ชาญี่ปุ่นถือเป็นเครื่องดื่มอีกหนึ่งประเภทที่ได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลายทั่วโลก โดยชาญี่ปุ่นนั้นมีมากมายหลายชนิด มีสรรพคุณที่แตกต่างกัน รวมไปถึงมีวิธีการชงเฉพาะตัวที่สืบสานมาอย่างยาวนานตั้งแต่อดีตจนกลายเป็นเอกลักษณ์ของวัฒนธรรม ในปัจจุบันมีการนำเข้าชาญี่ปุ่นในไทยหลากหลายยี่ห้อและหลายประเภท จึงสามารถหาซื้อได้ง่าย
ในบทความนี้เราได้นำ 10 อันดับ ชาญี่ปุ่นอร่อย ๆ จากหลากหลายยี่ห้อ เช่น Ito En, KAWAMI, Blendy ซึ่งมีทั้งชาเขียว ชาดำและชาข้าวบาร์เลย์ ทั้งในรูปแบบผงชง แบบใบชา และแบบขวดพร้อมดื่ม ไม่เพียงเท่านั้น เรายังมีวิธีการเลือกชาญี่ปุ่นพร้อมข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับชาญี่ปุ่นประกอบกับคำแนะนำของ Tea Master มาเป็นข้อมูลความรู้ให้กับผู้ที่หลงใหลชาญี่ปุ่นได้ศึกษากันอีกด้วย
Top 5 ชาญี่ปุ่น ยอดนิยม
คุณตี่เป็นเจ้าของ Double Dogs Tea Room โรงน้ำชาชื่อดังใจกลางเยาวราชที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในศาสตร์แห่งการชงชาโดยเฉพาะ ทั้งชาจีนและชาญี่ปุ่น เรียกได้ว่าเป็น Tea Master คนนึงของประเทศไทยเลยก็ว่าได้ ด้วยความที่เติบโตมาในครอบครัวคนจีน คุณตี่จึงซึมซับกับกิจวัตรการดื่มชาจีนมาตั้งแต่วัยเด็ก รวมทั้งยังมีประสบการณ์ในการใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นหลายปีขณะศึกษาอยู่ที่ Kyoto University ทำให้คุณตี่ได้มีโอกาสเพิ่มพูนความรู้ในเรื่องชาและศิลปะการชงชาของญี่ปุ่นมากขึ้น จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางด้านศาสตร์แห่งการชงชาของคุณตี่และโรงน้ำชาย้อนยุค Double Dogs Tea Room ณ ปัจจุบัน
คุณพีทเป็นเจ้าของ Blackkat Café ร้านที่โดดเด่นด้านเครื่องดื่มและเบเกอรี่ โดยให้ความสำคัญกับวัตถุดิบคุณภาพและการสร้างสรรค์เมนูใหม่ ๆ ที่ผสมผสานรสชาติได้อย่างลงตัว ด้วยความหลงใหลในอาหาร เบเกอรี่ และเครื่องดื่ม ทำให้คุณพีทใส่ใจตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบ กระบวนการทำ ไปจนถึงการตกแต่งเมนูให้มีเอกลักษณ์ และพื้นฐานด้านการท่องเที่ยวและการโรงแรมจากมหาวิทยาลัยเนชั่น ยังส่งเสริมให้คุณพีทเข้าใจศาสตร์ของอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงการสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้ลูกค้า ตั้งแต่การพัฒนาเมนูตามฤดูกาล การอบเบเกอรี่สดใหม่ ไปจนถึงการจับคู่เครื่องดื่มกับขนมให้อร่อยลงตัว โดยนอกจากบริหารร้าน คุณพีทยังติดตามเทรนด์อาหาร ทดลองวัตถุดิบใหม่ ๆ และแบ่งปันความรู้ผ่านบทความด้านอาหาร เบเกอรี่ และการพัฒนาเมนูต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ที่สนใจสามารถนำไปต่อยอดได้อีกด้วย
ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเฉพาะ "วิธีการเลือก" เท่านั้น สินค้าและบริการที่ปรากฏอยู่ในบทความไม่ได้ถูกเลือกโดยผู้เชี่ยวชาญ
มายเบสท์เป็นเว็บไซต์ที่มีการจัดทำฐานข้อมูลสินค้าที่มีการเพิ่มข้อมูลสินค้าเข้าไปมากกว่า 2,000 รายการในแต่ละเดือน ซึ่งในแต่ละบทความเราได้ใช้เวลาในการจัดทำเนื้อหาและทำการค้นคว้าข้อมูลมาอย่างละเอียด รวมทั้งสัมภาษณ์และตรวจสอบข้อมูลโดยผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้าน เพื่อนำความรู้และข้อมูลเชิงลึกทั้งหมดนี้มาส่งมอบเป็นบทความที่ผู้อ่านสามารถเชื่อถือได้
ชาญี่ปุ่นนับเป็นเครื่องดื่มที่มีวางจำหน่ายอยู่หลากหลายชนิดและยี่ห้อ ดังนั้น เพื่อให้คุณได้ชาที่อร่อยถูกใจและมีคุณภาพ เรามาเริ่มจากการแนะนำข้อมูลเกี่ยวกับชาญี่ปุ่นกันก่อน
สิ่งที่คนญี่ปุ่นเรียกด้วยชื่อ “ชา” นั้น เราสามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ โดยกลุ่มแรกคือ ชาที่ทำจากใบหรือชิ้นส่วนอื่น ๆ ของต้นชา อย่างเช่น มัตจะหรือเซนจะที่เราคุ้นเคยกัน ส่วนอีกกลุ่มคือชาที่ไม่ได้ทำจากต้นชา ซึ่งกลุ่มหลังที่นิยมกันในประเทศญี่ปุ่นจะได้แก่ มุงิ-จะ ซึ่งเป็นชาที่ทำจากข้าวบาร์เลย์คั่ว กับโซบะ-จะ ที่ทำจากเมล็ดโซบะ นอกจากนี้ ก็มีที่ทำจากธัญพืชและสมุนไพรด้วย อย่างเช่น เปปเปอร์มินต์ ตะไคร้ หรือคาโมมายล์ เป็นต้น
ชาเขียวถือเป็นชาที่มีกำลังผลิตมากที่สุดในญี่ปุ่น โดยสำหรับชาญี่ปุ่น เราสามารถแบ่งกว้าง ๆ ตามวิธีการชงได้ 2 กลุ่ม คือ ชาที่ชงโดยการตีให้ผงชารวมเป็นเนื้อเดียวกับน้ำ เรียกว่า มัตจะ ซึ่งชาจำพวกนี้จะมีลักษณะเป็นผงละเอียด ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งคือ ชาที่ชงโดยการสกัดเอาน้ำชาโดยใช้น้ำร้อนลวกใบชา เรียกว่า เซนจะ ที่มีลักษณะเป็นใบชา
ชาที่ปลูกสำหรับทำเซนจะโดยปกติจะปลูกต้นชากลางแจ้งให้รับแสงแดดตามธรรมชาติ แต่ก็มีเทคนิคการปลูกต้นชาให้โตในแสงรำไร โดยพลางแสงต้นชา ซึ่งอาจจะใช้ฟาง เสื่อ ฟาก หรือสแลนกรองแสง ยอดชาที่โตในสภาวะที่มีแสงน้อยจะให้ชาที่มีรสอุมามิสูงกว่าชาที่ปลูกกลางแจ้งให้ได้รับแสงเต็มที่ การพลางแสงต้นชาก่อนจะเด็ดยอดชาไปทำเซนจะ ทำให้แบ่งชาที่พลางแสงได้เป็น 2 ชนิด ชาที่มีช่วงพลางแสงสั้น ๆ ประมาณ 1 สัปดาห์ เรียก คาบุเซะ-จะ แต่ถ้ามีช่วงที่พลางแสงนานขึ้นไปจนประมาณ 20 วัน จะเรียกว่า เกียวคุโระ
