การลงทุนในปัจจุบันไม่จำเป็นต้องลงทุนในประเทศไทยเพียงอย่างเดียว แต่คุณสามารถกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนมากขึ้นด้วยการลงทุนในต่างประเทศผ่านกองทุนของบริษัทหลักทรัพย์หรือธนาคารจัดการกองทุนในไทย เช่นเดียวกับคนที่สนใจลงทุนในสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นประเทศมหาอำนาจที่มีความมั่นคงและแข็งแกร่งทางด้านเศรษฐกิจ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นพลเมืองอเมริกันหรือเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นอยู่ที่อเมริกา ก็สามารถสร้างกำไรผ่านกองทุนอเมริกาได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น
กองทุนอเมริกาแต่ละกองทุนก็จะมีความแตกต่างทั้งในเรื่องของกลยุทธ์ที่เลือกใช้ในการบริหารจัดการเงินลงทุนและเป้าหมายในการลงทุน ทำให้มีความเสี่ยงและผลตอบแทนที่แตกต่างกัน เราจึงจะนำข้อมูลวิธีการเลือกกองทุนอเมริกาเพื่อให้ความรู้เพิ่มเติมสำหรับมือใหม่หัดลงทุนพร้อมคำแนะนำจากนักวางแผนการเงินโดยเฉพาะ อีกทั้งยังได้รวบรวม 10 กองทุนอเมริกา ที่มีผลตอบแทนโดดเด่นและเป็นที่สนใจมาให้คุณพิจารณากันด้วย
Top 5 กองทุนอเมริกา
Krungthai Asset Management
เน้นการเติบโตในระยะยาวอย่างมั่นคง ด้วยหุ้นบริษัทใหญ่แต่ก้าวหน้า
Tisco Asset Management
อ้างอิงดัชนี S&P 500 เพิ่มผลตอบแทนตามมูลค่าตลาดอเมริกา
ABERDEEN
ผลตอบแทนโดดเด่น เติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีความผันผวนต่ำ
TMBAM Eastspring
สร้างความมั่งคั่งอย่างยั่งยืนด้วยหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่งและมั่นคง
คุณปอยเรียนจบปริญญาตรีสาขาบริหารธุรกิจ จาก Assumption University และปริญญาโทจาก Northumbria University สาขา Design Management จากประเทศอังกฤษ หลังจากเริ่มทำงานคุณปอยเริ่มมีความสนใจเกี่ยวกับการเงิน การวางแผนภาษี รวมไปถึงการลงทุนในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกองทุนรวมและประกันชีวิต จึงเริ่มศึกษาหาประสบการณ์ด้านนี้โดยตรงผ่านการเรียนคอร์สต่าง ๆ และเข้าอบรม รวมทั้งสั่งสมประสบการณ์ในการทำงานเป็นนักวางแผนการเงินมืออาชีพอิสระมามากว่า 4 ปี ปัจจุบันคุณปอยมีใบอนุญาตเป็นผู้แนะนำการลงทุนในประเทศไทยและมีลูกค้าภายใต้การดูแลไม่ต่ำกว่า 50 คน สำหรับประเภทของแผนการเงินที่คุณปอยมีความชำนาญเป็นพิเศษ ได้แก่ แผนการออมเพื่อการเกษียณอายุ แผนการออมเพื่อการลดหย่อนภาษี แผนการออมเพื่อการศึกษาบุตรและแผนการเงินเพื่อการส่งต่อมรดก
มายเบสท์ เว็บไซต์แนะนำสินค้าที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 4 ล้านคนต่อเดือน หัวใจของภารกิจของเราคือ ความมุ่งมั่นที่จะให้คำแนะนำที่น่าเชื่อถือได้ เราได้รับการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญในหมวดหมู่สินค้าที่หลากหลาย การเดินทางของเราเริ่มต้นด้วยวิสัยทัศน์ที่เรียบง่าย เพื่อสร้างแพลตฟอร์มที่ผู้บริโภคสามารถค้นหาคำแนะนำผลิตภัณฑ์ที่น่าเชื่อถือได้ และใช้งานได้จริง เราเข้าใจดีว่า การตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภคมีความต้องการที่แตกต่างกัน นั่นเป็นเหตุผลที่เราทุ่มเทในการนำเสนอคำแนะนำที่ชัดเจน กระชับ มีการวิจัยมาเป็นอย่างดี และตรวจสอบความถูกต้องโดยผู้เชี่ยวชาญ ทีมงานของเราประกอบด้วยบรรณาธิการและผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในหมวดหมู่ต่าง ๆ เจาะลึกลงไปในผลิตภัณฑ์แต่ละประเภท นำเสนอข้อมูลเชิงลึก เราเชื่อในพลังของวิธีการเลือกสินค้าที่มีข้อมูลครบถ้วน เราเป็นมากกว่าเว็บไซต์ เราเป็นชุมชนของบุคคลที่มีความกระตือรือร้นซึ่งให้ความสำคัญกับคุณภาพในการค้นหาผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด ซึ่งจะช่วยทำให้โลกของการช้อปปิ้งออนไลน์เป็นประสบการณ์ที่ง่ายและสนุกสนานยิ่งขึ้นสำหรับทุกคน
ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเฉพาะ "วิธีการเลือก" เท่านั้น สินค้าและบริการที่ปรากฏอยู่ในบทความไม่ได้ถูกเลือกโดยผู้เชี่ยวชาญ
สารบัญ
ในส่วนของตลาดหุ้นอเมริกานั้นเป็นตลาดหุ้นที่มูลค่ามากที่สุดในโลก โดยเปิดทำการซื้อขายแลกเปลี่ยนหุ้นกันอยู่ 2 ตลาด
เพราะตลาดหุ้นอเมริกานั้นมีมูลค่ามากที่สุดในโลก จึงทำให้กองทุนอเมริกาในแต่ละกองทุนเลือกที่จะวางแผนและบริหารกองทุนเพื่อให้เกิดผลตอบแทนจากมูลค่าของตลาดดังกล่าวให้มากที่สุด ซึ่งการวางแผนและการบริหารกองทุนที่แตกต่างกันนี้เองทำให้คุณต้องพิจารณาเลือกกองทุนอเมริกาอย่างรอบคอบ
อเมริกานั้นมีตลาดหุ้นอยู่ถึง 2 แห่ง จึงมีจำนวนบริษัทที่จดทะเบียนอยู่เป็นจำนวนมาก ผู้จัดการกองทุนอเมริกาในแต่ละกองก็จะมีกลยุทธ์เพื่อทำการคัดเลือกหุ้นเข้าในพอร์ตการลงทุนที่แตกต่างกัน โดยสามารถแบ่งได้เป็น 2 วิธี
กองทุนอเมริกาแบบ Passive Management เป็นกองทุนที่ต้องการให้ผลประกอบการของกองทุนนั้นเคลื่อนไหวตามดัชนีของตลาดหุ้น ไม่มีการใช้กลยุทธ์ในการบริหารจัดการมากเท่าไหร่นักเพราะคัดเลือกหุ้นโดยอิงจากดัชนีตลาดหุ้นเป็นหลัก ดังนั้นจึงมักจะมีค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับกองทุนที่ต่ำ ซึ่งดัชนีตลาดหุ้นของอเมริกานั้นมีอยู่ด้วย 3 ดัชนี
กองทุนอเมริกาที่มีกลยุทธ์แบบ Active Management เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนแบบเชิงรุก ต้องการทำผลตอบแทนเหนือกว่าตัวชี้วัดหรือ Benchmark ซึ่งโดยส่วนใหญ่ตัวชี้วัดดังกล่าวจะหมายถึงดัชนีของตลาดหุ้นซึ่งกองแบบ Active จะคอยหาจังหวะที่เหมาะสมในการซื้อ-ขาย เพื่อทำผลตอบแทนให้ดีกว่าค่าเฉลี่ยครับ แต่ว่ากองทุนรูปแบบนี้จำเป็นต้องใช้ความเชี่ยวชาญของผู้บริหารกองทุนคอยดูทิศทางตลาด และคอยดูจังหวะที่เหมาะสมในการเข้าลงทุนหรือขายเพื่อทำกำไร
กองทุนประเภทนี้จึงมีค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับกองทุนสูงและมีความเสี่ยงมากขึ้น แต่ก็เพิ่มโอกาสที่จะทำกำไรได้มากขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้กองทุนประเภทนี้ยังมีความได้เปรียบในช่วงที่ตลาดหุ้นเกิดการชะลอตัว เพราะการคัดเลือกหุ้นของผู้จัดการกองทุนนั้นไม่ได้อิงกับดัชนีของตลาดนั่นเอง
ตลาดเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาประกอบไปด้วยธุรกิจที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งและมีความมั่นคง รวมไปถึงบริษัทที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วและพร้อมจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา ทำให้เป้าหมายในการลงทุนของแต่ละกองทุนก็มีความแตกต่างกันไปตามลักษณะของธุรกิจอีกด้วย
กองทุนอเมริกาที่เน้นการลงทุนแบบ Growth หมายถึง เลือกลงทุนในบริษัทที่มีมูลค่าราคาต่อบัญชี (PE) สูง จะเลือกลงทุนในหุ้นจากบริษัทที่กำลังมีการเติบโต โดยดูได้จากยอดขายและรายได้ของบริษัท อีกทั้งศักยภาพในอนาคตซึ่งประเมินได้จากแนวคิดการขยายกิจการของบริษัทต่าง ๆ ที่อาจจะต้องมีการระดมทุนเป็นจำนวนมาก บริษัทที่เป็นแบบ Growth มักจะมีกระแสเงินสดต่ำอีกทั้งยังไม่นิยมจ่ายเงินปันผล เพราะต้องการนำกำไรที่ได้จากการดำเนินกิจการไปต่อยอดเพื่อสร้างมูลค่าในอนาคต
กองทุนหุ้น Value นั้นหมายถึง เลือกลงทุนในบริษัทที่มีมูลค่าราคาต่อบัญชี (PE) ต่ำ อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง และอัตราส่วนราคาต่อกำไรต่ำ หุ้นมูลค่าส่วนใหญ่จะเป็นธุรกิจที่มีขนาดใหญ่ เน้นการกระจายเงินลงทุนในบริษัทที่มีความแข็งแกร่งและมั่นคง อาจจะไม่ได้เติบโตแบบก้าวกระโดด แต่จะค่อย ๆ โตไปเรื่อย ๆ ยกตัวอย่างเช่น ธุรกิจการเงิน การดูแลสุขภาพ อุตสาหกรรม หุ้นพลังงาน
บริษัทเหล่านี้แม้ว่าจะมาถึงจุดที่ค่อนข้างจะอิ่มตัว แต่ก็ยังสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ในอนาคต เนื่องจากยังเป็นธุรกิจที่เป็นที่ต้องการ เพราะมีผลกำไรจากการประกอบกิจการที่ผ่าน ๆ มาเป็นจำนวนมาก จึงทำให้สามารถจ่ายเงินปันผลคืนให้กับผู้ลงทุนอย่างสม่ำเสมอ โดยมักจะจ่ายให้ในสัดส่วนที่สูงมากเมื่อเทียบกับกิจการอื่น ๆ ในกลุ่มธุรกิจเดียวกัน
กองทุนนั้นก็จะมีทั้งแบบที่จ่ายเงินปันผลและแบบไม่จ่ายเงินปันผลครับ ซึ่งหากว่าเป็นแบบที่มีการจ่ายเงินปันผล นักลงทุนก็จะได้รับเงินปันผลออกมาก่อน อาจจะปีละครั้งหรือปีละสองครั้งขึ้นอยู่กับนโยบายของกองทุนที่เลือกลงทุน สำหรับกองทุนแบบที่จ่ายเงินปันผลนั้น จะเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการให้มีเงินหมุนเวียน เพื่อใช้ในชีวิตประจำวันหรืออาจจะมีความต้องการที่จะนำเงินปันผลไปลงทุนต่อนั่นเองครับ
ข้อดีของการเลือกกองทุนอเมริกาที่มีการจ่ายปันผลก็คือ ช่วยให้คุณมีรายได้เพิ่มขึ้น แต่ก็มีข้อเสียคือ เงินปันผลเหล่านี้ต้องถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% และการจ่ายปันผลเองก็จะทำให้มูลค่าหน่วยลงทุนนั้นลดลง ทำให้ไม่มีการเติบโตมากในอนาคตเท่ากับกองทุนที่ไม่ได้จ่ายปันผล แต่สำหรับนักลงทุนที่ต้องการสร้างผลกำไรแบบสูงสุด และไม่ต้องการสภาพคล่องเพื่อนำเงินมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน การเลือกกองทุนแบบไม่จ่ายปันผลอาจจะเหมาะสมกว่าครับ
