ซูชิเป็นหนึ่งในอาหารญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมมายาวนานในบ้านเรา เพราะสามารถสร้างสรรค์เมนูได้ด้วยการใช้วัตถุดิบที่หลากหลายจึงทานได้บ่อยโดยไม่รู้สึกเบื่อ ไม่ว่าจะเป็นซูชิหน้ากุ้ง ซูชิไข่หวาน ซูชิปลาไหล เป็นต้น อย่างไรก็ตาม เมนูซูชิจะอร่อยได้นั้นต้องเริ่มจากการเลือกข้าวทำซูชิที่เหมาะสม มีความเหนียวหนึบกำลังดี ไม่ร่วนจนแตก และมีกลิ่นหอมของข้าวที่ผสมกับน้ำส้มสายชูจนเข้ากันอย่างลงตัว ส่วนจะเป็นข้าวขาวหรือข้าวกล้องก็แล้วแต่ความชื่นชอบของแต่ละคน
สำหรับคนรักซูชิที่อยากลองทำทานเองที่บ้านบ้าง สิ่งสำคัญอันดับแรกที่ต้องทำนั้นไม่ใช่การเลือกวัตถุดิบที่จะใช้เป็นหน้าซูชิ แต่เป็นการเลือกซื้อข้าวญี่ปุ่นที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับซูชิ ถึงแม้คนที่ไม่เคยใช้ข้าวญี่ปุ่นมาก่อนก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากนัก เพียงแค่ทราบถึงปัจจัยที่ใช้ในการเลือกซื้อก็จะได้ข้าวญี่ปุ่นที่เหมาะสมได้ ซึ่งในบทความนี้เราได้นำข้อมูลวิธีการเลือกข้าวสำหรับทำซูชิมาฝากกัน อีกทั้งเรายังได้คัดสรร 10 ข้าวทำซูชิยอดนิยมจากหลากหลายยี่ห้อมาเป็นตัวเลือกให้อีกด้วย โดยมีทั้งข้าวญี่ปุ่นแท้ ๆ ที่นำเข้าและข้าวแบรนด์ไทยที่มีคุณภาพเหมาะสำหรับนำไปทำซูชิได้เช่นกันค่ะ
Top 5 ข้าวทำซูชิ ยอดนิยม
Noritake
สายพันธุ์อาคิตะโคะมาจิเกรดพรีเมียม จากแหล่งเพาะปลูกในไทย
Niigata
นำเข้าจากเมืองนีงาตะ ข้าวเต็มเมล็ด หอมอร่อยสไตล์ข้าวญี่ปุ่นแท้
Iwate Hitomebore
เพาะปลูกในประเทศญี่ปุ่น เหนียวนุ่มแบบต้นตำรับ ไม่ต้องซาวน้ำ
ตราฉัตร
วัตถุดิบชั้นดีที่ต่อยอดเพื่อชุมชน กับการส่งเสริมการปลูกข้าวญี่ปุ่น
คุณนิวเป็นครูสอนคณิตศาสตร์ที่โรงเรียนประจำอำเภอในภาคอีสาน แต่มีความหลงใหลในการทำอาหารตั้งแต่วัยเด็ก เนื่องจากเติบโตมาในครอบครัวที่เคยเปิดร้านอาหาร ทำให้มีความชำนาญด้านการเลือกวัตถุดิบ การใช้เครื่องปรุง และการสร้างสรรค์เมนูใหม่ ๆ ที่ลงตัว ด้วยความรักในอาหารและการแบ่งปันความรู้ คุณนิวจึงเริ่มเขียนบทความเกี่ยวกับเคล็ดลับการทำอาหาร เทคนิคการเลือกวัตถุดิบ และการใช้อุปกรณ์ครัวอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเน้นถ่ายทอดจากประสบการณ์จริง เพื่อให้ผู้อ่านสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ง่ายขึ้น ซึ่งนอกจากความอร่อยแล้ว ยังให้ความสำคัญกับการทำอาหารที่สะดวกและเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน เพื่อให้ทุกคนสนุกกับการทำอาหารได้อย่างเต็มที่