ชาเขียวนอกจากจะเอามาชงน้ำร้อนดื่มโดยตรงแล้ว ชาเขียวบางตัวยังอาจจะถูกปรุงเพิ่มอีกด้วย ซึ่งที่พบแพร่หลาย ได้แก่ เอาข้าวคั่วเติมผสมลงไปในชาเขียว เรียกว่า เกมไม-จะ และอีกวิธีที่นิยมทำกัน คือเอาชาเขียวมาคั่ว เพื่อเพิ่มกลิ่นหอมจากการคั่วให้แก่ชา เรียกว่า โฮจิ-จะ
ชาญี่ปุ่นนั้นมีหลากหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทก็มีขั้นตอนหรือกระบวนการผลิตที่แตกต่างกัน เพื่อดึงเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของชาออกมา จึงขอยกตัวอย่างกระบวนการผลิตใบชาที่ได้รับความนิยม ดังต่อไปนี้
สำหรับชาที่ทำจากต้นชาแท้ ๆ ใบชาสามารถเกิดกลิ่นหอมที่แตกต่างหลากหลายได้ด้วยปฏิกิริยาเคมีหนึ่ง ที่เรียกว่า “ออกซิเดชัน” ซึ่งเมื่อใบชาเกิดบาดแผลหรือช้ำ เอมไซม์ที่เป็นโปรตีนกลุ่มหนึ่งในชาก็จะทำงานเร่งให้เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน ส่งผลให้สารประกอบที่ให้กลิ่นเกิดการเปลี่ยนรูปทางเคมี ทำให้กลิ่นของชาเปลี่ยนไป ช่างทำชาจึงใช้หลักการนี้สร้างกลิ่นต่าง ๆ ให้กับชา
ถ้าต้องการให้ใบชามีกลิ่นรสที่สดเขียวของผักหรือหญ้า ก็จะต้องระวังไม่ให้ใบชาสดที่เก็บมาเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันหรือเกิดให้น้อยที่สุด โดยสิ่งที่ทำกันก็คือ เอาใบชาสดไปผ่านความร้อนเพื่อทำลายเอนไซม์ เมื่อเอมไซม์ถูกทำลาย กระบวนการออกซิเดชันก็หยุดลง ชากลุ่มที่ผลิตโดยไม่มีการออกซิเดชัน เรียกกันว่า ชาเขียว เพราะใบชาจากกระบวนการผลิตมีสีเขียวสด
ในทางกลับกัน ถ้าต้องการผลิตชาโดยการให้เกิดออกซิเดชันมาก ๆ ใบชาสดก็จะถูกนวดให้ช้ำ เร่งให้ปฏิกิริยาออกซิเดชันเกิดเร็ว สีใบชาจากสีเขียวสด จะค่อย ๆ คล้ำลง จนเป็นสีทองแดงทั่วทั้งใบ ชาที่ผลิตโดยการออกซิเดชันอย่างสมบูรณ์จนใบชาเป็นสีทองแดง เรียกว่า ชาแดง ชาจำพวกนี้จะมีกลิ่นไปทางผลไม้สุก น้ำผึ้ง เครื่องเทศ ซึ่งชาแดงที่ผลิตในญี่ปุ่นเรียกรวม ๆ ว่า วะโคจะ แปลว่า ชาแดงญี่ปุ่น
ตามที่เกริ่นไว้ว่า ชาเขียวทำโดยนำใบชาสดไปผ่านความร้อน เพื่อไม่ให้เกิดปฎิกิริยาออกซิเดชัน การผ่านความร้อนที่เป็นวิธีที่ใช้อย่างกว้างขวางในอุตสาหกรรมชาญี่ปุ่น คือ ใช้ไอน้ำนึ่งใบชา และอีกวิธีคือ การนำใบชาสดลงผัดในกระทะ ซึ่งเป็นวิธีการทำชาที่รับเอามาจากจีน ปัจจุบันเหลือผลิตอยู่ในบางพื้นที่ของเกาะคิวชู ได้แก่ ทามาเรียวะคุ