สหรัฐอเมริกานั้นเป็นผู้นำทางธุรกิจในหลาย ๆ ด้านไม่ว่าจะเป็น การเงิน พลังงาน เทคโนโลยีและการสื่อสาร กองทุนอเมริกาบางกองอาจจะเลือกกระจายการลงทุนไปยังกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ให้ครอบคลุมมากที่สุด ในขณะที่บางกองทุนอาจจะเลือกลงทุนโดยกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มธุรกิจที่มีการเติบโตสูง
กองทุนที่เลือกกระจายการลงทุนนั้นย่อมจะมีความเสี่ยงที่น้อยกว่าแบบกระจุกตัว แต่ก็โอกาสในการทำกำไรของกองทุนที่ลงทุนแบบกระจุกตัวในกลุ่มธุรกิจจะมีสูงกว่ากองทุนที่มีการกระจายการลงทุน ทั้งนี้ผู้จัดการกองทุนอาจจะมีการปรับเปลี่ยนสัดส่วนการลงทุนอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นคุณจึงควรศึกษาข้อมูลนโยบายกองทุนผ่าน Fund Fact Sheet เป็นประจำทุกไตรมาส
สินค้า | รูปภาพ | ราคาต่ำสุด | คะแนน | |
---|---|---|---|---|
1 | Krungthai Asset Management กองทุนอเมริกา กองทุนเปิดเคแทม ยูเอส โกรท อิควิตี้ ฟันด์ - KT-US-A | ![]() | เน้นการเติบโตในระยะยาวอย่างมั่นคง ด้วยหุ้นบริษัทใหญ่แต่ก้าวหน้า | |
2 | Tisco Asset Management กองทุนอเมริกา กองทุนเปิด ทิสโก้ ยูเอส อิควิตี้ อันเฮดจ์ - TUSEQ-UH | ![]() | อ้างอิงดัชนี S&P 500 เพิ่มผลตอบแทนตามมูลค่าตลาดอเมริกา | |
3 | ABERDEEN กองทุนอเมริกา กองทุนเปิด อเบอร์ดีน สแตนดาร์ด อเมริกัน โกรท ฟันด์ - ABAG | ![]() | ผลตอบแทนโดดเด่น เติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีความผันผวนต่ำ | |
4 | TMBAM Eastspring กองทุนอเมริกา กองทุนเปิดทหารไทย US Blue Chip Equity - TMBUSBLUECHIP | ![]() | สร้างความมั่งคั่งอย่างยั่งยืนด้วยหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่งและมั่นคง | |
5 | Kasikorn Asset Management กองทุนอเมริกา กองทุนเปิด เค ยูเอสเอ หุ้นทุน-A ชนิดจ่ายเงินปันผล - K-USA-A(D) | ![]() | สร้างมูลค่าแบบก้าวกระโดดผ่านหุ้นที่ตอบโจทย์คนในยุคไอที | |
6 | ABERDEEN กองทุนอเมริกา กองทุนเปิด อเบอร์ดีน สแตนดาร์ด อเมริกัน โกรท - สมอลเลอร์ คอมพานี ฟันด์ - ABAGS | ![]() | สร้างผลตอบแทนด้วยหุ้นบริษัทเล็กมูลค่าไม่เกิน 5 พันล้านเหรียญ | |
7 | SCB Asset Management กองทุนอเมริกา กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้นยูเอส ดีเจไอ ชนิดสะสมมูลค่า - SCBDJI(A) | ![]() | ลงทุนโดยอ้างอิงดัชนี Dow Jones ดัชนีเก่าแก่ที่มีการใช้มายาวนาน | |
8 | King Wai Asset Management กองทุนอเมริกา กองทุนเปิด เคดับบลิวไอ ยูเอส แบงค์ อิควิตี้ เอฟไอเอฟ ชนิดสะสมมูลค่า - KWI USBANK-A | ![]() | เน้นการลงทุนในกลุ่มสถาบันการเงินและการธนาคารของอเมริกา | |
9 | Krungsri Asset Management กองทุนอเมริกา กองทุนเปิดกรุงศรียูเอสสมอล-มิดแคปอิควิตี้เฮดจ์เอฟเอ็กซ์ - KF-HSMUS | ![]() | เน้นการลงทุนในกลุ่มบริษัทขนาดเล็กและกลางที่มีศักยภาพเติบโต | |
10 | BCAP Asset Management กองทุนอเมริกา กองทุนเปิดบีแคป หุ้นยูเอส เอ็นดี 100 - BCAP-USND100 | ![]() | จัดสรรการลงทุนตามดัชนี NASDAQ-100 เน้นหุ้นไอทีที่ร้อนแรง |
