กองทุนรวมเป็นช่องทางการลงทุนที่หลายคนนิยมใช้เพื่อต่อยอดเงินให้งอกเงยเป็นผลตอบแทนที่มักจะมีมูลค่ามากกว่าการนำเงินไปฝากในบัญชีธนาคาร แต่กองทุนรวมแต่ละกองทุนก็มีความแตกต่างกันไปตามรูปแบบการบริหารกองทุน โดย Passive Management เป็นหนึ่งในรูปแบบการบริหารกองทุนที่ใช้การอ้างอิงดัชนีของตลาดหุ้นเป็นหลัก เราจึงจะเรียกกองทุนที่มีรูปแบบการบริหารแบบ Passive Management ว่า กองทุน Passive Fund นั่นเองครับ
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนต่าง ๆ ก็พยายามที่จะนำเสนอกองทุน Passive Fund แน่นอนว่าแต่ละตลาดก็ให้ผลตอบแทนหรือมีความเสี่ยงที่ไม่เท่ากัน อีกทั้งยังมีความแตกต่างกันในเรื่องของค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในวันนี้ เราก็มีวิธีการเลือกกองทุน Passive Fund เพื่อให้คุณคัดเลือกกองทุนที่เหมาะสม พร้อมคำแนะนำจากนักวางแผนการเงินโดยเฉพาะ และยังได้รวบรวม 10 กองทุน Passive Fund แนะนำ ที่ให้ผลตอบแทนดี มีผลงานโดดเด่นและมีค่าธรรมเนียมเหมาะสมมาให้คุณได้เป็นไอเดียในการเลือกกองทุน Passive Fund กันอีกด้วย
Top 5 กองทุน Passive Fund
TISCO Asset Management Co., Ltd.
ลงทุนในหุ้นใหญ่ 500 อันดับจากอเมริกา ผลตอบแทนโตต่อเนื่อง
TMB Asset Management Co., Ltd.
กระจายความเสี่ยง ลงทุนในประเทศพัฒนาแล้ว หุ้นมีเสถียรภาพ
KRUNGTHAI Asset Management PLC.
สร้างความมั่นคงกับอุตสาหกรรมจีน คัดหุ้นเด่นจากตลาด A-Share
SCB Asset Management Co., Ltd.
เติบโตไปกับเศรษฐกิจญี่ปุ่น ลงทุนในบริษัทชั้นนำ ค่าธรรมเนียมต่ำ
คุณปอยเรียนจบปริญญาตรีสาขาบริหารธุรกิจ จาก Assumption University และปริญญาโทจาก Northumbria University สาขา Design Management จากประเทศอังกฤษ หลังจากเริ่มทำงานคุณปอยเริ่มมีความสนใจเกี่ยวกับการเงิน การวางแผนภาษี รวมไปถึงการลงทุนในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกองทุนรวมและประกันชีวิต จึงเริ่มศึกษาหาประสบการณ์ด้านนี้โดยตรงผ่านการเรียนคอร์สต่าง ๆ และเข้าอบรม รวมทั้งสั่งสมประสบการณ์ในการทำงานเป็นนักวางแผนการเงินมืออาชีพอิสระมามากว่า 4 ปี ปัจจุบันคุณปอยมีใบอนุญาตเป็นผู้แนะนำการลงทุนในประเทศไทยและมีลูกค้าภายใต้การดูแลไม่ต่ำกว่า 50 คน สำหรับประเภทของแผนการเงินที่คุณปอยมีความชำนาญเป็นพิเศษ ได้แก่ แผนการออมเพื่อการเกษียณอายุ แผนการออมเพื่อการลดหย่อนภาษี แผนการออมเพื่อการศึกษาบุตรและแผนการเงินเพื่อการส่งต่อมรดก
มายเบสท์ เว็บไซต์แนะนำสินค้าที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 4 ล้านคนต่อเดือน หัวใจของภารกิจของเราคือ ความมุ่งมั่นที่จะให้คำแนะนำที่น่าเชื่อถือได้ เราได้รับการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญในหมวดหมู่สินค้าที่หลากหลาย การเดินทางของเราเริ่มต้นด้วยวิสัยทัศน์ที่เรียบง่าย เพื่อสร้างแพลตฟอร์มที่ผู้บริโภคสามารถค้นหาคำแนะนำผลิตภัณฑ์ที่น่าเชื่อถือได้ และใช้งานได้จริง เราเข้าใจดีว่า การตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภคมีความต้องการที่แตกต่างกัน