การนึ่งใบชาในกระบวนการทำชาเขียวทั่วไปจะนึ่งเป็นเวลาสั้น ๆ ราว 40 วินาที แล้วจะเป่าไล่ไอน้ำ นวด และอบแห้ง จนได้เป็นใบชาสำหรับชงโดยใช้น้ำร้อนสกัด เรียกว่า เซนจะ พอญี่ปุ่นเริ่มผลิตชามากขึ้น ขยายพื้นที่ปลูกไปที่พื้นที่ราบในชิสุโอกะ ชาที่ปลูกพื้นราบใบชาจะค่อนข้างหนากว่าชาที่ปลูกที่สูง มีรสฝาดกว่า และมีราคาต่ำกว่าในตลาดชาญี่ปุ่น จึงมีการปรับปรุงคุณภาพโดยนึ่งใบชาเหล่านี้ให้นานกว่าที่เคยทำ (นานกว่า 1 นาที) ทำให้ชาที่ได้มีรสฝาดน้อยลง น้ำชาสีเขียวจัด แต่กลิ่นหอมของชาก็น้อยลง ชาที่ได้จากการนึ่งนาน เรียกว่า ฟุกามุฉิ เซนจะ ที่ญี่ปุ่นนิยมใช้กันในร้านอาหาร
กระบวนการผลิตเซนจะ นอกจากจะได้ใบชาที่เป็นผลผลิตหลัก จะมีชิ้นส่วนของใบชาที่แตกหัก และถูกคัดแยกรวบรวมมาขายเป็นผลิตภัณฑ์ชาอีกหลายชนิด ถ้าเป็นชาที่คัดจากส่วนของยอดและปลายใบจะเรียกว่า เมะ-จะ ส่วนของก้านชา เรียก คุกิ-จะ ส่วนผงละเอียดเศษเล็กเศษน้อย เรียก โคนะ-จะ ซึ่งนิยมทำในรูปชาซอง
ส่วนชาที่ทำจากยอดชาที่เก็บในฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วงถือว่าเป็นชาที่มีคุณภาพรองลงมา จะเรียกชื่อว่า บันจะ ชาที่ได้จะดูหยาบ ใบชาเป็นแท่งอวบ ๆ ในขณะที่ใบชาที่ผลิตจากชาฤดูใบไม้ผลิจะดูเป็นเส้นที่ผอมเล็กเรียว บันจะจะเป็นชาที่คนญี่ปุ่นชงกันเป็นกาใหญ่ ๆ เอาไว้ดื่มทั้งวัน ดื่มกันได้แทนน้ำ เพราะนอกจากราคาจะไม่สูงแล้ว ชายังมีอุมามิน้อย ไม่ทำให้เลี่ยนเมื่อดื่มต่อเนื่องในปริมาณมาก
สินค้า | รูปภาพ | ราคาต่ำสุด | คะแนน | |
---|---|---|---|---|
1 | Ito En ชาญี่ปุ่น | ![]() | ชาญี่ปุ่นชนิดผง รสชาติเข้มข้น ได้กลิ่นหอมใบชาจากธรรมชาติ | |
2 | Kaori ชาญี่ปุ่น | ![]() | ชาญี่ปุ่นคุณภาพดีส่งตรงจากชิซุโอกะ หอมกลิ่นยอดอ่อนใบชาแท้ | |
3 | Peace Oriental Teahouse ชาญี่ปุ่น | ![]() | รสชาติกลมกล่อม ไม่หวานมาก ชาเข้มข้น มีกลิ่นหอมสุดละมุน | |
4 | KAWAMI ชาญี่ปุ่น โฮจิฉะ | ![]() | กลิ่นหอมชาคั่วโฮจิฉะเข้มข้น มาในรูปแบบผง ชงได้ทั้งร้อน-เย็น | |
5 | Makotoe En ชาญี่ปุ่น ผสมข้าวคั่วและผงมัทชะ | ![]() | รสกลมกล่อม หอมกลิ่นข้าวคั่ว ใบชาที่ไม่ผ่านการหมัก เก็บได้นาน | |
6 | Ito En ชาญี่ปุ่น ชาข้าวบาร์เลย์ | ![]() | ผลิตจากข้าวบาร์เลย์ 100% ช่วยลดคอเลสเตอรอล บำรุงร่างกาย | |
7 | บันชา ชาญี่ปุ่น | ![]() | รสละมุน หวานอ่อนและฝาดเล็กน้อย เหมาะสำหรับดื่มคู่ของว่าง | |
8 | Blendy ชาญี่ปุ่น มัทฉะโอเล | ![]() | อร่อยสดชื่น มีกลิ่นหอม สัมผัสนุ่มลิ้น ลื่นคอ พกพาง่าย ดื่มได้ทุกที่ | |
9 | POKKA ชาญี่ปุ่น ปรุงสำเร็จ แบบขวด | ![]() | ชาญี่ปุ่นสูตรปรุงสำเร็จ ดื่มง่าย เติมความสดชื่นได้ทั้งวัน | |
10 | ICHITAN ชาญี่ปุ่น ชิซึโอกะ ผสมผงมัทฉะ | ![]() | น้ำชาเขียวผสมผงมัทฉะ รสหวานน้อย มาในขวดพร้อมดื่ม |