สารบัญ
หากต้องการซูชิที่มีรสสัมผัสของเนื้อข้าวหอมอร่อย และได้กลิ่นอายตามสไตล์อาหารญี่ปุ่นแท้ ๆ การเลือกใช้ข้าวที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับประเภทอาหารนั้นสำคัญมาก เพราะไม่ใช่ข้าวญี่ปุ่นทุกชนิดที่จะใช้ทำซูชิได้ จึงมีหลายปัจจัยที่เราต้องพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อค่ะ
เนื่องจากอาหารประเภทซูชิจำเป็นต้องใช้ข้าวที่มีคุณสมบัติเฉพาะ คือเมล็ดข้าวต้องจับตัวกันได้ดีในระดับหนึ่ง เนื้อสัมผัสมีความเหนียวหนึบแต่ก็ยังร่วนมากพอที่จะไม่ติดกันเป็นแพ ยิ่งถ้ามีรสหวานหอมผสมอยู่เล็กน้อย ยิ่งช่วยให้ซูชิคำนั้นอร่อยมากขึ้น ตัวเลือกที่ดีที่สุดจึงเป็นข้าวญี่ปุ่นแท้คุณภาพดี แบบที่เป็นข้าวเต็มเมล็ดจะดีที่สุด เพราะขนาดเมล็ดข้าวที่สม่ำเสมอมีผลดีต่อการปั้นซูชิ แบบที่ผสมข้าวเต็มเมล็ดกับข้าวหักก็ใช้ได้เหมือนกัน แต่จะต้องมีเปอร์เซ็นต์ข้าวหักค่อนข้างน้อย
นอกจากนี้ก็มีเรื่องความสดใหม่ของเมล็ดข้าว แบบที่เราเรียกกันว่าข้าวเก่ากับข้าวใหม่นั่นเอง ข้าวใหม่จะมีความนุ่มเหนียวและมีความชื้นมาก หลังหุงสุกจึงจับตัวกันง่ายกว่า แต่ก็ต้องระวังปริมาณน้ำที่ใช้เพื่อไม่ให้ข้าวแฉะเกินไป ส่วนข้าวเก่าจะร่วนมากขึ้นและอาจมีกลิ่นสาบได้ถ้าเก็บรักษาไม่ดีพอ ดังนั้นถ้าเลือกได้ก็ควรใช้ข้าวญี่ปุ่นแท้ที่มีความสดใหม่มากกว่าค่ะ
สายพันธุ์ข้าวญี่ปุ่นที่นิยมนำมาทำเป็นซูชิหรือข้าวปั้นจะมีอยู่ 3 สายพันธุ์หลัก ได้แก่ พันธุ์ซาซานิชิกิ (Sasanishiki) พันธุ์อะคิทาโคมาชิ (Akitakomachi) และพันธุ์โคชิฮิคาริ (Koshihikari) โดยข้าวพันธุ์ซาซานิชิกิจะเป็นวัตถุดิบที่ร้านอาหารทั่วไปเลือกใช้กัน เนื่องจากมีเนื้อสัมผัสที่เข้ากับอาหารประเภทซูชิมากที่สุด มีความสมดุลกันระหว่างความเหนียวหนึบและความร่วนของเมล็ดข้าว อีกทั้งยังมีรสหวานเล็กน้อยที่ช่วยเสริมให้ซูชิอร่อยขึ้นด้วย
ส่วนข้าวพันธุ์อะคิทาโคมาชิจะมีความร่วนน้อยกว่า หุงขึ้นหม้อมากกว่าและมีความหวานมากที่สุด เป็นพันธุ์ข้าวที่ทิ้งไว้จนเย็นก็ยังมีรสชาติอร่อย นอกจากซูชิก็ยังนำไปทำอาหารได้หลากหลายสัญชาติด้วย สุดท้ายคือข้าวพันธุ์โคชิฮิคาริ เป็นพันธุ์ที่ให้ความเหนียวนุ่มและมีกลิ่นหอมมากที่สุด รสชาติโดยรวมอร่อยถูกปากจนชาวญี่ปุ่นต้องยกให้เป็นราชาแห่งข้าวเลยทีเดียว