นั่นเป็นเหตุผลที่เราทุ่มเทในการนำเสนอคำแนะนำที่ชัดเจน กระชับ มีการวิจัยมาเป็นอย่างดี และตรวจสอบความถูกต้องโดยผู้เชี่ยวชาญ ทีมงานของเราประกอบด้วยบรรณาธิการและผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในหมวดหมู่ต่าง ๆ เจาะลึกลงไปในผลิตภัณฑ์แต่ละประเภท นำเสนอข้อมูลเชิงลึก เราเชื่อในพลังของวิธีการเลือกสินค้าที่มีข้อมูลครบถ้วน เราเป็นมากกว่าเว็บไซต์ เราเป็นชุมชนของบุคคลที่มีความกระตือรือร้นซึ่งให้ความสำคัญกับคุณภาพในการค้นหาผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด ซึ่งจะช่วยทำให้โลกของการช้อปปิ้งออนไลน์เป็นประสบการณ์ที่ง่ายและสนุกสนานยิ่งขึ้นสำหรับทุกคน
ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเฉพาะ "วิธีการเลือก" เท่านั้น สินค้าและบริการที่ปรากฏอยู่ในบทความไม่ได้ถูกเลือกโดยผู้เชี่ยวชาญ
สารบัญ
กองทุน Passive Fund มีให้เลือกลงทุนกันมากมายหลายกองทุนกันเลยครับ แต่ละกองทุนก็มีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน ดังนั้น เราจึงอยากจะให้คุณได้รู้และเข้าใจข้อมูลสำคัญที่จะช่วยให้คุณสามารถเลือกกองทุน Passive Fund ได้ตรงตามจุดประสงค์ในการลงทุนของคุณก่อน
การคัดเลือกหุ้นเข้าสู่ Portfolio ของกองทุน Passive Fund จะอ้างอิงจากดัชนีของตลาดหุ้นเป็นหลัก เพราะเชื่อว่าดัชนีของตลาดหุ้นเหล่านี้ถือเป็นตัวชี้วัดศักยภาพของหุ้นได้อย่างน่าเชื่อถือ ซึ่งดัชนีเหล่านี้สามารถแบ่งแยกได้ตามตลาดหุ้นต่าง ๆ ในโลก ดังนี้
ดัชนีสำหรับตลาดหุ้นประเทศพัฒนาแล้วคือ MSCI World Index จาก Morgan Stanley Capital International ซึ่งเป็นดัชนีที่คัดเลือกหุ้นจากประเทศพัฒนาแล้วทั้งหมด 23 ประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ยุโรป และอิสราเอล เป็นต้น โดยประเทศพัฒนาแล้วเหล่านี้มีการพัฒนาขั้นสูงทั้งในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานในประเทศ เศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตประชากร จึงมีการเติบโตอย่างมั่นคงและสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุนได้ในระยะยาว
สำหรับหุ้นในประเทศที่พัฒนาแล้วในปัจจุบัน มักจะเป็นหุ้นของบริษัทที่เกี่ยวกับ Innovation ที่คิดค้นสินค้าและบริการใหม่ ๆ ซึ่งในทางกลับกันหุ้นในประเทศกำลังพัฒนาส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นของบริษัทที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมครับ ข้อดีของบริษัทที่เน้นคิดค้นและพัฒนาคือ จะมีการแข่งขันในตลาดน้อยและสามารถสร้างผลกำไรได้สูงนั่นเองครับ
ประเทศเกิดใหม่ (Emerging Market) หมายถึงกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนา มีคุณภาพทางเศรษฐกิจและสังคมในระดับปานกลาง-ต่ำ ดัชนีที่เกี่ยวข้องกับตลาดหุ้นประเทศเกิดใหม่นั้นได้แก่ 1) MSCI Emerging Markets Index จะเป็นดัชนีที่ครอบคลุม 27 ประเทศในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ 2) MSCI EM Latin America เป็นดัชนีที่คัดเลือกหุ้น 40 บริษัทเด่น ๆ จากตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศละตินอเมริกา 3) MSCI BRIC เป็นดัชนีที่รวมหุ้นจากกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา 4 ประเทศที่เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของโลกคือ บราซิล รัสเซีย อินเดียและจีน