คนไหนที่ชอบดื่มชาญี่ปุ่นเป็นประจำ น่าจะเคยได้ยินชื่อแบรนด์ Ito En กันมาบ้างอย่างแน่นอน เนื่องจากเป็นแบรนด์ชาคุณภาพดีนำเข้าจากญี่ปุ่น จุดเด่นอยู่ที่การเลือกใบชามาสกัดด้วยกระบวนการผลิตที่พิถีพิถันจนได้ชาที่รสชาติอร่อย เข้มข้น และมีสีเขียวสวยงาม ทั้งยังได้กลิ่นหอมจากใบชาแท้ ๆ นอกจากนี้ ยังละลายน้ำได้ง่ายทั้งในน้ำร้อนและน้ำเย็น โดยใน 1 ซองสามารถชงได้มากถึง 50 แก้ว จากรีวิวกล่าวว่าชาอร่อย ใช้ชงได้ทั้งภายในบ้านหรือใครที่จะชงขายก็ได้เช่นกัน
ชาญี่ปุ่นคุณภาพพรีเมียมส่งตรงจากจังหวัดชิซุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ชาญี่ปุ่นสูตรนี้เป็นใบชาที่เป็นหน่ออ่อน นำมาผ่านการอบไอน้ำนานกว่าใบชาปกติทั่วไปถึง 2 เท่าคือ 60 - 80 วินาที รสชาติจึงมีทั้งความหวานและฝาดผสมผสานกัน ตัวใบชาจะมีลักษณะสีเขียวเข้มและมีรสชาติเข้มข้น มีกลิ่นหอมละมุน ซึ่งจากความคิดเห็นของชาวเน็ตหลายคนที่ได้ลองซื้อไปชงดื่มที่บ้านต่างเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่าคุณภาพชาดีมาก รสนุ่มนวล แบ่งชงได้หลายครั้ง แต่อาจมีราคาที่สูงกว่ายี่ห้ออื่น ๆ ไปสักหน่อยครับ
Peace Oriental Teahouse ถือเป็นแบรนด์ชาญี่ปุ่นชื่อดังและได้รับความนิยมอย่างมากในไทยอีกยี่ห้อหนึ่ง ด้วยการผลิตชาเขียวมัทฉะคุณภาพพรีเมียม มาในรูปแบบชาผงชงง่าย ละลายน้ำได้ดี นอกจากนี้ ยังมีทั้งสูตรผสมน้ำตาลและสูตรไม่ผสมน้ำตาลให้เลือกกันอีกด้วย ในส่วนของใบชาที่ใช้ในการผลิตนั้นจะโดดเด่นที่ความอูมามิ กลมกล่อม มีความหวานเล็กน้อย ไม่ว่าจะชงกับนมสดหรือน้ำก็อร่อย ซึ่งคนรักชาญี่ปุ่นที่ได้ลองซื้อไปชงเองที่บ้านชื่นชอบที่ทางแบรนด์มีบอกวิธีการชงไว้ที่หลังซองให้ชงตามสูตรด้วย
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบกลิ่นหอมของชาคั่ว เราขอแนะนำชาญี่ปุ่น โฮจิฉะจากแบรนด์ KAWAMI ซึ่งเป็นชาเซ็นฉะจากญี่ปุ่นที่นำมาผ่านกระบวนการคั่วถึง 2 รอบจนได้กลิ่นหอมและมีสีน้ำตาลเป็นเอกลักษณ์ ไม่มีการแต่งสีหรือกลิ่นเพิ่มเติม ทำให้เมื่อชงดื่มแล้วคุณจะได้ลิ้มรสชาติของชาอย่างแท้จริง และเนื่องจากมาในรูปแบบชาผง จึงสามารถใช้ชงได้หลายครั้ง ไม่ว่าจะเมนูร้อน เย็น หรือปั่นก็ทำได้ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่หาชาดี ๆ ไว้ติดบ้านหรือร้านค้าไว้ขาย เพราะเติมชาเพียงนิดเดียวก็หอมอร่อยแล้วครับ
