กองทุน RMF เป็นชื่อย่อมาจาก กองทุน Retirement Mutual Fund หรือ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ซึ่งเป็นกองทุนที่ใครหลายคนอาจจะคุ้นเคยกันดี ทั้งเรื่องสิทธิประโยชน์ทางด้านลดหย่อนภาษี และช่วยส่งเสริมการออมในระยะยาวเพื่อใช้ในยามเกษียณให้กับผู้ลงทุน โดยผู้ลงทุนสามารถปรับเปลี่ยนการลงทุนตามสภาวะเศรษฐกิจในแต่ละช่วงได้ตามความเหมาะสม นอกจากนี้ ยังเป็นการกำหนดผลตอบแทนแบบสะสมที่ดีในระยะยาวอีกด้วย
หากใครคิดอยากจะลงทุนในกองทุน RMF ควรศึกษาให้ละเอียดเพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุนให้ได้มากที่สุด และเพื่อความมั่นใจในการลงทุนกองทุน RMF ในบทความนี้เราจึงมีเทคนิคสำหรับ วิธีการเลือกกองทุน RMF ที่ดี พร้อมคำแนะนำเกี่ยวกับสิ่งที่คนส่วนใหญ่สงสัยหรือเข้าใจผิดจากนักวางแผนการเงินโดยเฉพาะ รวมถึงแนะนำ 10 กองทุน RMF กองทุนไหนน่าสนใจเพื่อเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจลงทุนให้กับทุกคนได้ติดตามชมพร้อมกัน
Top 5 กองทุน RMF
BBL Asset Management
ลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งโลกอนาคต
KASIKORN ASSET MANAGEMENT
เน้นหุ้นที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพจากทั่วโลก
Krungsri Asset Management
พิจารณาจาก Intangible Assets จากประเทศที่พัฒนาแล้ว
SCB Asset Management
ลงทุนให้ได้ผลตอบแทนที่มีความใกล้เคียงกับดัชนี Nikkei 225
คุณปอยเรียนจบปริญญาตรีสาขาบริหารธุรกิจ จาก Assumption University และปริญญาโทจาก Northumbria University สาขา Design Management จากประเทศอังกฤษ หลังจากเริ่มทำงานคุณปอยเริ่มมีความสนใจเกี่ยวกับการเงิน การวางแผนภาษี รวมไปถึงการลงทุนในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกองทุนรวมและประกันชีวิต จึงเริ่มศึกษาหาประสบการณ์ด้านนี้โดยตรงผ่านการเรียนคอร์สต่าง ๆ และเข้าอบรม รวมทั้งสั่งสมประสบการณ์ในการทำงานเป็นนักวางแผนการเงินมืออาชีพอิสระมามากว่า 4 ปี ปัจจุบันคุณปอยมีใบอนุญาตเป็นผู้แนะนำการลงทุนในประเทศไทยและมีลูกค้าภายใต้การดูแลไม่ต่ำกว่า 50 คน สำหรับประเภทของแผนการเงินที่คุณปอยมีความชำนาญเป็นพิเศษ ได้แก่ แผนการออมเพื่อการเกษียณอายุ แผนการออมเพื่อการลดหย่อนภาษี แผนการออมเพื่อการศึกษาบุตรและแผนการเงินเพื่อการส่งต่อมรดก
มายเบสท์ เว็บไซต์แนะนำสินค้าที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 4 ล้านคนต่อเดือน หัวใจของภารกิจของเราคือ ความมุ่งมั่นที่จะให้คำแนะนำที่น่าเชื่อถือได้ เราได้รับการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญในหมวดหมู่สินค้าที่หลากหลาย การเดินทางของเราเริ่มต้นด้วยวิสัยทัศน์ที่เรียบง่าย เพื่อสร้างแพลตฟอร์มที่ผู้บริโภคสามารถค้นหาคำแนะนำผลิตภัณฑ์ที่น่าเชื่อถือได้ และใช้งานได้จริง เราเข้าใจดีว่า การตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภคมีความต้องการที่แตกต่างกัน นั่นเป็นเหตุผลที่เราทุ่มเทในการนำเสนอคำแนะนำที่ชัดเจน กระชับ มีการวิจัยมาเป็นอย่างดี และตรวจสอบความถูกต้องโดยผู้เชี่ยวชาญ ทีมงานของเราประกอบด้วยบรรณาธิการและผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในหมวดหมู่ต่าง ๆ เจาะลึกลงไปในผลิตภัณฑ์แต่ละประเภท นำเสนอข้อมูลเชิงลึก เราเชื่อในพลังของวิธีการเลือกสินค้าที่มีข้อมูลครบถ้วน เราเป็นมากกว่าเว็บไซต์ เราเป็นชุมชนของบุคคลที่มีความกระตือรือร้นซึ่งให้ความสำคัญกับคุณภาพในการค้นหาผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด ซึ่งจะช่วยทำให้โลกของการช้อปปิ้งออนไลน์เป็นประสบการณ์ที่ง่ายและสนุกสนานยิ่งขึ้นสำหรับทุกคน
ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเฉพาะ "วิธีการเลือก" เท่านั้น สินค้าและบริการที่ปรากฏอยู่ในบทความไม่ได้ถูกเลือกโดยผู้เชี่ยวชาญ
สารบัญ
กองทุน RMF คือ กองทุนที่ทำออกมาเพื่อสนับสนุนให้คนไทยรู้จักการออมเพื่อการเกษียณ เป็นการออมแบบสะสมระยะยาวและเป็นการออมแบบต่อเนื่องทุกปีหรืออย่างน้อยที่สุดก็ปีเว้นปี เพื่อให้เกิดวินัยในการออมอย่างเป็นระบบ โดยเงื่อนไขของการลงทุนในกองทุน RMF มีดังต่อไปนี้
*กองทุนการออมเพื่อการเกษียณอายุอื่น ๆ
กองทุน SSF, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กองทุนบำเหน็จข้าราชการ, กองทุนสงเคราะห์ตามกฎหายว่าด้วยโณงเรียนเอกชน, กองทุนการออมแห่งชาติ หรือเบี้ยประกันภัยสำหรับประกันชีวิตแบบบำนาญ
กองทุนรวมเพื่อการสำรองเลี้ยงชีพ (RMF) นั้นเป็นกองทุนที่ช่วยสนับสนุนให้มีการออมเพื่อการเกษียณอายุ นอกจากจะได้ผลตอบแทนจากการลงทุนระยะยาวแล้ว ยังสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย สำหรับเงื่อนไขในการลงทุนกองทุน RMF สามาถดูรายละเอียดด้านล่างได้เลยครับ
- ต้องถือหน่วยลงทุนจนอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และต้องถืออย่างน้อย 5 ปีถึงจะขายได้ ต้องซื้อต่อเนื่องอย่างน้อยปีเว้นปี แต่ไม่มีขั้นต่ำในการซื้อ สามารถลงทุนได้สูงสุดไม่เกิน 30% ของรายได้ที่ต้องเสียภาษี หรือไม่เกิน 500,000 บาทเมื่อรวมกับ SSF, Provident Fund, ประกันบำนาญ และกองทุนการออมแห่งชาติ กองทุนรวมเพื่อการออมระยะยาว (SSF)
- ต้องถือหน่วยลงทุนเป็นระยะเวลา 10 ปีนับจากวันที่ซื้อ (นับแบบวันชนวัน) ไม่จำเป็นต้องซื้อหน่วยลงทุนต่อเนื่องทุกปี ลงทุนสูงสุดไม่เกิน 30% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 200,000 บาท และเมื่อรวมกับ SSF, Provident Fund, ประกันบำนาญ และกองทุนการออมแห่งชาติ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท
ข้อควรระวังในการลงทุนคือ การทำผิดเงื่อนไขการลงทุน ซึ่งอาจเกิดจากการลงทุนไม่ครบ 5 ปี ระงับการลงทุนไปมากกว่า 1 ปี หรือไม่เป็นไปตามเกณฑ์อื่น ๆ ที่กำหนดไว้ โดยสามารถแบ่งได้หลัก ๆ 2 กรณี ได้แก่
ทั้งนี้ในปีที่ผู้ลงทุนไม่มีรายได้ หากไม่มีการลงทุนในกองทุน RMF ในปีนั้น ถือว่าไม่ผิดเงื่อนไขแต่อย่างใด รวมถึงกรณีผู้ลงทุนเสียชีวิตหรือทุพพลภาพ ทำให้ไม่สามารถปฎิบัติตามเงื่อนไข ก็ถือว่าไม่ผิดเงื่อนไขการลงทุนด้วยเช่นกัน
เนื่องจากว่ากองทุน RMF นั้นเป็นกองทุนที่ให้สิทธิพิเศษในการลดหย่อนภาษี เพราะฉะนั้นหากนักลงทุนทำผิดเงื่อนไขการลงทุนที่กำหนดก็จะต้องคืนผลประโยชน์ทางภาษีที่เคยได้รับมา ซึ่งรายละเอียดกรณีผิดเงื่อนไขแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ดังนี้ครับ
1. กรณีถือหน่วยลงทุนไม่ถึง 5 ปี และมีการทำผิดเงื่อนไข : จะต้องคืนเงินภาษีย้อนหลังทั้งหมดที่ได้รับยกเว้นไปจากกองทุน RMF และนำกำไรการขายคืนหน่วยลงทุน (Capital Gain หรือ ราคาขาย ลบ ราคาซื้อ) ไปรวมกับรายได้ ณ ปีนั้นเพื่อนำไปคำนวณรายได้และเสียภาษีอีกทีหนึ่งครับ ซึ่งทาง บลจ. จะมีการหักภาษี ณ ที่จ่าย 3% ของกำไรเอาไว้ และเราสามารถที่จะนำส่วนที่ถูกหักไว้ไปเป็นเครดิตออกจากภาษีที่เราต้องเสียได้
2. กรณีถือหน่วยลงทุน 5 ปีขึ้นไปและมีการทำผิดเงื่อนไข : กรณีนี้จะต้องคืนเงินภาษีย้อนหลังที่ได้รับยกเว้นไปเท่านั้น ไม่ต้องนำกำไรการขายคืนหน่วยลงทุนมาคำนวณเป็นรายได้ครับ