สำหรับตลาดหุ้นประเทศเกิดใหม่ ข้อดีคือประเทศเหล่านี้ก็คือจะมีการเติบโตแบบก้าวกระโดดของเศรษฐกิจในประเทศและมีอัตราในการสร้างผลกำไรที่ค่อนข้างสูงครับ ยกตัวอย่างเช่น ประเทศจีนที่มีการเติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างมากในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาและสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนได้เป็นกอบเป็นกำ แต่ว่าตลาดหุ้นประเทศเกิดใหม่นั้นก็ยังมีความผันผวนสูง นักลงทุนจึงควรมีความรู้ความเข้าใจในประเทศเหล่านั้นก่อนตัดสินใจลงทุนด้วยครับ
ตลาดหุ้นอเมริกาเป็นตลาดหุ้นที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก โดยมี 2 ตลาดหุ้นคือ New York Stock Exchange และ NASDAQ และมีดัชนีตลาดหุ้นสำคัญอยู่ทั้งหมด 3 ดัชนี ได้แก่
ตลาดหุ้นอเมริกานั้นเป็นตลาดหุ้นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนได้อย่างต่อเนื่องครับ ด้วยความที่อเมริกาเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและมีบริษัทที่ทำธุรกิจ Innovation เยอะ จึงยังทำให้ตลาดหุ้นอเมริกามีความน่าสนใจอยู่ บวกกับบริษัทใหญ่ ๆ ในอเมริกาเริ่มที่จะลงทุนกับธุรกิจในอนาคตกันแล้ว เช่น Metaverse, รถยนต์พลังงานไฟฟ้า, ความก้าวหน้าทางการแพทย์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่น่าสนใจและน่าจับตามองในโลกของอนาคตอันใกล้ ผมเลยมองว่าตลาดหุ้นอเมริกาเหมาะกับการลงทุนเพื่อหวังผลตอบแทนในระยะยาวมากกว่าระยะสั้นครับ
เป็นตลาดหุ้นที่มีมูลค่าใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก มีบริษัทจดทะเบียนอยู่ในตลาดถึง 3 พันกว่าบริษัท ดัชนีที่ใช้ในการคัดเลือกหุ้นของตลาดหุ้นญี่ปุ่นนั้น ได้แก่
สำหรับตลาดหุ้นญี่ปุ่นนั้นจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่เจริญแล้ว ซึ่งจุดเด่นคือเป็นประเทศที่มีมาตรฐานและมีนวัตกรรมในการผลิตขั้นสูง ถึงแม้ว่าในปัจจุบันญี่ปุ่นได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแบบเต็มรูปแบบแล้ว แต่ญี่ปุ่นก็ยังคงมีพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่มั่นคงและยังคงมีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลยครับ
หนึ่งในตลาดหุ้นที่กำลังมาแรงเนื่องจากในตลอดหลายปีมานี้ ประเทศจีนถือเป็นเสือตัวใหญ่ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก ตลาดหุ้นของจีนนั้นสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ตลาดหุ้นใหญ่ ๆ คือ A-Share (จีนแผ่นดินใหญ่), H-Share (ฮ่องกง) และ Greater China (จีน ฮ่องกงและไต้หวัน) จึงทำให้มีดัชนีตลาดหุ้นอยู่หลายตัว แต่ดัชนีที่ถูกอ้างอิงบ่อยมากที่สุดนั้นจะได้แก่
