การออมเงินเป็นเรื่องสำคัญที่คุณควรให้ความใส่ใจ เพราะการออมเงินจะช่วยให้คุณมีเงินสำรองเอาไว้ใช้ในยามฉุกเฉินหรือยามเกษียณ ซึ่งการออมเงินในสมัยก่อนนั้นมักจะเป็นการฝากเงินในบัญชีธนาคารเพื่อรับดอกเบี้ย แต่ปัจจุบันหลายคนเริ่มสนใจนำเงินออมไปลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ เพื่อให้เกิดผลตอบแทนที่ดีกว่าการออมเงินกับธนาคาร หนึ่งในการลงทุนที่ได้รับความนิยมก็คือ การลงทุนในกองทุนรวม ที่มีผู้จัดการกองทุนคอยช่วยบริหารเงินให้คุณ
กองทุนรวมเป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนชนิดหนึ่งที่มีบริษัทหรือสถาบันการเงินต่าง ๆ เป็นผู้ก่อตั้งขึ้น ทำให้มีหลากหลายกองทุนให้คุณเลือกพิจารณา โดยแต่ละกองทุนก็จะมีความแตกต่างกันไปและอาจจะทำให้การลงทุนในกองทุนรวมของคุณนั้นไม่บรรลุเป้าหมายตามที่ต้องการได้ วันนี้เราจึงจะนำวิธีการเลือกกองทุนรวมต่าง ๆ พร้อมคำแนะนำจากนักวางแผนการเงิน รวมถึง 10 กองทุนรวม ที่ได้รับความนิยมและโดดเด่นในเรื่องของผลตอบแทนมาให้คุณได้พิจารณาเป็นตัวเลือกกันครับ
Top 5 กองทุนรวม
KASIKORN Asset Management
กลยุทธ์การลงทุนแบบ Passive มุ่งสร้างผลตอบแทนตามดัชนี ICT
TALIS Asset Management
สร้างผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น ลงทุนในหุ้นแนวโน้มเติบโดดีทางธุรกิจ
KASIKORN Asset Management
สร้างผลตอบแทนจากหุ้นสหรัฐอเมริกา โดดเด่นด้วยนโยบายปันผล
MFC Asset Management
ลงทุนในหุ้นแนวโน้มปันผลดี มีปัจจัยพื้นฐานเอื้อเติบโตได้ในอนาคต
คุณปอยเรียนจบปริญญาตรีสาขาบริหารธุรกิจ จาก Assumption University และปริญญาโทจาก Northumbria University สาขา Design Management จากประเทศอังกฤษ หลังจากเริ่มทำงานคุณปอยเริ่มมีความสนใจเกี่ยวกับการเงิน การวางแผนภาษี รวมไปถึงการลงทุนในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกองทุนรวมและประกันชีวิต จึงเริ่มศึกษาหาประสบการณ์ด้านนี้โดยตรงผ่านการเรียนคอร์สต่าง ๆ และเข้าอบรม รวมทั้งสั่งสมประสบการณ์ในการทำงานเป็นนักวางแผนการเงินมืออาชีพอิสระมามากว่า 4 ปี ปัจจุบันคุณปอยมีใบอนุญาตเป็นผู้แนะนำการลงทุนในประเทศไทยและมีลูกค้าภายใต้การดูแลไม่ต่ำกว่า 50 คน สำหรับประเภทของแผนการเงินที่คุณปอยมีความชำนาญเป็นพิเศษ ได้แก่ แผนการออมเพื่อการเกษียณอายุ แผนการออมเพื่อการลดหย่อนภาษี แผนการออมเพื่อการศึกษาบุตรและแผนการเงินเพื่อการส่งต่อมรดก
มายเบสท์ เว็บไซต์แนะนำสินค้าที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 4 ล้านคนต่อเดือน หัวใจของภารกิจของเราคือ ความมุ่งมั่นที่จะให้คำแนะนำที่น่าเชื่อถือได้ เราได้รับการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญในหมวดหมู่สินค้าที่หลากหลาย การเดินทางของเราเริ่มต้นด้วยวิสัยทัศน์ที่เรียบง่าย เพื่อสร้างแพลตฟอร์มที่ผู้บริโภคสามารถค้นหาคำแนะนำผลิตภัณฑ์ที่น่าเชื่อถือได้ และใช้งานได้จริง เราเข้าใจดีว่า การตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภคมีความต้องการที่แตกต่างกัน นั่นเป็นเหตุผลที่เราทุ่มเทในการนำเสนอคำแนะนำที่ชัดเจน กระชับ มีการวิจัยมาเป็นอย่างดี และตรวจสอบความถูกต้องโดยผู้เชี่ยวชาญ ทีมงานของเราประกอบด้วยบรรณาธิการและผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในหมวดหมู่ต่าง ๆ เจาะลึกลงไปในผลิตภัณฑ์แต่ละประเภท นำเสนอข้อมูลเชิงลึก เราเชื่อในพลังของวิธีการเลือกสินค้าที่มีข้อมูลครบถ้วน เราเป็นมากกว่าเว็บไซต์ เราเป็นชุมชนของบุคคลที่มีความกระตือรือร้นซึ่งให้ความสำคัญกับคุณภาพในการค้นหาผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด ซึ่งจะช่วยทำให้โลกของการช้อปปิ้งออนไลน์เป็นประสบการณ์ที่ง่ายและสนุกสนานยิ่งขึ้นสำหรับทุกคน
ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเฉพาะ "วิธีการเลือก" เท่านั้น สินค้าและบริการที่ปรากฏอยู่ในบทความไม่ได้ถูกเลือกโดยผู้เชี่ยวชาญ
สารบัญ
มายเบสท์เป็นเว็บไซต์ที่มีการจัดทำฐานข้อมูลสินค้าที่มีการเพิ่มข้อมูลสินค้าเข้าไปมากกว่า 2,000 รายการในแต่ละเดือน ซึ่งในแต่ละบทความเราได้ใช้เวลาในการจัดทำเนื้อหาและทำการค้นคว้าข้อมูลมาอย่างละเอียด รวมทั้งสัมภาษณ์และตรวจสอบข้อมูลโดยผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้าน เพื่อนำความรู้และข้อมูลเชิงลึกทั้งหมดนี้มาส่งมอบเป็นบทความที่ผู้อ่านสามารถเชื่อถือได้
กองทุนรวม (Mutual Fund) เกิดจากการระดมและรวบรวมเงินจากบุคคลทั่วไป เพื่อนำไปลงทุนในหลักทรัพย์ต่าง ๆ โดยมีผู้จัดการกองทุนคอยดูแลและบริหารเงินลงทุนให้เกิดผลตอบแทนมากที่สุด อีกทั้งกองทุนรวมเองก็ยังมีสถานะเป็นนิติบุคคลที่ต้องถูกจดทะเบียนตามกฎหมาย ส่วนการลงทุนในหุ้นนั้นผู้ลงทุนจะต้องเป็นผู้บริหารเองทั้งหมด
จะลงทุนในหุ้นหรือกองทุนรวมดี ? มักจะเป็นคำถามที่หลายคนสงสัย เพราะการลงทุนทั้ง 2 แบบนั้นถือเป็นการลงทุนที่ได้รับความนิยมเหมือนกัน เนื่องจากคุณสามารถสร้างผลตอบแทนโดยที่ไม่ต้องบริหารกิจการ ซึ่งทั้งหุ้นและกองทุนรวมนั้นมีความเสี่ยงในการลงทุนคล้าย ๆ กัน แต่หุ้นนั้นมักจะเป็นการพิจารณาเลือกหน่วยลงทุนโดยตัวคุณเอง และหลักทรัพย์ที่จะลงทุนได้นั้นจะต้องอยู่ในตลาดหุ้นเท่านั้น
ในขณะที่กองทุนรวม คุณจะมีผู้จัดการกองทุนคอยดูแลและเลือกจัดสรรการลงทุนอย่างเหมาะสม รวมไปถึงยังเลือกกระจายการลงทุนไปยังหลักทรัพย์อื่น ๆ นอกเหนือจากหุ้น เช่น ตราสารหนี้ หุ้นกู้ พันธบัตรรัฐบาล หรือเงินตราต่างประเทศ บางครั้งกองทุนรวมยังจะเลือกลงทุนในกลุ่มหุ้นอุตสาหกรรมเดียวกัน หรือกลุ่มหุ้นของต่างประเทศอีกด้วย นอกจากนี้ กองทุนรวมบางประเภทยังมีสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ทำให้ผู้ซื้อหน่วยลงทุนสามารถนำไปลดหย่อนภาษีเงินได้ครับ
กองทุนรวมก็มีให้เลือกกันมากมายหลายชนิด ดังนั้นเพื่อให้คุณสามารถเลือกลงทุนในกองทุนรวมได้อย่างเหมาะสม ทั้งกับงบประมาณ จุดประสงค์และความเสี่ยงที่คุณสามารถยอมรับได้ ก็ควรจะมาทำความเข้าใจถึงวิธีการพิจารณาเลือกกองทุนรวมกันเสียก่อนครับ
กองทุนรวมนั้นมีอยู่หลายประเภท โดยแต่ละประเภทจะมีความแตกต่างกันในเรื่องของหลักทรัพย์ที่ลงทุน ระยะเวลาในการลงทุน ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากการลงทุน และเงื่อนไขอื่น ๆ ถ้าคุณรู้จักกองทุนรวมแต่ละชนิดดีขึ้นก็จะช่วยให้คุณเลือกกองทุนรวมได้อย่างเหมาะสมยิ่งขึ้น