ปกติแล้วสินค้าประเภทข้าวสารญี่ปุ่นจะจัดจำหน่ายด้วยบรรจุภัณฑ์ขนาดใหญ่ประมาณ 1 - 2 กิโลกรัมขึ้นไป ซึ่งหากผู้ที่ไม่ได้เปิดร้านอาหารก็ไม่มีทางที่จะทานให้หมดได้ในคราวเดียว และคนส่วนใหญ่ก็อาจต้องการทำเมนูซูชิเป็นเพียงครั้งคราวเท่านั้น ดังนั้นก่อนตัดสินใจเลือกข้าวญี่ปุ่นแบบไหน ให้ดูรายละเอียดเพิ่มเติมอีกนิดว่า ข้าวที่สนใจนั้นสามารถใช้ทำอาหารเมนูอื่น ๆ ได้ด้วยหรือไม่ ซึ่งคุณสมบัติตรงนี้ก็มักจะขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ข้าวนั่นเอง
สำหรับข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์ดั้งเดิมที่เพาะปลูกในประเทศญี่ปุ่น บางสายพันธุ์จะใช้ทำซูชิ ข้าวปั้น และหุงสุกให้เป็นข้าวสวยเพื่อทานคู่กับเมนูอื่นได้ ขณะที่บางสายพันธุ์จะมีความเหนียวมากจนไม่เหมาะที่จะหุงเป็นข้าวสวยเลย ส่วนข้าวญี่ปุ่นที่ถูกพัฒนาสายพันธุ์จนสามารถเพาะปลูกในประเทศไทยได้ ก็มักจะมีคุณสมบัติที่เหมาะกับเมนูอาหารไทยเพิ่มขึ้นมาด้วย ฉะนั้นเราจึงต้องพิจารณาก่อนว่าต้องการใช้ข้าวทำเมนูใดบ้าง เพื่อเลือกยี่ห้อและสายพันธุ์ให้เหมาะสมกับการใช้งานทุกเมนูค่ะ
สินค้า | รูปภาพ | ราคาต่ำสุด | คะแนน | |
---|---|---|---|---|
1 | Noritake ข้าวทำซูชิ ข้าวสารญี่ปุ่น ตราโนริตาเกะ | ![]() | สายพันธุ์อาคิตะโคะมาจิเกรดพรีเมียม จากแหล่งเพาะปลูกในไทย | |
2 | Niigata ข้าวทำซูชิ ข้าวญี่ปุ่นแท้ นีงาตะ โคชิฮิคาริ | ![]() | นำเข้าจากเมืองนีงาตะ ข้าวเต็มเมล็ด หอมอร่อยสไตล์ข้าวญี่ปุ่นแท้ | |
3 | Iwate Hitomebore ข้าวทำซูชิ อิวาเตะ ฮิโตเมโบเระ | ![]() | เพาะปลูกในประเทศญี่ปุ่น เหนียวนุ่มแบบต้นตำรับ ไม่ต้องซาวน้ำ | |
4 | ตราฉัตร ข้าวทำซูชิ ข้าวญี่ปุ่น ตราฉัตร | ![]() | วัตถุดิบชั้นดีที่ต่อยอดเพื่อชุมชน กับการส่งเสริมการปลูกข้าวญี่ปุ่น | |
5 | Kotobukimai ข้าวทำซูชิ ข้าวญี่ปุ่นสำหรับทำข้าวปั้น โคโตบุกิไม | ![]() | เหมาะสำหรับทำซูชิและข้าวปั้น คุณภาพได้มาตรฐาน ราคาย่อมเยา | |
6 | Minori ข้าวทำซูชิ ข้าวญี่ปุ่นมิโนริ | ![]() | คงความสดใหม่จนถึงมือผู้บริโภค กับข้าวสายพันธุ์แท้คุณภาพดี | |
7 | Tawara ข้าวทำซูชิ ข้าวกล้องญี่ปุ่น ทาวาระ | ![]() | เมล็ดข้าวสีเหลืองทอง รสหวาน คงคุณค่าทางสารอาหารครบถ้วน | |