ในช่วง 5 - 10 ปีที่ผ่านมานี้ ตลาดที่เติบโตแบบก้าวกระโดดก็คงหนีไม่พ้นตลาดการลงทุนของประเทศจีนครับ ในปัจจุบันหลายบริษัทชั้นนำในหลาย ๆ อุตสาหกรรมไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี, รถยนต์, อาหาร ก็เป็นบริษัทของจีนแทบทั้งนั้น ยกตัวอย่างเช่น Alibaba, TikTok, Huawei และอื่น ๆ ซึ่งล้วนเป็นบริษัทที่มีศักยภาพในการแข่งขันที่สูงในตลาดโลก ถ้าดูโดยภาพรวมแล้ว ประเทศจีนเริ่มที่จะมีการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ ขึ้นมาเอง และแน่นอนว่าจะช่วยผลักดันให้จีนก้าวขึ้นเป็นตลาดหุ้นอันดับต้นของโลกได้แน่นอนครับ
ตลาดหุ้นเอเชีย โดยส่วนใหญ่มักจะหมายถึงประเทศในเอเชียอื่น ๆ นอกเหนือจากญี่ปุ่นและจีน ที่มีความโดดเด่นในเรื่องของเศรษฐกิจ ได้แก่ ประเทศอินเดียและประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเป็น 2 ประเทศที่มีหลายกองทุน Passive Fund ให้เลือกลงทุนด้วยเช่นกัน หากเป็นดัชนีของตลาดหุ้นประเทศอินเดียจะมีอยู่ 2 ชนิด คือ Nifty 50 และ MSCI India ในขณะที่ประเทศเกาหลีใต้จะมีดัชนี MSCI Korea 25/50 ซึ่งจะมีกลุ่มบริษัท Chaebol ของเกาหลีอย่าง Samsung, LG, Hyundai และ NAVER
ยุโรป เป็นอีกหนึ่งภูมิภาคที่มีทั้งประเทศพัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนารวมอยู่ด้วยกัน จึงเป็นภูมิภาคที่ได้รับความนิยมในเรื่องของการลงทุนในกองทุนด้วย ดัชนีที่เกี่ยวกับตลาดหุ้นยุโรปที่หลายคนให้ความสนใจคือ STOXX50 เป็นดัชนีที่คัดเลือกหุ้นใหญ่ ๆ 50 บริษัทจากตลาดหุ้นทั้ง 9 ประเทศในยุโรป STOXX 600 คัดเลือกหุ้นจาก 600 บริษัทที่มีพื้นฐานดีและแข็งแกร่งจาก 17 ประเทศในทวีปยุโรป DAX50 เป็นดัชนีที่รวมหุ้น 50 บริษัทที่มีศักยภาพจากประเทศเยอรมัน
กองทุน Passive Fund นั้นเลือกอ้างอิงดัชนีของตลาดหุ้นเป็นหลัก แต่ก็ไม่ใช่ทุกครั้งที่ให้ผลตอบแทนเหมือนกับการสะท้อนมูลค่าของดัชนีดังกล่าว ซึ่งสามารถตรวจสอบผลแตกต่างจาก Tracking Error พบว่า โดยส่วนใหญ่สิ่งที่ทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนไม่เป็นไปตามที่คาดหวังนอกจากจะเกิดจากการไม่เลือกหุ้นตามดัชนี 100% แล้ว ยังเกิดจากค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวกับกองทุนที่สูง จึงทำให้ผลตอบแทนสุดท้ายที่ได้จากการหักลบนั้นมีมูลค่าน้อยลง ดังนั้น ก่อนจะเลือกลงทุนก็ควรจะดูอัตราค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมของกองทุนควบคู่ไปกับผลตอบแทนที่ได้ด้วยเช่นกัน
สินค้า | รูปภาพ | ราคาต่ำสุด | คะแนน | |
---|---|---|---|---|
1 | TISCO Asset Management Co., Ltd. กองทุน Passive Fund กองทุนเปิด ทิสโก้ ยูเอส อิควิตี้ อันเฮดจ์ (TUSEQ-UH) | ![]() | ลงทุนในหุ้นใหญ่ 500 อันดับจากอเมริกา ผลตอบแทนโตต่อเนื่อง | |
2 | TMB Asset Management Co., Ltd. กองทุน Passive Fund กองทุนเปิดทหารไทย World Equity Index (TMBWDEQ) | ![]() | กระจายความเสี่ยง ลงทุนในประเทศพัฒนาแล้ว หุ้นมีเสถียรภาพ | |