กองทุนรวมตลาดเงินในประเทศเป็นกองทุนรวมที่เลือกลงทุนในเงินฝากและตราสารหนี้ที่มีอายุไม่เกิน 1 ปี โดยจะลงทุนในกลุ่มธนาคาร สถาบันการเงินหรือรัฐบาลภายในประเทศ ซึ่งมีความน่าเชื่อถือและมีความมั่นคงว่าจะได้รับผลตอบแทนกลับมา ทำให้มีความเสี่ยงในระดับต่ำที่สุด เหมาะสำหรับผู้ลงทุนมือใหม่ที่ยังไม่ค่อยมีประสบการณ์และไม่ชอบความเสี่ยงมากนัก รวมไปถึงผู้ที่ต้องการผลตอบแทนในระยะเวลาอันสั้นครับ
เป็นกองทุนรวมที่มีความคล้ายกับกองทุนรวมตลาดเงินในประเทศ คือเลือกลงทุนในเงินฝากและตราสารหนี้ที่มีกำหนดครบชำระภายใน 1 ปี แต่จะมีการลงทุนกับธนาคาร สถาบันทางการเงินหรือรัฐบาลต่างประเทศเพิ่มเข้ามาด้วย ทำให้มีความเสี่ยงมากขึ้นจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน แต่ถ้าค่าเงินแลกเปลี่ยนนั้นเปลี่ยนไปในทางที่เป็นประโยชน์ต่อกองทุนรวม ก็จะช่วยให้ได้รับผลตอบแทนที่มากขึ้นกว่าเดิม เหมาะสำหรับมือใหม่หัดลงทุนและผู้ที่ต้องการลงทุนในระยะสั้นด้วยเช่นกัน
ในส่วนของกองทุนรวมพันธบัตรรัฐบาลจะเป็นกองทุนรวมที่เลือกลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งพันธบัตรรัฐบาลก็เหมือนกับการที่เรานำเงินไปให้รัฐบาลกู้เพื่อใช้ในการบริหารประเทศ โดยระยะเวลาในการลงทุนนั้นมักจะมากกว่า 1 ปีขึ้นไป มีความเสี่ยงในระดับต่ำเพราะผลตอบแทนที่ได้รับนั้นจะอยู่ในรูปแบบของดอกเบี้ยซึ่งมีอัตราส่วนที่สม่ำเสมอและแน่นอน อีกทั้งรัฐบาลเองก็เป็นผู้ที่ออกพันธบัตรเหล่านี้ จึงช่วยให้ผู้ซื้อหน่วยลงทุนมีความมั่นใจมากขึ้น
กองทุนนี้จะเป็นกองทุนรวมที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ ซึ่งตราสารหนี้หรือบางครั้งก็ถูกเรียกว่า หุ้นกู้ ก็เปรียบเสมือนการที่เรานำเงินไปให้ภาคเอกชนกู้เพื่อดำเนินกิจการต่าง ๆ มีความเสี่ยงในระดับต่ำ เนื่องจากผลตอบแทนที่ได้นั้นจะมาในรูปแบบของดอกเบี้ยเงินกู้ ซึ่งจะได้รับอย่างสม่ำเสมอและไม่มีความผันผวนมากนัก แต่หากใครที่ลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศก็คงต้องพิจารณาในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนที่อาจจะมีผลกระทบได้ครับ
กองทุนรวมตราสารหนี้เหมาะกับการพักเงินระยะสั้นถึงกลาง ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่ากองทุนตลาดเงินและกองทุนพันธบัตรรัฐบาล แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะขาดทุนได้เหมือนกันหากบริษัทที่ออกหุ้นกู้ไม่มีความสามารถในการชำระหนี้ครับ
ส่วนกองทุนรวมชนิดนี้จะเลือกลงทุนในกลุ่มตราสารทุนเป็นหลัก ตราสารทุนก็คือหุ้นที่เราคุ้นเคยกันอย่างดีนั่นเอง โดยเลือกลงทุนทั้งหุ้นสามัญ หุ้นบุริมสิทธิ และใบสำคัญแสดงสิทธิในการซื้อหลักทรัพย์ กองทุนรวมตราสารทุนจะสามารถผสมการลงทุนในตราสารหรือทรัพย์สินอื่น ๆ ด้วยก็ได้ แต่ต้องมีสัดส่วนของตราสารทุนไม่ต่ำกว่า 65% กองทุนรวมตราสารทุนนั้นมีทั้งการลงทุนในไทยและต่างประเทศ โดยส่วนมากจะให้ผลตอบแทนที่สูงแต่ก็แลกมาด้วยความเสี่ยงที่สูงเช่นกัน เพราะตลาดหุ้นนั้นมีความผันผวนค่อนข้างมาก
