงานในรอบ 1 ปี 3 ปี และ 5 ปีนั้น มีมูลค่ามากกว่าดัชนีชี้วัด และเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยจากกองทุนในกลุ่มเดียวกันนั้นมีมูลค่ามากกว่าเสมอ
ดัชนี S&P 500 นั้นเป็นดัชนีที่สามารถสะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาได้ดีที่สุด จึงทำให้หลายคนมักจะยึดดัชนีดังกล่าวเป็นตัวอ้างอิงในการลงทุน เช่นเดียวกับกองทุน SCB ตัวนี้ที่จะลงทุนในกองทุน IShares Core S&P 500 ETF ซึ่งเป็นกองทุนที่เกิดจากการรวมเอาหุ้นที่เป็นองค์ประกอบของดัชนี S&P 500 โดยใช้กลยุทธ์ในการบริหารกองทุนแบบ Passive Management ให้ได้ผลการดำเนินงานที่มีมูลค่าใกล้เคียงกับดัชนีดังกล่าว
กองทุนนี้แม้จะมีการลงทุนในต่างประเทศแต่ก็มีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่ต่ำกว่า 90% อีกทั้งยังมีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับกองทุนค่อนข้างต่ำ ทำให้ผลการดำเนินงานของกองทุนมีมูลค่าใกล้เคียงกับดัชนี S&P 500 นอกจากนี้มูลค่าขั้นต่ำของเงินที่ใช้ในการซื้อหน่วยลงทุนครั้งแรกและครั้งถัดไปนั้นอยู่ที่เพียง 1 บาทเท่านั้น จึงเป็นกองทุนที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่เริ่มต้นลงทุนในตลาดหุ้นอเมริกา
กองทุน SCB ตัวนี้จะเน้นลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่น ซึ่งตลาดหุ้นญี่ปุ่นนั้นมีมูลค่าสูงเป็นอันดับ 2 ของโลกมายาวนาน และประเทศญี่ปุ่นเองก็จัดอยู่ในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ทำให้ตลาดหุ้นดังกล่าวยังได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างสม่ำเสมอ ทางกองทุนจะเลือกใช้กลยุทธ์แบบ Passive เน้นผลการดำเนินงานของกองทุนให้มีความใกล้เคียงกับดัชนี Nikkei225 ซึ่งเป็นดัชนีที่รวบรวม 225 หุ้นบริษัทญี่ปุ่นที่มีความแข็งแกร่ง
นอกจากคุณจะสร้างผลตอบแทนจากการซื้อขายหน่วยลงทุนแล้ว ยังมีโอกาสได้รับผลตอบแทนในรูปแบบของเงินปันผลในระหว่างที่ถือหน่วยลงทุนของกองทุนนี้อีกด้วย ซึ่งมีการจ่ายเงินปันผลอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี กองทุนนี้ยังมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนถึง 90% และมีการเก็บค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับกองทุนในอัตราที่ต่ำ ทำให้มีมูลค่าของผลการดำเนินงานที่สูงกว่ามูลค่าดัชนี Nikkei225 ที่ถูกปรับด้วยอัตราแลกเปลี่ยน
การลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพหรือ RMF นั้นสามารถนำมาใช้ในการหักลดหย่อนภาษีได้ แต่ก็ต้องอยู่ในกรอบระยะเวลาเงื่อนไขในการถือหน่วยลงทุน ดังนั้นทรัพย์สินที่กองทุนเลือกลงทุนจึงมีความสำคัญ เช่นเดียวกับกองทุน RMF จาก SCB ตัวนี้ที่เลือกลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานจากทั่วโลก เพื่อสร้างผลตอบแทนจากราคาหลักทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากหุ้นเหล่านี้มักจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว
กองทุนนี้มีการลงทุนในต่างประเทศ โดยมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของกองทุนนั้นจะพบว่าในระยะเวลา 3 ปีเป็นต้นไปจะเริ่มมีกำไร ทางกองทุนไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล เพื่อสะสมมูลค่าของหน่วยลงทุนให้ได้มากที่สุดในอนาคต เงินลงทุนขั้นต่ำสำหรับการลงทุนครั้งแรกและครั้งถัดไปนั้นจะอยู่ที่ 1,000 บาท
หากคุณเป็นนักลงทุนสายกลางที่มุ่งหวังผลตอบแทนที่มากขึ้นแต่ก็ยังกังวลกับความเสี่ยงในการลงทุน กองทุน SCB ตัวนี้อาจจะเป็นสิ่งที่คุณกำลังมองหา เนื่องจากเป็นการลงทุนแบบผสมทั้งในทรัพย์สินประเภทตราสารหนี้ ตราสารทุน ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน เงินฝากและหน่วยลงทุนในกองทุนต่าง ๆ โดยการจัดสรรและกระจายการลงทุนนั้นจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน จึงมีความยืดหยุ่นตามสถานการณ์
กองทุนนี้จะมีกลยุทธ์การบริหารแบบ Active เทียบกับตัวชี้วัด 3 ตัวคือ อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 1 ปี เฉลี่ยจาก 3 ธนาคารใหญ่ ผลตอบแทนจากพันธบัตรรัฐบาลอายุ 1 - 3 ปี และดัชนี SET TRI พบว่าในบางปีกองทุนจะมีผลการดำเนินงานที่มากกว่าตัวชี้วัดดังกล่าว แต่ก็มีบางปีที่ขาดทุนและมีมูลค่าน้อยกว่า ทั้งนี้ในช่วงระยะสั้นตั้งแต่ 3 - 6 เดือนนั้นจะมีมูลค่าเหนือกว่าตัวชี้วัด จึงเป็นกองทุนที่เหมาะกับการใช้พักเงินสดในระยะไม่เกิน 1 ปี
กองทุน SCB ตัวนี้เป็นกองทุนประเภท RMF หรือ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ซึ่งสามารถนำไปใช้หักลดหย่อนภาษี อีกทั้งยังช่วยให้คุณเก็บสะสมเงินก้อนไว้ใช้ในยามเกษียณได้ โดยทรัพย์สินที่กองทุนดังกล่าวเลือกลงทุนจะเป็นหุ้นสามัญที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและต้องเป็นองค์ประกอบของดัชนี SET 50 ที่รวบรวมหุ้นจากบริษัทที่มีมูลค่าสูงและมีปริมาณการซื้อขายมากอย่างสม่ำเสมอ
ลักษณะกลยุทธ์ในการบริหารกองทุนนี้จะเป็นแบบ Passive คือจัดสรรหุ้นในพอร์ตให้อิงตามดัชนี SET 50 เพื่อให้ได้ผลการดำเนินงานที่ใกล้เคียงกัน เหมาะสำหรับคนที่สนใจหุ้นไทยและอยากจะใช้ประโยชน์ทางภาษี กองทุนนี้จะไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมของกองทุนในอัตราที่ต่ำ โดยปีที่ผ่านมาเรียกเก็บจริงไม่ถึง 1% จึงทำให้มีผลการดำเนินงานในปีที่ผ่าน ๆ มานั้นค่อนข้างใกล้เคียงกับมูลค่าดัชนี SET 50
หากคุณต้องการผลตอบแทนแบบรวดเร็วและสามารถรับความเสี่ยงได้มาก กองทุน SCB ตัวนี้น่าจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะกับคุณ โดยมีกองทุนหลักต่างประเทศอย่าง PIMCO Commodity Real Return Fund ที่จะลงทุนในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ อันได้แก่ธุรกรรม สัญญาซื้อขายล่วงหน้าต่าง ๆ รวมไปถึงหุ้นกู้และตราสารหนี้ เพื่อสร้างโอกาสในการทำกำไรมากขึ้นจากการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์โดยตรงเพียงอย่างเดียว