3 | KRUNGTHAI Asset Management PLC. กองทุน Passive Fund กองทุนเปิดดับเบิลยูไอเอสอี เคแทม ซีเอสไอ 300 ไชน่า แทร็กเกอร์ (CHINA) | ![]() | สร้างความมั่นคงกับอุตสาหกรรมจีน คัดหุ้นเด่นจากตลาด A-Share | |
4 | SCB Asset Management Co., Ltd. กองทุน Passive Fund กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นญี่ปุ่น ชนิดไม่จ่ายเงินปันผล (SCBNK225) | ![]() | เติบโตไปกับเศรษฐกิจญี่ปุ่น ลงทุนในบริษัทชั้นนำ ค่าธรรมเนียมต่ำ | |
5 | BBL Asset Management Co.,Ltd กองทุน Passive Fund กองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลอินโนเวชั่น และเทคโนโลยี (B-INNOTECH) | ![]() | กองหุ้นเทคโนโลยี โตต่อเนื่อง รวมหุ้นมูลค่าสูงสุดในตลาดสหรัฐฯ | |
6 | TMB Asset Management Co., Ltd. กองทุน Passive Fund กองทุนเปิดทหารไทย Emerging Markets Equity Index (TMBEMEQ) | ![]() | เจาะตลาดเกิดใหม่ เลือกบริษัทระดับโลก เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทน | |
7 | MFC Asset Management PLC. กองทุน Passive Fund กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี เซ็ท 50 (M-S50) | ![]() | มีผลตอบแทนดีสม่ำเสมอ ลงทุนกับหุ้นใหญ่ในดัชนี SET 50 Index | |
8 | Kasikorn Asset Management Co., Ltd. กองทุน Passive Fund กองทุนเปิดเค โกลบอล เฮลท์แคร์ หุ้นทุน (K-GHEALTH) | ![]() | ลงทุนกับ Mega Trend เติบโตไปพร้อมพัฒนาการทางการแพทย์ | |
9 | King Wai Asset Management (Asia) Co.,Ltd. กองทุน Passive Fund กองทุนเปิด เคดับบลิวไอ อินเดีย อิควิตี้ เอฟไอเอฟ ชนิดสะสมมูลค่า (KWI INDIA-A) | ![]() | วางแผนเติบโตกับตลาดอินเดีย เลือกอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพสูง | |
10 | UOB Asset Management (Thailand) Co., Ltd. กองทุน Passive Fund กองทุนเปิด ยูโอบี สมาร์ท ไชน่า อินเดีย ชนิดไม่จ่ายเงินปันผล (UOBSCI-N) | ![]() | เน้นตลาดจีน-อินเดีย คัดสรรบริษัทชั้นนำรายใหญ่ เติบโตมั่นคง |
กองทุน Passive Fund ที่เลือกลงทุนในตลาดหุ้นอเมริกา ซึ่งถือเป็นตลาดหุ้นมูลค่าสูงเป็นอันดับ 1 ของโลก โดยเลือกใช้ดัชนี S&P 500 เป็นตัวอ้างอิง เพราะเป็นดัชนีที่สามารถสะท้อนสภาพเศรษฐกิจของอเมริกาได้ดี เป็นอีกหนึ่งกองทุนที่สามารถทำผลตอบแทนได้โดดเด่นติดอันดับประจำปีอยู่บ่อยครั้ง โดยผลตอบแทนดังกล่าวเมื่อเทียบกับ Benchmark ที่เป็นดัชนีแล้วก็มีความใกล้เคียงกัน อีกทั้งยังมีอัตราค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายรวมต่อปีในระดับที่ไม่สูงมาก จึงช่วยให้คุณสามารถเก็บเกี่ยวผลตอบแทนจากตลาดหุ้นอเมริกาได้ดีขึ้นนั่นเองครับ
อีกหนึ่งกองเสถียรภาพสูงที่เลือกลงทุนในหุ้นจากกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว โดยเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของ Lyxor UCITS ETF MSCI WORLD ไม่น้อยกว่า 80 % ถือเป็นกองทุนที่หลายคนแนะนำให้มีไว้ครับ เพราะช่วยกระจายความเสี่ยงของ Portfolio ในการลงทุนของคุณได้อย่างดี เนื่องจากกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วนั้นมีเสถียรภาพทั้งในเรื่องของเศรษฐกิจและสังคม จึงเติบโตอย่างมั่นคง จากผลการดำเนินงานที่ผ่านมา พบว่ากองทุนนี้ให้ผลตอบแทนได้ใกล้เคียงกับดัชนีมาก ทั้งยังมีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายรวมในระดับที่เหมาะสมด้วยครับ