เมื่อทราบถึงข้อมูลเบื้องต้นและสิทธิประโยชน์ของกองทุน RMF มากันบ้างแล้ว ในหัวข้อนี้ เราจึงอยากพามาหาคำตอบและเสนอแนวทางวิธีการเลือกกองทุนรวม RMF เพื่อใช้ในการประกอบการตัดสินใจ ว่าคุณควรจะเลือกลงทุนในกองทุน RMF แบบไหน จึงจะเหมาะกับความต้องการของตนเองมากที่สุด
หลักสำคัญเมื่อคุณเริ่มสนใจในการลงทุน คือ การสำรวจตนเอง เพราะทุกการเริ่มต้นต้องเริ่มจากตนเองก่อนเสมอ ซึ่งในหัวข้อของการลงทุนก็ไม่ต่างกัน เราควรมีการกำหนดเป้าหมาย ระยะเวลาและสินทรัพย์ในการลงทุนของตนเองให้มีความชัดเจน กำหนดความเสี่ยงในการลงทุนของตนเอง รวมถึงศึกษาข้อมูลนโยบายของกองทุนรวมที่มีความสนใจในหนังสือชี้ชวน (Fun Fact Sheet) เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการในการลงทุนของตนเอง
สำหรับนักลงทุนที่สนใจลงทุนในกองทุน RMF ผู้เขียนอยากให้มีการสำรวจตัวเองก่อน เนื่องจากว่ากองทุน RMF นั้นเป็นการลงทุนระยะยาวที่ไม่สามารถนำเงินออกมาใช้ได้ก่อนกำหนด ซึ่งหากนักลงทุนมีเป้าหมายที่จะใช้เงินก้อนในอีก 3 - 5 ปี เช่น เงินดาวน์บ้าน, ดาวน์รถ หรือแต่งงาน การนำเงินทั้งหมดมาลงทุนในกองทุน RMF ก็อาจจะไม่ตอบโจทย์นะครับ เพราะฉะนั้นนักลงทุนจึงจำเป็นที่จะต้องมีการวางแผนให้ดี กำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน แล้วจึงมาเลือกสินค้าในการลงทุนอีกทีครับ
ทุกการลงทุนค่อยมีความเสี่ยง แต่ในความเสี่ยงนั้นก็สามารถพิจารณาข้อเปรียบเทียบจากข้อมูลต่าง ๆ ได้เช่นกัน รวมถึง ข้อมูลทางด้านผลตอบแทนของกองทุนรวม RMF ก็เป็นตัวบ่งชี้ชัดได้ว่า กองทุนที่เราสนใจนั้น ให้ผลตอบแทนในการลงทุนของเราได้ดีขนาดไหน ซึ่งขอแนะนำว่าให้ศึกษาข้อมูลย้อนหลังให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะการที่กองทุนมีการลงทุนในระยะยาว ได้ผ่านช่วงวิกฤตเศรษฐกิจมาต่าง ๆ มามากมาย ก็เป็นเครื่องวัดความสามารถของการบริหารกองทุนให้ผ่านพ้นเหตุวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในตลาดโลกได้ และมีการให้ผลตอบแทนได้อย่างสม่ำเสมอ
กองทุน RMF นั้นมีหลากหลายสินทรัพย์มาก ทั้งกองทุนตลาดเงิน, ตลาดหุ้นไทย, ตลาดหุ้นต่างประเทศ และอื่น ๆ ซึ่งเมื่อนักลงทุนตัดสินใจที่จะลงทุนในกองทุนใดกองทุนนึงแล้ว ผมแนะนำว่า ควรจะหากองทุนที่มีนโยบายการลงทุนที่ใกล้เคียงกันมาเปรียบเทียบผลตอบแทนย้อนหลังจาก Fund Fact Sheet รวมถึงเปรียบเทียบในส่วนของค่าธรรมเนียมการลงทุนก่อนด้วยนะครับ
การตรวจสอบและติดตามผลการดำเนินงานในแต่ละกองทุน เป็นสิ่งที่นักลงทุนไม่ควรมองข้าม เพราะถึงแม้ในการลงทุนผ่านกองทุนรวม RMF แต่ละกองทุนจะมีมืออาชีพช่วยบริหารดูแลอย่างต่อเนื่องแล้วก็ตาม หากไม่มีตรวจสอบและติดตามอย่างต่อเนื่อง อาจทำให้การลงทุนสร้างผลตอบแทนที่ต่ำกว่ามาตราฐานได้ ดังนั้นเพื่อการลงุทนที่มีประสิทธิภาพ เราควรตรวจสอบผลการดำเนินงานของกองทุนรวมที่ลงทุนไว้อย่างน้อยทุก 6 เดือนถึง 1 ปี เพื่อเป็นเครื่องบ่งชี้ว่ากองทุนนั้นยังให้ผลตอบแทนที่ดีและสม่ำเสมอได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องกังวลอีกต่อไป
สำหรับนักลงทุนที่มีการลงทุนในกองทุน RMF แล้ว ผู้เขียนแนะนำว่าควรมีการติดตามผลการดำเนินงานของกองทุนด้วยนะครับ เพราะแม้ว่าแต่ละกองทุนจะมีผู้บริหารกองทุนที่คอยช่วยจัดการให้ แต่บางครั้งอาจจะได้ผลตอบแทนที่ไม่ดีนักเมื่อเทียบกับกองทุนอื่นที่มีนโยบายใกล้เคียงกัน หรือหากว่านักลงทุนมองว่านโยบายการลงทุนของกองทุนที่ลงทุนไปไม่ตอบโจทย์ในบางสถานการณ์ก็สามารถที่จะ Switch กองไปกองทุนอื่น ๆ ได้ด้วยเหมือนกันครับ
สินค้า | รูปภาพ | ราคาต่ำสุด | คะแนน | |
---|---|---|---|---|
1 | BBL Asset Management B-INNOTECHRMF บัวหลวงโกลบอลอินโนเวชั่นและเทคโนโลยีเพื่อการเลี้ยงชีพ | ![]() | ลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งโลกอนาคต | |