กองทุนรวมผสมเป็นกองทุนรวมที่เลือกลงทุนทั้งในตราสารทุน ตราสารหนี้และตราสารอื่น ๆ เพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มประสิทธิภาพในการได้ผลตอบแทนให้มากที่สุด อัตราส่วนของแต่ละตราสารนั้นจะแตกต่างกันไปในแต่ละกองทุน แต่เงื่อนไขสำคัญก็คือต้องมีสัดส่วนของตราสารทุนไม่น้อยกว่า 35% แต่ไม่เกิน 65% มีความเสี่ยงในระดับปานกลาง ให้ผลตอบแทนค่อนข้างดี เหมาะกับผู้ที่มีประสบการณ์ในระดับหนึ่งครับ ซึ่งกองทุนรวมผสมนั้นมีหลายรูปแบบ นักลงทุนจึงควรที่จะอ่านรายละเอียดจาก Fund Fact Sheet ให้ดีก่อนลงทุนเสมอครับ
กองทุนรวมประเภทนี้ก็ถือได้ว่าเป็นกองทุนรวมตราสารทุนประเภทหนึ่ง แต่เป็นการเลือกลงทุนในหุ้นหลาย ๆ ตัวที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน โดยมีสัดส่วนของการลงทุนในหุ้มกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกันไม่ต่ำกว่า 65% ของการลงทุนทั้งหมด กลุ่มอุตสาหกรรมที่คนนิยมซื้อหน่วยลงทุน ได้แก่ กลุ่มธนาคาร กลุ่มไอที หรือกลุ่มพลังงาน ให้ผลตอบแทนที่สูงมาก หากกลุ่มอุตสาหกรรมนั้นมีการเจริญเติบโต แต่ในขณะเดียวกันก็มีความเสี่ยงสูงมาก ๆ ด้วยเช่นกัน เนื่องจากเป็นการลงทุนกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งครับ กองทุนประเภทนี้จึงเหมาะกับนักลงทุนที่มีประสบการณ์แล้วเท่านั้นครับ
จุดประสงค์สำคัญที่หลายคนเลือกลงทุนในกองทุนรวมก็คือผลตอบแทนนั่นเอง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาเป็นลำดับต้น ๆ สำหรับนักลงทุนมือใหม่ ควรที่จะดูข้อมูลที่สำคัญจาก Fund Fact Sheet ให้เป็น และตรวจสอบดูผลตอบแทนของกองทุนว่าเป็นอย่างไร ซึ่งดูได้ทั้งจากตารางย้อนหลังทั้งรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน รายไตรมาส และรายปี ว่าให้ผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอหรือไม่ อีกทั้งควรจะเปรียบเทียบกับกองทุนรวมอื่น ๆ ที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน
นอกจากผลตอบแทนแล้วก็ควรจะพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ อย่างความเสี่ยงและความผันผวนของกองทุนรวมด้วยเช่นกัน โดยพิจารณาได้จาก Sharpe Ratio รวมไปถึง Maximum Drawdown ซึ่งเป็นการพิจารณาว่าผลตอบแทนขาดทุนสูงสุดของกองทุนรวมที่คุณสนใจนั้นอยู่ในระดับที่คุณรับได้หรือไม่ เพราะกองทุนรวมบางชนิดแม้จะให้ผลตอบแทนที่สูงแต่ก็มีความเสี่ยงสูงในการขาดทุนด้วยเช่นกัน
นอกจากผลตอบแทนแล้ว กองทุนรวมบางประเภทก็มีการจ่ายปันผลด้วยเช่นกัน โดยการจ่ายปันผลนั้นจะระบุเป็นจำนวนครั้งต่อปี ข้อดีของการจ่ายปันผลนั้นก็เหมือนกับคุณได้ Passive Income โดยที่ไม่ต้องไปทำงาน เป็นการเก็บเกี่ยวผลที่งอกเงยจากเงินลงทุนของคุณ เหมาะสำหรับคนที่เกษียณอายุและต้องการรายได้เสริมในแต่ละเดือน แต่การจ่ายเงินปันผลนั้นก็ไม่ใช่ข้อดีเสมอไปเพราะเงินปันผลเหล่านี้จะต้องเสียภาษี ดังนั้นจึงเหมาะกับคนที่มีเงินลงทุนในกองทุนรวมจำนวนมาก เพื่อจะได้คุ้มค่ากับภาษีที่ต้องจ่าย