กองทุน Passive Fund เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน W.I.S.E-CSI 300 China Tracker เพียงกองเดียว โดยคัดเฉพาะหุ้นจากตลาดหุ้นจีน A-Share ซึ่งมีทั้งตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้น ซึ่งเป็นตลาดจากจีนแผ่นดินใหญ่ที่มีความเสถียรและมีบริษัทที่เติบโตในระดับ Domestic เน้นผลประกอบการจากกำลังซื้อของประชาชนในประเทศจีน สามารถทำผลตอบแทนได้สูงในหลายปีต่อเนื่องกัน เมื่อเทียบกับดัชนีแล้วก็มีความใกล้เคียงมาก ๆ อีกด้วย ทั้งยังมีอัตราค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายรวมปีต่อปี และมีนโยบายจ่ายปันผลด้วยครับ
กองทุน Passive Fund ที่ได้รับ Morningstar 5 ดาว เน้นลงทุนในหน่วยของ NEXT FUNDS Nikkei 225 Exchange Traded Fund เพียงกองเดียว เพื่อให้ผลตอบแทนที่มีความสม่ำเสมอ โดยผลตอบแทนที่ทำได้ถือว่าใกล้เคียงกับผลชี้วัดจากดัชนี Nikkei 225 เป็นอย่างมาก แถมยังมีอัตราค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายรวมต่อปีที่ไม่สูงมาก และที่น่าสนใจคือปัจจุบันค่าเงินเยนของญี่ปุ่นเองก็มีความเสถียรไม่ผันผวนเท่าไหร่นัก รวมถึงกองทุน Passive Fund กองนี้ก็ได้มีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไว้สูงถึง 96.20% เลยทีเดียวครับ
ตั้งแต่ศตวรรษที่ 20 เป็นต้นมา ปฏิเสธไม่ได้เลยครับว่าเทคโนโลยีในโลกต่างวิวัฒนาการไปอย่างก้าวกระโดด ซึ่งกองทุนนี้ก็คือกองที่ตอบโจทย์ธีมนวัตกรรมอย่างมาก เพราะลงทุนในหน่วยของ Fidelity Funds - Global Technology Fund Class Y-ACC-USD ที่คัดเฉพาะหุ้นของบริษัทที่มีนวัตกรรมและมีความเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีจากทั่วโลกเช่น Microsoft, Apple, Amazon, Salesforce แน่นอนว่าล้วนแล้วแต่เป็นบริษัทที่เติบโตรวดเร็ว มั่นคง มีมูลค่าสูงที่สุดในตลาดสหรัฐฯ และมีแนวโน้มเติบโตต่อไปได้ดีในอนาคตนั่นเองครับ
กองทุนกองนี้มีนโยบายเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน iShares MSCI Emerging Markets ETF เป็นการลงทุนเฉพาะตลาด Emerging Market หรือตลาดเกิดใหม่ มีทั้งบริษัทจากไต้หวัน เกาหลีใต้ อินเดียโดยเฉพาะในจีน ที่ล้วนเป็นบริษัทที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจโลกไม่ว่าจะเป็น Samsung, TSMC, Alibaba และ Tencent แน่นอนว่ากลุ่มบริษัทฯ ดังกล่าวมีผลงานที่โดดเด่นมาก ส่งผลให้ผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองนี้เป็นที่น่าพอใจ ทำผลงานดีและความเสี่ยงต่ำกว่ากองประเภทเดียวกันครับ