กองทุนอเมริกาที่มีกองทุนหลักคือ AB American Growth Portfolio เป็นกองทุนที่ใช้กลยุทธ์การจัดสรรเงินลงทุนแบบ Active Management โดยเน้นการลงทุนในหุ้นของกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีศักยภาพในการเติบโตอย่างมั่นคงในอนาคต ดังนั้นหุ้นในพอร์ตของกองทุนจึงมักจะเป็นบริษัทไอทีชั้นนำอย่าง Alphabet หรือ Google, Microsoft, Amazon, Facebook และ Visa มีผลการดำเนินงานที่สูงอย่างต่อเนื่องและชนะ Benchmark ในบางปี
กองทุนอเมริกาแบบ Passive Management มีกองทุนหลักคือ SPDR S&P 500 ETF ซึ่งเป็นกองทุนที่บริหารเงินลงทุนโดยอ้างอิงดัชนี S&P 500 ซึ่งเป็นดัชนีตลาดหุ้นอเมริกาที่ได้รับการยอมรับกันเป็นอย่างมากว่าสามารถสะท้อนมูลค่าของเศรษฐกิจของอเมริกาได้ดี เป็นกองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงทั้งในกลุ่มของกองทุนอเมริกาด้วยกันเองและกองทุนโดยรวมทุกประเภท ให้ผลตอบแทนที่มีความใกล้เคียงกับดัชนี S&P 500 ที่ใช้อ้างอิง และยังมีการเก็บค่าธรรมเนียมจริงที่ต่ำ
กองทุนอเมริกาจากกองหลักอย่าง Aberdeen Standard SICAV I - North American Equity Fund ซึ่งเป็นกองทุนที่มุ่งหวังผลตอบแทนที่เหนือกว่าตัวชี้วัดหรือ Active Management โดยตัวชี้วัดของกองทุนคือดัชนี S&P 500 เน้นการลงทุนในกลุ่มธุรกิจที่มีผลการดำเนินงานที่โดดเด่น แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นบริษัทใหญ่ที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง ทำให้สร้างผลตอบแทนที่โดดเด่นและติดอันดับต้น ๆ อยู่เป็นประจำ นอกจากนี้ยังมีความผันผวนของผลตอบแทนต่ำอีกด้วย
กองทุนอเมริกาที่เลือกใช้กลยุทธ์แบบ Active Management โดยมีกองทุนหลักหรือกองแม่อย่าง T. Rowe Price Funds SICAV — US Blue Chip Equity Fund ซึ่งเป็นกองทุนที่เน้นการลงทุนในกลุ่มธุรกิจที่มีลักษณะเป็น Blue Chip ซึ่งหมายถึงบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งและดำเนินกิจการได้อย่างยั่งยืน เช่น Microsoft, Apple, Paypal, Visa และ Amazon มีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นและสามารถเอาชนะค่า Benchmark อย่างดัชนี S&P 500 ได้ในหลาย ๆ ปี อีกด้วย
กองทุนอเมริกาแบบ Active Management มีกองทุนหลักคือ Morgan Stanley US Advantage Fund - I Shares การันตีด้วย 5 ดาวจาก Morningstar ซึ่งเน้นการลงทุนในกลุ่มธุรกิจที่สามารถตอบโจทย์คนในยุคไอที ดังนั้นจึงมักเป็นธุรกิจที่ประกอบกิจการเกี่ยวกับ E-Commerce และ Information Technology เมื่อพิจารณาผลการดำเนินงานที่ผ่านมานั้นทำได้สูงและติดอันดับต้น ๆ ของกลุ่มมาโดยตลอด อีกทั้งยังสามารถสร้างมูลค่าได้เหนือกว่า Benchmark ซึ่งเป็นดัชนีสำคัญอย่าง S&P 500
กองทุนอเมริกาที่เจ้าของกองทุนหลักในต่างประเทศมาเปิดดำเนินการด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นกองทุนที่เลือกใช้กลยุทธ์ Active Management คัดเลือกหุ้นจากบริษัทเล็ก ๆ ที่มีมูลค่าไม่เกิด 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ แต่เป็นบริษัทที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วและมีแนวโน้มจะกลายเป็นแถวหน้าในกลุ่มธุรกิจในอนาคต เป็นกองทุนที่มีผลการดำเนินงานดีเมื่อเทียบกับกองทุนที่คล้ายกัน อีกทั้งยังสามารถเอาชนะค่า Benchmark ในบางปีอีกด้วย พร้อมกันนี้ยังมีค่าธรรมเนียมที่ไม่สูงเกินไป