เพราะเป็นกองทุนที่มีการถือหน่วยลงทุนในต่างประเทศจึงมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนมากกว่า 90% จากผลการดำเนินงานที่ผ่านมาในช่วงระยะเวลา 5 ปี สามารถสร้างผลตอบแทนได้อัตราที่สูงถึง 30% แต่ก็เคยขาดทุนในระดับติดลบ 15% ใช้ระยะเวลาฟื้นตัวจากการขาดทุนประมาณ 1 ปี จึงเป็นกองทุนที่คุณต้องจับระยะเวลาเข้าซื้อและขายออกให้ถูกจังหวะ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการสูญเสียเงินต้นในการลงทุน
กองทุน SCB ตัวนี้เป็นกองทุน SSF หรือกองทุนรวมเพื่อการออม ซึ่งสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการหักลดหย่อนภาษีได้ โดยทรัพย์สินที่ทางกองทุนจะเลือกลงทุนนั้นจะเป็นการผสมระหว่างตราสารหนี้และตราสารทุน ซึ่งสัดส่วนของตราสารทุนจะไม่เกิน 25% และจะเป็นการลงทุนในประเทศเท่านั้น จึงไม่มีความเสี่ยงจากการลงทุนในต่างประเทศ ใช้กลยุทธ์การบริหารกองทุนแบบ Passive เคลื่อนไหวตามตัวชี้วัดที่มาจากดัชนีสำคัญของตราสารหนี้และตราสารทุน
หากคุณต้องการใช้เพื่อหักลดหย่อนภาษีก็จำเป็นต้องถือหน่วยลงทุนตามระยะเวลาและเงื่อนไขที่กำหนด แต่ก็ไม่ต้องกังวลเนื่องจากทางกองทุนเองก็มีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหน่วยลงทุน ผลการดำเนินงานนั้นมีมูลค่าเพิ่มขึ้นจากตอนที่ก่อตั้งกองทุน และจากทรัพย์สินที่มีการลงทุนโดยส่วนใหญ่จะเป็นพันธบัตรจากรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจซึ่งถือได้ว่ามีความมั่นคง และยังมีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับกองทุนต่ำ
กองทุน SCB ตัวนี้จะเน้นการลงทุนที่เกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์อย่างน้ำมันดิบ โดยจะมีการลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าน้ำมันดิบมีราคาผันผวนค่อนข้างสูง เปลี่ยนแปลงรวดเร็วอยู่ตลอดเวลา สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเหล่านี้จะช่วยสร้างโอกาสในการทำกำไรจากส่วนต่างราคาที่มีการเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ ทั้งนี้โอกาสในการทำกำไรสูง ๆ ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงต่อการขาดทุนที่มากขึ้นตามไปด้วยเช่นเดียวกัน
กองทุนนี้จะไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล ใช้กลยุทธ์การบริหารแบบ Passive เคลื่อนไหวตามดัชนี DBIQ Optimum Yield Crude Oil Index Excess Return ที่มีการปรับด้วยอัตราแลกเปลี่ยน ผลการดำเนินงานในช่วงระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา มีช่วงที่ทำกำไรได้สูงถึง 62.12% แต่ก็มีช่วงที่ขาดทุน 23.38% ระยะเวลาในการฟื้นตัวจากการขาดทุนจะอยู่ที่ประมาณ 1 ปี จึงเป็นกองทุนที่เหมาะกับการเก็งกำไรมากกว่าถือระยะยาว
สำหรับนักลงทุนมือใหม่หลายคนที่คิดอยากจะเริ่มลงทุนนั้น อาจจะเกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับกองทุน SCB อยู่บ้าง ในวันนี้ เราจึงมีคำตอบจากผู้เชี่ยวชาญมาฝากกันค่ะ