ตลาดหุ้นประเทศไทยก็นับว่ามีความโดดเด่นด้วยเช่นกัน กองทุน Passive Fund กองนี้จึงได้เลือกจัดสรรการลงทุนอิงตามดัชนี SET 50 Index ซึ่งเป็นการรวบรวมหุ้นจาก 50 บริษัทที่มีมูลค่าตามราคาตลาดสูงและยังมีสภาพคล่องในการซื้อขายสูง โดยมีบริษัทเด่น ๆ อย่าง PTT, CPALL และ AIS อยู่ในพอร์ต ให้ผลตอบแทนที่ใกล้เคียงกับดัชนีดังกล่าว และมี Tracking Error หรือผลต่างลดลงมาโดยตลอดเพราะมีอัตราค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายรวมต่อปีที่ต่ำ จ่ายปันผลอย่างน้อยปีละครั้งอีกด้วย
สำหรับ Healthcare เป็นเมกะเทรนด์ที่ได้รับความนิยมมายาวนานครับ เพราะวิวัฒนาการการรักษาโรคสามารถพัฒนาไปได้ต่อเนื่อง อย่างกองทุนนี้ก็เป็นกองที่เลือกลงทุนตามกองทุนหลัก JPMorgan Funds – Global Healthcare Fund, Class A (acc) - USD เน้นบริษัทที่ทำธุรกิจดูแลสุขภาพหรือเกี่ยวกับหมวดยา เทคโนโลยี การรักษา และบริการทางด้านสุขภาพต่าง ๆ ทั่วโลกไม่น้อยกว่า 67 % ซึ่งตัวอย่างบริษัทที่กองเข้าไปถือก็จะเป็นบริษัทรายใหญ่อย่าง UnitedHealth, Thermo Fisher Scientific, Roche, AbbVie ครับ
เนื่องจากอินเดียมีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของเอเชีย ติด 1 ใน 10 อันดับแรกของโลก และมี GDP ที่เพิ่มสูงขึ้นทุก ๆ ปี จุดนี้จึงทำให้นักลงทุนต่างให้ความสนใจในตลาดอินเดียครับ อย่างกองนี้ที่มีกองหลักเป็น Manulife Global Fund – India Equity Fund (Class I2) ซึ่งเน้นลงทุนกับบริษัทศักยภาพสูงเช่น ICICI Bank ธนาคารรายใหญ่, Reliance Industries หนึ่งในบริษัทข้ามชาติอินเดียที่ทำกำไรมากที่สุด, Infosys บริษัท IT อันดับ 2 ของอินเดีย นับเป็นอีกกองทุนที่น่าจับตามอง ทำผลงานดีและให้ผลตอบแทนได้ใกล้เคียงกับดัชนีชี้วัดมาตลอดครับ
หากพูดถึงกองทุนที่เกี่ยวข้องกับชาติมหาอำนาจของเอเชีย ต้องกองนี้เลยครับที่นอกจากจะมีนโยบายลงทุนในกองหลักอย่าง United China-india Dynamic Growth Fund เพียงกองเดียวแล้ว กองหลักยังได้รับการจัดอันดับมอร์นิ่งสตาร์ 5 ดาวอีกด้วย โดยพอร์ตจะเน้นลงทุนในบริษัทรายใหญ่ของแต่ละประเทศเช่น Alibaba, Tencent, China Merchants Bank ของจีนและ Bajaj Finserv, HDFC Bank ผู้ให้บริการทางการเงินและธนาคารรายใหญ่ของอินเดีย ซึ่งในช่วงที่ผ่านมากองนี้ก็สามารถทำผลตอบแทนเฉลี่ยได้น่าพึงพอใจทีเดียวครับ
คนที่เป็นนักลงทุนมือใหม่อาจจะยังมีข้อสงสัยบางอย่างเกี่ยวกับกองทุน Passive Fund อยู่ ในวันนี้ เราจึงมีคำตอบและคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้เชี่ยวชาญมาฝากกันครับ
กองทุน Passive Fund เป็นกองทุนที่อ้างอิงตามดัชนีตลาดหุ้นหลัก ซึ่งถ้าใครที่เป็นนักลงทุนที่พอมีประสบการณ์มาบ้างก็น่าจะคุ้นชินกับกองทุนชนิดนี้ สำหรับกองทุน Passive Fund ในบ้านเราก็จะมีตัว SET 50, SET 100 ซึ่งเป็นกองทุนที่อ้างอิงถึงตลาดหุ้นประเทศไทยอันดับที่ 1 - 50 และ 1 - 100 โดยอันดับหุ้นในที่นี้จะเป็นหุ้นที่มีมูลค่าและปริมาณการซื้อขายต่อวันสูง ข้อดีก็คือหุ้นเหล่านี้จะเป็นหุ้นของบริษัทที่มั่นคง มีพื้นฐานดี และมีความผันผวนน้อยกว่าหุ้นขนาดเล็กครับ
สิ่งที่สำคัญของกองทุน Passive Fund คือ มีค่าธรรมเนียมบริหารที่ต่ำกว่ากองทุน Active Fund ซึ่งหากลงทุนในระยะยาวแล้ว กองทุนแบบ Passive Fund ก็จะมีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้สูงกว่าครับ