สัมผัสกลิ่นหอมใบชาแท้จากชาเขียวผสมข้าวคั่วและผงมัทฉะจากแบรนด์ Makotoe-En ที่นำส่วนผสมหลัก 3 ชนิด คือ ใบชาเขียว ข้าวคั่ว และผงชาเขียวมัทฉะจากเมืองอูจิมาผสมผสานเข้าด้วยกัน โดยนำใบชามาคั่วร่วมกับข้าวกล้องจนกลายเป็นสีน้ำตาล เมื่อนำมาแช่ในน้ำร้อน 20 - 30 วินาที ก็จะได้ชาเขียวรสชาตินุ่มนวลและมีหอมกลิ่นที่เข้ากันได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังมีความพิเศษตรงที่มีปริมาณคาเฟอีนน้อยกว่าชาเขียวชนิดอื่น และมีปริมาณแคลอรีต่ำ เก็บรักษาได้นานถึง 15 เดือนอีกด้วย
ชาข้าวบาร์เลย์หรือชามุกิฉะ เป็นชาอีกหนึ่งชนิดที่ชาวญี่ปุ่นนิยมดื่มกันอย่างแพร่หลาย โดยสูตรนี้ผลิตจากข้าวบาร์เลย์แท้ 100% ก่อนนำมาบรรจุในรูปแบบซอง ชงง่ายทั้งแบบร้อนและเย็น มีกลิ่นหอม อร่อย ซึ่งนอกจากความอร่อยแล้ว ยังมีประโยชน์มากมาย ทั้งในเรื่องช่วยลดคอเลสเตอรอลและระดับน้ำตาลในเส้นเลือด หรือลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง จึงเหมาะกับคนที่รักสุขภาพและคนที่กำลังอยู่ในช่วงควบคุมน้ำหนัก จากรีวิวกล่าวว่าชงดื่มแล้วช่วยเพิ่มความสดชื่น แถมยังมีราคาไม่แพง แต่ได้ปริมาณมากถึง 54 ซอง
ชาญี่ปุ่นจากแบรนด์บันชาซองนี้ เป็นรูปแบบชาใบสำหรับชง มาพร้อมปริมาณ 100 กรัม ทำให้แบ่งชงได้หลายครั้ง สามารถชงในน้ำที่ร้อนอุณหภูมิสูงถึง 100 องศาเซลเซียสได้โดยไม่ทำลายคุณภาพของชา รสชาติจะออกไปทางหวานอ่อนและกลิ่นหอมสดชื่นจากใบชา มีความฝาดเล็กน้อย ดื่มง่าย เหมาะสำหรับชงเป็นชาร้อนดื่มคู่กับอาหารเช้าหรือของว่าง เช่น ขนมปัง, คุกกี้ โดยหลายเสียงรีวิวจากชาวเน็ตที่ได้ซื้อไปลองชงกล่าวว่าชาค่อนข้างหอม รสชาติอร่อย ดื่มง่าย แม้เป็นมือใหม่หัดดื่มชาก็ดื่มได้ครับ
หลายคนที่เคยไปประเทศญี่ปุ่นน่าจะเคยเห็นชาญี่ปุ่นยี่ห้อ Blendy ผ่านตากันอย่างแน่นอน เพราะถือเป็นอีกแบรนด์หนึ่งที่ได้รับความนิยมสูงในหมู่คนไทย เนื่องจากเป็นชาผสมนม ชนิดผง ที่มีรสชาติกลมกล่อม หอมนมและกลิ่นของชาเขียว เมื่อน้ำมาชงแล้วจะได้เครื่องดื่มชาเขียวร้อนสุดละมุนลิ้น แต่หากใครที่ต้องการชงเป็นเครื่องดื่มเย็นก็เพียงแค่เพิ่มน้ำแข็ง ก็จะได้ชาญี่ปุ่นรสชาติอร่อยไว้ดื่มเองที่บ้านไม่ต้องง้อร้าน อย่างไรก็ตาม หากใส่น้ำในปริมาณที่มากเกินไปอาจทำให้ชามีรสชาติเจือจางได้ครับ
สำหรับใครที่กำลังมองหาชาญี่ปุ่นสำเร็จรูปพร้อมดื่ม วันนี้เราก็มีชาญี่ปุ่น ปรุงสำเร็จจาก POKKA มาแนะนำกัน โดยสูตรนี้เป็นชาเขียวมัทฉะที่มีกลิ่นหอมของใบชาจากธรรมชาติ เพราะทางแบรนด์ได้คัดสรรเอาแต่ใบชาคุณภาพมาใช้ในการผลิต ก่อนบรรจุลงในขวดพลาสติกที่ช่วยให้พกพาสะดวก ติดตัวไปได้ทุกที่ โดยภายในชาจะมีปริมาณคาเฟอีน 9.85 มิลลิกรัมต่อ 100 มิลลิลิตร จากเสียงรีวิวกล่าวว่าชารสชาติดี ราคาไม่สูงมาก อย่างไรก็ตาม อาจมีรสหวานเล็กน้อย คนที่ไม่ชอบดื่มชารสหวานควรเลี่ยงครับ