กองทุน SCB ก็คือกองทุนรวมที่จัดตั้งและบริหารงานโดย บลจ. ไทยพาณิชย์ ซึ่งเป็นสถาบันการเงินขนาดใหญ่ของประเทศไทยและมีความน่าเชื่อถือสูงครับ
สำหรับกองทุนรวมของ SCB ที่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ ปัจจุบันก็มีทั้งแบบ RMF และ SSF ซึ่งนักลงทุนที่ต้องการลดหย่อนภาษีก็อย่าลืมเลือกกองทุนที่ลงท้ายด้วย RMF หรือ SSF ด้วยนะครับ
วิธีที่ง่ายที่สุดเลยก็คือเดินไปที่สาขาธนาคาร SCB ที่สะดวก และติดต่อสอบถามขอข้อมูลเพิ่มเติมกับทางเจ้าหน้าที่ได้เลย ซึ่งโดยปกติเจ้าหน้าที่จะทำการเปิดพอร์ตการลงทุนให้ก่อน และหลังจากนั้นก็จะสามารถทำธุรกรรมซื้อ-ขายผ่าน Mobile Application ได้ครับ
นอกเหนือจากกองทุนทั้งหมดที่เรานำมาแนะนำแล้ว ยังมีกองทุนบางประเภทที่ให้สิทธิพิเศษแก่นักลงทุน เช่น สิทธิ์ในการลดหย่อนภาษี อย่างกองทุนเพื่อการออมแบบพิเศษ SSF RMF หรือกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ นอกจากนี้ ทาง SCB ยังมีกองทุนรวมชนิดช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ที่นอกจากจะให้ความสะดวกและรวดเร็วเหมาะสำหรับการลงทุนของคนรุ่นใหม่แล้ว ยังมีค่าดำเนินการต่ำทำให้ผลตอบแทนสูงขึ้นอีกด้วย
อันดับที่ 1: บลจ. ไทยพาณิชย์|กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ตราสารหนี้ ระยะสั้นต่างประเทศ (ชนิดสะสมมูลค่า) - SCBFST
อันดับที่ 2: บลจ. ไทยพาณิชย์ | กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ แพลทตินัม โกลบอล ฟันด์ (ชนิดสะสมมูลค่า) SCBPGF
อันดับที่ 3: บลจ. ไทยพาณิชย์|กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นยูเอส (ชนิดสะสมมูลค่า) SCBS&P500A
อันดับที่ 4: บลจ. ไทยพาณิชย์|กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นญี่ปุ่น (ชนิดจ่ายเงินปันผล) - SCBNK225D
อันดับที่ 5: บลจ. ไทยพาณิชย์|กองทุนเปิดไทยพาณิชย์โกลบอล อินฟราสตรัคเจอร์ เพื่อการเลี้ยงชีพ - SCBRMGIF
คลิกที่นี่สำหรับการจัดอันดับคำบรรยายสินค้าแต่ละรายการอ้างอิงจากเนื้อหาที่แสดงในเว็บไซต์ผู้ผลิต แบรนด์ และเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ
เครื่องดื่ม
วัสดุก่อสร้าง, เครื่องมือและอุปกรณ์ช่าง
สวนและอุปกรณ์ในสวน
ความงาม, ของใช้ส่วนตัว
โน้ตบุ๊ก, PC, อุปกรณ์ไอที
ของใช้ในบ้าน, อุปกรณ์ในบ้าน
เครื่องใช้ไฟฟ้า
กล้อง
เครื่องสำอาง, สกินแคร์
สุขภาพ
อาหาร
เครื่องใช้ในครัว
แฟชั่น
รองเท้า
นาฬิกา, เครื่องประดับ
แม่และเด็ก
เฟอร์นิเจอร์, อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน
งานอดิเรก
กิจกรรมกลางแจ้ง
DIY, เครื่องเขียน, อุปกรณ์สำนักงาน
กีฬา
สัตว์เลี้ยง
หนังสือ
เกม
รถยนต์, รถจักรยานยนต์, อุปกรณ์เสริม
ของขวัญ, ของฝาก
ท่องเที่ยว
สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, อุปกรณ์เสริม
เครือข่ายมือถือ
การลงทุน
เครดิตการ์ด, สินเชื่อ, ประกัน
ดนตรี, เครื่องเสียง
แอปพลิเคชัน, โปรแกรม
บริการ