ข้อแตกต่างหลัก ๆ ของกองทุน Passive Fund กับ Active Fund นั้น นอกจากจะเป็นเรื่องของค่าธรรมเนียมในการบริหารแล้ว ก็จะเป็นความเชี่ยวชาญของผู้บริหารกองทุนครับ เนื่องจากว่ากองทุน Active Fund จะเน้นบริหารกองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีที่อ้างอิง ซึ่งอาจจะมีการ ซื้อ-ขาย หุ้นเพื่อทำกำไรถี่กว่ากองทุนแบบ Passive Fund ผู้บริหารกองทุนจึงจำเป็นที่จะต้องมีความรู้และความชำนาญในตลาดหุ้น ณ ประเทศที่ไปลงทุนนั่นเองครับ
กองทุน Passive Fund นั้นเหมาะสำหรับคนที่ไม่ได้ต้องการความท้าทายมากมาย และยังเป็นการลงทุนที่เหมาะสมกับระยะยาว ซึ่ง Warren Buffett กูรูด้านการลงทุนระดับโลกเองก็ยังการันตี เพราะเห็นว่ามีความสมเหตุสมผล ทั้งนี้กองทุน Passive Fund เองก็มีข้อจำกัด เนื่องจากอิงตามดัชนีของตลาดหุ้น หากในช่วงที่ตลาดหุ้นอยู่ในขาลง ก็จะทำให้ผลการดำเนินงานจากกองทุนดังกล่าวนั้นลดลงและถึงขั้นขาดทุนได้ด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นก่อนจะลงทุนก็ควรประเมินตลาดหุ้นในขณะนั้นดูว่ามีความน่าลงทุนหรือไม่และประเมินศักยภาพในการเติบโตในอนาคตควบคู่กันไปด้วย
อันดับที่ 1: TISCO Asset Management Co., Ltd.|กองทุน Passive Fund กองทุนเปิด ทิสโก้ ยูเอส อิควิตี้ อันเฮดจ์ (TUSEQ-UH)
อันดับที่ 2: TMB Asset Management Co., Ltd.|กองทุน Passive Fund กองทุนเปิดทหารไทย World Equity Index (TMBWDEQ)
อันดับที่ 3: KRUNGTHAI Asset Management PLC.|กองทุน Passive Fund กองทุนเปิดดับเบิลยูไอเอสอี เคแทม ซีเอสไอ 300 ไชน่า แทร็กเกอร์ (CHINA)
อันดับที่ 4: SCB Asset Management Co., Ltd.|กองทุน Passive Fund กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นญี่ปุ่น ชนิดไม่จ่ายเงินปันผล (SCBNK225)
อันดับที่ 5: BBL Asset Management Co.,Ltd|กองทุน Passive Fund กองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลอินโนเวชั่น และเทคโนโลยี (B-INNOTECH)
คลิกที่นี่สำหรับการจัดอันดับคำบรรยายสินค้าแต่ละรายการอ้างอิงจากเนื้อหาที่แสดงในเว็บไซต์ผู้ผลิต แบรนด์ และเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ
เครื่องดื่ม
วัสดุก่อสร้าง, เครื่องมือและอุปกรณ์ช่าง
สวนและอุปกรณ์ในสวน
ความงาม, ของใช้ส่วนตัว
โน้ตบุ๊ก, PC, อุปกรณ์ไอที
ของใช้ในบ้าน, อุปกรณ์ในบ้าน
เครื่องใช้ไฟฟ้า
กล้อง
เครื่องสำอาง, สกินแคร์
สุขภาพ
อาหาร
เครื่องใช้ในครัว
แฟชั่น
รองเท้า
นาฬิกา, เครื่องประดับ
แม่และเด็ก
เฟอร์นิเจอร์, อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน
งานอดิเรก
กิจกรรมกลางแจ้ง
DIY, เครื่องเขียน, อุปกรณ์สำนักงาน
กีฬา
สัตว์เลี้ยง
หนังสือ
เกม
รถยนต์, รถจักรยานยนต์, อุปกรณ์เสริม
ของขวัญ, ของฝาก
ท่องเที่ยว
สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, อุปกรณ์เสริม
เครือข่ายมือถือ
การลงทุน
เครดิตการ์ด, สินเชื่อ, ประกัน
ดนตรี, เครื่องเสียง
แอปพลิเคชัน, โปรแกรม
บริการ