8 | ตราไก่แจ้ ข้าวทำซูชิ ข้าวสารญี่ปุ่น ตราไก่แจ้ | ![]() | รสสัมผัสเหนียวนุ่ม มีกลิ่นหอม ข้าวใหม่เก็บเกี่ยวไม่เกิน 8 เดือน | |
9 | Noritake ข้าวทำซูชิ ข้าวกล้องญี่ปุ่น โนริตาเกะ | ![]() | ข้าวกล้องญี่ปุ่นไร้สารตกค้าง ทำได้ทั้งอาหารญี่ปุ่นและอาหารไทย | |
10 | Aro ข้าวทำซูชิ ข้าวญี่ปุ่นสำหรับทำซูชิ เอโร่ | ![]() | ข้าวสายพันธุ์ซาซานิชิกิ เม็ดกลมสวย เหมาะสำหรับผู้ประกอบการ |
ใครว่าข้าวญี่ปุ่นคุณภาพดีจะต้องเป็นสินค้านำเข้าเสมอไป นี่เป็นตัวอย่างของผลผลิตทางการเกษตรจากพื้นที่จังหวัดเชียงราย ที่สามารถควบคุมดูแลการเพาะปลูกจนได้ข้าวญี่ปุ่นเกรดพรีเมียมออกมา เมล็ดข้าวที่ได้เป็นแบบเต็มเม็ดและมีผิวเนียนสวย เมื่อหุงสุกจะมีกลิ่นหอม เหนียวนุ่ม และได้รสหวานของความสดใหม่ เหมาะสำหรับทำซูชิและอาหารญี่ปุ่นทุกชนิด แม้แต่อาหารไทยก็ตอบโจทย์ได้ดีเหมือนกัน นอกจากนี้ยังมีมาตรฐาน GMP และ HACCP รองรับ จึงมั่นใจได้ในความปลอดภัย
นี่คือข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์โคชิฮิคาริ ซึ่งเพาะปลูกในประเทศญี่ปุ่นแล้วนำเข้ามาเพื่อบรรจุพร้อมจำหน่ายในไทย เมืองนีงาตะนั้นขึ้นชื่อเรื่องการปลูกข้าวมาก ผลผลิตที่ได้มีคุณภาพสูงและเป็นที่ต้องการของตลาดอยู่เสมอ อย่างผลิตภัณฑ์ตัวนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ได้รับความนิยม มีจุดเด่นที่ข้าวเต็มเมล็ด ไม่จำเป็นต้องซาวน้ำก่อนหุง เมื่อสุกแล้วจะได้ข้าวเรียงตัวสวย เหนียวหนึบขึ้นรูปดี แต่ไม่แฉะจนเกาะกันเป็นก้อน ผิวนอกเงางาม ทั้งยังมีกลิ่นหอมและรสหวานที่เป็นเอกลักษณ์จากพื้นที่เพาะปลูกด้วยค่ะ
ข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์แท้ฮิโตเมโบเระ เพาะปลูกในเมืองอิวาเตะซึ่งเป็นพื้นที่ปลูกข้าวขึ้นชื่อของประเทศญี่ปุ่น ผ่านกระบวนการเก็บเกี่ยวและบรรจุลงหีบห่อที่ได้มาตรฐานสูง เมล็ดข้าวจึงมีสภาพสมบูรณ์และสะอาดหมดจด สามารถนำมาหุงได้โดยไม่ต้องซาวน้ำทิ้ง ทำให้ได้รับสารอาหารครบถ้วน ไม่มีส่วนไหนที่เสียไปกับการซาวน้ำ หลังหุงสุกและพักไว้ 10 นาทีก็จะได้เมล็ดข้าวสีขาวนวล เนื้อนุ่มและมีความหนึบแบบข้าวญี่ปุ่นแท้ หากรู้สึกว่าเหนียวจนติดกันมากเกินไปก็สามารถลดปริมาณน้ำที่ใช้หุงข้าวลงได้