สำหรับกองทุนรวมที่ไม่มีการจ่ายเงินปันผลนั้นจะเป็นลักษณะสะสมมูลค่า ซึ่งเป็นการนำเอาปันผลจากการลงทุนไปลงทุนเพิ่มเติมเพื่อสร้างผลตอบแทนในปริมาณที่มากขึ้นกว่าเดิม จึงเหมาะสำหรับคนที่มีรายได้ไม่มากและเพิ่งเริ่มต้นลงทุน การลงทุนในกองทุนรวมลักษณะนี้จะช่วยให้คุณเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ในระยะยาวได้ดียิ่งขึ้น
Fund Fact Sheet หรือ หนังสือชี้ชวนส่วนสรุปข้อมูลสำคัญของกองทุนรวม เป็นเอกสารที่มีความสำคัญที่ทุกคนควรจะต้องศึกษาให้ละเอียดก่อนจะตัดสินใจเลือกซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมดังกล่าว เพราะใน Fund Fact Sheet จะรวบรวมข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับกองทุนรวมนั้น ๆ โดยย่อ ซึ่งจะมีทั้งจุดประสงค์ นโยบาย การให้ผลตอบแทน ระดับความเสี่ยงที่ประเมินตามหลักเกณฑ์ รวมทั้งเงื่อนไขสำคัญของกองทุนรวม การศึกษาข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้คุณเห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้นว่ากองทุนรวมดังกล่าวเหมาะกับคุณหรือไม่ ตรงตามเป้าหมายในการลงทุนที่คุณตั้งไว้มากแค่ไหน
สินค้า | รูปภาพ | ราคาต่ำสุด | คะแนน | |
---|---|---|---|---|
1 | KASIKORN Asset Management K-ICT กองทุนเปิดเค ดัชนีหุ้นธุรกิจเทคโนโลยีและการสื่อสาร | ![]() | กลยุทธ์การลงทุนแบบ Passive มุ่งสร้างผลตอบแทนตามดัชนี ICT | |
2 | TALIS Asset Management TLMSEQ กองทุนเปิดทาลิส MID-SMALL CAP หุ้นทุน | ![]() | สร้างผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น ลงทุนในหุ้นแนวโน้มเติบโดดีทางธุรกิจ | |
3 | KASIKORN Asset Management K-USXNDQ-A(D) กองทุนเปิดเค หุ้นยูเอส ดัชนีเอ็นดีคิว 100-A ชนิดจ่ายเงินปันผล | ![]() | สร้างผลตอบแทนจากหุ้นสหรัฐอเมริกา โดดเด่นด้วยนโยบายปันผล | |
4 | MFC Asset Management MBT-G กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี-บีทีอินคัมโกรทฟันด์ ชนิดผู้ลงทุนทั่วไป | ![]() | ลงทุนในหุ้นแนวโน้มปันผลดี มีปัจจัยพื้นฐานเอื้อเติบโตได้ในอนาคต | |
5 | TISCO Asset Management TSF-A กองทุนเปิด ทิสโก้ สแตรทิจิก ฟันด์ ชนิดหน่วยลงทุน A | ![]() | เด่นด้วยการบริหารความเสี่ยง เน้นกระจายการลงทุนที่หลากหลาย | |
6 | Krungsri Asset Management KFGBRAND-D กองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลแบรนด์อิควิตี้ ชนิดจ่ายเงินปันผล | ![]() | กอง Feeder Fund พร้อมรับกระแสเงินสดต่อเนื่องทั้งปีจากเงินปันผล | |
7 | Asset Plus Fund Management ASP-THEQ กองทุนเปิดแอสเซทพลัสหุ้นไทย | ![]() | เน้นกระจายการลงทุน ลดความเสี่ยงการกระจุกตัวของอุตสาหกรรม | |
8 | SCB Asset Management SCBMSE กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นทุน Mid/Small Cap (ชนิดสะสมมูลค่า) | ![]() | ลงทุนในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก มุ่งหวังผลตอบแทนสูงกว่าดัชนี | |
9 | BBL Asset Management B-INNOTECH กองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลอินโนเวชั่นและเทคโนโลยี | ![]() | รับผลตอบแทนตามกองทุนหลัก เน้นลงทุนในหุ้นหมวดเทคโนโลยี | |