เติมความสดชื่นระหว่างวันด้วยชาญี่ปุ่นจากชิซุโอกะจากแบรนด์ ICHITAN ซึ่งเป็นแบรนด์ชาเขียวชื่อดังของไทย มาในรูปแบบขวดพร้อมดื่ม พกพาติดกระเป๋าไปได้ทุกที่ รสชาติจะไม่จืดเหมือนชาเขียวญี่ปุ่นทั่วไป แต่จะมีการใส่น้ำตาลฟรุกโตสเพื่อเพิ่มความหวานให้ถูกปากคนไทย โดยหนึ่งขวดจะให้พลังงาน 80 กิโลแคลอรี ส่วนผสมหลักของชาญี่ปุ่นขวดนี้นั้นจะมีปริมาณน้ำชามากถึง 92% และยังมีการผสมผงมัทฉะเพื่อเพิ่มความเข้มข้นเข้าไปด้วย เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบชาที่ฝาดหรือเฝื่อนติดลิ้น แต่ไม่เหมาะกับคนที่ไม่ชอบชารสหวานสักเท่าไรครับ
เพื่อให้ชาญี่ปุ่นคงสภาพความสดใหม่ รสชาติกลมกล่อม และความหอมยาวนาน เราขอแนะนำวิธีการเก็บชาญี่ปุ่น โดยเริ่มจากแยกประเภทของชา ต่อมานำใบชาหรือถุงชาแต่ละประเภทเก็บไว้ในภาชนะมีฝาปิดสนิท, ทึบแสง, ไร้กลิ่น และป้องกันอากาศเข้า ซึ่งไม่ควรเก็บในกล่องพลาสติกและรวมถุงชาทุกประเภทไว้ที่เดียวกัน เพราะจะทำให้ชาญี่ปุ่นแต่ละชนิดดูดกลิ่นกันและกันจนส่งผลให้มีกลิ่นผิดเพี้ยนและเสียรสชาติ นอกจากนี้ ยังควรหลีกเลี่ยงการเก็บชาญี่ปุ่นในบริเวณที่มีความชื้น แสงแดดส่อง และอบอวลด้วยกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ
อันดับที่ 1: Ito En|ชาญี่ปุ่น
อันดับที่ 2: Kaori| ชาญี่ปุ่น
อันดับที่ 3: Peace Oriental Teahouse|ชาญี่ปุ่น
อันดับที่ 4: KAWAMI|ชาญี่ปุ่น โฮจิฉะ
อันดับที่ 5: Makotoe En|ชาญี่ปุ่น ผสมข้าวคั่วและผงมัทชะ
คลิกที่นี่สำหรับการจัดอันดับคำบรรยายสินค้าแต่ละรายการอ้างอิงจากเนื้อหาที่แสดงในเว็บไซต์ผู้ผลิต แบรนด์ และเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ
เครื่องดื่ม
วัสดุก่อสร้าง, เครื่องมือและอุปกรณ์ช่าง
สวนและอุปกรณ์ในสวน
ความงาม, ของใช้ส่วนตัว
โน้ตบุ๊ก, PC, อุปกรณ์ไอที
ของใช้ในบ้าน, อุปกรณ์ในบ้าน
เครื่องใช้ไฟฟ้า
กล้อง
เครื่องสำอาง, สกินแคร์
สุขภาพ
อาหาร
เครื่องใช้ในครัว
แฟชั่น
รองเท้า
นาฬิกา, เครื่องประดับ
แม่และเด็ก
เฟอร์นิเจอร์, อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน
งานอดิเรก
กิจกรรมกลางแจ้ง
DIY, เครื่องเขียน, อุปกรณ์สำนักงาน
กีฬา
สัตว์เลี้ยง
หนังสือ
เกม
รถยนต์, รถจักรยานยนต์, อุปกรณ์เสริม
ของขวัญ, ของฝาก
ท่องเที่ยว
สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, อุปกรณ์เสริม
เครือข่ายมือถือ
การลงทุน
เครดิตการ์ด, สินเชื่อ, ประกัน
ดนตรี, เครื่องเสียง
แอปพลิเคชัน, โปรแกรม
บริการ