2 | KASIKORN ASSET MANAGEMENT KGHRMF กองทุนเปิดเค โกลบอล เฮลท์แคร์ หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ | ![]() | เน้นหุ้นที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพจากทั่วโลก | |
3 | Krungsri Asset Management KFGBRANRMF กองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลแบรนด์อิควิตี้เพื่อการเลี้ยงชีพ | ![]() | พิจารณาจาก Intangible Assets จากประเทศที่พัฒนาแล้ว | |
4 | SCB Asset Management SCBRMJP กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นญี่ปุ่น เพื่อการเลี้ยงชีพ | ![]() | ลงทุนให้ได้ผลตอบแทนที่มีความใกล้เคียงกับดัชนี Nikkei 225 | |
5 | TISCO Asset Management TUSRMF-A กองทุนเปิด ทิสโก้ ยูเอส อิควิตี้ เพื่อการเลี้ยงชีพ ชนิดผู้ลงทุนทั่วไป | ![]() | ลงทุนในหุ้นอเมริกาด้วยการอ้างอิงดัชนีพื้นฐานอย่าง S&P 500 | |
6 | BBL Asset Management B-INDIAMRMF บัวหลวงหุ้นอินเดียมิดแคปเพื่อการเลี้ยงชีพ | ![]() | เพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนผ่านหุ้นขนาดกลางจากอินเดีย | |
7 | Eastspring Investments TMBEGRMF ทหารไทย ยูโรเปี้ยน โกรท เพื่อการเลี้ยงชีพ | ![]() | ลงทุนเพื่อผลตอบแทนระยะยาวจากตลาดกลุ่มประเทศยุโรป | |
8 | Krungthai Asset Management KT-WEQ RMF กองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ อิควิตี้ เพื่อการเลี้ยงชีพ | ![]() | เน้นตราสารทุนที่มีความผันผวนต่ำจากประเทศพัฒนาแล้ว | |
9 | ASSET PLUS Fund Management ASP-MRF กองทุนเปิดแอสเซทพลัสหุ้นผสมตราสารหนี้เพื่อการเลี้ยงชีพ | ![]() | กระจายความเสี่ยงด้วยการผสมทั้งตราสารหนี้และตราสารทุน | |
10 | KIATNAKIN PHATRA ASSET MANAGEMENT KKP INRMF กองทุนเปิดเคเคพี อินคัมเพื่อการเลี้ยงชีพ ชนิดทั่วไป | ![]() | ลงทุนในตราสารหนี้ระยะกลางที่มีพื้นฐานดีและมั่นคง |
กองทุน RMF ตัวนี้มีกองทุน Feeder Fund คือ Fidelity Funds – Global Technology Fund ซึ่งเป็นกองทุนที่มีธีมการลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพราะมองเห็นว่าเป็นธุรกิจที่จะยังคงมีการเติบโตเป็นอย่างมากในอนาคต จะมีการพิจารณาคัดเลือกหุ้นจากบริษัทเทคโนโลยีที่มีผลประกอบการโดดเด่นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังต้องมีพื้นฐานของบริษัทที่แข็งแกร่ง และยังต้องมีความสามารถในการแข่งขัน เพื่อเพิ่มศักยภาพเติบโตในอนาคตได้อย่างมั่นคง นอกจากนี้ยังมีการนำเรื่องของ ESG มาพิจารณาด้วย ซึ่ง ESG นั้นคือความรับผิดชอบหลัก 3 ด้านต่อสังคมขององค์กร
กองทุนดังกล่าวจะมีกลยุทธ์การบริหารแบบ Active Management คือคัดเลือกหุ้นเองตามสถานการณ์เพื่อให้ผลการดำเนินงานนั้นมีมูลค่าสูงกว่าดัชนีชี้วัด จากผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของกองทุนนั้นมีช่วงที่สามารถเอาชนะดัชนีชี้วัดได้ และยังมีช่วงที่สามารถควบคุมไม่ให้ผลการดำเนินงานนั้นติดลบมากกว่าดัชนีชี้วัดอีกด้วย เช่นเดียวกับค่าเฉลี่ยของกองทุนอื่น ๆ ในกลุ่มเดียวกัน มี Maximum Drawdown หรือเปอร์เซ็นต์การขาดทุนสูงสุด อยู่ที่ประมาณ -29.5% และ Recovering Period หรือช่วงเวลาฟื้นจากการขาดทุน อยู่ที่ประมาณ 3 เดือน