10 | TISCO Asset Management TISCOAGF กองทุนเปิด ทิสโก้ แอ็กเกรสซีฟ โกรท ฟันด์ | ![]() | กองลงทุนแบบยืดหยุ่น กระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย |
K-ICT กองทุนรวมที่มีนโยบายเน้นการลงทุนหลักในหุ้นที่อยู่ในดัชนีธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) และอาจจะพิจารณาลงทุนในตราสารอนุพันธ์เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของการบริหารพอร์ต กองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนในปีที่ผ่านมาได้ที่ 45.87% และมีค่าความผันผวนของผลการดำเนินงานที่ 14.45% จึงตอบโจทย์กับนักลงทุนที่มุ่งหวังสร้างผลตอบแทนตามดัชนีธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และสามารถยอมรับความเสี่ยงจากความผันผวนขึ้นลงของราคาหุ้นได้
เน้นสร้างผลตอบแทนจากหุ้นของบริษัทที่มีขนาดกลางและขนาดเล็ก นั่นคือนโยบายการลงทุนของ TLMSEQ โดยจะพิจารณาลงทุนเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV ในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กของบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีแนวโน้มเติบโตทางธุรกิจได้ในอนาคต ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และหรือตลาดเอ็มเอไอ (MAI) กองทุนมีผลการดำเนินงานย้อนหลังในปีที่ผ่านมาที่ 74.03% ซึ่งถือว่าเป็นอัตราผลตอบแทนที่สูงมาก
ตอบโจทย์สำหรับนักลงทุนที่ต้องการสร้างผลตอบแทนจากหุ้นชั้นนำในประเทศสหรัฐอเมริกา โดดเด่นด้วยนโยบายการจ่ายเงินปันผลสูงสุด 4 ครั้งต่อปี ซึ่งเมื่อปีที่ผ่านมากองทุนมีการจ่ายปันผลให้นักลงทุนที่ 1.60 บาทต่อหน่วย กองทุนใช้กลยุทธ์การบริหารจัดการลงทุนแบบ Passive มุ่งสร้างผลตอบแทนให้สอดคล้องไปกับผลการดำเนินงานของ Invesco QQQ Trust, Series 1กองทุนหลักที่ปัจจุบัน K-USXNDQ-A(D) ได้เข้าถือหน่วยลงทุนไว้ในสัดส่วนที่มากกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิกองทุน
กองทุนรวมที่มีกลยุทธ์การบริหารจัดการลงทุนแบบ Active ลดความเสี่ยงรวมจากการลงทุนด้วยนโยบายการกระจายสินทรัพย์ที่ถือครอง MBT-G จะพิจารณาการลงทุนทั้งในหุ้น ตราสารหนี้ เงินฝาก และรวมถึงสินทรัพย์อื่น ๆ ทั้งนี้ กองทุนจะมีการลงทุนในหุ้นของบริษัทที่มีแนวโน้มจ่ายปันผลดี มีปัจจัยพื้นฐานที่สามารถพัฒนาได้ทางธุรกิจ ในรอบปีบัญชีจำนวนไม่เกิน 30 หลักทรัพย์ และจะไม่มีการลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivative)
กองทุนรวมที่มุ่งหวังสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้น โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของ NAV และสำหรับสัดส่วนที่เหลือจะพิจารณาลงทุนในตราสารหนี้ ตั๋วเงินคลัง และสินทรัพย์อื่น ๆ ที่มีความเสี่ยงน้อยกว่าหุ้น กองทุนมีจุดที่น่าสนใจคือการบริหารความเสี่ยงโดยรวมของพอร์ตที่ทำได้ค่อนข้างดี โดยไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของการลงทุนในหมวดอุตสาหกรรม ความเสี่ยงจากการกระจุกตัวรายประเทศรวม ต่างมีระดับความเสี่ยงที่น้อยกว่า 20% หรือมีความเสี่ยงในระดับต่ำ