กองทุนอเมริกาที่มีกองทุนหลักคือ SPDR Dow Jones Industrial Average ETF Trust ใช้กลยุทธ์แบบ Passive Management โดยมุ่งหวังให้กองทุนสร้างผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีที่มีการใช้งานมายาวนานอย่าง Dow Jones กองทุนดังกล่าวยังมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไว้อย่างเต็มจำนวนอีกด้วย อีกทั้งยังมีค่าธรรมเนียมกองทุนที่ต่ำ ดังนั้นเมื่อพิจารณาผลการดำเนินงานเทียบเคียงกับดัชนีที่ใช้เป็น Benchmark มีความใกล้เคียงกันอย่างมาก
กองทุนอเมริกาที่มีกองทุนหลักคือ Manulife Advanced Fund SPC - U.S. Bank Equity Segregated Portfolio (the “U.S. Bank Equity Fund”) (Class AA USD) เลือกใช้กลยุทธ์แบบ Active Management และมีนโยบายที่เน้นการลงทุนในกลุ่มสถาบันการเงินและการธนาคารของสหรัฐอเมริกา จึงมีความเสี่ยงที่สูงกว่ากองทุนอื่น ๆ แต่ก็มีโอกาสในการสร้างผลตอบแทนมากขึ้นเนื่องจากเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีความเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา มีเกณฑ์เงินลงทุนขั้นต่ำที่ค่อนข้างสูง
กองอเมริกาที่มีกลยุทธ์ในการบริหารกองทุนด้วยวิธี Active Management โดยลงทุนในกองทุนหลักคือ Schroder International Selection Fund - US Small & Mid Cap Equity ซึ่งเป็นกองทุนที่มีนโยบายเลือกลงทุนในบริษัทที่มีขนาดเล็กไปจนถึงกลางที่มีศักยภาพในการเติบโตโดยพิจารณาจากผลการดำเนินงานในปีที่ผ่าน ๆ มา เพื่อสร้างผลตอบแทนในอนาคต แต่เมื่อดูผลการดำเนินงานของกองทุนย้อนหลังแล้วยังไม่สามารถเอาชนะค่า Benchmark ได้
กองทุนอเมริกาแบบ Passive Management มีกองทุนหลักคือ Invesco QQQ Trust เป็นกองทุนที่เลือกลงทุนโดยอ้างอิงดัชนี NASDAQ-100 เป็นหลัก ซึ่งดัชนีดังกล่าวเป็นดัชนีที่คัดเลือกหุ้นแกร่งจากตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ที่มักจะเป็นบริษัทชั้นนำทางด้านเทคโนโลยีอย่าง Apple, Microsoft และ Google เมื่อพิจารณาผลการดำเนินงานของกองทุนย้อนหลังแล้วให้ผลที่ใกล้เคียงกับดัชนี NASDAQ-100 แต่ทางกองทุนดังกล่าวไม่มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผล
เชื่อว่าหลายคนน่าจะสนใจที่จะลงทุนในกองทุนอเมริกาอยู่ในระดับหนึ่ง แต่ไม่มั่นใจและมีข้อสงสัยอยู่บ้าง ในวันนี้ เรามีคำตอบเพิ่มเติมจากผู้เชี่ยวชาญมาฝากกันครับ
กองทุนอเมริกานั้นจัดว่าเป็นกองทุนที่ไปลงทุนในต่างประเทศและมีความเสี่ยงที่ค่อนข้างสูง เพราะฉะนั้นหากเป็นนักลงทุนมือใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์เลยอาจจะไม่เหมาะถ้าจะลงทุนในกองทุนชนิดนี้ชนิดเดียวครับ แต่หากว่าจัดพอร์ตให้เหมาะสมกับความเสี่ยงที่นักลงทุนสามารถรับได้ ก็สามารถช่วยกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนได้ดีครับ