เชื่อว่าข้าวตราฉัตรน่าจะเป็นอีกแบรนด์หนึ่งที่หลายคนคุ้นเคย สำหรับผลิตภัณฑ์ข้าวญี่ปุ่นตัวนี้ มีความน่าสนใจตรงที่เป็นผลผลิตทางการเกษตรที่ช่วยเปลี่ยนวิถีชุมชน กับโครงการส่งเสริมการปลูกข้าวญี่ปุ่นทางภาคเหนือ นอกจากจะเปิดช่องทางการสร้างรายได้ใหม่ ๆ แล้ว เราก็ยังลดการนำเข้าข้าวญี่ปุ่นได้อีกด้วย ในส่วนของเมล็ดข้าวก็เรียกได้ว่ามีคุณภาพสูงเหมือนต้นตำรับ เนื้อสัมผัสนุ่มเหนียว และมีกลิ่นหอม เหมาะสำหรับใช้ปั้นซูชิและทำอาหารญี่ปุ่นทุกชนิด
สำหรับคนที่มองหาข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์แท้ที่ราคาไม่แรงมากนัก ข้าวญี่ปุ่นจากค่ายโคโตบุกิไมจัดว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวทีเดียว เพราะเขาใช้ข้าวสายพันธุ์ซาซานิชิกิที่นิยมนำมาทำซูชิหรือข้าวปั้น แม้ว่าผลิตภัณฑ์จะมีการผสมระหว่างข้าวเต็มเมล็ดกับข้าวที่มีส่วนแตกหักอยู่บ้าง แต่เปอร์เซ็นต์ของข้าวหักนั้นมีน้อย และโดยรวมก็ถือว่าคุณภาพคุ้มค่าเกินราคา ข้าวที่หุงสุกแล้วจะได้เนื้อสัมผัสที่นุ่มหนึบ เกาะตัวดี มีกลิ่นหอม ขึ้นรูปง่าย ทั้งยังหุงทานในรูปแบบของข้าวสวยได้อีกด้วย
ด้วยมาตรฐานการผลิตและนโยบายการจัดจำหน่าย ที่กำหนดให้มีการแพ็คถุงเพื่อส่งขายภายใน 1 เดือนหลังจากสีข้าวเสร็จเรียบร้อย ทำให้เมล็ดข้าวยังคงความสะอาดและสดใหม่ทุกถุง เมื่อหุงสุกจะได้เมล็ดข้าวที่มีผิวนอกเป็นเงางาม เรียงตัวสวยไม่ติดกันเป็นก้อน รสชาติหอมหวานนุ่มหนึบ และได้สัมผัสกับคุณภาพของข้าวสายพันธุ์ซาซานิชิกิแท้ ๆ แบบเต็มคำ บรรจุภัณฑ์แบบสูญญากาศจะรักษาคุณภาพของข้าวไว้ได้นานประมาณ 2 ปี เมื่อเปิดถุงแล้วควรเทใส่ภาชนะที่แห้งสนิทและปิดมิดชิด
ถึงจะเป็นข้าวกล้องก็ไม่จำเป็นต้องมีเนื้อสัมผัสที่แข็งกระด้างเสมอไป เหมือนกับข้าวกล้องญี่ปุ่นจากแบรนด์ทาวาระถุงนี้ นอกจากจะเป็นเมล็ดข้าวที่อวบอ้วนและมีสีเหลืองทองสวยงามแล้ว ก็ยังให้รสสัมผัสนุ่มหนึบ ไม่แข็ง แถมมีรสหวานเฉพาะตัวอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นคือมาตรฐานการผลิตที่มีคุณภาพ ทำให้เมล็ดข้าวคงสภาพไว้ได้ค่อนข้างสมบูรณ์ แม้แต่จมูกข้าวที่อุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิดก็ยังคงอยู่ จึงเป็นตัวเลือกที่น่าจะตรงใจคนรักสุขภาพทุกคน
ข้าวญี่ปุ่นเต็มเมล็ดที่คัดสรรเฉพาะข้าวใหม่อายุ 1-8 เดือน เพื่อให้ได้ความเหนียวนุ่ม เกาะตัวกันได้ดี เมื่อนำไปปั้นซูชิจึงขึ้นรูปได้ง่ายกว่า อีกทั้งยังมีกลิ่นหอมของข้าวใหม่ที่ชวนให้ลิ้มลองมากกว่าด้วย เคล็ดลับความอร่อยอยู่ที่การล้างข้าวจนกว่าน้ำจะใส แช่ทิ้งไว้ 30 นาทีก่อนนำไปหุง เมื่อข้าวสุกแล้วก็ควรพักไว้ประมาณ 15 นาที ไอน้ำในเนื้อข้าวจะระเหยไปบางส่วนทำให้เมล็ดข้าวเรียงตัวสวยและไม่แฉะเกินไป จากนั้นก็นำไปทำซูชิหรือเมนูอาหารญี่ปุ่นประเภทอื่น ๆ ได้ตามใจชอบ