ธุรกิจที่เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพนั้นถือเป็นเทรนด์ของโลกอนาคตด้วยเช่นกัน เนื่องจากหลายประเทศนั้นกำลังจะเปลี่ยนผ่านไปเป็นสังคมผู้สูงอายุ กองทุน RMF จากกสิกรตัวนี้จึงเลือกลงทุนใน JPMorgan Funds – Global Healthcare Fund, Class A (acc) - USD ซึ่งเป็นกองทุนที่จะมีการลงทุนในหุ้นบริษัทที่ประกอบธุรกิจดูแลสุขภาพทั่วโลกไม่น้อยกว่า 67% ตัวอย่างธุรกิจเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพนั้นได้แก่ ธุรกิจด้านยารักษาโรค เทคโนโลยีชีวภาพ เทคโนโลยีทางการแพทย์ รวมไปถึงสถานที่ให้บริการทางด้านสุขภาพอย่างโรงพยาบาลหรือคลินิก
กองทุนนี้จะมีการบริหารแบบเชิงรุกให้ได้ผลการดำเนินงานที่มากกว่า MSCI World Healthcare Index ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัด จากผลการดำเนินงานที่ผ่านมาพบว่ามีช่วงบางปีที่เอาชนะดัชนีชี้วัดได้ อีกทั้งยังมีมูลค่าติดลบน้อยกว่าดัชนีชี้วัดในช่วงที่ตลาดซบเซา และยังมีมูลค่าเหนือกว่าค่าเฉลี่ยของกองทุนอื่น ๆ ในกลุ่มเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นการเปรียบเทียบในช่วงระยะสั้น 3 - 6 เดือน ช่วงระยะเวลา 1 ปี หรือช่วงระยะยาว 3 - 5 ปี ขึ้นไปด้วยเช่นกัน อีกทั้งยังมีช่วง Recovering Period หรือระยะเวลาฟื้นตัวจากการขาดทุนอยู่ที่ 1.84 เดือน
Feeder Fund ของกองทุน RMF ตัวนี้คือ Morgan Stanley Investment Funds - Global Brands Fund (Class Z) ซึ่งเป็นกองทุนที่มีกลยุทธ์แบบ Active Management เลือกลงทุนในหุ้นของบริษัทจากประเทศพัฒนาแล้ว ที่เป็นเจ้าของ สินทรัพย์ไม่มีตัวตน (Intangible Assets) มูลค่าสูง เช่น บริษัทที่มีเครื่องหมายการค้าเป็นที่รู้จัก มี Brand ที่มีชื่อเสียงทั่วโลก รวมไปถึงการเป็นเจ้าของลิขสิทธิสินค้าหรือกลวิธีการจัดจำหน่าย เช่น Microsoft, Philip Morris หรือ Visa เป็นต้น เพราะเชื่อว่าสินทรัพย์ไม่มีตัวตนเหล่านี้จะยังมีโอกาสเพิ่มมูลค่าในอนาคต
จากพอร์ตการลงทุนของกองทุนนั้นจะมีการจัดสรรการลงทุนเน้นกลุ่มใหญ่ ๆ อย่างกลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มสินค้าที่มีความจำเป็นในการดำรงชีวิต และกลุ่มกิจการที่เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ และลงทุนในประเทศสหรัฐอเมริกามากถึง 71.21% ทางกองทุนจะมีดัชนีชี้วัดคือ MSCI World NET USD ซึ่งผลการดำเนินงานในช่วงระยะเวลา 5 ปีย้อนหลังพบว่า มีช่วงปีที่เอาชนะค่าดัชนีชี้วัดดังกล่าวได้ และยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกองทุนอื่น ๆ ในกลุ่มเดียวกัน จากช่วงระยะเวลา 6 เดือน 1 ปี และ 5 ปี
กองทุน RMF ตัวนี้จาก SCB นั้นจะเน้นการลงทุนในตลาดญี่ปุ่น โดยอ้างอิงจากดัชนี Nikkei 225 ที่มีหุ้นจากบริษัทใหญ่จำนวนน 225 บริษัทจากประเทศญี่ปุ่นเป็นองค์ประกอบ จึงถือว่าเป็นดัชนีที่แสดงทิศทางเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี กองทุนนี้จะเลือกลงทุนใน Feeder Fund ที่มีชื่อว่า NEXT FUNDS Nikkei 225 Exchange Traded Fund เป็นกองทุนประเภท ETF และอยู่ภายใต้ความดูแลของ Nomura Asset Management จากประเทศญี่ปุ่นเอง อีกทั้งยังมีนโยบายการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่ต่ำกว่า 90%
กองทุนนี้จะมีกลยุทธ์แบบ Passvie Management เน้นผลการดำเนินงานที่มีความใกล้เคียงกับดัชนีชี้วัด ซึ่งในที่นี้ก็คือ Nikkei 225 โดยเมื่อเทียบผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนที่ผ่านมาในระยะเวลา 5 ปีนั้น จะพบว่ามีมูลค่าใกล้เคียงกับดัชนีดังกล่าว และยังมีบางช่วงที่สามารถทำได้เหนือกว่าดัชนีชี้วัด ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นผลจากนโบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน อีกทั้งยังเป็นเพราะมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากกองทุนรวมที่ต่ำไม่ถึง 1% และยังยกเว้นค่าธรรมเนียมจากการซื้อหรือขายหน่วยลงทุนด้วย