ตลาดทุนอเมริกานั้นมีความหลากหลายของธุรกิจและยังเป็นผู้นำของโลกทั้งในเรื่องความแข็งแกร่งทางการเงิน นวัตกรรมของธุรกิจ และยังเป็นศูนย์กลางของนโยบายทางการเงินที่สามารถส่งผลกระทบต่อทุก ๆ ประเทศในโลกได้เลยครับ แม้ว่าปัจจุบันจะมีตลาดทุนในประเทศอื่นที่มีการเติบโตที่สูงเทียบเท่ากับตลาดอเมริกา แต่ถ้าพูดถึงความน่าเชื่อถือแล้ว ผมยังให้อเมริกาเป็นประเทศที่น่าสนใจอันดับต้น ๆ ครับผม
ปัจจุบันบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนหลาย ๆ เจ้าในบ้านเราก็มีกองทุนที่ลงทุนในอเมริกา เพราะฉะนั้นหากผู้อ่านต้องการที่จะลงทุนในกองทุนอเมริกาก็สามารถติดต่อสอบถามผ่านบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นลูกค้าอยู่แล้วได้เลยครับ ซึ่งหากว่าไม่มีความรู้เลยปัจจุบันก็สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ง่าย ๆ ผ่านทาง Google หรือ YouTube ครับผม
ตลาดเศรษฐกิจอเมริกาแม้ว่าจะเป็นตลาดที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก แต่ก็ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยังไม่ถึงจุดอิ่มตัว ดังนั้นจึงมีความเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ทำให้เกิดความผันผวนได้ในบ่อยครั้ง ดังนั้นการพิจารณากองทุนก็ไม่ควรดูแค่ผลตอบแทนที่ได้หรือการเปรียบเทียบกับตัวชี้วัดหรือดัชนีเพียงอย่างเดียว แต่ควรจะสำรวจดูว่าช่วงที่กองทุนนั้นมีผลขาดทุน อยู่ในระดับที่คุณสามารถยอมรับได้หรือไม่ และมีการขาดทุนนานแค่ไหน เพื่อให้สอดคล้องกับระยะเวลาที่คุณต้องการถือหน่วยลงทุนนั่นเอง
อันดับที่ 1: Krungthai Asset Management|กองทุนอเมริกา กองทุนเปิดเคแทม ยูเอส โกรท อิควิตี้ ฟันด์ - KT-US-A
อันดับที่ 2: Tisco Asset Management|กองทุนอเมริกา กองทุนเปิด ทิสโก้ ยูเอส อิควิตี้ อันเฮดจ์ - TUSEQ-UH
อันดับที่ 3: ABERDEEN|กองทุนอเมริกา กองทุนเปิด อเบอร์ดีน สแตนดาร์ด อเมริกัน โกรท ฟันด์ - ABAG
อันดับที่ 4: TMBAM Eastspring|กองทุนอเมริกา กองทุนเปิดทหารไทย US Blue Chip Equity - TMBUSBLUECHIP
อันดับที่ 5: Kasikorn Asset Management|กองทุนอเมริกา กองทุนเปิด เค ยูเอสเอ หุ้นทุน-A ชนิดจ่ายเงินปันผล - K-USA-A(D)
คลิกที่นี่สำหรับการจัดอันดับคำบรรยายสินค้าแต่ละรายการอ้างอิงจากเนื้อหาที่แสดงในเว็บไซต์ผู้ผลิต แบรนด์ และเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ
เครื่องดื่ม
วัสดุก่อสร้าง, เครื่องมือและอุปกรณ์ช่าง
สวนและอุปกรณ์ในสวน
ความงาม, ของใช้ส่วนตัว
โน้ตบุ๊ก, PC, อุปกรณ์ไอที
ของใช้ในบ้าน, อุปกรณ์ในบ้าน
เครื่องใช้ไฟฟ้า
กล้อง
เครื่องสำอาง, สกินแคร์
สุขภาพ
อาหาร
เครื่องใช้ในครัว
แฟชั่น
รองเท้า
นาฬิกา, เครื่องประดับ
แม่และเด็ก
เฟอร์นิเจอร์, อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน
งานอดิเรก
กิจกรรมกลางแจ้ง
DIY, เครื่องเขียน, อุปกรณ์สำนักงาน
กีฬา
สัตว์เลี้ยง
หนังสือ
เกม
รถยนต์, รถจักรยานยนต์, อุปกรณ์เสริม
ของขวัญ, ของฝาก
ท่องเที่ยว
สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, อุปกรณ์เสริม
เครือข่ายมือถือ
การลงทุน
เครดิตการ์ด, สินเชื่อ, ประกัน
ดนตรี, เครื่องเสียง
แอปพลิเคชัน, โปรแกรม
บริการ