กองทุนรวมที่โดดเด่นด้วยนโยบายจ่ายเงินปันผลสูงสุดถึง 12 ครั้งต่อปี มาพร้อมกับผลการดำเนินงานย้อนหลังที่สามารถสร้างผลตอบแทนในปีที่แล้วที่ 21.60% และมีการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหน่วย 1.70 บาทต่อหน่วย KFGBRAND-D มีกลยุทธ์การบริหารจัดการลงทุนโดยคาดหวังผลตอบแทนตามผลการดำเนินงานของกองทุนหลัก ซึ่งปัจจุบันกองทุนได้มีการลงทุนแบบ Feeder Fund ในหน่วยลงทุนของ Morgan Stanley Investment Fund - Global Brands Fund (Class Z) (กองทุนหลัก) เพียงกองทุนเดียว
ASP-THEQ เป็นกองทุนรวมที่มีการลงทุนส่วนใหญ่ในตราสารแห่งทุน โดยจะมีไว้ หรือเข้าลงทุน เฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV ในหุ้น หน่วยลงทุนของกองทุนอื่น ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหน่วยลงทุน และอาจจะมีการพิจารณาลงทุนเพิ่มเติมในตราสารอนุพันธ์ เพื่อวัตถุประสงค์ในการลดความเสี่ยงจากการลงทุน ทั้งนี้ กองทุนจะไม่มีการลงทุนแบบกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่ง กล่าวคือ กองทุนมีการกระจายการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงโดยรวมของพอร์ตได้ค่อนข้างดี
กองทุนรวมตราสารทุนที่บริหารจัดการโดย บลจ. ไทยพาณิชย์ SCBMSE เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนหลัก ๆ ในหุ้นของบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ/หรือตลาดเอ็มเอไอ โดยมุ่งหวังสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนดังกล่าวให้สูงกว่าดัชนีชี้วัด อย่างไรก็ตาม กองทุนจะพิจารณาไม่ลงทุนในหุ้นที่ประกอบอยู่ในดัชนี SET 50 ณ วันทำการก่อนหน้า แต่จะมีการพิจารณาลงทุนในหุ้นที่เสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO)
กองทุนรวมที่มีนโยบายเน้นลงทุน หรือมีไว้ซึ่งหน่วยลงทุนของกองทุนอื่นเพียงกองทุนเดียว ซึ่งปัจจุบัน B-INNOTECH ได้มีการเข้าลงทุนในหน่วยลงทุนของ Fidelity Funds - Global Technology Fund (กองทุนหลัก) ชนิดหน่วยลงทุน Class Y-ACC-USD ถึง 95% ของ NAV และสำหรับรูปแบบการลงทุนของกองทุนหลักนั้น จะเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทในหมวดอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเป็นหลัก จึงมาพร้อมกับความเสี่ยงในการกระจุกตัวของการลงทุนที่ค่อนข้างมาก
เพิ่มความยืดหยุ่นในการลงทุน ด้วยนโยบายกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย ทั้งไม่ว่าจะเป็นหุ้น ตราสารหนี้ เงินฝาก ตราสารหนี้กึ่งทุน Derivative Warrants และตราสารอื่น ๆ โดย TISCOAGF มีกลยุทธ์การบริหารจัดการลงทุนแบบ Active Management ที่คาดหวังการสร้างผลตอบแทนให้สูงกว่าดัชนีชีวัด ซึ่งผลการดำเนินงานย้อนหลังในปีที่ผ่านมา กองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนได้ที่ 25.93%
นักลงทุนมือใหม่หลายคนที่คิดอยากจะลองลงทุนกับกองทุนรวม อาจจะเกิดคำถามต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกองทุนที่เหมาะสมกับตนเอง รวมไปถึงเรื่องของการถอนและความเสี่ยงต่าง ๆ ในวันนี้ เราจึงมีคำตอบจากผู้เชี่ยวชาญมาฝากกันครับ