ตลาดหุ้นอเมริกานั้นเป็นแหล่งรวมบริษัทชั้นนำและมีมูลค่าสูงที่สุดของโลก จึงทำให้หลายคนมีความสนใจที่จะลงทุน แต่ด้วยเงินทุนหรือความรู้ที่อาจจะมีจำกัด การลงทุนในกองทุนหุ้นอเมริกาก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ อย่างเช่น กองทุน RMF ตัวนี้ที่จะเน้นในตลาดหุ้นอเมริกาเป็นหลัก ผ่านกองทุน Feeder Fund ที่ชื่อว่า SPDR S&P500 ที่จะลงทุนในหุ้นที่เป็นองค์ประกอบของดัชนี S&P500 ซึ่งถือเป็นดัชนีที่สะท้อนมูลค่าเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาได้เป็นอย่างดี และทำการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
กองทุนนี้จะเป็น Passive Fund ซึ่งเน้นผลการดำเนินงานเคลื่อนไหวตามดัชนี S&P500 โดยที่ผ่านมานั้นพบว่ามีผลการดำเนินงานจะมีความแตกต่างจากดัชนีชี้วัดอยู่หลายช่วง คาดว่าน่าจะมาจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน แต่เมื่อมองดูในภาพรวมทางกองทุนก็มีผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบในช่วงระยะเวลา 3 ปี 5 ปี และชตั้งแต่ช่วงจัดตั้งกองทุนเอง อีกทั้งตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาก็ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงถือเป็นกองทุนที่เหมาะกับการลงทุนในระยะยาว
กองทุน RMF ตัวนี้ได้รับการการันตี 4 ดาวจาก Morningstar จะลงทุนในหน่วยลงทุนของ Kotak Funds - India Midcap Fund (กองทุนหลัก) ที่จะโฟกัสที่ตลาดอินเดียเป็นหลัก ซึ่งตลาดอินเดียนั้นถือเป็นตลาดเศรษฐกิจที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่กองทุนนี้จะเน้นการลงทุนในหุ้นขนาดกลางหรือ Mid Cap จากอินเดีย ด้วยการเลือกหุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งและดูมีศักยภาพ.ในการเติบโตสูง เพราะมุ่งหวังที่จะสร้างผลตอบแทนจากส่วนต่างราคาในอนาคตได้ และมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
กองทุนนี้จะมีกลยุทธ์แบบ Active Management โดยจะเปรียบเทียบกับดัชนีชี้วัดอย่าง Nifty Free Float Midcap 100 ที่มีการปรับด้วยอัตราแลกเปลี่ยน จากผลการดำเนินงานที่ผ่านมานั้น ในช่วงที่ดัชนีเป็นบวก หรือช่วงที่ตลาดเป็นขาขึ้น ผลการดำเนินงานของกองทุนนั้นจะยังอยู่ต่ำกว่าดัชนีชี้วัด แต่พบว่าในช่วงที่ตลาดขาลง ดัชนีชี้วัดเป็นลบ ทางกองทุนสามารถควบคุมผลการดำเนินงานให้มีการติดลบน้อยกว่าดัชนีดังกล่าว และในระยะเวลา 3 - 5 ปี พบว่ายังมีผลการดำเนินงานที่ดีกว่าค่าเฉลี่ยในกลุ่มด้วย
กองทุน RMF ตัวนี้จะเน้นลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศ Wellington Strategic European Equity Fund เป็นหลักเพียงกองเดียว ซึ่งกองทุนดังกล่าวจะมีกลยุทธ์การบริหารกองทุนแบบ Active Management เพื่อคัดเลือกหลักทรัพย์บริษัทจากกลุ่มประเทศยุโรปที่มีศักยภาพในการเติบโต มีความสามารถในการแข่งขัน และมีแนวโน้มที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำตลาดในอนาคต เพื่อมุ่งหวังผลตอบแทนระยะยาวจากการขยายตัวของบริษัทเหล่านี้ ทางกองทุนเองก็ยังมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ไม่ต่ำกว่า 90%
เมื่อเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของกองทุนกับดัชนีชี้วัด MSCI Europe Net Total Return EUR Index พบว่าในระยะเวลา 6 เดือนถึง 1 ปีนั้นมีมูลค่าที่เหนือกว่าดัชนีชี้วัด ในระยะเวลา 3 ปีนั้นจะมีมูลค่าต่ำกว่าดัชนีชี้วัดเพียงเล็กน้อย ส่วนเมื่อเทียบกับระยะยาวช่วง 5 ปีไปถึงจนตั้งแต่จัดตั้งกองทุนนั้นเอาชนะดัชนีชี้วัดได้ จึงถือเป็นกองทุนที่มีผลการดำเนินงานโดดเด่น และเมื่อดูการขาดทุนสูงสุดของกองทุนจาก Maximum Drawdown จะอยู่ที่ -34.35% และมีช่วงระยะเวลาฟื้นตัวอยู่ที่ 10 เดือน