นับเป็นตัวเลือกที่น่าจะตอบโจทย์คนรักสุขภาพได้ดีทีเดียว กับข้าวกล้องญี่ปุ่นที่มีเนื้อเหนียวนุ่ม ไม่ฝืดคอ เป็นข้าวญี่ปุ่นที่มีการเพาะปลูกและพัฒนาสายพันธุ์ในเมืองไทย สามารถหุงได้เลยทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาแช่น้ำก่อน เมล็ดข้าวที่ได้จะเรียงตัวสวยเต็มเมล็ด ทั้งยังมีรสสัมผัสและมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว นอกจากจะใช้ปั้นซูชิได้ดีแล้ว ยังสามารถใช้เป็นวัตถุดิบในการทำเมนูอื่น ๆ ได้ด้วย ไม่ใช่แค่อาหารญี่ปุ่นเท่านั้น เมนูอาหารไทยก็ให้รสชาติที่ดีเช่นเดียวกัน
อีกหนึ่งผลผลิตจากเกษตรกรไทยที่ได้รับความไว้วางใจมาอย่างยาวนาน นี่เป็นข้าวสายพันธุ์ซาซานิชิกิซึ่งทำการเพาะปลูกภายในประเทศ โดยบรรจุมาแบบผสมระหว่างข้าวเต็มเมล็ด 70 เปอร์เซ็นต์ และข้าวเมล็ดหักอีก 30 เปอร์เซ็นต์ เพื่อให้ได้ราคาที่ไม่แพงมากนัก และยังอยู่บนพื้นฐานของคุณภาพข้าวที่ดีสำหรับการปั้นซูชิ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้ประกอบการที่ต้องทำซูชิจำนวนมากสำหรับจำหน่าย การเก็บผลิตภัณฑ์เอาไว้ในที่แห้งและเย็นจะช่วยลดความเสื่อมสภาพและกันมอดได้ดียิ่งขึ้น
เนื่องจากข้าวญี่ปุ่นนั้นมีลักษณะเฉพาะตัวที่แตกต่างไปจากข้าวไทย วิธีการหุงสุกจึงมีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ต้องใส่ใจอยู่ด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อให้ได้ข้าวที่สุกกำลังดี มีเนื้อสัมผัสนุ่มหนึบและเหนียวเล็กน้อย ไม่แข็งแต่ก็ไม่แฉะ และต้องคงกลิ่นหอมน่าทานตามแบบฉบับของข้าวญี่ปุ่นแต่ละสายพันธุ์เอาไว้ด้วย โดยเริ่มจากการอ่านคำแนะนำที่ผลิตภัณฑ์ก่อนว่าเป็นข้าวที่ต้องซาวน้ำหรือไม่ ถ้าต้องซาวน้ำให้ใช้ฝ่ามือนวดวนเมล็ดข้าวเบา ๆ จนกว่าฝุ่นผงจะหลุดออกไปหมด ปกติจะซาวน้ำเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น แต่บางผลิตภัณฑ์ก็อาจแนะนำให้ซาวซ้ำจนกว่าน้ำจะใส