สำหรับนักลงทุนหน้าใหม่ ก่อนที่จะเริ่มต้นลงทุนในกองทุนรวม นักลงทุนควรที่จะทำแบบประเมินความเสี่ยงการลงทุนก่อน เพื่อที่จะได้รู้ความเสี่ยงที่เราสามารถรับได้ และนำข้อมูลนี้ไปใช้ในการคัดเลือกชนิดของกองทุนให้เหมาะสมกับความเสี่ยงที่นักลงทุนสามารถรับได้นั่นเองครับ
กองทุนรวมนั้นสามารถที่จะขายได้ตามที่นักลงทุนต้องการ (ถ้าเป็นกองทุนเพื่อการลดหย่อนภาษี SSF หรือ RMF จะต้องถือให้ครบตามที่กฎหมายกำหนด) แต่ว่าการขายกองทุนนั้น นักลงทุนต้องทำความเข้าใจก่อนว่าเมื่อขายแล้วจะไม่ได้รับเงินทันทีเหมือนกับการถอนเงินออกจากธนาคารนะครับ ซึ่งระยะเวลานั้นจะขึ้นอยู่กับชนิดของกองทุน บางกองทุนอาจจะใช้เวลา 2 - 3 วันทำการ แต่บางกองทุนอาจจะใช้เวลา 5 - 7 วันทำการ ขอแนะนำว่าควรอ่านรายละเอียดจาก Fund Fact Sheet ให้ดีก่อนลงทุนนะครับ
การลงทุนทุกอย่างนั้นมีความเสี่ยงหมดครับ และกองทุนแต่ละชนิดนั้นมีความเสี่ยงที่แตกต่างกัน เพราะฉะนั้น นักลงทุนจึงควรที่จะทำความเข้าใจความเสี่ยงของกองทุนที่กำลังจะเข้าไปลงทุนก่อนทุกครั้งนะครับ
ในการเลือกลงทุนก็อย่ามัวแต่มองผลตอบแทนเพียงอย่างเดียว เพราะการลงทุนโดยส่วนใหญ่นอกจากจะมีความเสี่ยงแล้วยังต้องใช้ระยะเวลาในการเก็บเกี่ยวผลตอบแทน ดังนั้น จึงควรจะพิจารณาถึงรายได้และรายจ่ายในแต่ละเดือนด้วยนะครับ เพื่อให้คุณมีเงินเพียงพอในการใช้จ่ายเวลาฉุกเฉิน และควรจะศึกษาข้อมูลความรู้เกี่ยวกับเทรนด์เศรษฐกิจควบคู่กันไปด้วยเพื่อที่คุณจะได้คาดคะเนและเลือกลงทุนได้ถูกจุด สร้างผลตอบแทนมหาศาลในอนาคตได้นั่นเอง
อันดับที่ 1: KASIKORN Asset Management|K-ICT กองทุนเปิดเค ดัชนีหุ้นธุรกิจเทคโนโลยีและการสื่อสาร
อันดับที่ 2: TALIS Asset Management|TLMSEQ กองทุนเปิดทาลิส MID-SMALL CAP หุ้นทุน
อันดับที่ 3: KASIKORN Asset Management|K-USXNDQ-A(D) กองทุนเปิดเค หุ้นยูเอส ดัชนีเอ็นดีคิว 100-A ชนิดจ่ายเงินปันผล
อันดับที่ 4: MFC Asset Management|MBT-G กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี-บีทีอินคัมโกรทฟันด์ ชนิดผู้ลงทุนทั่วไป
อันดับที่ 5: TISCO Asset Management|TSF-A กองทุนเปิด ทิสโก้ สแตรทิจิก ฟันด์ ชนิดหน่วยลงทุน A
คลิกที่นี่สำหรับการจัดอันดับคำบรรยายสินค้าแต่ละรายการอ้างอิงจากเนื้อหาที่แสดงในเว็บไซต์ผู้ผลิต แบรนด์ และเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ
เครื่องดื่ม
วัสดุก่อสร้าง, เครื่องมือและอุปกรณ์ช่าง
สวนและอุปกรณ์ในสวน
ความงาม, ของใช้ส่วนตัว
โน้ตบุ๊ก, PC, อุปกรณ์ไอที
ของใช้ในบ้าน, อุปกรณ์ในบ้าน
เครื่องใช้ไฟฟ้า
กล้อง
เครื่องสำอาง, สกินแคร์
สุขภาพ
อาหาร
เครื่องใช้ในครัว
แฟชั่น
รองเท้า
นาฬิกา, เครื่องประดับ
แม่และเด็ก
เฟอร์นิเจอร์, อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน
งานอดิเรก
กิจกรรมกลางแจ้ง
DIY, เครื่องเขียน, อุปกรณ์สำนักงาน
กีฬา
สัตว์เลี้ยง
หนังสือ
เกม
รถยนต์, รถจักรยานยนต์, อุปกรณ์เสริม
ของขวัญ, ของฝาก
ท่องเที่ยว
สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, อุปกรณ์เสริม
เครือข่ายมือถือ
การลงทุน
เครดิตการ์ด, สินเชื่อ, ประกัน
ดนตรี, เครื่องเสียง
แอปพลิเคชัน, โปรแกรม
บริการ