กองทุน RMF ตัวนี้มีกองทุนหลักคือ AB Low Volatility Equity Portfolio ซึ่งเป็นกองทุนประเภท Global Equity ที่จะคัดเลือกตราสารทุนที่มีความโดดเด่นจากทั่วโลก แต่สำหรับกองทุนนี้จะเน้นตราสารทุนที่มาจากกกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วและกลุ่มประเทศเกิดใหม่เป็นหลัก เพราะกองทุนดังกล่าวมีจุดประสงค์ที่จะลงทุนในตราสารทุนที่มีความมั่นคงสูง ดังนั้นตราสารทุนที่ผ่านการคัดเลือกนั้นจะต้องมีปัจจัยพื้นฐานดี มีความผันผวนต่ำ และมีความเสี่ยงในการปรับตัวลงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตในระดับที่ตํ่า เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่มีความเสถียรภาพในระยะยาว
กองทุนนี้มีกลยุทธ์ให้เคลื่อนไหวตามกองทุนหลักต่างประเทศ โดยทางกองทุนหลักในต่างประเทศนั้นจะเป็นแบบ Active Management เปรียบเทียบกับดัชนีชี้วัดคือ MSCI World Index เมื่อเทียบกันแล้วผลการดำเนินงานที่ผ่านมานับตั้งแต่จัดตั้งมีมูลค่าเหนือกว่า และในช่วงที่ตลาดอยู่ในช่วงขาลง ผลการดำเนินงานของกองทุนหลักนั้นติดลบน้อยกว่าดัชนีดังกล่าว ส่วนผลการดำเนินงานของกองทุน RMF นี้ยังมีความแตกต่างจากผลการดำเนินงานของกองทุนหลักต่างประเทศ ซึ่งอาจจะมาจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
สำหรับคนที่มองหากองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่มีการกระจายความเสี่ยง กองทุน RMF ตัวนี้ก็เป็นทางเลือกที่คุณควรจะลองพิจารณาดู เนื่องจากมีการกระจายความเสี่ยงด้วยการลงทุนทั้งตราสารหนี้ ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน ตราสารทุนและเงินฝาก โดยสัดส่วนของการลงทุนนั้นจะมีการปรับลดเพิ่มตามสภาวะของตลาดและเศรษฐกิจ อีกทั้งยังไม่มีการลงทุนในต่างประเทศ ใช้กลยุทธ์การบริหารกองทุนแบบ Active Management ที่ให้ผลการดำเนินงานสูงกว่าดัชนีชี้วัดอย่าง SET TRI และ ดัชนีตราสารหนี้ภาครัฐระยะสั้น ในสัดส่วนอย่างละ 50%
ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของกองทุนในช่วงระยะสั้น 3 เดือน ถึง 6 เดือน นั้นสูงกว่าดัชนีชี้วัด รวมไปถึงระยะยาวช่วง 1 ปี ถึง 5 ปี ก็สูงกว่าดัชนีชี้วัดด้วยเช่นกัน และในช่วง 10 ปีจะมีมูลค่าต่ำกว่าดัชนีชี้วัดเล็กน้อย แต่เมื่อเทียบตั้งแต่เริ่มจัดตั้งก็ยังถือว่าเอาชนะดัชนีชี้วัดได้ และกองทุนดังกล่าวยังมีผลการดำเนินงานที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกองทุนอื่น ๆ ในกลุ่มเดียวกันมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงที่ค่าเฉลี่ยของกลุ่มติดลบ แต่ผลการดำเนินงานของกองทุนกลับสวนทางเป็นบวก ช่วยให้ผู้ถือหน่วยลงทุนสร้างกำไรในช่วงตลาดขาลงได้
กองทุน RMF ตัวนี้จะเป็นกองทุนในกลุ่ม Mid Term General Bond หรือกลุ่มตราสารหนี้ระยะกลาง จะลงทุนในเงินฝาก รวมไปถึงตราสารหนี้ที่ออกโดยบริษัท รัฐบาลและรัฐวิสาหกิจ โดยพิจารณาเลือกจากปัจจัยพื้นฐานดี มีแนวโน้มในการเติบโตสูง และจะต้องมีเสถียรภาพทางการเงินที่ดี กองทุนนี้จะไม่มีการลงทุนในต่างประเทศ เน้นการลงทุนภายในประเทศเท่านั้น อีกทั้งผลตอบแทนของเงินฝากหรือตราสารหนี้ที่อยู่ในกองทุนนี้จะมีการกำหนดในมูลค่าหรืออัตราที่แน่นอน ทำให้กองทุนนี้จัดอยู่ในความเสี่ยงระดับ 4 หรือระดับเสี่ยงปานกลางค่อนข้างต่ำ