ต่อมาให้แช่ข้าวญี่ปุ่นไว้ในน้ำสะอาดตามระยะเวลาที่กำหนดบนผลิตภัณฑ์ หรือถ้าไม่มีบอกไว้ก็สามารถใช้เวลาประมาณ 20 - 30 นาทีได้ เสร็จแล้วนำข้าวขึ้นเสด็จน้ำก่อนเทใส่หม้อหุง โดยสัดส่วนน้ำที่ต้องใช้จะมีบอกไว้บนผลิตภัณฑ์เช่นกัน สามารถเพิ่มหรือลดได้ตามเนื้อสัมผัสที่ชื่นชอบ หลังข้าวสุกใหม่ ๆ ให้พักทิ้งไว้ก่อนเพื่อให้ไอน้ำบางส่วนระเหยออกไป จากนั้นค่อยคนข้าวเบา ๆ จากล่างขึ้นบน พักไว้อีกประมาณ 3 - 5 นาทีก็สามารถนำไปปรุงเมนูอาหารที่ต้องการต่อได้แล้วค่ะ
สิ่งสำคัญของการเลือกข้าวญี่ปุ่นสำหรับทำซูชิ คือต้องเลือกสายพันธุ์ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับการปั้นข้าว เพราะหากเลือกผิดจะทำให้ปั้นขึ้นรูปซูชิได้ไม่ดีนัก และมีโอกาสที่จะปริแตกได้ง่ายหลังจากปั้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว เรื่องความสดใหม่ก็ต้องใส่ใจเช่นเดียวกัน เนื่องจากซูชิเป็นอาหารที่ส่วนข้าวแทบไม่ได้ปรุงแต่งอะไรเลย ข้าวดีหรือไม่ ข้าวใหม่หรือเก่า คนทานก็จะรับรู้ได้ทั้งหมด เมื่อได้ข้าวคุณภาพดีตามต้องการแล้ว ที่เหลือก็เป็นฝีมือการปรุงของเราแล้วค่ะ ว่าจะทำให้ซูชิมีรสชาติอร่อยได้มากน้อยแค่ไหน
อันดับที่ 1: Noritake |ข้าวทำซูชิ ข้าวสารญี่ปุ่น ตราโนริตาเกะ
อันดับที่ 2: Niigata|ข้าวทำซูชิ ข้าวญี่ปุ่นแท้ นีงาตะ โคชิฮิคาริ
อันดับที่ 3: Iwate Hitomebore|ข้าวทำซูชิ อิวาเตะ ฮิโตเมโบเระ
อันดับที่ 4: ตราฉัตร|ข้าวทำซูชิ ข้าวญี่ปุ่น ตราฉัตร
อันดับที่ 5: Kotobukimai|ข้าวทำซูชิ ข้าวญี่ปุ่นสำหรับทำข้าวปั้น โคโตบุกิไม
คลิกที่นี่สำหรับการจัดอันดับคำบรรยายสินค้าแต่ละรายการอ้างอิงจากเนื้อหาที่แสดงในเว็บไซต์ผู้ผลิต แบรนด์ และเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ
เครื่องดื่ม
วัสดุก่อสร้าง, เครื่องมือและอุปกรณ์ช่าง
สวนและอุปกรณ์ในสวน
ความงาม, ของใช้ส่วนตัว
โน้ตบุ๊ก, PC, อุปกรณ์ไอที
ของใช้ในบ้าน, อุปกรณ์ในบ้าน
เครื่องใช้ไฟฟ้า
กล้อง
เครื่องสำอาง, สกินแคร์
สุขภาพ
อาหาร
เครื่องใช้ในครัว
แฟชั่น
รองเท้า
นาฬิกา, เครื่องประดับ
แม่และเด็ก
เฟอร์นิเจอร์, อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน
งานอดิเรก
กิจกรรมกลางแจ้ง
DIY, เครื่องเขียน, อุปกรณ์สำนักงาน
กีฬา
สัตว์เลี้ยง
หนังสือ
เกม
รถยนต์, รถจักรยานยนต์, อุปกรณ์เสริม
ของขวัญ, ของฝาก
ท่องเที่ยว
สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, อุปกรณ์เสริม
เครือข่ายมือถือ
การลงทุน
เครดิตการ์ด, สินเชื่อ, ประกัน
ดนตรี, เครื่องเสียง
แอปพลิเคชัน, โปรแกรม
บริการ