กองทุนนี้จะมีกลยุทธ์แบบ Active Management เน้นผลตอบแทนที่สูงกว่าดัชนีชี้วัด เมื่อเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของกองทุน พบว่า ระยะเวลา 3 เดือน 6 เดือน 1 ปี และ 3 ปี ทางกองทุนมีผลการดำเนินงานที่เอาชนะค่าดัชนีชี้วัดได้ ส่วนในช่วง 5 ปีและ 10 ปี มีมูลค่าต่ำกว่าดัชนีชี้วัดเล็กน้อย และเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของกองทุนอื่น ๆ ในกลุ่มเดียวกัน พบว่าทางกองทุนดังกล่าวมีผลการดำเนินงานที่ดีกว่าค่าเฉลี่ยมาในตลอดทุกช่วง โดยผลขาดทุนสูงสุดจาก Maximum Drawdown นั้นอยู่ที่ -1.59%
สำหรับผู้ที่มีความสนเกี่ยวกับกองทุน RMF แต่ยังมีคำถามบางอย่างค้างคาอยู่ ในวันนี้ เรามีคำตอบจากผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะมาฝากทุกคนกันค่ะ
กองทุน RMF นั้นสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนที่ลงทุนไป ณ ปีนั้นและจำนวนภาษีที่จะได้คืนนั้นขึ้นอยู่กับฐานภาษีของแต่ละคนด้วยนะครับ
เมื่อเริ่มต้นลงทุนในกองทุน RMF แล้ว จำเป็นที่จะต้องมีการลงทุนต่อเนื่องหรืออย่างน้อยปีเว้นปี และไม่มีขั้นต่ำในการซื้อครับ ที่สำคัญก็คือไม่จำเป็นที่จะต้องซื้อกองทุนเดิมไปตลอด ปีนี้อาจจะเลือกกองทุนหนึ่ง ปีหน้าก็สามารถไปเลือกอีกกองทุนแทนได้เหมือนกันครับ
กองทุน RMF นั้นเหมาะสำหรับนักลงุทนที่ต้องการลดหย่อนภาษีและเน้นการลงทุนระยะยาวเพื่อใช้เงินก้อนนี้หลังเกษียณอายุครับ
ก่อนคุณจะตัดสินใจไปลงทุนในกองทุน RMF คุณควรศึกษาและพิจารณาความเสี่ยงในการลงทุนให้ดี โดยเริ่มจากการวางแผนภาษีให้ตัวเองก่อน ศึกษาเงื่อนไขของกองทุนแต่ละประเภทให้เข้าใจ และที่สำคัญควรเช็กสภาพคล่องของเงินลงทุน รวมถึงตรวจสอบความสามารถและความเสี่ยงในการลงทุนของตัวคุณด้วย หากคุณมีคุณสมบัติครบถ้วน และมีความพร้อมในการลงทุน กองทุน RMF ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกน่าสนใจที่สามารถตอบโจทย์เป้าหมายในชีวิตบั้นปลายของคุณได้อย่างแน่นอน
อันดับที่ 1: BBL Asset Management|B-INNOTECHRMF บัวหลวงโกลบอลอินโนเวชั่นและเทคโนโลยีเพื่อการเลี้ยงชีพ
อันดับที่ 2: KASIKORN ASSET MANAGEMENT|KGHRMF กองทุนเปิดเค โกลบอล เฮลท์แคร์ หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ
อันดับที่ 3: Krungsri Asset Management|KFGBRANRMF กองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลแบรนด์อิควิตี้เพื่อการเลี้ยงชีพ
อันดับที่ 4: SCB Asset Management|SCBRMJP กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นญี่ปุ่น เพื่อการเลี้ยงชีพ
อันดับที่ 5: TISCO Asset Management|TUSRMF-A กองทุนเปิด ทิสโก้ ยูเอส อิควิตี้ เพื่อการเลี้ยงชีพ ชนิดผู้ลงทุนทั่วไป
คลิกที่นี่สำหรับการจัดอันดับคำบรรยายสินค้าแต่ละรายการอ้างอิงจากเนื้อหาที่แสดงในเว็บไซต์ผู้ผลิต แบรนด์ และเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ
เครื่องดื่ม
วัสดุก่อสร้าง, เครื่องมือและอุปกรณ์ช่าง
สวนและอุปกรณ์ในสวน
ความงาม, ของใช้ส่วนตัว
โน้ตบุ๊ก, PC, อุปกรณ์ไอที
ของใช้ในบ้าน, อุปกรณ์ในบ้าน
เครื่องใช้ไฟฟ้า
กล้อง
เครื่องสำอาง, สกินแคร์
สุขภาพ
อาหาร
เครื่องใช้ในครัว
แฟชั่น
รองเท้า
นาฬิกา, เครื่องประดับ
แม่และเด็ก
เฟอร์นิเจอร์, อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน
งานอดิเรก
กิจกรรมกลางแจ้ง
DIY, เครื่องเขียน, อุปกรณ์สำนักงาน
กีฬา
สัตว์เลี้ยง
หนังสือ
เกม
รถยนต์, รถจักรยานยนต์, อุปกรณ์เสริม
ของขวัญ, ของฝาก
ท่องเที่ยว
สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, อุปกรณ์เสริม
เครือข่ายมือถือ
การลงทุน
เครดิตการ์ด, สินเชื่อ, ประกัน
ดนตรี, เครื่องเสียง
แอปพลิเคชัน, โปรแกรม
บริการ